:::CIVIC CLUB THAILAND:::

8.  สายน้ำยาแอร์ ประกอบด้วย 2 สาย(เรียงตามภาพ)[/color


]•Suction Line หรือสายน้ำยาแอร์ใหญ่ เป็นสายน้ำยาแอร์ด้านความดันต่ำ ซึ่งต่อจากตู้แอร์ไปที่คอมเพรสเซอร์ ทำหน้าที่นำสารทำความเย็น ที่มีสถานะเป็นไอความดันต่ำมาที่คอมเพรสเซอร์ เมื่อเราเอามือสัมผัสสายนี้จะเย็น

•Discharge Line หรือสายน้ำยาแอร์กลาง เป็นสายน้ำยาแอร์ด้านความดันสูง ซึ่งต่อจากคอมเพรสเซอร์ไปที่คอนเดนเซอร์ ทำหน้าที่นำสารทำความเย็นที่มีสถานะเป็นไอความดันสูง ในการทำงานปกติ สายน้ำยาเส้นนี้จะร้อนเมื่อสัมผัส[/size]

ความรู้ดีมากๆครับ :)

เอากระทู้ เกี่ยวกับแอร์ ek มาอยู่รวมกันในนี้ท่าจะดีน่ะ  8) 8) 8)

เอามารวมๆกัน จะได้อความรู้ทีเดียว ก็เข้าทีครับ   :-*

เดี๋ยวว่างๆ ผมจะผ่าตัด คอมแอร์ ek เอามาให้ดู
หารูปก่อนจำได้ว่ารื้อแอร์ครั้งก่อนเคยถ่ายรูปไว้
จะได้เห็นตับ ไต ใส้ พุงมัน  ;D ;D ;D ;D

ฝากด้วยครับพี่ ผมอยากดูข้างในมันเหมือนกัน อยากผ่าเล่นดู แต่ไม่มีวัตถุดิบ  ;D

:o :o อธิบายได้ ก่อจะดีมักๆท่านตู่

ข้อ 6 บางคนเรียก วาว์ลหลังตู้  จำไม่ได้ว่า ของ EK มัน สองหางหรือหางเดียว  ส่วนคอมแอร์ ตอนผ่าผมมีรูปนะ เคยผ่าเปลี่ยนลูกปืนคอมาล่ะ  ;) ;)   หาก่อน

อะเครรรร ท่านเงาะ   วาล์ว ek เรามี 2 หางครับมีหลายค่ายด้วบกัน
ดีครับคอมผ่าแล้ว เอามาโชว์หน่อย ของผมต้องหาถ่ายแล้วไม่รู้ว่า
เก็บไว้ไหน จะได้มีหลายๆเคส ครับ :-* :-*

พี่อะธิบายไว้ครบหมดแล้วครับ  :-*  ผมเอาอุปกรณ์แต่ละตัว แต่ละหัวข้อของพี่มาประกอบเข้าด้วยกัน ว่ามันวิ่งไปไหน มาไหน เพื่อนๆ พี่ๆ จะได้เข้าใจได้ลึกขึ้นอีก



มันแวบๆ  ::) ว่า 2 หางนะลุงเงาะ ผิดพลาดยังไงเดี๋ยวมาแก้ไขอีกที

ว่าแต่เอารูปตอนถอด(แก้ผ้าคอมส์แอร์) มาให้ดูด้วย และอธิบายด้วยนะครับ (เป็นครูก็งานนี้แหระ  ;D ;D)

 :-* :-* :-* :-*

รวมความรู้ เทคนิค การแก้ไขปัญหาแอร์ ek ใน
กระทู้นี้จะดีไหม เปิดมาไล่ยาวไปทฤษฎี ยัน ปฏิบัติ
ที่นี้ช่างแอร์คงเกลียดเราตายเลย...ไปบอกความลับเขาหมด >:( >:( >:( ;D ;D ;D

สรุปตอนนี้หารูปยังไม่เจอ  :-[ :-[ :-[

เจอล่ะ  จากกระทู้ http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=111653.0

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=57580.0;attach=141852;image)

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=111653.0;attach=155093;image)

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=111653.0;attach=155094;image)

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=111653.0;attach=155092;image)

รูปแรกผิดแต่ไม่แก้ล่ะ  ;D ;D ;D

ขอบคุณท่านเงาะ Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่ ว่าแต่คอมรุ่นนี้
รุ่นไรครับ ทามไมมันน่ารักอย่างนี้  ;D ;D ;D ;D ;D

ลูกปืนที่เปลี่ยนคอคอมตัวไหนนะ เปลี่ยนเพราะไรอะ

กระทู้นี้ Cool  :-* :-* :-*

อ่ะเทียบดูตู้แอร์ไทยเดิม

กับตู้แอร์นำเข้า

เปลี่ยนเพราะมันเสียงดังและน๊อตหลุดครับ เกิดจาก ขับรถลุยน้ำค่อนข้างสูงท่วมถึงกันชนแล้วลืมปิดแอร์แอร์ครับ  ลูกปืนคอ คอมแอร์แลย สนิมกินครับ  ในรูปข้างบน คือลูกปืนตัวที่เล็กกว่าครับ

สุดยอดปะ รัม อะ จาน ด้านแอร์เลยครับพี่น้อง(รับซ่อมแอร์เลยครับผมจองคิวแรก) :-* :-*

ข่าวด่วน ๆ !!!!! คอม Civic EK รั่ว ดัง เปลี่ยนลูกปืน ผ่าตัดใหญ่
 ;D ;D ;D ;D ;D

         เพื่อนๆหลายคนคงเซ้งกับปัญหาเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์ เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบแอร์อีกอุปกรณ์หนึ่งที่เมื่อมีปัญหาแล้วก็จะเกิดปัญหากับการทำงานได้ทีเดียว ถ้าไม่รีบแก้ไข ปัญหาที่มักพบกับคอมเพรสเซอร์แอร์ตามประสบการณ์ ได้แก่ ลูกปืนมูลเล่ย์ดัง คอยแม่เหล็กไม่จับหรือซ๊อตรอบ คอมไม่มีแรงอัด ลูกปืนคอมสึก  คอมล๊อค คอมไม่มีแรงอัด.....ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ครับอยู่ที่ว่า เมื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ในคอมที่ชำรุดเปรียบเทียบกับ เปลี่ยนคอมเชียงกง คอมบิว แล้วจะคุ้มไหม เช่น เสียเงินเท่ากัน เสียเงินมากกว่า เมื่อเมื่อเปลี่ยนคอม .....อันนี้แล้วแต่เลือกนะครับ สถานการณ์ทางการเงินต่างกัน บางคน(ผมว่าทุกคนนั้นแหละ)อยากประหยัด แต่บางคนมีทักษะช่างทำเองได้ก็จะดีมาก....ก็นั้นแหละว่าทำเองซึ่งต้องมีอุปกรณ์ เวลา ทักษะความรู้ความสามารถ กับ การให้ช่างแอร์โดยตรงแล้วอันไหนคุ้มกว่ากัน

       เอาะหละโม้เยอะ...มาผ่าตัดคอมแอร์ EK กันดีกว่า ว่าข้างในมีไรบ้าง คอมตัวนี้ของผมเอง อาการคือมันรั่วตรงจุดน๊อตตรงตัวเสื้อคอม
เลยผ่าชันสูตรพลิกศพซะเลย.........คอมแอร์ Civic Ek รุ่นนี้ใช้ยี่ห้อ Sandan TRS 090 นะจะลูกเล็กกระทัดรัดดี

ผมขอแบ่งส่วนประกอบออกเป็น 2 ส่วนนะครับ
ชุดครัทคอมแอร์
ตัวเสื้อคอม

อย่าเพิ่ง Post นะ Story มันยาว...เดี๋ยวจะขาดตอน  ;D ;D ;D ;D

เอาคอมขึ้นเตียง เตรียมผ่าตัดเลยครับ
ขั้นตอนตามรูปเลยน่ะ....เป็นการถอดชุดครัท
คอมแอร์ครับ วิธีการตามรูปเลยนะ คงเป็นกันงานพื้นๆ

ในภาพกลุ่มนี้ ผมถ่าย Focus ภาพตรงร่องระหว่างแผ่นหน้าไว้ครับ
ที่มันไม่ค่อยจับ ก็คือตรงนี้แหละ ถ้ามันห่างมันก็จะจับบ้าง ไม่จับบ้าง
วิธีการเช็ค คือ เอาใยเรื่อยท่อน้ำก็ได้ ถ้าทิ่มเข้าไแล้วสอดเข้าไปได้
แสดงว่าห่างแล้ว วิธีแก้ไขคือถอดแหวนรอบแผ่นหน้าครัทออก จบ...

ต่อๆๆๆๆ

มาชำแหละต่อ

สุดท้าย เป็นส่วนประกอบภายในตัวเสื้อคอมแอร์ EK
เจาะลึกแบบสุดๆ เลย มีหอยด้วย  ;D ;D ;D ;D ;D
น่าจะเป็นระโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ ดึกแล้วง่วงนอน

รวยส์ ๆๆๆๆๆๆๆ  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ปักหมุดเลยครับ :D :D :D :D

อุ้ย  :-* :-*   คอมส์รุ่นนี้น่าเอามาวางในรถจริง

ขออีกนิดพี่ ไหนๆ ก็จะถึงดวงดาวแล้ว ( จะโดนช่างแอร์เหล่เอาก็งานนี้แหละ) น้ำมันในระบบ น่ะ  ::)  น้ำมันคอมส์ ถ้าล้างระบบทั้งมด ต้องเติมเท่าไหร่ ถ้าถอดเปลี่ยน อุปกรณ์บางตัว ต้องเติมเท่าไหร่ และที่สำคัญ เบอร์น้ำมัน (ไม่ใช่เบอร์ในตู้นะ  ;D) ต้องใช้เบอร์อะไร ของแบรนด์อะไรใช้ดี

อุปกรณ์การทำแอร์ --> เดี๋ยวหาจากเนท มาเสริมให้ครบทุกด้าน ทั้งด้านคนใช้แอร์ และคนซ่อม/บำรุงแอร์

เห็นรูปแล้ว......ใครก็ได้พาผมไปหาเมียผมที  ;D ;D ;D

ไหนๆก็จะโดนแอบทุบหัวแล้วงานนี้ เอาความจริงมาบอกกันหมด  ;D ;D ;D
สมาชิกเราคงเข้าใจนะครับ การทำแอร์เป็นเรื่องที่ฟังง่าย แต่ทำแล้วโครตเหนื่อย
เคยเจอไหมครับเวลาทำจนหมดเสร็จแล้ว อุปกรณ์บางตัวไม่ทำงานเฉย หรือไม่เย็น
ทำอย่างไงก็ไม่เย็น ....ปวดตับ....มึนตรึบ......ผมไม่หวงวิชาด้วยดิ เอาเป็นว่าเอาไว้เป็นความรู้
สำหรับเพื่อนๆที่คงจะไม่มาทำเอง หรือ เอาไว้เพิ่มเติมความรู้ หรือถ้าผมขาดตกตัวไหนไปก็
เสริมผมก็แล้วกันครับ วัตถุประสงค์ เป็นคลังความรู้เรื่องแอร์สมาชิก WLC เท่านั้นแหละ ผมไม่
ได้เก่งไรหรอก เห็นว่าเรื่องเหล่านี้ น่าจะมีประโยชน์ ต้องมีเทคนิคแต่ละช่างที่ทำด้วย....


การเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์
           สาระน่ารู้เกี่ยวกับ คอมแอร์ที่ผู้ใช้รถน้อยคนจะรู้ และช่างแอร์รถ ไม่ค่อยจะยอมบอกข้อเท็จจริง ในการดูแลคอมแอร์ เพื่อยืดถนอม อายุ ทำให้แอร์เย็นนานปี ๆ  การเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ หรือเปลี่ยนน้ำมันคอมเพรสเซอร์คอมแอร์ช่วยยืดอายุคอมแอร์ไปนานหลาย ๆ ปี  ปกติแอร์รถยนต์ ถ้ามีการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันคอมประจำปี ทำให้แอร์รถยนต์สามารถใช้ได้นานนับสิบ ๆ ปี  ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนคอมแอร์ครั้งละ นับหมื่น ๆ บาท สิ้นเปลืองเงินทอง
การเติมน้ำมันคอมฯทำได้สองแนวทางคือ
1.ใช้เครื่องมือพิเศษ(คล้ายกระบอกฉีดยา)ต่อเข้ากับหัวบริการด้านแรงดันต่ำแล้วอัดน้ำมันเข้าไปในระบบโดยไม่ต้องปล่อยน้ำยาทิ้งเลยครับ                                        
2.ต้องปล่อยน้ำยาทิ้งแล้วเติมน้ำมันเข้าสายแรงดันต่ำของเกจในขณะทำสูญญากาศครับ

ยี่ห้อของน้ำมันคอม
คอมแอร์ Civic Ek ถ้าว่ากันตามโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตมา Sanden TRS090 กำหนดให้ใช้ยี่ห้อ                                                              
sanden SP-10 r134a   นะครับ มีมากมายในตลาดหลาย ยี่ห้อที่ผมใช้ ประจำคือ Sunice PB100                                                                      
ของเขาดีมากครับ ลองเลือกดูให้ดี

ปริมาณการเติมน้ำมันคอม                                 
เมื่อมีการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ หรือชิ้นส่วนต่างๆ เช่น คอม  คอยร้อน คอยเย็น  
3 ชิ้นเมื่อเปลี่ยน/ล้างต้องเพิ่มเติมตามสัดส่วนดังนี้
      คอยร้อน ประมาณ 40 CC
      คอยเย็น  40 CC
      คอม 40 CC
   สรุป เมื่อล้างระบบแอร์ทั้งหมดน้ำมันคอมอยู่ที่ ประมาณ 120-150 CC นะที่ผมเคยทำมา ไม่มีปัญหาคอมไม่ดัง ไม่น๊อค ที่สำคัญน้ำมันคอมต้อง
ใช้ของแท้เท่านั้นน่ะ ซึ่งดูยากมาก ณ ปัจจุบันอันไหน แท้ เทียม
   ลองดู รอเพื่อนๆเพิ่มเติมครับ

ถ้ามีเมียสวยขนาดนี้ ผมไม่มานั่งทำรถหรอก.... ;D ;D ;D ;D

เพิ่มอีกนิดส์....การเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์  ข้างบนที่เขียนให้เป็น ทฤษฎี ไปหน่อย อันนี้
ของจริง สั้นๆ
1. เติมผ่านการทำแวคคั๊มระบบ ผ่านสายกลางดูดน้ำมันคอมเข้าไป
2.เติมโดยตรงกับคอมเพรสเซอร์
3. เติมโดยผ่านคอมเพรสเซอร์ อัดกระป๋อง อันนี้สะดวก ผมเคยใช้อยู่มันแพง
    ตอนเป็นฝึกงานช่างใไหม่ๆ ;D ;D ;D ;D ;D

เอ้ารอเพื่อนๆ มาต่อเติมความรู้ต่อครับ ผมเริ่มเยอะแล้ว  ;D ;D ;D ;D

ท่านตู่ ท่านเงาะ ว่างๆฝากต่อความรู้เรื่อง ระบบไฟ ฟิวส?  ด้วยนัตัวนี้สำคัญ
ว่า ฟิวส์อันไหน อยู่ตรงไหน เล่นเอาผมมึ ตรึบ ปวดตับเหมือนกัน
น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ  welovecivic

ตู้แอร์นำเข้าค่ายใหญ่ยี่ห้อ p jung  ;D ;D ;D ;D

น้ำมันคอมผมใช้ยี่ห้อไรหว่า ช่างผมก็เติมๆไปผมก็ลืมดู แต่ช่างผมไว้ใจได้อยู่ล่ะ  ส่วนตัวช่างเองเติมลีโอ  ;D ;D

เดี๋ยวเรื่องระบบควมคุมแอร์ผมมาเพิ่มเติมให้ครับ เอารูปวงจรคร่าวๆมาลงดูก่อนครับ

จากกระทู้นี้นะครับ http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=111619.10;

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=111619.0;attach=154986;image)
 
(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=111619.0;attach=154987;image)

ตอนนี้หนีไปหาเมียก่อน  ;D ;D ;D

ป๊าด....โถ๊ะๆๆๆ+++++!!!!! มึนตรึบ ถ้าคนดูไม่เป็น
ระบบไฟงานนี้ งานเทพเลย ต้องยกให้เขาเลย

ขอแบบชัดๆ เพื่อชาว welovecivic เอาแบบร้านแอร์
แอบทุบหัวเลยครับ  ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D

ส่วนของวงจรไฟ อธิบายเพิ่มยังไงดีหว่า  :-[ :-[

เอาหน่อยน่ะเพื่อเพื่อนๆ :-* :-* :-* :-* :-*

เริ่มไงดี  :-[ :-[ :-[
ส่วนของวงจรระบบไฟที่คุมระบบแอร์ มี อยู่ไม่มาก ครับ  ผมขออธิบายรวมๆนะครับ
1 ส่วนของแผงวงจรควบคุมความเย็น  เทอโมสตัท ตัวปรับความเร็วพัดลมแอร์ ตัวความเย็นของแอร์ ตัวปรับทิศทางแอร์ สวิตตัดการทำงานของ  คอมแอร์   โดยมากส่วนนี้จะไม่ค่อยเสียเท่าไหร่เท่าที่เจอ  แต่ถ้าเจอเสียบ้างก็จะมีคือ
ตัว เทอร์โมสตัท  อันนี้ถ้าเสีย คอมแอร์จะไม่ตัดหรือไม่ทำงาน เปิดแอร์มีแต่ลม แต่ตั้งความเย็นไม่ได้
ตัว รีีสิตเตอร์  อันนี้ เป็นตัวคุมพัดลมโบเวอร์ ถ้าเสีย จะมีอาการเปิดแล้วแอร์ไม่ทำงานเลยหรือเปิดได้แต่ปรับความเร็วพัดลมไม่ได้ครับ

2  ส่วนของ แผงรีเลย์และ ฟิวส์ ครับ  โดยมี
รีเลย คุม พัดลมโบเวอร์ 
รีเลย์คุม คลัสคอมแอร์ 
รีเลย์คุม  พัดลมคอนเดนเซอร์(คอล์ยร้อน)
โดยแต่ล่ะตัว จะต่อผ่านฟิวส์ตามรูปวงจรเลยครับ

เบื้องต้นขออธิบายแค่นี้ก่อนนะครับ  :-[ :-[ :-[

แผงฟิวส์ในห้องโดยสาร

เอ๊ะรอยขาดนั้น :P :P :P

ดีครับ เอามารวมกันกระทู้เดียวเลย :-* :-* :-*

ท่านเงาะ  
pressure switch  ตรงไดเออร์
เทอรโมสตสตรงตู้แอร์ 
วงจรควบคุมความเย็น 
 ตัวปรับความเร็วพัดลมแอร์ ตัวความเย็นของแอร์
ตัวปรับทิศทางแอร์

ใช้ฟิวส์ตัวไหนนะ ขอชัดๆที

ถ้าควบคุมตรงนี้ใช้ฟิวส์ 7.5 A เบอร์  17 ครับ แล้วมันจะไปคุมรีเลย์แต่ล่ะตัวอีกที โดยรีเลย์ก็จะต่อผ่านฟิวส์แต่ล่ะตัวอีกทีครับ

[/b]


ขออีกที ประโยคหลัง รีเลย์จะต่อผ่านฟิวส์แต่ละตัวอีกที คือไรน่ะ  :o :o :o :o เรื่องเทพๆของต้องถามเทพเท่านั้น  ;D ;D ;D ;D
เรื่องเล็กๆแต่เป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อเพื่อนๆมากครับ....งั้นยกเด็กผมให้เลย  ;D ;D ;D ;D

P jung Cooperation ถ้าพอมีเวลาว่างๆอธิบายให้ละเอียดหน่อยดิ....จะได้เป็นประโชน์ต่อเพื่อนๆ
เปิดอ่านกระทู้นี้ จบเลยเรื่องเกี่ยวกับระบบแอร์ EK  รับรองตู้แอร์ยี่ห้อ P jung
ดังส์ๆๆๆๆๆๆ.......รวยส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ;D ;D ;D ;D ;D

ท่านตู่   ว่างๆเอาเรื่องอุปกรณ์ทำแอร์  มาต่อเลยน่ะ  ผมกำลังหาเรื่องอื่นมาเสริมต่อ รอท่านก่อน....เทพเรื่องไฟเขามาต่อ
ให้แล้วผมว่าน่าจะเคลียร์......โค๊ะ....ช่วยกันทำมาหากินจังพวกเรา  ;D ;D ;D ;D ;D

อธิบายยังไงอะพี่  :-[ :-[ :-[

อันนี้ก็เป็นประโยชน์ดีครับ ไปอ่านเจอมา เลยขุดมา
ให้มาอยู่ในกระทู้นี้ซะเลย..... .ดีมากครับคว่มรู้
ทั่วไป ผมว่าสามารถนำไปใช้ได้เลยหละ
 :-* :-* :-* :-* :-*



http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=165415.msg1554612#msg1554612

สุขสันต์วันสงกรานต์ทุกท่านครับ เฮงๆครับ  :-* :-* :-* :-*

 ::) ::)

 8)การล้างแผงคอยร้อนแอร์รถยนต์   8)

ต่อๆ อากาศร้อนๆ แอร์รถเก่าๆอย่าง Ek  ;D ;D ;D ก็แทบลมจับ
เพราะด้วยการออกแบบรถยนต์จากค่ายฮอนด้า ณ ตอนนั้นคงคิด
ว่าน่าจะโออยู่ โดยเฉพาะ แผงคอยร้อน ( Condensor ) อุปกรณ์
หนึ่งในระบบแอร์ ที่ออกมาช่างเล็กมากมาย ประกอบกับอากาศ
ที่ร้อนขึ้นทำให้ระบบระบายความร้อนได้ไม่ดี อีกทั้ง ผู้ขับรถ
ไม่ได้ดูแลรักษาทำความสะอาดแผงคอยร้อน แน่นอนระบาย
ไม่ทันไปกันใหญ่

   ปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้น เวลารถจอดติดไฟแดง ทำไมแอร์ไม่เย็น
อะ ทำไมเวลาขับทำไมถึงเย็น เพราะ แผงสกปรก เวลาจอดไม่มีอากาศ
ผ่าน เหมือนกตอนรถวิ่งที่ได้ทั้งพัดลม และลมประทะหน้ารถ
แอร์ถึงไม่เย็นตอนรถจอดติดไฟแดง โดยเฉพาะกลางแดด
เปรี้ยงๆ....จบเห่เลย >:( >:( >:( >:(
    ก็วันนี้เอาวิธีการง่ายๆการล้างแผงคอยร้อนมาให้ดูครับ
น่าจะทำกันได้ นะครับ ลองอ่านดู เผื่อเอาไปใช้ได้

         ผมลองไปอ่าน DIY เรื่องแอร์รถยนต์หลายที่ พบวิธีที่จะได้ความเย็นของแอร์รถยนต์ของเราคืนมาหลังจากที่ใช้งานมันมานาน พอจอดรถติดอยู่ ทำไมมันไม่ค่อยเย็นแฮะ แต่พอรถมันวิ่งก็เย็นมาปรกติ นั้นคือ การล้างแผงคอยร้อน Condenser ให้สะอาด เพื่อให้มันสามารถระบายความร้อนได้ดี จะทำให้ระบบทำงานได้ดี ความเย็นก็จะเพิ่มขึ้นกว่าเมแน่นอน.....
           เราลองก้มดูซิตรงกันชนหน้าจะเห็นว่ามีแผงทั้ง หม้อน้ำและแอร์ติดอยู่แล้วแต่ยี่ห้อรถจะออกแบบมาอย่างไร จะเห็นมีแต่คาบเขม่าดำ คาบเศษต่างติดอยู่ ตรงนี้แหละที่แอร์ไม่ค่อยเย็น ตอนรถจอดติดไฟแดงอยู่นานแสนนานผมเลยลงมือด้วยตัวเอง กับเจ้า Honda CIVIC ตาโต....... ตามภาพเลยครับ

1. ขั้นแรกหาอุปกรณ์ที่ใช้ในงานครั้งนี้
- ไขควงแบน แฉก แล้วแต่จะหาได้
- น้ำยาล้างคอย หรือน้ำยาล้างห้องน้ำยี่ห้อต่างๆ เช่น เป็ด วิม ฯลฯ
- ที่ฉีดน้ำ เอาน้ำประปา หรือผ่านปั๊มน้ำได้ก็จะดี มันแรงซะใจ สะอาดหมดจด

2. ต่อไปแกะกันชนหน้าออกดีกว่าครับ เพราะทำงานได้ดี แกะไม่ยากนะครับกันชนหน้า ขันสกูรไม่กี่ตัวเอง ลองดู พอถอดได้แล้วหน้าตาจะออกมาแบบนี้แต่ถ้าไม่แกะไม่เป็นไรครับ แต่ก็จะทำงานได้ยากหน่อย

3. เมื่อพร้อมก็เริ่มฉีดน้ำให้ชุ่มฉ่ำให้ทั่วแผงคอยร้อนเลยครับ น้ำยาที่เราจะใช้ล้างจะได้เข้าไปซะล้างความสกปรกได้ง่ายๆ หน่อย
                การฉีดน้ำนี้ถ้ามีเครื่องน้ำแรงดันสูงก็จะดีมาก เพราะจะสามารถซะล้างได้ดีกว่า มีคนเคยทำมาแล้ว คราบออกหมด แต่ถ้าไม่มีก็เอาก๊อกน้ำอย่างผมนี้และก็ได้ เอาไว้มีตังค่อยไปซื้อเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงทีหลังก็ได้ ราคาเดี๋ยวนี้ก็ไม่แพงมาก เอาไว้ล้างรถ ล้างพื้น ฯลฯ ได้ด้วย

4. ฉีดหรือเทน้ำยา วิม เป็ด ฯลฯ ที่เตรียมมันเข้าไป ระวังเรื่องน้ำยาหน่อย เพราะเป็นสารเคมี อาจกระเมเข้าตาหรือตัวเรา ผมยังรู้สึกคันๆเลย ตอนที่มันกระเด็นใส่แขนผม แค่หยดเป็นละอองน่ะ แต่ถ้าโดนเต็มๆ โดยเฉพาะตาเรานี้ เอ้อ...นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง........พอซักครู่จะมีฟองซู่ซ่าออกมา...น้ำยาจะเข้าไปขจัดคราบสกปรกออกมา

5. อันนี้ต้องทำอย่างตั้งใจหน่อย หาแปรงสีฟันเก่าๆเลย ปากเยินๆหน่อย จะนุ่มและอ่อน สามารถชัดได้ดีกว่าของไหม่ ขอบอก ค่อยๆขัดครับ ขัดทางตรงตามร่อง จากบนลงล่าง อย่าขัดทางขวางเดี๋ยวร่อง fin แอร์มันจะล้ม อย่าใจร้อนละ เอาให้สะอาดเลย เนียนๆหน่อย ไหนๆก็ได้ทำแล้ว เหนื่อยทีเดียว ...แล้วคาบน้ำมัน ยางมะตอย ที่โสโครกจะถูกน้ำยากัดออกมา ลองดูปแรงสีฟันผมดิ....ดูไม่ได้เลย

6. ทิ้งไว้ ประมาณ 10 นาทีแล้วฉีดออก ถ้าน้ำแรงๆ ก็จะดี ผมจะเริ่มฉีดจากบนลงล่าง เอาเป็นฉีดไปให้ทั่ว จนนำที่ไหลลงมานั้นใสปิ้งก็น่าจะพอ แสดงว่าสะอาดแล้ว
 
      จากนั้นประกอบกันชนเข้าที่เดิมของมัน สตาร์เครื่อง ลองเปิดแอร์เพื่อให้พัดลมมันเป่าน้ำต่างๆออกให้.....เปิดแอร์หรือทดลองใช้ในวัต่อมา จะสังเกตุถึงความเปลี่ยนแปลง แอร์เย็นขึ้นกว่าเดิม เพราะมันระบายได้ดีเอาไว้แค่นี้ก่อน....น่าจะพอมีประโยชน์กับ
ชาว welovecivic นะคร๊าบ

             ขออภัยถ้ามีผู้ Post แล้ว DIY นี้ผมทำประจำจะทำให้แอร์เย็นขึ้น อันนี้อยู่บนสมมุติฐานว่าระบบแอร์สมบูรณ์
นะครับ ไม่ตัน ไม่รั่ว ต้องแก้ระบบให้เนี๊ยบก่อน วิธีการนี้จะช่วยได้ครับ

          :-* :-* :-* :-* :-*

ม่ะ กูรู... คุณเงาะ คุณตู่.....ไปไหนกันหมด ระหว่างรอ ผมต่อเลย
เห็นช่วงนี้คอมน๊อคกันบ่อย  เอาความรู้มาฝาก

8)ปัญหาคอมน็อค 8) 

 
อาการที่เกิดกับรถยนต์แต่ละคันอาจมีความแตกต่างกันไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อาการเกี่ยวกับคอมแอร์เองมันมีไม่กี่อย่างที่น่าปวดหัว โดยมากมักเกิดจากกำลังอัดตก อันเป็นผลของการสึกหรอไปตามสภาพ โดยเฉพาะอาการภายในคอมแอร์เกิดติดขัด และเสียดสีกันอย่างรุนแรง ถ้าหากแก้ไขไม่ตรงจุด ไม่ไล่ไปที่ต้นตอของปัญหา จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน  
    
หากเกิดปัญหาติดขัดภายในตัวคอม แอร์ การสึกหรอจะทิ้งเศษโลหะต่างๆ ไว้ภายในระบบมากหรือน้อย ตามความรุนแรง นี่แหละ เศษโลหะที่หลุดออกมาเป็นตัวการที่มักทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาภายหลัง ช่างที่ได้รับการอบรมมาเป้นอย่างดีจะต้องทำการล้างระบบแอร์ใหม่ เพื่อทำให้ระบบภายในสะอาดหมดจด ไม่ทิ้งเศษโลหะต่างๆ เอาไว้ภายใน  

คำ ว่า “ล้างระบบ” จึงความหมายของมันที่ค่อนข้างตรงตัว ไม่มีอะไรที่สลับ หรือซับซ้อนเลย แต่วิธีการทำต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน และต้องทำด้วยความระมัดระวัง แต่ไม่ได้หมายความว่าถ้าคอมแอร์เกิดน๊อคขึ้นมาแล้วจำเป็นจะต้องล้างระบบใหม่ ทุกครั้งเสมอไป บางทีอาจไม่จำเป็น มันขึ้นอยู่กับอาการ  
    
ส่วน ใหญ่แล้ว ถ้าหากคอมแอร์เกิดน๊อคขึ้นมา มักจะมาจากสาเหตุของการใช้งานหนัก เช่น ใช้ความเร็วสูง, กลางวันแดดจัด, การระบายความร้อนคอนเดนเซอร์ไม่ดีพอ อาการมักจะรุนแรง, น้ำมันคอมแอร์แห้ง สาเหตุต่างๆ เหล่านี้จะทำให้เกิดจากการเสียดสีอย่างรุนแรง บางครั้ง เรียกว่า “น๊อคเปียก” แต่ถ้าการน๊อกเกิดจากคอมแอร์หมดสภาพการใช้งาน ก็จะไม่รุนแรงมากนัก หรือเรียกว่า “น๊อคแห้ง” ขอให้ลองนึกภาพตามแล้วลองจินตนาการโครงสร้างภายในของคอมเพลสเซอร์ ดู

แน่นอนว่าชุดลูกสูบ ก้นหอย และแหวนแล้วแต่ชนิดของคอมเพรสเซอร์ นั้น ย่อมออกแบบให้มีความแข็งแรงน้อยกว่ากระบอกสูบ เศษชิ้นส่วนของลูกสูบ และแหวนขนาดเล็กๆ มากๆ ภายในของคอมเพลสเซอร์เกิดหลุดร่อนมาปะปนกับน้ำยาแอร์ในระบบ เท่านั้นยังไม่พอ เพราะถ้ามันมีปริมาณที่มากเข้าความฝืดภายในคอมแอร์ก็จะเกิดขึ้นสูงมากจนชุด ลูกสูบเกิดการติด ก็จะเหมือนกัน  แต่ออกจะดูรุนแรงน้อยกว่าการที่ติดตอนใช้ความเร็วสูง เพราะอาจจะมีการซ่อมแซมคอมแอร์ได้

ตามร้านที่ทำแอร์ทั่วๆ ไป จะใช้แอลกอฮอล์ล้างทำความสะอาดระบบ อันดับแรกต้องจัดการถอดคอมเพลสเซอร์ออกจากระบบท่อทาง รวมทั้งเอ็กแพนชั่นวาล์ว, รีซีฟเวอร์ ไดเออร์ อุปกรณ์ต่างๆ ต้องถอดออกแล้วทิ้งไปเลยครับ เพราะใช้ต่อไม่ได้แล้ว จากนั้นกรอกแอลกอฮอล์ลงไปทีละท่อ
    
เอาแค่ครั้งละประมาณ 100-200 ซี.ซี. แล้วนำเอาลมอัดที่ปลายสายด้านหนึ่ง แรงลมก็จะผลักดันแอลกอฮอล์ที่เข้าไปชะล้างส่วนต่างๆ ออกมาพร้อมกันที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าแอลกอฮอล์ที่ออกมาจะใส ทำอย่างนี้เหมือนกันทุกๆ ท่อ ที่สำคัญก็คือต้องเปลี่ยนเอ็กแพนชั่นวาล์ว และรีซีฟเวอร์ ไดเออร์ใหม่ทุกครั้ง เพื่อความแน่นอนจะได้ไม่ต้องรื้อหลายเที่ยว อย่าเสียดาย  
    
เมื่อไล่แอลกอฮอล์ออกจนแห้งแล้ว ช่างบางคนนำเข้าไปประกอบทันที ซึ่งมันง่าย แต่ยังไม่ถูกต้อง เพราะควรล้างด้วยน้ำยา F11 ในการล้างระบบครั้งสุดท้าย เพื่อความมั่นใจอีกครั้งหนึ่งครับ

แอร์จะได้เย็นฉ่ำ

สุดยอดสาระเลยครับ เป็นความรู้ที่ดีมากๆ ถึงบางครั้งอาจมีพาให้เขวบ้าง  ;D ;D ;D(ตามอุณหภูมิหน้าร้อน) ผมรอติดตามการถอดพัดลมกะตู้แอร์อยู่ครับ สองจิตสองใจมานานแล้วว่าจะถอดมาทำความสะอาดใบพัดลม  :-[ :-[ :-[

มีความรู้ก็เอามาแชร์ได้ครับ ผมตั้งกระทู้มาเพื่อเป็นคลังความรู้ ตามหัวข้อก้อง
ชัดเจน  มีความรู้อยู่เอามา Post อ่านกัน  มีปัญหาก็ถามได้ ตอบปัญหาได้ก็ช่วยตอบ
ทุกเรื่องเกี่ยวกับแอร์ ตามหัวข้อเลย  ขอบคุณมากที่ติดตามครับ เชิญเพื่อนๆเข้ามาช่วยกัน
เสริมนะครับ มันไม่ใช่กระทู้ของผมน่ะ เป็นของพวกเรา Welovecivic ครับ

คำเตือน....กระทู้นี้เหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัยที่ใช้รถ สาระความรู้และภาพประกอบ
อาจทำให้ไขว้เขวได้ เพราะมานทำให้สดชื่น  โปรดใช้วิจารณะญาณในการอ่านและรับชม
มิฉะนั้น อาจทำให้วัยรุ่นอย่างไร ใจแตก  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

 8)เทคนิคพื้นๆเกี่ยวการใช้แอร์รถยนต์ที่(เกือบทุกคน)มองข้าม 8)

เทคนิคพื้นๆเคยไหมครับ ที่แอร์รถยนต์ของเราไม่ค่อยเย็น มีแต่ลม
ทั้งที่รถยนต์เราก็ใหม่ ใช้งานมาไม่กี่ปีเอง...ตอนแรกผม
ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเคล็ดลับอะไรสำคัญหรอกครับ
แต่จริงๆมีวิธีที่จะรักษาระบบแอร์
ใทำให้ระบบแอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับ มีวิธีการง่ายๆ 2 ประการดังนี้ ครับ


1. ตอนเปิดแอร์

ต้องเปิดระดับความแรงพัดลม ให้สัมพันธ์กับแอร์
เช่น เปิดพัดลม เบอร์ 2 ควรปรับระดับความเย็นไม่ถึงกึ่งกลาง
หากเปิดพัดลมแรง ก็สามารถปรับระดับความเย็นเพิ่มขึ้นให้สัมพันธ์กัน
หลายคนเปิดพัดลมเบอร์ 1 แต่ปรับระดับความเย็นสูงมาก
ซึ่งจะทำให้น้ำแข็งเกาะที่แผงคอยล์ ต่อไปแอร์จะไม่เย็น




2. ตอนปิดแอร์

ก่อนจะถึงบ้านหรือจุดหมายปลายทาง  ให้ปิดแอร์ก่อน
จะมีปุ่มทำความเย็น บางรุ่นเป็นสัญลักษณ์วงๆ บางรุ่นเป็นปุ่ม A/C
และให้เปิดพัดลมให้แรงขึ้น จนรู้สึกว่ามีแต่ลมไม่มีความเย็นแล้ว
จึงค่อยปิดพัดลม เพื่อไม่ให้มีน้ำแข็งเกาะที่แผงคอยล์
เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้แอร์รถยนต์ของเราไม่เย็น

 ;) ;) ;) เพียงเท่านี้ ก็ทำให้แอร์รถยนต์ของเรา ไม่มีปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็น
ไม่ต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ หรือ ล้างตู้แอร์บ่อยๆ ครับ
โดยที่เราไม่จำเป็นต้องรู้มาก อาทิที่เราพอๆรู้กันนะ
สาเหตุที่แอร์ไม่เย็นมาจากอะไรได้บ้าง เช่น น้ำยาแอร์น้อย
ตู้แอร์รั่ว หรือ สายแอร์แตก ระบบระบายความร้อนมีปัญหา
แผงคอยล์ร้อน สกปรก ทำให้ระบายความร้อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

การเติมน้ำยาแอร์ แต่ละครั้ง ต้องเสียเงิน 500 – 700 บาท
วิธีนี้จะช่วยให้เราประหยัดค่าบำรุงรักษาแอร์ได้ไม่น้อยครับ


ภาพด้านล่างตู้ตัน โดย P  jung เขาเคย Post ไว้

 :-* :-* :-* ท่านพี่กัน สุดยอดเรื่องแอร์

เปิดร้านเลยครับ รับรองมีลูกค้าเข้าไม่ขาดสาย  :) :) :)

ขอถามหน่อยครับอาการแบบนี้นี้ทำอย่าไรดี

ตอนนี้แอร์ยังเย็นอยู่

ถ้าเปลี่ยนหน้าคลัทจะหายไหมครับ รึต้องเปลี่ยนยกคอม

http://www.filecondo.com/dl.php?f=A68bc01uv0Cy

เอ้อ...ก็เข้าท่าดีนะ ผมเป็นช่างแอร์พีขายตู้ยุ่น เปิดทำที่บ้านเลย  ;D ;D ;D ;D ;D

วิเคราะห์ตามอาการ VDO ที่ทำมาให้ดู เขาเรียกว่าครัทไม่จับ ซึ่งเกิดจากการ
สึกหรอของชุดครัทซ์ ประกอบด้วย คอยล์แม่เหล็ก  มูลเลย์  และหน้าครัท
ตามอายุของมัน แน่นอนครับแอร์ยังเย็นอยู่ เพราะมันยังใช้ได้อยู่ ถ้าผมจะให้คำ
แนะนำ ผมจะแนะนำจากสิ่งที่คุ้มค่า คุ้มเวลา เรียงตามลำดับนะครับ ดังนี้

1. เปลี่ยนคอมบิ้ว หรือเชียงกงสดๆนะ

2. เปลี่ยนชุดครัท

          เหตุผลที่บอกเช่นนั้น เพราะ การเปลี่ยนคอม ถือเป็นการเสียทีเดียว ถือโอกาสทำระบบใหม่ด้วย
เพราะ เปลี่ยนคอม จะได้คอมใหม่กว่าเดิมแน่  เปลี่ยนไดเออร์  ล้างระบบ เปลี่ยนน้ำมันคอมใหม่ หรือ
เปลี่ยนตู้แอร์ยุ่นยี่ห้อพีจัง  เปลี่ยนวาล์วด้วย เหมือนคนเราต้องมีการเช็คสุขภาพประจำปีนะครับ เจ็บทีเดียว
เอาซะเลย  ....ซึ่งเราจะเห็นบ่อยๆครับจะซ่อมทีละอย่างไป ดีอย่างหนึ่งอีกสักพักก็ไปอีกอย่างหนึ่ง เสียเงิน.... เหลายรอบ
และเสียเวลาหลายครั้ง เซ็งวัยรุ่นอย่างเรา......ข้อเสียคือ ตอนนี้อาจยังม่มีตังค์เท่าไหร่ ต้องใช้เยอะเหมือนกันถ้าปฏิบัติตามนี้

          การเปลี่ยนชุดครัทซ์ก็ทำได้ แต่ถ้าทำไปแล้วมันมีปัญหา หรือซวยคอมข้างในเสียมาซึ่งเราจะรูได้ยังไงว่ามันจะใช้ได้อีกนานเท่าไหร่
 เนื่องจากการใช้งานมาพอสมควรแก่เวลาหละ(สมมุตินะครับ) ก็ต้องกลับไปแก้ไขอีกจุด
  
           สรุป  ตาม VDO ที่ทำให้มาดูปัญหาครัทไม่จับ ตามความคิดเห็นของผมเท่านั้นผมแนะนำเปลี่ยนคอม
จากเหตุผลข้างต้น  ครับไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร เพื่อนๆให้ความเห็นต่อก็แล้วกันครับ...

          รีบแก้ไข ไปทำเลยนะครับ เดี๋ยวมานจะลามไปอย่างอื่นต่อ......เด๋ยวจะหาว่ากันต์ไม่เตือน  ;D ;D ;D
      

  

:-* :-* :-*

ถ้าร้านเปิดเมื่อไหร่บอกด้วยครับ  ;D ;D ;D

ผมชอบภาพประกอบจังเลย :-* :-*

ไม่ต้องเปิดก็มาได้  ;D ;D ;D ;D ;) ;) ;) ;)

เดี๋ยวเก็บตังซื้อเครื่องมือ แอร์ ก่อน เดี๋ยวจะมาช่วยตอบ ถ่ายภาพ วิธีทำ แต่ตอนนี้ยังไม่มีงบ :'(  ผมต้องทำก่อนแล้วถึงจะตอบใด้ :-[

ก่อนอื่นใด ต้องแจ้งมาก่อนว่าต้องซื้ออุปกรณ์อะไรบ้างก่อนที่จะให้คนอื่นทำตาม คิดดีแล้ว งั้นเอาไปเลย :D :-*

ขอบคุณเพื่อนๆนะครับที่มีความพยายามช่วยเพื่อน มีไรแบ่งปันกัน
ความรู้ เทิคนิคมีอยู่มากครับ เอามาแชร์กันดีกว่า ไม่ต้องถึงขนาด
ซื้ออุปกรณ์ ก็ได้ หรือวิธีการทำก็ได้ เดี๋ยวไปกระทบกับคนอื่นเข้า
 เอาปัญหาและวิธีการแก้ไข ความรู้เบื้องต้นที่ใช้ได้
ก็เยี่ยมแล้ว พวกเราชาว welovecivic  :) :) :) :) :)

 8)ทำสุญญากาศหรือ แวคคั่มนั้นสำคัญ ไฉน !!!!!!!    8)

ในการทำระบบแอร์ไม่วาสจะเป็นแอร์บ้านหรือแอร์รถยนต์ ก่อนเติมน้ำยาทุกครั้ง เราต้องทำสุญญากาศ ( Vacuum) หรือที่ได้ยินว่าแวค  
ที่ช่างเขาเรียกนั้นแหละ  อานนี้แล้งคงจะเข้าใจนะครับ จะได้คุยกับช่างได้ถูก งั้นมาฟังผมโม้ต่อ.......กันเลย  ;D ;D ;D

              อากาศและความชื้น ( ไอน้ำ ) ที่มีปนอยู่ภายในระบบปรับอากาศรถยนต์ เมื่อปนกันสารทำความเย็นจะเกิดผลเสียหายหลายประการ
เช่น แปรสภาพเป็นกรดเกลือกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในระบบเป็นเกล็ดน้ำแข็งขวางทางเดินของสารทำความเย็นเมื่อระบบทำงาน เกิดการอุดตันความดัน
ขณะทำงานจะสูงผิดปกติจนอาจก่อให้เกิดผลเสียหายต่ออุปกรณ์ของระบบ ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีวิธีการดึงความชื้นอกมาจากระบบ เราเรียกว่า
การทำสุญญากาศหรือการทำแว็ก ( Vacuum ) ซึ่งเป็นการทำให้ภายในระบบมีความดันต่ำลงกว่าความดันบรรยากาศปกติให้มากที่สุด ซึ่ง ณ
ความดันที่เป็นสุญญากาศความชื้นจะแปรสภาพเป็นแก๊สและถูกดึงออกมาจากระบบได้ง่าย
            การดูดอากาศและความชื้นออกจากระบบ โดยปั๊มสุญญากาศเรียกว่า การทำสุญญากาศหรือการทำแวคคั่มระบบปั๊มสุญญากาศถูกให้สำหรับ
ลดแรงดันในระบบและอัดทิ้งสู่อากาศ ภายนอกสายท่อกลางของแมนิโฟลด์เกจจะถูกต่อเข้ากับปั้มสุญญากาศทางด้านดูดวาล์วทั้งคู่ของ เกจจะอยู่ใน
ตำแหน่งเปิดเต็มที่ เดินปั๊มสุญญากาศให้ความดันลดลงถึง - 30 ปอนด์/ตารางนิ้ว และใช้เวลาในการดูดความชื้นอย่างน้อย 20 นาที แต่ถ้าสามารถทำ
สุญญากาศระบบได้นานกว่านี้ก็จะเป็นการดี การใช้เวลาในการทำสุญญากาศระบบได้นานกว่านี้ยิ่งนานเท่าไร จะยิ่งทำให้การดูดอากาศและความชื้น
ออกจากระบบดีขึ้นเท่านั้น
            ในขณะที่กำลังทำสุญญากาศในระบบค่าความดันของเกจทางด้านความดันต่ำจะอ่านค่าได้ ต่ำกว่า 0 ปอนด์/ ตารางนิ้ว แสดงว่า ความดัน
ในระบบน้อยกว่าความดันบรรยากาศ ซึ่งจะทำให้จุดเดือกของสารทำความเย็นต่ำลง เป็นผลทำให้สารทำความเย็นเปลี่ยนสถานะและดูดรับความร้อน
แฝงที่อยู่รอบ ๆท่ออีวาพอเรเตอร์ได้ในขณะที่อุณหภูมิต่ำ จะทำให้ระบบปรับอากาศมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูงขึ้น
            ฉะนั้นความชื้น จึงเป็นศัตรูที่สำคัญกับ การปฏิบัติเกี่ยวกับการซ่อมและบริการเครื่องปรับอากาศ สิ่งหนึ่งที่ควรระวังเป็นอย่างดี คือ
 อย่าให้ระบบมีความชื้นหลงเหลืออยู่ภายในระบบเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ผลความเย็นของระบบปรับอากาศไม่ดีเท่าที่ควร ถ้ามีความชื้น
ในระบบมากจะทำให้เกิดการอุดตันความชื้นภายในระบบ (ความชื้นกลายเป็นน้ำแข็งอุดรูเล็ก ๆ ของเอกแพนชั่นวาล์วปิดกั้นการไหลของสารทำความเย็น)
 และยังทำให้เกิดอันตรายกับชิ้นส่วนต่าง ๆของระบบปรับอากาศอีก ด้วย เพราะน้ำยาแอร์ ในทางเคมีเมื่อผสมกับน้ำแล้วจะทำให้เกิด กรดไฮโดรคลอริก
         โดยกรดที่เกิดขึ้นนี้จะกัดทำลายส่วนที่เป็นโลหะ ขอระบบปรับอากาศทั้งหมด เช่น เหล็ก ทองแดง อลูมิเนียม ทำให้เกิดเป็นออกไซด์ และจะไปอุดตัน
ภายในระบบที่ตะแกรงกรองของรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ หรือ ทางเข้าของคอมเพรสเซอร์ได้ :o :o :o  :-[ :-[


มาดูวิธีทำการทำสุญญากาศ    ::) ::) ::)

1.ต่อเกจแมนิโฟลด์เข้าระบบปรับอากาศ
2. นำปลายสายสีเหลืองต่อกับเครื่องทำ สุญญากาศ
3. เปิดเครื่องทำสุญญากาศโดยเสียบปลั๊กที่เต้าเสียบ
4. เปิดวาล์วด้านความดันต่ำและวาล์วด้านความดันสูง
5. เดินเครื่องทำสุญญากาศทิ้งไว้  5  นาที หรือ เมื่อเข็มด้านความดันต่ำลดลงถึง  - 30 Psi
6. ปิดวาล์วด้านความดันต่ำและวาล์วด้านความดันสูง
7. ปิดเครื่องทำสุญญากาศโดยดึงปลั๊กที่เต้าเสียบ
8. สังเกตุเข็มด้านความดันต่ำว่าเมื่อปิด เครื่องทำสุญญากาศแล้วเข็มมีการ เคลื่อนที่หรือไม่ ภายใน 5 นาที ถ้า เข็มมีการเคลื่อนที่แสดงว่าในระบบปรับ อากาศระยนต์เกิดการรั่ว
9. เปิดเครื่องทำสุญญากาศโดยเสียบปลั๊กที่เต้าเสียบ
10. เปิดวาล์วทางด้านความดันต่ำและด้านความดันสูง
11. เดินเครื่องทำสุญญากาศ  20 - 30  นาที
12. ปิดวาล์วเกจด้านความดันต่ำและวาล์วเกจด้านความดันสูง
13. ปิดเครื่องทำสุญญากาศโดยดึงปลั๊กที่เต้าเสียบ
14. ถอดสายสีเหลืองออกจากปั๊มสุญญากาศ

    นี้แหละครับ คือ การแวคคั่ม ท่านใดที่ไปทำแอร์ อย่าลืมสังเกตนะครับว่าช่างทำให้ไหม แต่ผมสังเกตอยู่บางร้าน
ไม่ได้ทำเลย จับน้ำยายัดใส่อย่างเดียวเลย ระบบแอร์มีอากาศอยู่ ต่อให้ตู้ยุ่น  อุปกรณ์ใหม่แค่ไหน...ไม่เย็นหรอก
เดี๋ยวก็พังอีก.....เทวดาก็ช่วยไม่ได้  ปวดตับ......ไปหละโม้เยอะ..
 ;D ;D ;D

ผมคิดดีแล้วครับ  :-[  ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิด อยากทำเป็นทำใด้ต้องลงมือทำ

อะ วิธีเติมน้ำยาแอร์  มันเป็นทิศฏี ต้องประยุคนิดหน่อยแล้วค่อยปฎิบัติ :-*

http://www.o-thai.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&No=1425787
 
ใครมีเวลาก็จัดเรียง  มันไม่ใด้เหมือนปฎิบัติแบบ 100%  นะครับ  ต้องทดลองหาเองครับ

เครื่องมือที่คิดว่ากำลังจะเก็บทุนซื้อครับ
http://hhl.tarad.com/product.detail_649576_th_69423

Welovecivic สังคมแห่งการเรียนรู้
 :-* :-* :-* :-* :-*

 :-* :-* :-*

หยิบมาฝาก.... :) :) :) :)  ทนอ่านห่อยน่ะมันยาว  ;D ;D ;D ;D

พวกเราชาว Welovecivic ได้ครอบครองรถกันมาก็นานโข เอาตั้งต้นซักปี 2000 ก็แล้วกัน ก็นับได้ร่วม 12 ปี แล้ว เวลาแอร์ไม่เย็นก็โทษคอมไม่ดี น้ำยารั่วบ้าง แต่ยังมีตู้แอร์ที่จริงๆแล้วซัก ปีละครั้ง ก็น่าจะไปล้างทีหนึ่งเพื่อให้อุปกรณ์ใช้ไปยาวๆ ฉะนั้น ความสกปรกของตู้แอร์เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาในระบบแอร์ ถ้าไม่ดูแลบำรุงรักษา ก็ต้องเตรียมใจเตรียมสตางค์ไว้ คงเคยได้ยินกันมาเรื่องท่อแอร์รั่ว ตู้แอร์รั่ว คอมแอร์ดัง สาระพันปัญหาที่เราไม่ค่อยเข้าใจกันเท่าไหร่ ลองคิดง่ายๆ แล้วกันว่าแอร์บ้านยังต้องล้าง แล้วแอร์รถยนต์จะยกเว้นได้อย่างไร แอร์บ้านถ้าไม่ล้างเลยจะเกิดอะไรขึ้นก็คงพอทราบกันบ้าง แล้วแอร์รถล่ะ ถ้าสกปรก แล้วจะไม่มีผลอะไรเลยหรือ ทำไมหลายคนจะซื้อที่นอน ยังต้องเลือกแบบที่ป้องกันตัวไรฝุ่น ทำไมเจ้าไรฝุ่นจะอยู่ในรถคุณไม่ได้บ้าง

ทำไมตู้แอร์ถึงรั่ว
          เวลาที่แอร์ทำงาน มันจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นบนคอยล์เย็น ทำให้เกิดคราบ ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานวันจะกลายเป็นสนิม กัดกร่อนแผงคอยล์จนรั่ว ถ้ารั่วแล้วต้องเปลี่ยนอย่างเดียว ดังนั้นการล้างตู้แอร์ปีละ 1 ครั้ง หรือทุก 20,000 กม. จึงเป็นการป้องกันการเกิดสนิมอีกด้วย
การล้างตู้แอร์มีประโยชน์อย่างไร
•ช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
•ยืดอายุคอมแอร์
•ยืดอายุตู้แอร์
•ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
•ลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้ (ตู้แอร์เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย)


ตู้แอร์สกปรก เกิดขึ้นได้อย่างไร

1.อย่างแรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นก็คือฝุ่นในตู้แอร์ ก็ค่อยๆ สะสมมากขึ้น ลองนึกภาพตามนะครับว่า ปกติลมแอร์จะผ่านตู้แอร์ ก่อนที่ลมเย็นๆ จะออกมาตามช่องแอร์มาถึงเรา คราวนี้เจ้าฝุ่นไปเกาะอยู่บนแผงคอยล์เย็นในตู้แอร์ ลมก็เลยผ่านตู้ไม่สะดวก เหมือนหน้าต่างบ้านที่ติดมุ้งลวด ลมย่อมผ่านเข้าบ้านได้ไม่ดีเท่าหน้าต่างที่ไม่มีมุ้งลวด (ทั้งนี้ต้องเปิดหน้าต่างนะ) ลมแอร์ส่วนที่ผ่านตู้แอร์ไม่ได้จะไปทางไหน ก็ต้องตีกลับเข้าไป คอมแอร์เมื่อเจอลมแอร์ตีกลับเป็นประจำ ต้องทำงานหนักขึ้น คิดง่ายๆ อะไรก็ตามที่ต้องทำงานเกินกว่าที่กำหนดไว้ นานๆ เข้าก็ต้องสึกหรอ มีปัญหา ในเคสคอมแอร์นี้ หนักสุดก็คือต้องเปลี่ยนคอมแอร์ แต่ต้องเข้าใจไว้ว่าเมื่อเปลี่ยนคอมแอร์ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้เฉพาะค่าคอมแอร์นะ ช่างต้องบอกแน่ๆ ว่า ตู้แอร์สกปรกนะ ล้างไปด้วย (ถ้าโชคดีมันยังไม่รั่วนะ) ค่าอะไหล่จิปาถะ ค่าน้ำยาแอร์ ค่าแรง รวมๆ กันกับค่าเสียเวลา และอาจต้องเผื่องบบานปลาย แต่จะยังไง เจ้าของรถก็ยอม เพราะมันร้อนนี่นะ
2.กลิ่นเหม็นอับ เหม็นเปรี้ยว ถ้าคุณไม่สูบบุหรี่ ไม่ทานอาหารบนรถ คุณคงสงสัยว่ากลิ่นนี้มาจากไหน ลองคิดถึงตู้เย็นนะ ถ้าเสียบไฟตลอดเวลา ไม่แช่อาหารมีกลิ่น เวลาเปิดตู้เย็นก็จะรู้สึกถึงกลิ่นสะอาด ยิ่งตู้เย็นสมัยใหม่มีตัวดับกลิ่นยิ่งหายห่วงเรื่องกลิ่น แต่ถ้าคุณลองถอดปลั๊กตู้เย็น เอาของออกจากตู้ เช็ดทำความสะอาด จากนั้นปิดประตูตู้เย็น ผ่านไป 1 อาทิตย์ คุณมาเปิดตู้เย็นอีกครั้ง กลิ่นแรกที่คุณได้จะไม่ใช่กลิ่นเดิมที่คุณชอบ แต่เป็นกลิ่นอับ เหม็น ที่ขนาดเช็ดล้างอีกทีก็ยังคงได้กลิ่น แอร์รถก็เหมือนกัน เมื่อปิดแอร์ ดับเครื่องยนต์ ความเย็นในตู้แอร์ยังมีอยู่ กลั่นตัวเป็นหยดน้ำ เป็นคราบวุ้นในตู้แอร์ เป็นต้นเหตุของกลิ่นอับ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่จะรถราคาแสนแพงแค่ไหน ก็ต้องเกิดวุ้นอยู่ดี หลายคนบอกว่าไม่เป็นไร เปิดแอร์ทิ้งไว้สักพัก กลิ่นจะหายไปเอง ความจริงกลิ่นไม่ได้หายไปไหน แต่จมูกของเราชินกลิ่นก็เลยรู้สึกว่ากลิ่นหมดไป

  ภาพตู้แอร์เน่า

ปัจจุบัน การทำความสะอาดตู้แอร์ มี 4 วิธี
1. การล้างตู้แอร์แบบถอดตู้ ต้องรื้อตู้แอร์ แล้วเอาคอยล์เย็นมาล้างข้างนอก  น้ำยาทำความสะอาดแตกต่างกันไปแล้วช่างจะใช้อะไร ที่ค่าบริการถูกๆ ต้องคอยดูว่าใช้ผงซักฟอก โซดาไฟ หรือเปล่า พวกนี้จะล้างออกยาก ดังนั้นเวลาประกอบกลับ เปิดแอร์ จะรู้สึกว่ามีกลิ่นผงซักฟอก เจ้ากลิ่นนี้บอกอะไรเรา อันดับแรก สารทำความสะอาดล้างออกไม่หมด สามารถกัดกร่อนคอยล์เย็นได้ อันดับสอง สารทำความสะอาดที่สูดเข้าไป ไม่ส่งผลดีต่อระบบทางเดินหายใจของเราเลย ถ้าคนแพ้ ก็อาจแสบตา แสบจมูกได้ ก็อย่างว่า ไม่มีของดีราคาถูก การถอดล้างตู้แอร์แบบนี้ ต้องแวคเติมน้ำยาแอร์ใหม่ และต้องเปลี่ยนไดเออร์กับวาลว์ความดัน ถ้าประหยัดงบ ไม่ยอมเปลี่ยน ท่อแอร์รั่วได้เพราะความชื้นเข้าไปอยู่ในระบบจากการถอดตู้แอร์

2. การล้างแบบไม่ถอดตู้ โดยหลักการก็เพื่อช่วยให้การทำความสะอาดนั้นง่ายขึ้น เสร็จเร็วขึ้น ทางร้านได้เงินไว โดยทั่วไป เครื่องล้างตู้แอร์จะกำหนดน้ำยาที่ต้องใช้เฉพาะสำหรับการล้าง แต่อย่างว่าแหละ บางร้านต้องการลดต้นทุน เพราะต้นทุนน้ำยาต่อคัน ไม่ถูกหลายร้อยทีเดียว ก็เลยเอา ผงซักฟอกบ้าง โซดาไฟ บ้างผสมลงไปเพื่อให้น้ำยาใช้ได้หลายคันขึ้น ทีนี้เวลาล้างน้ำยาออกจะมีปัญหา เพราะเครื่องไม่ได้ถูกกำหนดให้ล้างผงซักฟอก หรือ โซดาไฟ ผลที่ได้ เจ้าของรถจ่ายราคาแพง แต่ได้งานบริการที่ไม่มีคุณภาพ โดยคาดไม่ถึง การล้างแบบไม่ถอดตู้นี้จะเหมาะกับรถใหม่ รถที่ล้างแอร์ปีละ 1 ครั้ง หรือพูดง่ายๆ เหมาะกับรถที่ดูแลรักษาความสะอาดตู้แอร์เป็นประจำ ถ้าใช้มา 7-8 ปี แล้ว ช่างแอร์ไม่ค่อยอยากล้างวิธีนี้ เพราะตู้แอร์อาจจะรั่วอยู่แล้ว แต่ฝุ่นไปอุดรูรั่วไว้ พอล้างเอาฝุ่นออก รอยรั่วก็ปรากฎ เจ้าของรถต้องทำความเข้าใจด้วย เมื่อไม่ได้ล้างทำความสะอาดมาเป็นปีๆ อัตราเสี่ยงก็ต้องสูง

3. การฉีดสเปรย์ทำความสะอาดตู้แอร์ ไม่ต้องรื้อตู้ออกมา ฉีดสเปรย์ทำความสะอาดให้ทั่วคอยล์เย็น ก็เป็นอันเรียบร้อย คราบน้ำยาจะค่อยๆ ออกมาพร้อมกับน้ำแอร์ตามท่อน้ำทิ้ง ถ้าตู้แอร์ไม่สกปรกมาก วิธีนี้ก็พอใช้ได้ แต่คงต้องฉีดสเปรย์กันบ่อย 2-3 เดือนต่อครั้ง เพราะอยู่ในเมือง ฝุ่นจะเยอะมาก  สเปรย์บางยี่ห้อจะช่วยขจัดกลิ่นด้วย ราคาค่าฉีดสเปรย์เท่าที่ทราบมา เริ่มต้นที่ 800 บาท รวมๆ เงินแล้วก็มากกว่าการล้างตู้แอร์แบบที่ 1 และ ที่ 2

4. การใส่กรองแอร์ ไม่ใช่รถทุกรุ่นจะใช้ได้ เพราะกรองแอร์ก็ทำมาสำหรับรถอีกระดับ ช่วยกรองฝุ่นอีกวิธีหนึ่ง แต่อายุการใช้งานก็ประมาณ 5000 กม. ต้องเปลี่ยนอันใหม่ ถ้าไม่เปลี่ยน ลมจะผ่านเข้าตู้แอร์ไม่สะดวก ลมแอร์ที่ออกมาก็จะอ่อนกำลังลง ลมที่ตีกลับจะมีผลต่อคอมแอร์ เท่าที่ทราบกรองแอร์สำหรับรถบางรุ่นราคาพอรับได้ แต่บางรุ่นราคาเป็นพันบาท ไม่แน่ใจว่าที่ราคาไม่กี่ร้อยประสิทธิภาพจะเป็นอย่างไร ถ้าใช้วิธีนี้ในการทำความสะอาด ในระยะ 1 ปี ก็เสียค่าใช้จ่ายมากกว่า การทำความสะอาด แบบที่ 1 และ ที่ 2

เข้ามาทีไรหัวใจมันเต้นแรงทุกที กระทู้นี้อะ  ;D

มาต่อกันจ้า ความรู้ดีๆ


          แอร์ไม่เย็น.....ลองอ่านดู....

1. น้ำยาแอร์ขาด
            ปัญหาแอร์รถยนต์ที่ทำให้ระบบแอร์ไม่เย็นนั้น เกิดจากปริมาณน้ำยาแอร์ที่ส่งจากคอมเพรสเซอร์เพิ่มแรงด้น เข้าสู่แผงคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย ทำให้ปริมาณน้ำยาแอร์ที่เข้าไปดูดจับความร้อนภายในห้องโดยสารได้ในปริมาณน้อย ส่งผลให้ภายในห้องโดยสารยังคงมีอากาศร้อนอยู่ ในการที่น้ำยาแอร์เหลือน้อยนั้น เกิดได้ในหลายกรณี ทั้งที่เกิดจากการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ได้เติมน้ำยาแอร์ทำให้น้ำยาแอร์เหลือน้อย หรือเกิดจากการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ในระบบ (ในกรณีนี้ แอร์จะไม่เย็นเลยหากน้ำยาแอร์รั่วออกจากระบบแอร์หมดแล้ว)
          การซ่อมบำรุงระบบแอร์ ทำได้โดยการเติมน้ำยาแอร์พร้อมทั้งเช็คว่ามีน้ำมันคอมเพรสเซอร์อยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ให้ช่างเติมให้ด้วย และให้ช่างเช็คการรั่วซึมให้ด้วย ค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำยาแอร์นั้นอยู่ที่ 500-700 บาท
2. ตู้แอร์รั่ว มีรอยรั่วตามรอยต่อ ทอแอร์รั่ว
                   ปัญหาแอร์รถยนต์ที่ทำให้ระบบแอร์ในรถยนต์ไม่เย็นที่เกิดจากตู้แอร์รั่ว รอยรั่วตามจุดเชื่อมต่อต่างๆ หรือเกิดจากการรั่วซึมในระบบแอร์ทั้งหมด จากการรั่วซึมในจุดต่างๆในระบบแอร์ จะทำให้ค่าแรงด้นของน้ำยาแอร์ตก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้แอร์ไม่เย็นได้เช่นกัน ในเรื่องของปัญหาเหล่านี้ เป็นปัญหาที่ท่านผู้ขับขี่รถยนต์สามารถทำการตรวจสอบได้ง่าย โดยใช้น้ำสบู่หรือผสมแชมพู ตีให้เป็นฟองแล้วนำไปทาตามรอยต่อต่างๆ ของระบบแอร์ ถ้ามีแรงดันให้ฟองสบู่ลอยตัวขึ้นมานั้น แสดงว่ามีรอยรั่วซึมตามรอยต่อนั้น เมื่อตรวจพบให้ทำการขันให้แน่นแล้วทำการตรวจเช็คอีกรอบ ด้วยการตรวจเช็คในแบบง่ายๆ ก็ทำให้รถยนต์ของท่านมีแอร์เย็นสบายแล้ว
                     สำหรับการแตกรั่วซึมที่ท่อแอร์นั้น ต้องทำการเปลี่ยนให้ทั้งเส้น ในกรณีตู้คอยล์เย็นหรือแผงคอยล์รั่วซึมนั้น ควรที่จะเปลี่ยนใหม่ครับ ราคาไม่สามารถระบุได้ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์แต่ละรุ่น ถ้าเกิดมีการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ในห้องโดยสาร ต้องทำการซ่อมบำรุงในทันที เพราะเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่เอง

3. แผงคอยล์ร้อน (Condenser) มีระบบระบายความร้อนไม่เพียงพอ

                     ระบบระบายความร้อนของแผงคอยล์ร้อนระบายความร้อนไม่เพียงพอ เป็นอาการที่เกิดจากพัดลมระบายความร้อนหน้าแผงคอยล์ร้อน ไม่มีการทำงานหรือมีการทำงานน้อย ทำให้ระบบระบายความร้อนของน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์ ไม่มีการระบายความร้อนออกจากน้ำยาแอร์ หรือมีการระบายความร้อนออกน้อย ทำให้น้ำยาที่ส่งเข้าคอยล์เย็นมีอุณหภูมิสูง ทำให้แอร์ไม่เย็นได้
                  ปรกติเมื่อรถยนต์มีการขับเคลื่อนรถยนต์ เพราะมีลมพัดเข้ามาด้านหน้าแผงคอยล์ร้อน ช่วยระบายความร้อนของแผงคอยล์ร้อนได้ครับ แต่เมื่อในกรณีที่รถติดนานๆ ทำให้ไม่มีลมผ่านด้านหน้าแผงคอยล์ ทำให้แผงคอยล์ร้อนไม่สามารถระบายความร้อนได้เพียงพอ ทำให้แอร์ภายในรถยนต์ไม่เย็นได้
                 การเช็คโดยการเปิดฝากระโปรงด้านหน้า ติดเครื่องยนต์ พร้อมเปิดแอร์ เมื่อมีการทำงานของคอมเพรสเซอร์ พัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนจะทำงานพร้อมกัน ถ้าพัดลมหน้าแผงคอยล์ร้อนไม่ทำงาน หรือหมุนช้ามีเสียงดัง นั่นแสดงว่าพัดลมด้านหน้าแผงคอยล์ร้อนเสีย หรือเสื่อมสภาพแล้วครับ ต้องการเปลี่ยนใหม่

4. คอมเพรสเซอร์หลวมไม่มีกำลังอัด

                 เมื่อลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวม ทำให้ระดับแรงดันของน้ำยาแอร์ที่ออกมาจากคอมเพรสเซอร์มีน้อย ทำให้แรงดันของน้ำยาแอร์ฉีดเข้าคอยล์เย็นมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะดูดซับความร้อนภายในห้องโดยสารได้ ทำให้ระบบแอร์ไม่เย็นได้สังเกตได้จากเมื่อติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ แอร์ไม่เย็นหรือเย็นไม่มากนัก (พัดลมระบายความร้อน แผงคอยล์ร้อนทำงานปกติ แผงคอยล์ร้อนทำงานปกติ ระบบท่อน้ำยาแอร์ไม่รั่ว แต่เมื่อเร่งเครื่องยนต์แล้วแอร์เย็น นั่นแสดงว่าลูกสูบคอมเพรสเซอร์หลวมแล้วครับ ทางแก้ไขปัญหาคือ ซ่อมคอมเพรสเซอร์ โดยเปลี่ยนลูกสูบใหม่  ไม่นิยมซ่อมเพราะราคาซ่อมพอๆกับการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่ หรือเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่

5. วาล์ว และดรายเออร์อุดตัน หรือเสื่อม

                  เมื่อวาล์ว และดรายเออร์อุดตันทำให้แรงดันน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ไหลผ่านเข้าคอยล์เย็นไม่สะดวก ทำให้น้ำยาแอร์ที่ฉีดไม่เพียงพอที่จะดูดซับความเย็นภายในห้องโดยสารได้ ทำให้ระบบแอร์ภายในห้องโดยสารเย็นเป็นช่วงๆ หรือไม่เย็นได้ครับ ตรวจเช็คได้โดยการติดเครื่องยนต์เปิดแอร์ (ต้องไม่ีมีการรั่วของระบบแอร์ คอมเพรสเซอร์สมบูรณ์ พัดลมระบายอากาศทำงานปกติ) แอร์มีระดับความเย็นไม่มากและมีเสียงดังอยู่ใกล้ตู้แอร์ หรือแอร์ไม่เย็นเลย แต่เมื่อเร่งเครื่องยนต์แล้วแอร์มีความเย็นนั่นแสดงว่า ชุดวาล์วและดรายเออร์เกิดการอุดตันแล้ว
                   การดำเนินการโดยถอดเปลี่ยนชุดวาล์วและดรายเออร์ใหม่ ....ชุดวาล์วและดรายเออร์ควรที่จะเปลี่ยนพร้อมกัน เพราะดรายเออร์จะทำหน้าที่กรองสิ่งสกปรกจากน้ำยาแอร์ เมื่อวาล์วแอร์อุดตันนั่นแสดงว่าดรายเออร์ชำรุดแล้ว.....

6. คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท /คลัตช์ลื่น)

                 คลัตช์คอมเพรสเซอร์จับไม่สนิท (คลัตช์ลื่น) นั่นเกิดจากกระแสไฟที่ส่งเข้ามายังคลัตช์แม่เหล็กมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอที่จะทำให้คลัตช์คอมเพรสเซอร์ติดเข้ากับมูลเลย์ได้ หรือสามารถติดได้แต่ไม่แน่น เกิดการฟรีในบางจังหวะ เมื่อคลัตช์คอมเพรสเซอร์มีการจับมูเลย์บ้างไม่จับบ้าง ก็เป็นสาเหตุให้คอมเพรสเซอร์ทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้าง จึงทำให้แอร์เย็นเป็นช่วงๆ หรือไม่เย็นเลย  ในการแก้ไขปัญหาสามารถดูได้ 3 จุด
1.ระบบสายไฟที่ส่งมายังคลัตช์คอมเพรสเซอร์มีการขาดหรือเปล่า มีกระแสไฟฟ้าเข้ามาหรือเปล่า มีปริมาณกระแสไฟฟ้าเข้าเพียงพอหรือเปล่า
2. ชุดสวิตช์ระดับเซ็นเซอร์ควบคุมความเย็น (Themostat) มีการเสื่อมสภาพหรือเปล่า
3. ทำการปรับแต่งหน้าคลัตช์ให้เรียบเสมอ และตั้งระยะคลัตช์ใหม่ ราคา 2,000-3,000 บาท เพราะต้องถอดคอมเพรสเซอร์มาทำการซ่อมบำรุงข้างนอกรถยนต์ ทำให้ต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่และทำแวคคัมด้วย

7. สายพานหย่อน

                   สายพานคอมเพรสเซอร์แอร์หย่อนมากเกินไป ทำให้ในเวลาที่คอมเพรสเซอร์ทำงาน สายพานที่รับกำลังจากเครื่องยนต์ เพื่อฉุดให้คอมเพรสเซอร์หมุนนั้นเกิดการฟรี ไม่สามารถที่จะฉุดให้คอมเพรสเซอร์หมุนได้ สามารถสังเกตได้ครับ เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานจะเกิดเสียงดังและแอร์ภายในรถยนต์จะไม่ค่อยเย็น การแก้ไขปัญหาคือการปรับระดับสายพานให้ตึงขึ้น ถ้าสายพานมีรอยแตกหรือฉีกขาดควรเปลี่ยนเส้นใหม่ทันทีครับ

8. การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท
                        การใช้น้ำยาแอร์ที่ผิดประเภท หรือใช้น้ำยาแอร์ปลอมปนนั้น จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบแอร์รถยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลงได้ โดยทั่วไปแล้วหากมีการปลอมปนของน้ำยาแอร์ ในระดับ 2-3% โดยน้ำหนักแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อระบบแอร์รถยนต์มากนัก แต่ถ้าหากมีการปลอมปนของน้ำยาแอร์ที่มากกว่า 5% โดยน้ำหนักแล้ว จะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อระบบแอร์รถยนต์แตกต่างกันไป ขึ้นกับลักษณะของการปลอมปน โดยหลักๆได้แก่
•   ทำให้ความดันในระบบแอร์รถยนต์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุปกรณ์ในระบบแอร์รถยนต์ ไม่สามารถทนแรงดันซึ่งสูงกว่าที่บริษัทผู้ผลิตออกแบบไว้ เกิดความเสียหายหรือระเบิดขึ้น
•   เมื่อความดันในระบบแอร์รถยนต์เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้คลัตช์ของคอมเพรสเซอร์มีความร้อนสูงและเสียหายได้
•   ทำให้การทำงานของคอยล์เย็น และเอ็กซ์แพนชั่นวาล์วผิดปกติ ส่งผลให้แอร์ในรถไม่เย็นความเสียหายต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน แต่อปกรณ์ต่างๆ จะค่อยๆเสียหายและหมดอายุการใช้งานก่อนกำหนด เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง
                  สำหรับวิธีการในการตรวจเช็คว่าในระบบแอร์ รถยนต์มีการปลอมปนของน้ำยาแอร์มากน้อยเพียงใดนั้น ต้องอาศัยเครื่องมือที่เรียกว่าเครื่องตรวจสอบประเภทสารทำความเย็น จึงระบุได้ว่าน้ำยาแอร์ที่ตรวจสอบนั้นมีสารชนิดใดอยู่บ้าง ซึ่งขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบประเภทน้ำยาแอร์ เพื่อให้บริการแก่ผู้ขับขี่รถยนต์ และร้านซ่อมแอร์รถยนต์

มาเก็บความรู้ครับ
ขอบคุณครับ :-[

กระทู้ดีๆดันไว้ :-* :-*

แล้วคอมที่รถผมมีเสียงดัง กรอกๆๆๆๆๆ ยาว เวลาที่คอมทำงานแล้วดึงเครื่องมาก ไม่ทราบว่าอะไรดังหรอครับ :o :o :o

ขอบคุณครับช่วยกันดันกระทู้ของพวกเรา ก็ตั้งใจทำไว้สนทนากัน
เป็นมันกระจัดการจายความรู้ เอาไว้อ่านเพลินๆ เป็นความรู้
การปฏิบัติจริงก็อยู่ที่ช่างเองว่าทำขนาดไหน ราคาทำเท่าไหร่
ก็ไปว่ากันเอา เพราะตอนอ่านดูง่าย ตอนทำให้เนียนๆก็ยากเหมือนกัน

มีความรู้ที่เป็นระโยชน์ก็เอามา post บอก หรือถามกันได้นะครับ

1.คำถามที่ถามมา คอมที่รถผมเสียงดัง กรอกๆๆๆๆๆ ยาว เวลาที่คอมทำงานแล้วดึงเครื่องมาก ไม่ทราบว่าอะไรดังหรอ ?????

ตอบนะครับ  ดังที่คอม แต่ต้องแน่ใจนะดังจากคอมจริงไหม  หลักคิดมีดังนี้ครับ

1.) ยังไม่เปิดแอร์ คอมดังไหม  ถ้าไม่ดังแสดงว่ามูลเลย์ชุดครัท ยังดีอยู่  ผ่าน....ถ้าดัง มูลเลย์ชุดครัท เสียต้องเปลี่ยน
2.) เปิดแอร์ กด AC ดังไหม แต่เห็นถามมาและให้ข้อมูลว่าดัง แสดงว่า เสียตรงลูกปืนคอคอม หรือ ลูกปืนด้านในคอมเอง ครับ....ซ่อมได้ไหม ได้
    แต่ไม่คุ้ม เป็นผมจะไม่ทำ เปลี่ยนบิ้ว เปลี่ยนเชียงกง ค้มกว่า


2. เวลาที่คอมทำงานแล้วดึงเครื่องมาก ???
     ตอบ เกิดจากปัญหาข้างต้นนั้นเอง อุปกรณ์ภายในคอมแม้แต่ชุดครัทมัปัญหาก็ทำให้ดึงเครื่องได้ เพราะระบบแอร์จะเกาะ
กับเครื่องยนต์อยู่ เมื่อแอร์ทำงาน จึงเกิดโหลดขึ้น เพราะคอมเสียหายแล้ว


    วิธีการแก้ไข  เปลี่ยนคอมแน่นอน เพราะเป็นหัวใจหลัก ล้างระบบ เปลี่ยนไดเออร์ เติมน้ำมันคอม แวคคั่มลึกๆนานๆ เติมน้ำยาเกรดดี
รับรองเย็นฉ่ำ  เอ้้้อ....ลืม เปลี่ยนตู้ยุ่นยี่ห้อ P jung เปลี่ยนวาล์ว จบเลย.....Pm ถามได้ รู้ก็จะตอบให้ ช่วยเหลือกันได้ยกเว้นเรื่องเงิน...ตัวใครตัวมมัน  ;D ;D ;D ;D ;D

เพิ่มอีกนิด ครับ

1.เสียงดัง ดูลูกลอกตั้งสายพาแอร์อีกตัวนะเผื่อเป็น
2. อาการฉุดเครื่อง นอกเหนือจากข้างต้น เกิดจานการตัวในระบบด้วยมีส่วนมาก แผงแอร์ระบายไม่ทันเนื่องจากสกปรกด้านนอก ตันด้านใน แลตู้แอร์ตันด้านนอก
   แอร์ไม่เย็นลมเย็นมันไม่เล็ดลอดออกมาได้ วาล์วตัน มีส่วนครับ

ขอบคูณคร้าบบ สรุปเปลี่ยนคอมเป็นจบปัญหาทุกสิ่งอย่าง :'( :'( :'(

อันนั้นว่า ตามที่ท่านบอกมาน่ะ ท่านให้ข้อมูลผมมาย่างนั้น ขออย่าให้เ็นคอมเลย สาธุๆ ;D ;D ;D ;D ต้องไปเช็คอีกที

ก็คิดอยู่ในใจเหมือนกันว่าลูกปืนในคอมไม่ดีแล้ว เพราะจะดังเมื่อตอนเปิด AC เท่านั้นพอปิดก็หายดัง ::) ::)
ส่วนลูกลอกสายพานไม่ดังครับเพราะพึ่งเปลี่ยนไป :-[ :-[

ล้างระบบแอร์รถยนต์  8) 8) 8)

     หายกันไปหลายวัน กลับมายังเงียบๆ ช่วงนี้อากาศร้อนจริงๆ โครตบิดา มารดาร้อนมักๆๆๆ
ประเทศไทยจะเป็นเตาอบไปซะแล้ว ยิ่งถ้าแอร์รถยนต์เสียอีก คงตายกันแน่เรา  ;D ;D ;D ;D
      ผมเลยไปเก็บเกี่ยวความรู้มาฝาก ตามแบบฉบับผมเองนะครับ อาจ Copy มาแต่ก็เอามา Development ตามแบบ
ฉบับของผม ผิดถูก เพื่อนๆคอมเมนท์เพิ่มได้เลย ผมไม่ใช่เทวดา จะรู้เรื่องไปซะทุกเรื่อง

      การล้างระบบแอร์ ที่จะสาธยาย นี้ไม่ใช้เป็นการล้างภายนอกนะครับ การล้างระบบแอร์ที่นี้หมายถึง การล้างทั้งระบบภายนอก
ที่ช่างทำ ก็คือ การล้างแผงคอยร้อน  การล้างตู้แอร์  เนื่องการมีเศษสิ่งสกปรก ทำให้เกิดการอุดตัน ส่งผลต่อการไหลเวียนของ
ระบบเกิดข้อผิดพลาด   กับ การล้างภายใน คือ การล้างภายในท่อ ที่มีน้ำมันคอมกับน้ำยาแอร์วิ่งอยู่ นั้นแหละครับ ซึ่งมักจะทำในกรณีที่
ระบบมีปัญหา เช่น การน๊อคของคอมเพรสเซอร์ จนน้ำมันคอมมีสีเหลืองเข้ม ไปจนถึงดำเลยก็มี กับ ความต้องการของผู้ใช้รถที่ต้องการ
ให้ล้างระบบเอง แน่นอน การล้างระบบทั้งภายในต้องดีแน่ เพราะระบบสะอาดหมดจด เติมน้ำ มันคอมใหม่ น้ำยาแอร์ใหม่ แอร์สู้แดด ได้แน่นอน
แต่ ก็ต้องยอมรับกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ซึ่งนอกเหนือจาก ค่าแรง  ค่าน้ำมันคอม ค่าแวค+น้ำยาแอร์ ก็ต้องมีค่าล้างระบบอีกด้วย

  วิธีการล้างระบบ ( ประยุกต์ใช้ได้ทั้งระบบ ตู้แอร์  แผงคอยร้อน  ท่อต่างๆ)

1. ถอดระบบออกให้หมด ตู้แอร์  แผงคอยร้อน  ท่อต่างๆ
2.ใช้น้ำยาล้างระบบ เช่น F11  R141b กรอกลงไป
3.ใช้ลมหรือไนโตรเจน แรงดันลมประมาณ 15 kg/cm2 อัดน้ำยาให้พ่นออกมา
  ข้อควรระวัง  ทำซ้ำจนกว่าจะแน่ใจว่า สะอาดหมดจด แห้งๆ :o :o :o

  อ่านจากภาพเพิ่มเติมครับ

อ่านต่อครับ วิธีการที่ละเอียด.....

น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
อันนี้ มาตรฐานการล้างระบบแอร์ของ Denso ครับ
ปฏิบัติก็ว่ากันไปอีกอย่างหนึ่ง แล้วแต่ฝีมือช่าง
เคยไปโดนกันอย่างนี้บ้างไหม.....ล้างระบบแอร์
หรืออยากไปโดนคนภาพล่าง  ;D ;D ;D ;D   ;) ;) ;) ;) ;)

ตารางบำรุงรักษาระบบปรับอากาศรถยนต์

   ม่ะๆๆๆ....อ่านหัวข้อที่เขียนข้างบน แล้วดูเหมือนที่เราออกรถใหม่ๆเลยนะครับ ต้องมีตารางบำรุงรักษา
รถยนต์ด้วย  ระบบแอร์ดูแล้วก็เหมือนกับการดูแลรักษาเหมือนที่เรายังอยู่ในประกันตอนออกรถใหม่ๆ
ผมเองใช้ค่าย TOYOTA อีกคันหนึ่งซึ่งจำได้ตอนเข้าไปศูนย์ TOYOTA ที่เราออกรถมาไม่นาน จนท.
บริการเขาก็มาให้คำแนะนำเ็นอย่างดี แนะนำเรื่องการบำรุงรักษา  ล้างตู้แอร์แบบไม่ต้องถอดตู้....
นึกในใจก็ดีนะ...แต่ก็คิดอีกที่จะหาเรื่องทามไมอ่ะ รถยังอยู่ในประกัน ขับน้อยด้วย ก็เลยปฏิเสธไป
พร้อมกับ คำขอบคุณงามๆ ที่อุตสาหะ พยายามอธิบายให้ผม... >:( >:( >:( >:( >:( >:(
   มาครั้งนี้ ว่ากันที ระยะเวลาบำรุงรักษาระบบปรับอากาศรถยนต์ สรุปได้เป็นดังนี้จ้า

 :-* :-* :-* :-* :-*

หมายเหตุ: 3 ภาพสุดท้ายไม่เกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศรถยนต์น่ะ แต่มันเกี่ยวข้องกับใจ  ;D ;D ;D

ถอด Blower แอร์รถยนต์มาทำความสะอาดกัน



ตามที่ท่าน junkhung  ติดตามการถอดพัดลมกะตู้แอร์อยู่  ส่วนตัวไม่ได้ถอดออกมาหรอก เพราะอุจาระเกียจ (ขี้เกียจ)  ;D ;D ;D ;D
เคยถอดมานานหละถอดมาทำความสะอาดใบพัดลม ให้ขาวๆโป๊ะๆๆๆๆ  ได้ง่ายมากครับ ก็เลยไปหาวิธีมา ลองดูคร่าวๆนะครับ ตามภาพประกอบที่พอหา
มาได้ ยืมภาพสมาชิกท่านอื่นมาประกอบด้วย บางภาพผมไม่ไถ่ยไว้   ลองดูน่าจะพอเป็นประโยชน์บ้าง

1. Blower จะอยู่บริเวณด้านหน้าฝั่งคนนั่งนะครับ  โดยจะมีน๊อตอยู่ 3 ตัวยึดอยู่ จัดการขันเลยครับ (น๊อตที่ขันยากและไม่ถนัดมือ คือน๊อตที่อยู่ตัวในสุด ไขขวงต้องใช้แบบสั่นนะครับ จะหมุนได้ง่าย )
2. เมื่อขันน๊อตออกแล้ว ดึงปลั๊ก 2 ขาออกมาจากตัวโปว์เวอร์นะครับ อันนี้อย่าดึงออกมาเลย เขาให้บีบตรงตัวล๊อคครับ เดี๋ยวมันจะหัก
3. เมื่อดึงออกมาแล้วนะครับ สบายหละทีนี้เอาออกมาทำความสะอาด จุดที่ยากที่สุดที่จะดึงตัวใบพัดสีดำๆ ถ้าใช้มานานออกมาแช่ขัดให้ขาว คือ จะทำอย่างไร
ถึงจะดึงตัวใบพัดออกจากมอเตอร์ ตรงนี้  ต้องระวัง นะครับ หัก พัง มาหลายรายแล้ว เพราะ เสียอารมณ์ ทามไมมันไม่ออกซะที.....วิธีการผมคือ เอาคลิปเหล์กที่ล๊อค
ระหว่างตัวแกนเหล็กมอนเอตร์ กับใบพัด และใช้โซแน๊ก.....ฉีดพยายามให้เข้าๆไปในระหว่างร้องให้ได้ เท่าที่จะทำได้
4. ทีนี้ น่าจะออกได้ง่าย ดึงออกมาใช้หัวเข่าเรานี้แหละครับ บ้านๆดีหนีบไว้ มือสองมือจับและดึงออกมา... :-[ :-[ :-[ :-[
5. เอาออกไหม...ถ้าไม่ออกใช้ไม้เด็ดผมครับ ใช้ไขขวงปากแฉก หรือเป็นลักษณะที่เป็นหน้าตัดไปเลยได้ดีมาก ค่อยๆทุบเป็นจังหวะแบบมีน้ำหนักนะครับ ไม่
ต้องเอาแบบบ้าพลัง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น แกนมือเตอร์จะทะลุแตรงตูดมอเตอร์  เสียเลย เบาๆ นะผมใช้เทคนิควิธีบ้านๆครับ แต่ได้ผลดีกว่าเสียอีก
6. จบหละ.....ล้างจะเอาขาวแค่ไหนเชญตามสบายครับ ใส่กลับทวนวิธีตอนเอาออก ทำย้อนไปตามเดิม ....มีภาพอยู่ ลองอ่านและนึกภาพไปด้วยนะครับ มันง่ายจริงๆ

ตอนถอดออกมาทำความสะอาด ผมเอามาแช่ผงซักฟอก แล้วค่อยๆขัด
อย่างใจเย็น อย่าใจร้อน แบบปราณีต ค่อยๆขัดทีละซี่ เพรา โบว์เวอร์แอร์ มันร่องเล็ก
ใช้นานๆ ฝุ่นจับเยอะ...แล้วจะได้ผลงานออกมาขาวๆๆๆๆๆ...แบบนี้ครับ  ;D ;D ;D ;D ;D


ใครมีความรู้ เทคนิค วิธีการ การแก้ไขปัญหา ก็เอามาเสนอเป็นแนวทางได้นะครับ เพื่อชาว Welovecivic  :) :) :) :-* :-* :-*

จัดมาแล้วครับ เดี๋ยวเก็บทุนอีกหน่อย ของยังไม่ครบครับ

(http://image.ohozaa.com/i/213/f9x7qo.JPG)

 :-[

ดีครับดี มาช่วยกัน เป็นไปได้ซื้อของดีๆนะใช้ได้นาน    :D :D :D
ผมมีเครื่องแวคคั่มตัวเล็ก ซื้อมา 2 พันกว่าๆ ใช้ไม่กี่ครั้งครั้งได้แรงดูดปรูดเลย สนใจไหม ;) ;) ;) ;)

ยังไม่ต้องได้ครบก็ได้เครื่องมือแลั้วมาเติมเต็ม ความรู้ให้เพื่อนๆ ด่วน

ผมเป็นคนอธิบายไม่คอยเป็นอะครับ คือ อธิบายไปเขา งง กันหมดอะครับ  :'(   มีตาเงาะแกแปลความคิดผมใด้   ผมเลยต้ออาศัยรูปและการกระทำ ออกมาแทนคำอธิบายแทนอะครับ  จะซื้ออย่างดีงบไม่พออะครับ แล้วไม่รู้ว่ามันของแท้ใหมด้วยนี่ซิ ก๊อปแท้ๆ กับ แท้ แยกไม่ออก เลยซื้ออันนี้ดีกว่า เห็นว่าไต้หวัน หรือจีน   แต่ที่แน่ๆ มีของจีน เหมือนผมเป๊ 700 บาท :-[

ลงวีดีโออย่างไงบ้าง ลงไม่เป็นครับ :o       http://www.youtube.com/watch?v=lglPJuBXVeE

อธิบายด้วยภาพก็ได้ ;D ;D ;D ของจีนไม่ค่อยดีเข็มไม่ทนครับ

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=169234.0;attach=232085;image)

น้ำมันคอมนี้เป็นของ จัตตุรงค์คูลลิ่ง  อิอิ  ผมเองเพิ่งสั่งแอร์กระป๋องไปครับ 2 ป๋อง c30   หรือ อีกชื่อนึง cold 12   134a...... 
ตั้งหมดเกลี้ยงเลยตอนนี้ ดายเออยังไม่ใด้ซื้อเลย :'(

ลืมเทอร์มอลฟิวส์อีก 1 ตัวครับติดอยู่กับคอมแอร์อะ

ตัวไหนครับท่าน มีภาพประกอบด้วยเยี่ยมเลยครับ
มาช่วยเสริมระบบไฟให้หน่อย ผู้เชี่ยวชาญมาเองเลย :-* :-* :-*

ครับท่าน jkung 27 แสดงเป็นคนเลือกสรร ของดีนะครับ ตามข้อมูลที่ท่านบอก
เป็นของที่มีคุณภาพระดับดีมากครับ เย็นมาก แสดงว่า ศึกษามาดีมาก ของบริษัทนี่
เกรดดี สินค้าเน้นส่งออก ผมเลือกใช้อยู่ แต่ราคากับปริมาณที่ได้ราคามันแรง ผมไป
เยี่ยมโรงงาน เขาแล้วมีมาตราฐานและน้ำยาแท้ ดีมากครับ
      น้ำยา รหัส cold 12  cold 134
    น้ำมันคอม  sunoco เกรดดี

     เพื่อนๆลองหาข้อมูลอ่านดูครับ มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ถูกโจมตีว่าติดไฟ และผมใช้ยู่
น้ำยาแอร์ตัวนี้ เพราะมันเย็น  ดูปองค์ ก็ยังเย็นไม่เท่า แต่ต้องอยู่บนเงื่อนไข
อุปกรณ์แอร์อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์  ดอมกำลังอัดดี ไม่มีรั่ว :-* :-* :-*

ขอบคุณครับ พอดีว่าศึกษามานิดเดียวครับ แค่พอรู้ค้าวๆครับ  เหตุที่ผมจะใช้ น้ำยาแอร์ cold   เพราะ น้ำยาแอร์ทั่วไปผมไม่รู้ว่ามันจะแท้ขนาดใหน ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำยาผสม มีเศษปนเปรื่อน  แน่ๆ มี r22 ผสม ( แอร์บ้าน)   cold เป็นน้ำยาออกนอก ผมเลยมั่นใจในคุณภาพของน้ำยาเขาด้วยครับ (เขาคงไม่เสียเวลาแบ่ง เกดน้ำยานอก น้ำยาในประเทศหลอกมั้ง)  ถ้าทำคล่องแล้วค่อยทำเป็บจ๊อบเสริม (อันนี้เกิ่นๆกับคุณเตอร์ coolman ไว้แล้ว) :-*
http://rcw.ms/forum/threads/88171-D-I-Y-แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ-(ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น-เข้ามาคับ)

 8)เครื่องมือ DIY เบื้องต้นสำหรับงานแอร์รถยนต์ 8)


   โอ้....แอร์ไม่เย็นอีกแล้วทำไมอะ...เรื่องนี้คงเกิดขึ้นกับเพื่อนๆทุกคน ตรูจะต้องเสียเงินอีกแล้ว
เบื่อจริงๆ ไปหาช่างก็ต้องเติมน้ำยา เสียค่าน้ำยา 500-1000 บาทอยู่ประจำ ทำไงดีถึงจะทำเองได้
บ้างโดยเฉพาะงาน DIY เบื้องต้น....แต่ก่อนไปถึงจุดนั้น เราจะต้องมีเครื่องมือช่างแอร์ เดี๋ยววิธีก็ไปหา
ทำเอง ต้องปฏิบัติต่อ  เอามาทำความรู้จักกันว่า ถ้าเป็นช่างแอร์ เครื่อมือพื้นฐานและสิ่งที่จำเป็นพื้นฐานที่ช่างต้องมีไรบ้าง เอาสั้นๆ มีภาพประกอบน่าจะตอบ
ไปในัว

  1. น้ำยาแอร์
         ปัจจุบันนำ้ยาแอร์รถยนต์จะใช้รุนใหม่ กันหมดแล้วนะครับ R134A เราคงรู้จักกันดี ปัจจุบันมีหลายราคา
ตั้งแต่ 2000 บาท ขึ้นไป แล้วแต่ยี่ห้อ ความมีชื่อเสียง

  2.แมนิโฟลด์เกจ
        เป็นเครื่องมือสำหรับวัดความดันและสุญญากาศในระบบปรับอากาศรถยนต์ และเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการบริการเกี่ยวกับระบบปรับอากาศ

  3.ปั๊มสูญญากาศ ( Vacumm Pump)
       Vacumm Pump  เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ร้านแอร์ทั่วไปมองข้าม ร้านแอร์ที่ดีต้องทำแวคคั่มให้ลูกค้าครับ

  4. เทอร์โมมิเตอร์
         ตัวนี้เอาไว้วัดอุณหภูมิ เวลาเติมน้ำยาแอร์ครับ

  5. เครื่องมือพื้นฐาน อาทิ บล๊อค ประแจ ชุดเครื่องมือต่างๆ      
  
  6. เครื่องมือพื้นฐานสำหรับ ช่างทำความเย็น อันนี้แล้วแต่จำเป็นว่าต้องใช้อะไรบ้าง ในภาพรวมไว้หมด

     ข้างต้น เป็นอุปกรณ์พื้นฐาน ในการที่ใครคิดจะเป็นช่างแอร์ หรือ ช่างแอร์สมัครเล่น จะต้องมีไว้
การทำแอร์เป็นวิชาชีพเฉพาะ ต้องอาศัยความรู้ที่รู้จริง ประกอบกับประสบการณ์ในการปฏิบัติ ช่างแอร์
หลายๆท่านที่เป็นช่างได้ ก็เพราะ เป็นลูกมือช่างแอร์มาก่อน จึงอาศัยประสบการณ์ แต่ยังขาดความรู้
ลองดูครับ ผมไม่ใช่คนเก่ง และเป็นทวดา มาจากที่ไหน อยากเสนอเป็คังความรู้ให้เพื่อนๆเท่านั้นครับ
เผื่อเอาไว้ลองเอง สะสมเครื่องมือไป อย่างน้อยสามารถทำแอร์เราเองได้ เบื้องต้น ที่เราสามารถแก้ไข
ได้เอง......เอ้อสุดท้าย ช่างแอร์ต้องรู้เรื่องระบบไฟด้วยครับ ถ้าไม่รู้จบเลย ติดตั้งแอร์ได้ แต่อุปกรณ์
ไม่ทำงานก็ปวดตับ.... ;D ;D ;D ;D

  ด้วยความปราถนาดี""""""  buranasak ;) ;) ;)

ผิดถูก ประการไดขออภัย เพิ่มเติมได้จ้า....welovecivic

เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว เดี๋ยวต้องเตรียมหาหัวข้อ รับหน้าฝนต่อ   :-[ :-[

น้ำรั่วเข้ารถ   รถลุยน้ำท่วม  :o :o :o :o

 ;D ;D ;D ;Dเป็นไปได้

ตอบกระทู้มาสามปี เอทุกปีครับ  ;D ;D

ท่านเงาะ ตัวนี้ คือตัวไหน ขอภาพด่วน เพื่อนๆจะไดรู้ด้วย

อยู่ในคอมแอร์เลย สายไฟผ่านเข้าออก เดี๋ยวมีโอกาศไปถ่ายภาพจะเอามาให้ดูครับ :-\ :-\

ขอโทษทีครับ ผมเล่นจาก tab ไม่สะดวกแก้ไขรูปแล้วเอามาลงครับ
ตัวนี้ทำหน้าที่ตัดไฟการทำงานของคอมแอร์กรณีหน้าคลัชเกิดช๊อต หรือเกิดความร้อนสูงครับ
ทำหน้าที่คล้าย ๆ กับฟิวส์ครับ อยู่ติดกับคอมแอร์เลย

ตรงที่วงแดงๆครับ เทอร์มอลฟิวส์

:-* :-* :-*

โอเคร เท่านี้ก็เสริมความรู้ให้เพื่อนๆ welovecivic :) :)
ได้มาโขแล้วครับ ทั้งท่านเงาะ ท่านตู่ ท่านthanawat
เขาจะได้รู้ไว้ เวลาไปซ่อมกับช่างจะคุยกับช่างรู้เรือง

เทอร์ฟิวส์ ก็คือ ฟิวส์ ไว้ตัดการทำงานของคอมกรณี
คอมเกิดความร้อนสูง หรือ แมคแนติกส์ครัทชอร์รอบ
นะครับ.....แล้วกรณีคอมเกิตัดต่อเป็นจังหวะถี่
แต็ก ๆๆๆๆๆ หน้าครัทจะจากก็ไม่จาก จะจับก็ไม่จับ
เกี่ยวกับตัวนี้ไหม ในทาง ทบ. ด้านไฟฟ้า ผมยังจับทาง
ปัญหานี้ได้ไม่แตกสักที เลยไม่ผลึกสักทีกับปัญหานี้


ขอความกระจ่าง สำหรับเพื่อนด้วยครับ :-* :-* :-* :-[ :-[ :-[

ว่าแต่ ปุ่มกดตรงด้านเกียรของท่านตู่ที่สั่ง
ซื้อไป ยังไม่ได้ทำไรกับมันเลย อยูในซอง
เหมือนเดิม ถอดใส่ได้เลยใช่ไหมท่านตู่
ไม่ต้องดัดแปลงไรนะทีนี้เป็นเหล็ก
ถ้าหักละก็คงพิจารณาตัวเองหละผม
......ซาดิส ;D :-* ;D ;D >:( >:( :-[ :-[

ไหนๆ ก็ไปถ่ายมาล่ะ เอาลงหน่อยนะ  :-[ :-[

ตรงนี้ผมไม่เคยวิเคราะห์เลย  เท่าที่เจอส่วนมากเป็นตอนรอบเดินเบามันต่ำอ่ะครับ พอรอบเดินเบาสูงหน่อย มันก็จบปกติอ่ะ  :-\ :-\

นี้แหละเขาเรียกว่า เพื่อนแท้  welovecivic  เห็นบอกว่า
ตอบกระทูมา 3 ปีได้เอ แล้ว  ผมให้เป็น a+ เลย  :-* :-* :-*

เพื่อนที่ทราบประเด็น ข้างต้นเสริมมเพิ่มเติม ได้นะครับ

กลับจากประจวบฯหรือยังพี่ ไปเที่ยวไกลจัง  ::)

แกะห่อ เทน้ำร้อน ใส่ รอ 5 นาที ใช้ได้เลยพี่ พองน้ำกำลังดี  ;D ;D ;D

อันนี้ มาม่าคัพ แล้วครับพี่     ;D ;D ;D

มาแล้วครับ ไปพัทยาใต้ต่อและกลับมาอยู่นนท์แล้ว
เลยได้น้องติดไม้ติดมือมาคน ไล่แล้วก็ไม่ยอมกลับ
คุณตู่มารับไปที ยกให้  ;D ;D ;D ;D ;D

คำเตือน: กระทู้นี้มิได้ มุ่งหวังในการสร้างภาพอนาจารแต่อย่างใด
            โปรดใช้วิจารณาในการรับชม เด็กๆควรได้รับคำแนะ นำจากพ่อแม่  ;D ;D ;D ;D

เห็น สวยๆ น่ารักๆ แบบนี้ ยังเชื่อไม่ได้ว่าของจริงหรือ ไปทำที่ไหนมาหรือเปล่า ต้องตรวจสอบก่อน  ;D ;D ;D

เคยได้ยินข่าว ที่สามีฟ้องร้อง อย่ากับภรรยา ข้อหาหลอกลวง  ::)

สาเหตุน่าหรือ --> ก็ตอนแต่งสวยแบบนี้แหระ ความแตกตอนคลอดลูกออกมา  ;D ;D ;D 

ศัลยกรรม ทำได้ภายนอก ภายในทำไม่ได้ อย่างนี้ต้องทดสอบก่อน  ;D ;D ;D

แต่ผมคงต้องขอบาย  --> เดียวต้องไปทำศัลยกรรม ซะเอง โดนลูกแม่ยาย ยำเละ  :'(

ช่วงนี้ ใกล้หมดหน้าร้อนแล้ว คงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่อแอรกันเท่าไหร่แล้วม้างง

เตรียมหาหัวกระทู้ใหม่แล้วละ ก็ น้ำรั่วเข้ารถ กลิ่นเข้ารถ หารูรั่ว อุดรูรั่ว  ;) ;)

ดีครับมีหลายๆหัวข้อ มีประโยชน์ทั้งนั้น เรื่องแอร์ส่วนตัวค่อนข้างถนัด
และเห็นเพื่อนๆถามกันเยอะ และปัญหาเรื่องแอร์ก็มีประจำตลอด ไม่มีหยุด
ก็เลยตั้งหัวข้อมันซะเลย....เอ้อคิดเล่นๆนะ เรามาตั้งผู้เชี่ยวชาญแห่ง Welovecivic เอาเท่าที่ผมรู้จักนะ
    ท่านตู่  ผู้เเชี่ยวชาญ ด้านช่วงล่าง
    ท่าน Cyu ผู้เเชี่ยวชาญ ด้านไฟแสงสี
    ท่านเงาะ ผู้เเชี่ยวชาญ ด้าน DIY ท่าน Thanawat ผู้เเชี่ยวชาญ ด้านระบบไฟรถ
    ท่าน buranasak ผู้เเชี่ยวชาญ ด้านแอร์
    ท่านพี แห่งวังหินลาดพร้าว ผู้เเชี่ยวชาญ ด้านตู้ (กระจก)  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

 :-*  :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-*

ผมเพึ่งอุดรูรั่ว ที่ขอบยางกระจกไป พอดีช่างสีทากาวติดกระจกไม่ดี ผมเลยต้องเซาะร่องกาวออกเท่าที่จะทำได้แล้วก้เอาสิริโคนอุด จนขอบด้านบนจนทั่ว
แล้วก้กรีดขอบยางด้านบนออก เอาสิริโคนอัดอีกชั้น  ถึงไม่ค่อยสวย แต่ มั่นใจกว่าแต่ก่อนเยอะคับ 8) 8) 8)

พี่คิว มาช่วยกันยกกระจกทาซิลิโคนกันใหม ของผมกระจกหน้าน้ำซึมเวลาฝนตกหนัก ( ผมมือบอน แกะคิ้วมันออกจะขูดสนิม)  :'(  ตอนนี้สนิมปูดเลยเดี๋ยวจะหาเวลาทำ แต่จะทำแอร์ก่อนซื้อของมาแหละ จะเอาให้เหลือซัก 6-7 องศาอะ ลำคานจ๋ามันจ่มเวลาไปเซนทรั่นแอร์ผอดอะ จอดรถไวร้อนโคต...... :-[

ชองผมนี่ ช่างมันทากาวไม่เป็น แภบบนทั้งแภบ น้ำเข้าตลอดแนวเลย 555 งานเข้า เวลาติดไฟแดง นี่อย่างเมา เมา ควันท่อไอเสียคันหน้า ;D ;D ;D
ได้ข่าวว่าแอร์เยนแล้าไม่ใช่รึ คอมแอรก้แหล่ม ตู้แอก้ตู้นอกแล้ว

เวลาไปเวนทรัลแอพอด ไม่เคยจอดนอกเลย จะจอดในร่มตลอด วนมันจนกว่าจะได้จอด ไม่งั้นร้อนตาย 5  ;D ;D ;D ;D ;D

แอร์เย็นครับ 9 องศามั้ง แต่ตอนนี้แผงหน้า(คอยร้อน) หน้าจะรั่ว  และเมื่อวานนี้เช็ครั่วค่าวๆที่ วาวล์เติมก็รั่วนิดๆ  :-[  น้ำยาในระบบมีอยู่ 30 psi  แรงดัน 200 psi    น้ำยาขาด :'(  ตอนนี้ไม่ถึง 9 แหละแต่ตอนกลางคืนยังหนาวอยู่ แต่กลางวันสู้แดดไม่ไหว .....เดี๋ยวก่อนรอของมาถึงจะเอาให้ใด้ 7 องศา แบบตากแดด  ;)

นี่ก้ สู้แดดไม่ไหวเท่าไหร่ แดดบ้านเรา ร้อนอิ้บอ๋ายย อย่าลืมว่า ฟิล์ม ก้มีส่วน ช่วยด้วยนะ ;) ;) ;)

คุณ jkung 27 ถือโอกาสจัด cold ใส่เลย
ล้างระบบให้ดีๆ เปลี่ยนน้ำมันคอม แวคนานๆ
เจอติดลบแน่ :-\ :-\ :-\ รอชมผลงานจ้า
ขอแบบละเอียดมาโชว์ให้เพื่อนๆด้วย

ทำงานเหนื่อยๆ กลับมาบ้าน เข้ากระทู้นี้ หายเหนื่อยเลยเพราะเป็นกระทู้แอร์เย็นไข่  ;D ;D ;D

ตอนนี้เพื่อนๆ เริ่มเยอะหละ...มีไร Post ถามได้ครับ
กูรูเยอะ สาวๆก็เยอะ  ;D ;D ;D ;D ;D

แอบมาดูของขาวๆตอนดึกๆ :-* :-*

ส่วนใหญาคอมแอร์เราจะใช้กัน TRF 090  ( r12 )  กับ TRS 090  ( r134 )
 น้ำมันคอมจะใช้ประมาณ 85.7 cc  ( ผมว่าเผื่อซัก 4-5 cc ดีกว่าเวลาถอดสายชาจน้ำยามันชอบพุ่งออก)

http://www.sanden.com/index.php?tag=34EMNHQTC

ครับSanden compressors  Civic EK ถ้ามาจากโรงงานเดิมๆ ก็เป็นรหัส
TRS090  สำหรับน้ำยาตัวใหม่ R134a นะ ตัวเก่าก็ TRF090 น้ำยาตัวเก่า
R12 แต่เรื่องน้ำมันคอมเพรสเซอร์ นั้น ปรกติถ้ามีโอกาสได้ทำก็จะใส่ไว้เลยครับ
100 CC เหตุผลในทางปฏิบัติ มีการหายไป เผื่อไว้ดีกว่า แต่ถ้ามากว่านี้โดยไม่รู้ตัว
ก็จะทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพลง สำลักน้ำมันคอม เกิดความไม่สมดุลระหว่าง
น้ำยาแอร์ กับน้ำมันคอมเพรสเซอร์  ครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆที่มีแชร์ เพื่อนๆจะได้เปิดมาในกระทู้นี้แล้ว ได้อ่านยาวเลย
เรื่องแอร์  :) :) :) :) :) :)

ใช่ครับ ผมลองประเมิณตัวเองแล้วว่าถ้าโรงงานกำหนด 85.7 cc   ตัวผมคงต้องใส่ 95-100 cc  ลำพังแค่ถอกสายชาจน้ำยาฝั่ง h  ผมคงทำน้ำมันคอมออกไปประมาณ 4-5 ccแน่นอน   :-[

ทำแอร์เองได้ มีทักษะแล้วชำนาญแล้ว ขอให้ทำแบบสมบูรณ์นะครับ
ทำการล้างระบบแบบสมบูรณ์จะได้ไม่ต้องทำบ่อย อุปกรณ์ตัวไหน
รั่วเปลี่ยน  ตัวไหนเราใช้นานแล้วเปลี่ยนเลยครับ เปลี่ยนไดเออร์
เปลี่ยนวาล์ว ล้างระบบแบบถึงลูกถึงคน คือ ล้างด้วย f11 ให้เกลี้ยง
ทิ้งตากแดดไว้สักพัก ตอนเข้าระบบให้เปลี่ยนโอริงทุกตัวเพื่อความชัวร์
ใส่น้ำมันคอมใหม่  แวคนานๆตามประสิธิภาพของเครื่องแวค ใส่
Cold 12 ที่ซื้อมาไป รับรองครับมีถึงเกือบติดลบ แต่ทั้งนี้ คอมเพรสเซอร์
ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์กำลังอัดดีนะครับ  ความาามารถทำความเย็น
ได้ดีขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของอุปกรณ์แอร์รถแต่ละคัน ไม่เท่านั้น
ผมจึงพยายามแนะนำเพื่อนๆให้ทำแอร์ทำทีเดียว เสียเงินทีเดียว
อาจมีค่าใช้จ่ายสูง แต่จบ เพราะการซ่อมทีละจุดก็จะแก้ปัญหาเฉพาะจุดนั้น
จุดอื่นยังไม่สมบูรณ์ก็ไม่จบ 

เห็นว่าจะทำแอร์อยู่ เอามาโชว์ผลงานหน่อย แล้วเปิดร้านเลย อยู่เชียงใหม่ใช่ไหมครับ

เพิ่มอีกนิดน้ำมันคอมที่ผมเลือกใช้นะครับ

1.sunoco pb100
2.denso oil 8
3.sandan sp10

ทั้งนี้ต้องซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือได้ ปลอมมีมาก

ใช่ครับผมอยู่เชียงใหม่ครับ   แอร์แกะแล้วต้องทำให้ดีที่สุด สะอาดสุดๆ  ตอนนี้ใด้ cold มาแล้วครับเพิ่งใด้วันนี้ ตอนนี้กำลังไล่เก็บอุปกรณ์อะไหล่ที่ต้องใช้อยู่ครับ ทุนน้อยมาก ส่วนน้ำมันคอมนี่ ปลอมเยาะมากๆๆ  แต่ผมมีที่ซื้อแล้ว พอดีมีศูนย์เดนโซ่ที่เชียงใหม่ แต่ยังไม่ใด้ติดต่องเขาเลย....   

ให้ข้อมูลเพิ่มครับ สำหรับน้ำมันคอม Denso


ส่วนมากน้ำยาแอร์R134a น้ำมันคอมแอร์ คือ ND8สำหรับคอมโรตารี
ซึ่งไม่ใช่น้ำมันแร่ครับ น้ำมันสังเคราะห์ ดูดความชื้นได้สูงใช้งานกับน้ำยาR134a เท่านั้น
น้ำมันพวกนี้จะใส ไม่มีสี.. ส่วนน้ำมันไฮดรอลิตก้อใสไม่มีสี ความหนืดไกล้เคียง..แต่ไม่รวมตัวผสมกับน้ำยาแอร์ครับ

น้ำมันแร่สำหรับR12 คือ ND6 สีจะออกเหลืองอำพัน..ราคาถูก ใช้เติมกับรถR134aไม่ได้...

สรุปถ้าร้านไหนที่เพื่อนๆไปทำนะครับ ให้สังเกตดูนะครับ

น้ำมันคอมแอร์ ND8  ใช้กับน้ำยาตัวใหม่ R134a
น้ำมันคอมแอร์ ND6   ใช้กับน้ำยาตัวใหม่ R12

ของแท้เป็นแกลอน ตามภาพ






*** แต่ละยี้ห้อก็ใช้เบอร์ที่แตกต่างกันออกไปครับ

มีอยู่อย่างนึงที่ผมหาข้อมูลไม่ใด้คือ    วิธีเช็คกำลังอัดคอมแอร์ครับ      อันนี้ไม่รู้จริงๆว่าทำแบบใหน  รู้แต่วัดกำลังอัดกระบอกสูบ..... :'(

 8)เติมน้ำยาแอร์รถยนต์ ให้ถูกต้องนะจ๊ะ 8)


พวกเราสงสัยกันไหมครับว่า เวลาไปร้านแอร์ทำไมเด็กในร้านจับเติมน้ำยาให้เราทันที ทั้งๆที่รถเราเป็นรุ่นเก่าน้ำยาที่ใช้ยังเป็น R 12 แต่น้ำยาที่ใช้ปัจจุบันเป็น R134a ผมจะมาเล่าให้ฟังครับ

ระบบแอร์รถยนต์ในประเทศไทย ถูกออกแบบไว้ให้ใชักับน้ำยาแอร์รถยนต์ 2ชนิด คือ
1.R-12 ใช้กับแอร์รถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ. 2539 และเป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน ที่จะเลิกใช้ภายในปี 2552
2.R-134a เป็นน้ำยาแอร์รถยนต์ทดแทน R-12 ใช้กับรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539

        นั้นคือ รถยนต์ท่านใดที่ผลิตตั้งแต่ปี  พ.ศ. 2539 หรือ ค.ศ1996 เป็นต้นมาพึงรู้ไว้ว่ารถยนต์เราใช้น้ำยาแอร์รถยนต์ R134a ส่วนรถยนต์ที่เก่ากว่านั้น รถเราเป็นรุ่นเก่าน้ำยาที่ใช้ยังเป็น R 12 ทั้งนี้ให้ดู Nameplate ตรงรถยนต์เป็นหลักโดยมากจะเขียนไว้ให้ทราบ ฉะนั้น การเติมน้ำยาแอร์จะต้องระมัดระวัง เพราะ อันตรายจากการเติมน้ำยาแอร์ไม่ถูกต้อง หรือมีการปลอมปนสารชนิดอื่น การใช้น้ำยาแอร์ไม่ถูกประเภทตามที่กำหนดไว้กับระบบแอร์รถยนต์ หรือการใช้น้ำยาแอร์อื่นๆ ที่ปลอมปนมากับสารทำความเย็น R-12 ก็จะก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อระบบแอร์รถยนต์ ผู้ขับขี่ และช่างซ่อมบำรุง ดังนี้ครับ
1.ช่างซ่อมบำรุงแอร์รถยนต์ - ร้านซ่อมบำรุงบางรายยังคงใช้วิธีการตรวจรอยรั่วโดยการใช้ตะเกียง (Torch) และสังเกตสีของเปลวไฟ ซึ่งถ้าหากระบบนั้นมีสารไฮโดรคาร์บอนอยู่และมีการรั่วซึม อาจเกิดการติดไฟและระเบิดได้
2.ผู้ขับขี่รถยนต์ - หากน้ำยาแอร์มีสารไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเป็นสารที่ติดไฟได้ผสมอยู่ และมีการรั่วออกมาสู่ห้องผู้โดยสารแล้ว อาจเกิดการติดไฟและระเบิดได้ เป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตและทรัพย์สิน
3.ระบบแอร์รถยนต์ - อุปกรณ์ในระบบจะเสียก่อนกำหนด สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายอย่างมาก เนื่องจากระบบแอร์ไม่ได้ถูกผลิตมาเพื่อให้ใช้กับน้ำยาแอร์ผิดประเภท หรือการปลอมปนน้ำยาแอร์รถยนต์












ฉะนั้น พวกเราชาว welovecivic.com สามารถป้องกันอันตรายจากน้ำยาแอร์รถยนต์ปลอมปน

ผู้ขับขี่รถยนต์
1) ควรเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ให้ถูกประเภท โดยรถที่ผลิตก่อนปี พ.ศ. 2539 เติมน้ำยาแอร์ R-12 และรถที่ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เติมน้ำยาแอร์ R-134a
2) ก่อนเติมน้ำยาแอร์ ควรสังเกตชนิดของน้ำยาแอร์ที่ร้านซ่อมบำรุงจะเติมให้กับรถยนต์ว่าตรงกับประเภทของรถหรือไม่
3) ควรสังเกตวาล์วบริการ รถที่ติดตั้งระบบแอร์ที่ใช้กับน้ำยาแอร์ R-12 จะมีวาล์วบริการแบบเกลียว ส่วนรถที่ติดตั้งระบบแอร์ที่ใช้กับน้ำยาแอร์ R-134a จะมีวาล์วบริการแบบสวม

ร้านซ่อมแอร์รถยนต์ สามารถป้องกันการเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และลดค่าใช้จายที่ไม่จำเป็นได้โดย

1) ก่อนจะตัดสินใจซื้อน้ำยาแอร์ทุกครั้ง ควรทราบส่วนประกอบของสารทำความเย็นที่อยู่ในน้ำยาแอร์ที่จะซื้อก่อน โดยถามจากผู้ขายหรือสังเกตจากฉลากที่ติดอยู่ที่ข้างถังน้ำยาแอร์ เพื่อตรวจสอบดูรายละเอียดของส่วนผสมของสารในถังน้ำยานั้นๆ และหากไม่แน่ใจ สามารถตรวจสอบโดยใช้เครื่องตรวจสอบชนิดของสารทำความเย็น (Refrigerant Identifier) ซึ่งจะสามารถบอกส่วนผสมของสาร R-12, R-134a, R-22 และสารไฮโดรคาร์บอนที่มีอยู่ในน้ำยาที่ตรวจสอบได้
2) ระมัดระวังในการให้บริการ คือห้ามใช้วิธีการตรวจรอยรั่วโดยใช้ตะเกียงไฟ (Torch) โดยเฉพาะรถที่ท่านไม่ทราบว่ามีน้ำยาแอร์ชนิดใดอยู่ในระบบ เนื่องจากหากน้ำยาแอร์ชนิดนั้นมีน้ำยาแอร์ไฮโดรคาร์บอนอยู่ อาจจะทำให้เกิดการติดไฟและระเบิดได้

กำลังอัดคอม..อันนี้สำหรับช่างแอร์นะ...ผมจะโดนร้านแอร์ทุบหัวก็คราวนี้หละ
เอาไป ถามมาตอบให้ ตอบเท่าที่รู้  เอาไปลองดูครับ

       
                ค่า Standard ด้าน LOW ~ 1.5-2.5 kg/cm2) , ด้าน HI~ 14-16 kg/cm2)

 ;D   ;D   ;D    ว่าแต่ค่านี้เป็นค่าที่มีน้ำยาแอร์อยู่ หรือมีแต่น้ำมันคอมครับ  ::)

กำลังอัดคอม เท่าที่ผมรู้ทำได้ 2 อย่าง
1. ตอนถอดคอมออกมา ปิดรูหมุนมู่เล่ย์ ดูดเยอะๆดี
2.คอมอยูในระบบ ค่ามาตราฐานข้างบนที่แจ้ง ทำได้โดยต่อเกจ เร่งเครื่อง 1500
   รอบ  ถ้าค่าเกินมาตราฐานข้างบน ระบายความร้อนไม่ดี
  ถ้าค่าตรงข้ามกัน ทั้ง low  hi แสดงว่า กำลังอัดไม่ดี เปลี่ยนคอมดีกว่า

มีรูปตะเกียงไฟไหมครับ  อันนี้ไม่รู้จริง ๆ

อะไรคือตะเกียงไฟ :-\ :-\ :-\

การใช้ตะเกียง ตรวจสอบรอยรั่ว นั้นเป็นวิธีการง่ายๆ
โดยอาศัยคุณสมบัติของสารทำความเย็น r12  r22 นั้นคือ
เมื่อถูกเผาใหม้จะเปลี่ยนสีเปลวไฟจากสีเหลืองส้มเป็นสีเขียวตองอ่อน

ปัจจุบันไม่ใช้กันแล้ว มันดูแล้วอันตรายและไม่เป็น professional
เท่าไหร่ มีดีกว่านั้น เช่น  เครื่องตรวจสอบอิเล็กทรอนิค น้ำยาแบบเรื่องแสง
ส่วนตัวผม ใช้ลมอัดและเอาฟองน้ำยาล้างจาน ถูกและให้ผลออกมาดีเห็นชัดดี

รูปที่มีอยู่ครับ..... :-* :-* :-*ตะเกียงวิเศษ

ส่วนตะเกียง นี้ก็ดีสำหรับใช้ในถิ่น ไกลปืนเที่ยง สว่างใช้ได้  ;D ;D ;D >:( >:( >:(

วิธีการตรวจสอบรอยรั่วแอร์รถยนต์ (ตามทฤษฏี)

  
ภายหลังจากการติดตั้งระบบปรับอากาศหรือการซ่อมแซมแล้ว เราจะต้องทำการตรวจสอบระบบปรับอากาศเนื่องจากว่าการที่เราติดตั้งระบบปรับอากาศนั้นอาจมีจุดใดจุดหนึ่งในระบบมีรอยรั่วอยู่ และเพื่อให้แน่ใจว่าจุดต่อเหล่านั้นไม่รั่วก่อนที่จะทำสูญญากาศและชาร์จน้ำยาเข้าในระบบต่อไป เราจึงต้องการตรวจสอบรอยรั่วนั้นๆ กระทำได้หลายวิธี คือ

1. แบบฟองสบู่
 เป็นวิธีการที่นิยมใช้มากเนื่องจากว่าประหยัดค่าใช่จ่าย ง่ายต่อการตรวจสอบ มีความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน เพราะเพียงแค่เราสังเกตุดูลักษณะฟองสบู่ในจุดที่เราทำการตรวจเช็ค เราก็จะทราบว่าในจุดๆนั้นมีรอยรั่วหรือไม่

2. แบบตะเกียงตรวจรั่ว มีหลักการคร่าวๆคือใช้ตะเกียงที่มักต่อกับกระป๋องแก๊สขนาดเล็กที่ถือได้สะดวกและแก๊สที่ใช้มักเป็นแก๊สโพรเพน เมื่อจุดไปให้ตัวตะเกียงจะเกิดเปลวไฟขึ้น ซึ่งสีเปลวไฟจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับสีเปลวไฟของระบบเตาแก๊สในบ้านเรือน เมื่อมีการนำไปตรวจรั่ว ถ้ามีการรั่วของสารทำความเย็นในระบบ เปลวไฟจะเปลี่ยนสีไปจากปกติทันที โดยลักษณะของเปลวไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน

3. แบบอิเล็กทรอนิกส์ จัดได้ว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบรอยรั่วระบบปรับอากาศรถยนต์และระบบปรับอากาศทั่วๆไปที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถวิเคราะห์จุดรั่วได้แม้จะเป็นจุดรั่วเล็กน้อยก็ตาม โดยปกติแล้วจะมีใช้อยู่ 2 ระบบคือระบบแสงและระบบเสียง โดยจะมีแสงกระพริบหรือเสียงเตือนเมื่อมีการรั่วเกิดขึ้นในบริเวณใด แต่เครื่องตรวจสอบรอยรั่วแบบอิเล็กทรอนิกส์มักมีราคาแพง จึงไม่เป็นที่นิยมในท้องตลาดเท่าใดนัก

สงสัย  ::) แบบตะเกียง เจอรอยรั่วที่ท่อ แล้วติดไฟไม่ระเบิดหรือพี่   :-[

ระเบิดได้แน่ ครับ เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะจริงๆ
ลองดููขั้นตอนมันดิ เท่าที่มีเพื่อนๆ ให้ไว้อ่านแล้วขนลุก ไม่กล้าทำ

ขั้นตอนการใช้ตะเกียงตรวจรอยรั่ว

1.เสียบท่อสายยางสำหรับสารรั่วเข้ากับถังแก๊ส
2.เปิดวาล์วประมาณครึ่งรอบพอแก๊สจุดไฟติด
3.ปรับแต่งปริมาณเปลวไฟและควรจะทำการปรับให้มีสีอ่อนที่สุด
4.จากนั้นให้ใช้สายยางตรวจสอบรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ
5.ถ้าพบรอยรั่วของเปลวไฟจะเกิดเปลี่ยนเป็นสีเขียว
6.ทำการกำหนดจุดที่มีการรั่วเพื่อทำการซ่อมทำต่อไป

        คงไม่มีร้านแอร์ไหนใช้นะครับ มันโบราณและน่ากลัววิธีนี้ ;D ;D ;D >:( >:( >:( >:(

โห มีของแบบนี้ด้วย มิน่าผมถึงไม่รู้จัก :-X :-X

จะได้รู้กันไปเลย  ไม่เคยเห็นเหมือนกัน

พี่เงาะเกิดไม่ทันอะซิ  ;D  ;D
  แต่ที่ผมรู้มาเขาไม่นิยมใช้กันแล้ว( เลิกใช้แล้วมั้ง ) เพราะเดี๋ยวนี้ทั้งน้ำยา r12   r134  มันมีการปนเปลื่อน บางถังเป็นแก๊ชอัดแทนน้ำยามา ถ้าใช้ไฟมีโอกาศที่จะติดไฟใด้  รวมถึงน้ำยาทดแทนที่ผมใช้ด้วย( cold c30 )  มี โพรเพน (ถูกเปล่า) ผสมอยู่  แต่ไม่เป็นอันตราย เพราะ cold ใช้ปริมาณน้ำยาน้อยกว่าน้ำยาทั่วไปมาก   
  พี่เงาะสนใจใหม 2 กระป๋องก็เต็มระบบแล้ว ล้นด้วยมั้ง  ;)   ยุ่นยังไม่กลัว เราคนไทยกลัวไร  cold ต้องเติมควั่มกระป๋องครับ เพราะไม่มีท่อดูด และเพื่อให้สารที่ทางผู้ผลิตมาเข้ากัน จึงต้องควั่มกระป๋อง  :-*
http://www.youtube.com/watch?v=i1VHi0dpseg



 

ราคา ::)

187  ต่อ1กระป๋อง( ร้านค้าขาย 250 )   หัวเติม 107 บาท  รวมแวด7% แล้ว  ค่าส่ง 250 บาท   :-[   
  เดี๋ยวผมลองทำก่อนพี่ ถ้าทำสำเร็จจะซื้อมาขาย  ;)   ;)   ;)

ไม่แพงนี่หว่า :)

ติดไฟครับ.... โครตเย็นครับ.... ผมใช้อยู่ครับ  ;D ;D ;D ;D

รูปครับ ผมไม่มีส่วนได้เสียนะ

โบอา BOA สาวสวย นักร้องเกาหลี
นารักน่ะ.... ;D ;D ;D ;D

สงสัย มีปัญหาสอบถามได้ จะตอบให้เท่าที่ผมรู้
ใครพอมีความรู้ หรือประสบการณ์มาแชร์กันได้ครับ
จะได้เก็บเป็นคลังความรู้ให้เพื่อนๆ  welovecivic
ปัญหาแอร์แต่ละคันต่างกัน  :-* :-* :-* :-* :-* ;D ;D ;D

ปัญหาแอร์ (แอร์ ภุมวารี) ตอนนี้น้องเขาไม่เล่นหนังแล้วหรือ ::)  ::)  ::)   เกี่ยวกันใหม ;)  ;)  ;)

 >:( >:( >:( ;D ;D ;D

จนปานนี้เค้าก็มีผัว ทำการทำงานไปแล้วอ่ะดิ  :P :P :P :P

 ;D ;D ;D ;D

มาช่วยกันวิเคราะห์หน่อย ยังปวดหัวว่า หน้าครัทคอมแอร์
1. ตัดต่อถี่เกินเหตุ ติ๊ก ๆๆๆๆๆๆ
2. จะจากไม่ยอมจาก จะจับไม่ยอมจับ

      สาเหตุ น่าจะเกิดสิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ไหม มีอย่างอื่นเกี่ยวกับระบบไฟไหม ขอ comment หน่อย
      1. แม็กเนติกครัท(คอยแม่เหล็กเสื่อม) ชอร์ทรอบ โอมห์ไม่ได้ตามค่ามาตฐาน
      2. หน้ามู่เล่ย์ กับแผ่นหน้า สึก

                
     ค่าโอมห์ของ แม็กเนติกครัท(คอยแม่เหล็ก)ตามค่ามาตฐานเท่าไหร่นะ  ใครมีภาพวิธีการเช็ค เอามาโชว์หน่อย
 :) :) :) :)

          

คู่มือ จะใช้ใด้ใหมนะ ::)

http://www.upload-thai.com/download.php?id=55a262649539884b68fe5d64bf7fc301

ไม่ได้เข้ามาอ่านอาทิตย์เดียวความรู้ ไปหน้าที่ห้าแล้ว  สงสัยแข่งกะ ฟาส6 ;D ;D ;D

 ;D ;D ;D :-* :-* :-*

พี่ เสียง ติ๊กๆๆๆๆๆ เป็นเสียงหน้าครัทนะ  ::)  ไม่ใช่เสียงนาฬิกาตั้งเวลา  :(


ตัด/ต่อบ่อย แบบนี้ พี่ลองต่อหลอดไฟ คล่อมสายไฟที่เข้าครัท ดูหน่อยครับ ว่าไฟมาตลอดเวลาหรือไม่ เพื่อวิเคราะห์ ต่อว่า

1. ถ้าไฟมาๆ/หายๆ ก็น่าจะเป็นที่ระบบไฟที่จ่ายให้กับ ครัท เช่นสายไฟขาดใน relay หน้าสำผัสเสีย  ::)
2. ถ้าไฟมาตลอด ก็น่าจะเป็นที่ชุดครัท แต่ก้ต้องแยกว่า เป็นที่ ระบบ แมคคานิก หรือ คอล์ย มีปัญหา

คุณตู่ ค่าโอมห์ของ แม็กเนติกครัท(คอยแม่เหล็ก)ตามค่ามาตฐานเท่าไหร่นะ  ใครมีภาพวิธีการเช็ค เอามาโชว์หน่อย
พยายามหาแล้วไม่เจอ ไม่เคยวัดตอนแกะกล่องมาไหม่ๆ ว่าค่ามันเท่าไหร่

ผมก็ไม่มีเหมือนกัน น่าจะเอาดิจิตอล ตั้ง rang โอม แล้ววัดน่าจะ จะได้ค่า โดยเทียบกับตัวที่ปกติ ครับ

ถ้าจะวัด แบบ ขดลวด คงต้องใช้ inductance meter วัดครับ

ค่านี้ น่าจะได้น่ะ ถูกไหม

ต้องเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนวัดนะพี่ เพราะวัดที่ 20C   ;D


ถ้าให้แน่ๆ ต้องวัดเทียบกับตัวที่ปกติ น่าจะแน่นอนกว่า ยังไงเดี๋ยวผม วัดตัวของผมลองเทียบดูว่าได้กี่ โอม  :-[

จัดมาโชว์ ท่านตู่ ความรู้เล็กๆ แต่มีประโยชน์มากๆๆๆๆ

ว่าแต่ผมใส่ปุ่มกดหัวเกียร EK ของท่านแล้วนะ พอดีเลย สวยงาม รมดำ แข็งแรงมากๆ

ขอบคุณสำหรับของดีๆ  :-* :-* :-* :-* :-* ใช้ยาวส์ๆๆๆๆ

ครับผม

ไว้ปะหน้า ปะตา จะขโมย HDD ซักหน่อย งามๆ ทั้งนั้นเลยมั้งนี่ ใน HDD  ;D ;D

คัดสรรมาแล้ว งามขนาดหนัก....ชอบดิ  ;D ;D ;D ;D

สถิติกระทู้  มารู้จักระบบแอร์ เทคนิค วิธีซ่อม การบำรุงรักษา Civic Ek กันไหม !!!!!

ตั้งกระทู้เมื่อ: 07 เมษายน 2013, 18:15:50 »
มีคนตอบ  202 ท่าน  มีคนอ่าน 3576 ท่าน ( 5/28/13  10.10 น)
    อยู่ ใน หัวข้อน่าสนใจมาก (มีผู้ตอบมากกว่า 40 ครั้ง)

ใช้ได้นะ  แสดงว่าเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์ เปิดกระทู้มาประมาณ 1 เดือนกว่าๆ
ถ้าเป็นประกวดนางงามน่าจะเข้ารอบนะ ;D ;D ;D ;D ;D :-* :-* :-* :-* :-*

 8)ท่านรู้จัก Civic EK ดีหรือยัง   8)

  ไปอ่านเจอมา ดีนะครับ  User’s Review> Civic ‘97 (ตาโต) อีกหนึ่งทางเลือกของรถมือสอง ลองไปอ่านดู จขกท
เขา รีวิวซิวิค  EK ได้ตั้งใจดี  เอามาจากจ้า...............................ไม่ได้เกี่ยวกับแอร์นะ  ;D ;D ;D >:( >:( >:(


<แนะนำตัว + User’s Review> Civic ‘97 (ตาโต) อีกหนึ่งทางเลือกของรถมือสอง

http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2010/02/V8915945/V8915945.html

เผื่อพี่ๆ เพื่อนๆ หาน้ำยาแอร์คุณภาพไม่ใด้ เขาไปโรงงานใด้เลย
พิกัด   13.921475,100.403632
cool man   
(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=169234.0;attach=236996;image)

ไม่ใด้มีส่วนใด้ส่วนเสียนะ  แค่เห็นว่าน้ำยาปนเปรื่อนมันมีมาก เลยเอามาเป็นอีกทางเลือกครับ  :-[

ปัญหาคือผมทำเองไม่เป็น แล้วก็ไม่รู้ว่าร้านไหนที่จะทำได้ตามที่แนะนำในกระทู้บ้าง

พี่ ๆ พอจะรู้จักร้านแอร์ที่ไว้ใจได้ แถวนนทบุรี บางใหญ่ แคราย รัตนาธิเบศร์ แนะนำมั๊ยครับ  :-[ :-[

ไม่แปลกครับทำแอร์ไม่เป็น เพราะทำแอร์มันมีสิ่งที่ต้องทำ
มากกว่า ทฤษฏี ที่หาอ่านได้จากหนังสือ ตำรา เสียอีก อ่าน
พูด บอก ง่ายครับ แต่ทำไม่ง่าย เหนื่อยมากมายก่ายกอง

กระทู้นี้ จึงเป็นคลังความรู้ที่อ่าน หรือเห็นให้รู้ไว้
ก่อนตัดสินใจทำ ตามวัตถุประสงค์ของกระทู้

ต้องถาม ก่อนครับว่าแอร์เป็นอะไร จะได้ให้คำแนะนำ
ได้ ส่วนร้านมีมากมายก่ายกอง แต่จบไหมเท่านั้น ราคา
แตกต่างกันไป ถูกๆ ไม่ค่อยดี  ทำแพงก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
พูดยาก ระบบแอร์มันค่อนข้างอ่อนไหว

ลองเอาปัญหามาแชร์กันดีกว่าทจะช่วยวิเคราะห์ให้ได้ก่อน
เข้าซ่อมครับ

ว่าจะรวม อัมบัมคอมแอร์ เดิมๆ ที่ติดมากับรถ
Honda ทุกรุ่น ดีไหม เอาแบบเดิมๆจริง มีรูป
สติกเกอร์ชัดๆ  ช่วยสนับสนุนภาพกันหน่อยนะจ๊ะ
ใครมีเริ่มเลย...เป็นเครื่องยนต์ของยุ่นก็ได้ครับ
เอามากองๆกันไว้ เวลาใครไปเปลี่ยน หรือไแใส่คอมเชียงกง
จะได้เลือกเบอร์ได้ถูก :-* :-* :-*


ลองรวบรวมดู  ผิดถูกประการใดขออภัย เพิ่มเติมแก้ไขได้ครับ
เอาตระกูล Honda ก่อนเท่าที่พอหาภาพและข้อมูลได้

1.คอมเพรสเซอร์แอร์ ซิวิค ไดเมนชั่น
   รหัส TRSA090

2.คอมเพรสเซอร์แอร์ ซิวิค ตาโต 96-00
   รหัส TRS090

3.คอมแอร์ Hadsys Made in Japan
   รหัส HS-090  เห็นอยู่ใน Civic 4D

4. คอมแอร์ CRV
   รหัส TRSE 09  HONDA CRV 2006 (BRAND NEW)

5. คอมแอร์ Honda CRV (2003 to 2005 model) (2nd Gen CRV)
   รหัส HS 110R

6. คอมแอร์ Honda FD 1.8 (2006-2010 MODEL)
   รหัส TRSE 07

6. คอมแอร์ Honda CITY 2003-2006 MODEL
   รหัส TRSA  09

6. คอมแอร์ Honda CITY 2008 UP TO PRESENT MODEL
   รหัส TRSE  07

7. คอมแอร์ Honda Jazz / City WITH iDSI ENGINE
   รหัส HS-090H

ใครมีอีก เอามาเพิ่มเติมได้ครับ
ผิดพลาดประการใดขออภัย เพิิ่มเติมได้เลย
 :-* :-* :-* :-* :-* :-*

ทำแอร์มันก็คงเหมือนทอดใข่ดาว ใข่เจียว  ใครๆก็ทำใด้ .....แต่ทำอย่างไงให้หน้ากินและอหร่อย ;)   กำลังหิวเลย ;)

หิว ๆๆๆๆๆๆ ไข่เจียว   ;D  ;D ;D ;D

ใช่ครับ ทำแอร์มันมีไรมากกว่าที่เห็น ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ
ความชำนาญในการถอดประกอบ เครื่องครบๆและของดีด้วย
และสุดท้ายฝีมือครับ บางทีช่างแอร์ก็ยังหาทางออกไม่ได้
เหมือนกัน  ส่วนตัวถ้าทำก็ใช้เวลาทำเองนานโข เพราะละเอียด
ใช้เวลากับมันนาน  แต่แอร์ออกมาเย็นไข่แข็ง เพราะใช้ตู้ยุ่น
+ cold 134

หาช่างนะดีแล้วครับ ทำเองงบ เวลา บานเลย ไม่จบอีก เหนื่อยมากครับ
 :-[ :-[ :-[

 8)อยากลองถอดคอมแอร์ TRS 090 8)


ต่อเนื่องมาจากการผ่าคอมแอร์ Civic EK  ใครมีคอมเสียอยู่
ลองถอดดูครับจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไง มีภาพการถอดดังรูป ไม่ยาก ไม่ยาก

 8) กว่าจะมาเป็น คอมแอร์รีบิ้ว    8)

   ไปอ่านเจอมา มีสาระดีครับ ลองอ่านประดับความรู้ดูครับ  ;) ;) ;) ;) ;)

             ปัจจุบันคอมเพรสเซอร์แอร์รีบิ้วยังคงเป็นที่นิยมใช้อยู่ในประเทศต่างๆ อาทิเช่น  สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน,  มาเลเซีย,  และประเทศอื่นๆอีกมาก  ซึ่งเหตุผลที่คอมเพรสเซอร์แอร์รีบิ้วยังคงเป็นที่นิยมเรื่อยมาเนื่องจากมีราคาที่ต่ำกว่าคอมฯแอร์ใหม่มาก  และประเทศเหล่านี้มีทักษะความชำนาญ เครื่องมือ และเครื่องจักรที่ทันสมัยจนสามารถซ่อมคอมฯแอร์เก่าจนมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับของใหม่ หรืออาจดีกว่าหากเทียบกับของใหม่ที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐาน   ซึ่งจัดได้ว่าเป็นการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดอีกด้วย  
แล้วคอมฯ แอร์รีบิ้วที่มีคุณภาพควรจะเป็นเช่นไร?  มีขั้นตอนการผลิตอย่างไร? เราอาจเคยประสบกับปัญหาการซื้อคอมฯแอร์รีบิ้วที่ไม่มีคุณภาพ  เปลี่ยนกี่ลูกก็ยังรั่วอยู่ ใส่ไปก็ไม่ทน ใช้ได้ไม่กี่เดือนก็เสียอีก  หรือเมื่อนำรถไปซ่อมเจอช่างแอร์บางท่านมักแนะนำให้เปลี่ยนเป็นคอมฯแอร์นอก  (หมายถึงคอมเก่าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ)หรือคอมฯแอร์ใหม่แทนคอมรีบิ้ว  ซึ่งคอมฯแอร์นอกหากช่างที่มีความชำนาญคัดเลือกได้ดีก็จะใช้ได้นานส่วนคอมฯแอร์ใหม่ ก็ควรต้องระวังของปลอมซึ่งในปัจจุบันมีการทำเลียนแบบได้เหมือนมากจนช่างบางคนเองก็ไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นของใหม่แท้ หรือ เลียนแบบของใหม่ แต่ถึงยังไงราคาก็ยังสูงมากเมื่อเทียบกับคอมฯแอร์นอก และคอมฯแอร์บิ้ว
         การผลิตคอมบิ้ว จึงมีขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการผลิต,  เครื่องจักร, ทักษะ,ประสบการณ์ในการตรวจเช็ค เพื่อให้ได้คอมฯแอร์รีบิ้วที่มีคุณภาพมากที่สุด ลองไปอ่านดูครับ นี้แหละที่เขาเรียกว่า คอมบิ้ว
  
ขั้นตอนการผลิตคอมเพรสเซอร์แอร์รีบิ้ว  ::) ::) ::)

1.   คัดเลือกคอมเพรสเซอร์แอร์ ในสภาพภายนอก – ภายใน ที่ดีสามารถนำกลับมาใช้งานใหม่โดยไม่สึกหรอมากจนเกินไป

2.   ตรวจเช็คภายในตัวคอมเพรสเซอร์  ถึงแม้จะคัดเลือกคอมฯแอร์ อย่างละเอียด แล้ว ก็ต้องนำมาตรวจเช็คภายในอีกครั้ง เนื่องจากคอมฯแอร์บางลูกแรงอัดดี แต่อาจจะรั่วซึม หรือ ลิ้นวาว์ลมีปัญหา  ดั้งนั้นการตรวจเช็คภายในเป็นกระบวนการที่สำคัญและต้องใช้ทั้งประสบการณ์และทักษะของช่าง

3.   เช็คล้าง คัดเลือกอะไหล่  หลังจากตรวจเช็คภายในคอมฯแอร์แล้ว ก็จะนำอะไหล่มาเปลี่ยนทดแทนชิ้นส่วนเดิมที่มีความสึกหรอจนไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ใหม่ เนื่องจากหากนำมาใช้อีกไม่นานก็จะเกิดปัญหาได้ ส่วนอะไหล่ที่เปลี่ยนนั้น มีทั้งเป็นของใหม่และของเก่าที่มีสภาพสมบูรณ์  สำหรับยางโอริงที่ใช้ป้องกันการรั่ว ทางร้านได้เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด เนื่องจากยางโอริงมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าอะไหล่อื่นๆ

4.   ประกอบชิ้นส่วนคอมเพรสเซอร์ สำหรับขั้นตอนนี้มีความสำคัญมากพอ ๆ กับการตรวจเช็คภายใน ต้อง
ใช้ช่างที่มีทักษะและประสบการณ์อย่างสูง ซึ่ง คอมฯแอร์แต่ละลูกก็มีก็ความแตกต่างกันทั้ง รุ่น, ยี่ห้อ และชนิด
ของมัน ดังนั้น ทางร้านเราจึงแยกการผลิตเป็นแผนกให้เพื่อตรงกับรุ่นและชนิดของคอมแอร์ในแต่ละรุ่น  เพื่อให้
คอมฯแอร์รีบิ้วนั้นได้รับการประกอบชิ้นส่วน ได้ตรงกับช่างผู้มีความชำนาญในชนิดรุ่นและยี่ห้อ นั้น โดยเฉพาะ

5.   ตรวจเช็คเบื้องต้นก่อนประกอบชุดครัช หลังการประกอบชิ้นส่วนแล้ว มาถึงขึ้นตอนการตรวจเช็ค ทั้งด้านแรงดันกำลังอัด เสียง และเช็ครั่ว โดยใช้เครื่องมือการตรวจเช็คเฉพาะด้าน ซึ่งจะใช้มอเตอร์ปั่นเพื่อ ฟังเสียงเบื้องต้น และตรวจสอบแรงดัน ส่วนการเช็ครั่วนั่นใช้ ไนโตรเจน หรือ เครื่องอัดอากาศ แรงดัน ประมาณ 300 ปอนด์ ต่อหนึ่งตารางนิ้ว และแช่น้ำเพื่อดูอาการว่ามีการซึมหรือไม่ขั้นต่ำ 12 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อนำไปใช้งานแล้วจะไม่เกิดปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น  (หมายเหตุ เป็นขั้นตอนที่มีความยุ่งยาก ต้นทุนสูง และใช้เวลาในการตรวจเช็คมาก หากมีการละเลยในขั้นตอนนี้อาจได้คอมรีบิ้ว ที่ไม่มีประสิทธิภาพมาใช้งานได้)

6.   ตกแต่งสีภายนอก และประกอบชุดครัช พร้อมด้วยเช็คระบบไฟ เช็คระยะห่างของหน้าครัชที่เหมาะสม สำหรับการทำสีตกแต่งภายนอกนั้นมีทั้ง การพ่นสี หรือ การยิงทราย ส่วนประกอบอื่นๆ เช่น น๊อต พูเล่ย์ ฯลฯ จะนำไปชุบสีตามความเหมาะสม
 
7.   ตรวจสอบทั้งหมดอีกครั้งก่อนบรรจุกล่อง เนื่องจากก่อนที่จะขายหรือส่งให้กับตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ทั่วประเทศ  จะมีการตรวจเช็คอีกครั้งก่อนส่งมอบสินค้า เพื่อให้ผู้ใช้รถทุกท่านได้มั่นใจในคุณภาพคอมเพรสเซอร์
 
                    จากการที่เรารู้ขั้นตอนและกระบวนการผลิตแล้ว ก็จะเข้าใจและรู้จัก คอมแอร์รีบิ้วมากขึ้น และได้รับประโยชน์ในการเลือกซื้อคอมฯแอร์ในอนาคต และเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้รถ บุคคลทั่วไป และช่างซ่อมแอร์ ในการเลือกใช้ และเลือกซื้อคอมฯแอร์รีบิ้วที่มีประสิทธิภาพได้มาตรฐาน
                    
                    ที่นี้ชาว Welovecivic ก็คงพอตัดสินใจได้นะว่าจะเลือกใช้คอมเพรสเซอร์ รีบิ้ว ไหม  ;D ;D ;D ;D ;D
ส่วนตัวก็ไม่ได้เลวร้ายนะครับ คอมรีบิ้ว คือ คอมเสีย คอมเก่า เอามาทำใหม่ก็เท่านั้นเอง  :-X :-X :-X :-X :-X

  อะไหล่รถเชียงกง คืออะไรอะ  ::) ::) ::)

   งงนะ ก่อนยังเข้ามาในวงการอะไหล่ รถยนต์มือสอง เชียงกง อะไรฟ่ะ เชียงกง
มันเป็น ปู่ ตา บิดาใคร  ???  ;D ;D ;D  มา มาอ่านกัน เพิ่งรู้เหมือนกัน


       
                           "เซียงกง" ในภาษาจีนนั้น "เซียง" คือ เทวดา และ "กง" คือ ปู่ ไม่ได้มีความหมายใด ๆ ที่สื่อไปทางอะไหล่เครื่องยนต์เลย แต่คำว่า "เซียงกง" ก็ยังคงเป็นชื่อเรียกธุรกิจการค้าและสินค้าของอะไหล่รถยนต์และเครื่องยนต์ที่ใช้แล้วต่อไปอีกนานเท่านาน เพราะเชียงกง เป็นแหล่งสถานที่กำเนิดของอะไหล่รถยนต์ใช้แล้ว ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของประเทศไทย
       เมื่อกล่าวถึงคำว่า "เชียงกง" ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคนในกรุงเทพมหานครหรือต่างจังหวัดก็รู้ทันทีว่า เป็นสถานที่ขายชิ้นส่วนอะไหล่และเครื่องยนต์มือสอง ถูกเรียกเพี้ยนมาจำคำว่า "เซียงกง" นั้น เป็นชื่อของศาลเจ้า "เซียงกงเกง" ที่ตั้งอยู่ต้นถนนทรงวาดติดกับถนนเจริญกรุง ของแขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งถูกสร้างมาก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนจำนวนมากที่มาตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้ ผู้คนทั่วไปจึงเรียกชุมชนละแวกนี้ว่า "เซียงกง"บรรพบุรุษชาวจีนที่อาศัยอยู่บริเวณศาลเจ้าเซียงกงเกงนี้ ได้เริ่มต้นการค้าขายอะไหล่และเครื่องยนต์เก่าจากคติการดำเนินชีวิตที่ยึดถือในความขยัน การประหยัด การสร้างสรรค์ และการใช้สิ่งของต่าง ๆ อย่างคุ้มต่า ดังนั้นเมื่อได้เห็นพวกซากรถเก่า ๆ ที่จอดทิ้งระเกะระกะอยู่ตามที่ต่าง ๆ จึงเกิดความเสียดาย และด้วยชาวจีนชอบการค้าขายเป็นทุนเดิมก็เลยมีการรับซื้อเศษเหล็กซากรถเหล่านั้น นำมาซ่อมแซมปรับปรุงหรือตัดแยกเป็นชิ้นส่วน แล้วนำไปจำหน่ายให้กับผู้บริโภคที่ต้องการในราคาที่ประหยัด สิ่งไหนที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ก็นำมาดัดแปลงใช้ในงานอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องมือการเกษตร อุปกรณ์การลากจูง อุปกรณ์สูบน้ำ ฯลฯ หรือไม่เช่นนั้นก็นำชิ้นส่วนมาหลอมเป็นเหล็กเพื่อนำมาสร้างเป็นสินค้าที่มีประโยชน์อื่น ๆ ต่อไป
                  กลุ่มร้านค้าเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากการเห็นประโยชน์จากซากรถเหล่านั้น กลายเป็นธุรกิจที่เฟื่องฟูในหมู่คนจีนที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ธุรกิจเชียงกง็ยิ่งเติบโตมากขึ้นจากการประมูลขายพาหนะปลดประจำการต่าง ๆ ของทหารพันธมิตร และยังคงเติบโตมาเรื่อย ๆ จนหลังครามเวียดนามก็ยังคงมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่และยานพาหนะเก่าต่าง ๆ อย่างมากมายเพราะราคาค่อนข้างถูกพอที่จะเอามาดัดแปลงมาใช้ทดแทนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้

                ในช่วงหลังสงครามเวียดนาม เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่รถที่ใช้แล้วเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อนำมาดัดแปลงใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป จึงได้มีการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่ อะไหล่รถยนต์ใช้แล้วที่นำเข้าเหล่านี้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศหลาย ๆ ด้าน เช่น รถโดยสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถสามล้อ หรือรถตุ๊กตุ๊ก เป็นที่รู้จักกันดีรวมทั้งบรรดานตักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนเรียกได้ว่า เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของการท่องเที่ยวของประเทศเราไปแล้ว และในปัจจุบันก็มีการผลิตส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีพัฒนาการมาจากการใช้ชิ้นส่วนรถ และอะไหล่เก่ามาประกอบกันนั่นเอง

โดยการนำเครื่องยนต์เก่าจากต่างประเทศดัดแปลงเป็นเครื่องยนต์เรือ จากเรือพายธรรมดาก็กลายเป็นเรือยนต์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งผลผลิตจากเรือกสวนไร่นาต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่ตามสองฝั่งของแม่น้ำ ลำคลอง สู่ตลาดในเมืองได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การติดต่อทำมาค้าขายมีความสะดวกมากขึ้น และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำเพื่อทำรายได้ให้แก่ประเทศชาติได้อีกประการหนึ่งด้วย

มีการนำเครื่องยนต์เก่ามาดัดแปลง เป็นเครื่องดูดทรายเพื่อใช้ในการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นปั่นจั่นตอกเสาเข็ม และเครื่องปั่นไฟ เป็นต้น

การทำเหมืองแร่ และการประมงในทะเล  : ล้วนแต่ใช้อุปกรณ์จากเครื่องยนต์และอะไหล่ใช้แล้ว ที่นำเข้าจากต่างประเทศมาดัดแปลงสร้างเป็นอุปกรณ์ทำเหมืองเกือบทั้งสิ้น รวมทั้งเรือประมงขนาดเล็กขนาดใหญ่

รถอีแต๋น รถเกี่ยวข้าว เครื่องปั่นกังหันลมในบ่อเลี้ยงกุ้ง บ่อเลี้ยงปลา ชาวสวน เช่น สวนส้ม ทางภาคเหนือ เหล่านี้ก็ได้ใช้ส่วนประกอบมาจากเครื่องยนต์ที่ใช้แล้วทั้งสิ้น

ยานพาหนะรุ่นเก่าที่ยังมีใช้กันอยู่ในประเทศเรานั้น ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะเป็นอย่างมากอีกทั้งอุปกรณ์ทำความเย็นในรถรุ่นเก่าที่ใช้น้ำยาที่มีผลทำให้เกิดมลภาวะในสิ่งแวดล้อมเช่นกัน แต่ชิ้นส่วนอะไหล่และเครื่องยนต์ใช้แล้วที่นำเข้ามาจากต่างประเทศที่ขายกันในเชียงกงนั้นเป็นรุ่นใหม่ มีผลทำให้เกิดมลภาวะต่าง ต่ำมาก แต่สามาถนำมาดัดแปลงใช้กับยานพาหนะรุ่นเก่า ๆ เหล่านั้นได้ ทำให้เรายังสามารถใช้ยานพาหนะรุ่นเดิมแต่เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงเป็นอย่างมาก

การนำเครื่องยนต์และอะไหล่ใช้แล้ว นำเข้าเหล่านั้นมาเป็นอุปกรณ์การสอนให้กับนักเรียนอาชีวะและช่างกล เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ในเรื่องพัฒนาการของเครื่องยนต์และอุปกรณ์รถยนต์ต่าง  รวมทั้งเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้หาวิธีการประดิษฐ์สิ่งใหม่จากของเก่าเหล่านี้ขึ้นมาได้

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การที่เชียงกงนำเข้าอะไหล่และเครื่องยนต์ใช้แล้ว สามารถช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศได้หลายร้อยเท่า จากกิจกรรมต่าง ๆ  ที่กล่าวมาในข้างต้น หากต้องใช้อุปกรณ์ของใหม่ทั้งหมด การพัฒนาต่างๆ จะเป็นไปได้ช้าลงเนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นมาหลายร้อยเท่าตัว

จากประโยชน์มากมายของ "อะไหล่เชียงกง" และราคาที่ถูกนั้นทำให้ธุรกิจนี้ขยายเจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาและยังเป็นที่นิยมของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ด้วยคุณภาพของอะไหล่ญี่ปุ่นแท้ ที่ยังคงมีประสิทธิภาพการทำงานถึง 75-90%  เหมาะกับประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยของเรา อีกทั้งมีผู้ประกอบการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้บริเวณศาลเจ้าเซียงกงเกงคับแคบลงไปถนัดตา จึงมีการขยายออกมาทางแขวงวังใหม่ (สวนหลวง) ซึ่งเป็นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันมีชื่อว่า "เชียงกงสวนหลวง" แต่เนื่องจากการจราจรที่คับคั่งและแออัด จึงมีการขยายออกมาตั้งในเขตชายเมืองรอบกรุงเทพฯ เช่น เชียงกงรังสิต เชียงกงพระราม 3 เชียงกงบางนา (บางนา-ตราด กม.12) ซึ่งเป็นเชียงกงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้ อยู่บนพื้นที่รวม 84 ไร่ มีร้านค้าในโครงการกว่า 1,200 ยูนิต

การขยับขยายของเชียงกงนั้นคงจะต้องมีอีกต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้งตราบใดที่คนไทยเรายังมีคติการประหยัด การมีจินตนาการสร้างสรรค์ของนักประดิษฐ์ การนำสิ่งของที่ใช้แล้วมาดัดแปลงใช้อย่างคุ้มค่า

ปัจจุบันผู้ที่ประกอบอาชีพค้าเครื่องยนต์และอะไหล่ใช้แล้วในเชียงกง ก็คือลูก ๆ หลาน ๆ ของบรรพบุรุษที่ทำต่อ ๆ กันมา ถือเป็นรุ่นที่ 2 ที่ 3 และคงจะมีรุ่นที่ 4 ที่ 5 ต่อไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ประชาชนคนไทยยังนิยมใช้ และมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพ


ไปเที่ยวเมืองเชียงกง กันไหม  ;D ;D ;D ;D ;D

การเช็คเบื้องต้นกำลังอัดคอมเพรสเเซอร์  แผงคอยร้อนกับแผงคอยร้อนระบายไม่ทัน

 
        หลายคน รวมทั้งผมด้วยยิ่งหน้าร้อนมากมายของประเทศไทยไชโย  ;D ;D ;D ;D
ร้อนมากมายก่ายกอง แอร์ไม่เย็นเอามักๆ ระบบแอร์ หม่้อน้ำ ใครไม่สมบูรณ์ เสียกลางทาง
รถติดกันเป็นแถว  >:( >:( >:( >:( >:(  
               บ่นไปยาวเลย ผมก็เลยหาวิธีการเช็คเบื้องต้นกำลังอัดคอมเพรสเเซอร์กับแผงคอยร้อนกับแผงคอยร้อนระบายไม่ทัน
เอาไว้เช็คดูกันครับ สำหรับู้ที่มีอุปกรณ์เครื่องมือทำกันเอง หรือใครทำไม่เป็นก็ไปหาช่างอย่างน้อยมีความรู้ไปคุยกับเขา
บ้างก็ยังดี  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

     1. กำลังอัดคอมเพรสเเซอร์  

                 ปัญหาที่เจอเลย คอมเพรสเเซอร์เสียหายจากกำลังอัด-ดูด เสียหายเนื่องมาจากวาล์วเพรท หรือชื้นส่วนภายในเสียหาย
ทำยังไงก็ไม่เย็น บางท่านเจอมา น้ำยาเต็ม ระบบทำงานทุกอย่าง  เปิดแอร์ ได้ 37 C ก็จบเลยครับ  
      การเช็คกำลังอัด Compressor ทำได้โดยต่อ Pressure gague ทั้งสองด้านเข้ากับระบบแอร์ สตาร์ทเครื่องยนต์, เร่งเครื่องยนต์ค้างไว้ที่ 1500-2000 รอบ/นาที ,เปิดสวิทซ์พัดลมจังหวะที่ "LO".,ปรับสวิทซ์ความเย็น ตำแหน่ง "เย็นสุด" แล้วอ่านค่าที่ Gague ทั้งสองข้าง นำค่าที่ได้เปรียบเทียบกับค่า Standard(ค่า Standard ด้าน LOW ~ 1.5-2.5 kg/cm2) , ด้าน HI~ 14-16 kg/cm2) ถ้าเป็นปัญหาที่กำลังอัด ค่าที่ได้จะตรงกันข้ามกับค่า Standard คือ ค่า Lo จะสูง Hiค่าจะต่ำลงครับ  


2. แผงคอยร้อนระบายไม่ดี

          ปัญหาแผงคอยร้อนระบายไม่ดี เกิดปัญหากับระบบแอร์แน่นอน อาจเกิดจากตัวแผงด้านนอกตัน กับ พัดลมแรงไม่พอ สังเกตุเวลาติดไฟแดง
อาการแอร์ไม่เย็นมาเยือนทันที  

           การเช็คแผงคอยร้อนระบายเหมือนกับ การเช็คกำลังอัดคอม คือ ต่อ Pressure gague ทั้งสองด้านเข้ากับระบบแอร์ สตาร์ทเครื่องยนต์, เร่งเครื่องยนต์ค้างไว้ที่ 1500-2000 รอบ/นาที ,เปิดสวิทซ์พัดลมจังหวะที่ "LO".,ปรับสวิทซ์ความเย็น ตำแหน่ง "เย็นสุด" แล้วอ่านค่าที่ Gague ทั้งสองข้าง นำค่าที่ได้เปรียบเทียบกับค่า Standard(ค่า Standard ด้าน LOW ~ 1.5-2.5 kg/cm2) , ด้าน HI~ 14-16 kg/cm2) ถ้าปัญหาแผงคอยร้อนระบายไม่ทัน ค่าที่ได้จะสูงกว่า Standard ทั้ง LO และ Hi  ครับ

              ::) ::) ::) ::) ::)   :o :o :o :o :o :o   ลองเอาไปใช้ดีครับ ความรู้นี้ แต่การเช็คก็คงมองปัญจัยด้านอื่นๆด้วย เพราะมีประเด็นหลายอย่างเกี่ยวข้องกันครับ อันนี้แค่เบื้อง
พอเป็นแนวทางได้บ้าง  ผมจะบอกและเล่าให้ฟังในสิ่งที่ผมรู้  :D :D :D :D

   เอาความรู้มาฝากครับ อ่านแล้วได้สาระดี :-* :-* :-* :-*

  วิธีรักษาระบบแอร์รถยนต์  

 8)1.  เกิดคราบน้ำมันบริเวณข้อต่อต่าง ๆ

      คราบน้ำมันตามข้อต่อที่พบจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีการรั่วของสารทำความเย็นเกิดขึ้น  ดังนั้นท่านเจ้าของรถควรสังเกตุดูว่าตามข้อต่อระหว่างชิ้นส่วนต่างๆในระบบแอร์มีคราบน้ำมันหรือไม่  เพราะน้ำมันคอมเพรสเซอร์จะปนอยู่กับสารทำความเย็นในระบบดังนั้นเมื่อสารทำความเย็นรั่วก็จะเกิดคราบน้ำมันปรากฎให้เห็น  วิธีแก้ไขเบี้องต้นคือถ้าพบจุดรั่ว    หรือคราบน้ำมันต้องทำการขันข้อต่อให้แน่นเพื่อที่จะหยุดการรั่วของสารทำความเย็น จุดที่สามารถพบเห็นการรั่วได้บ่อยๆ คือ ตามจุดข้อต่อต่าง ๆ ของท่อแอร์  ตามซีลและปะเก็นขอคอมเพรสเซอร์ ถ้าไม่สามารถแก้ไขด้วยตัวเองได้หรือไม่มั่นใจว่าแก้ไขได้เรียบร้อยควรนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญหรือร้านแอร์ที่ท่านสามารถไว้วางใจได้ตรวจเช็ค

 8)2. อาการ compressor air ตัดบ่อย

       สาเหตุมักเกิดจากตัวเทอร์โมสตรัทหรืออุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิ    เพราะในปัจจุบันรถยนต์มักใช้เทอร์โมสตรัทแบบอิเล็กทรอนิกส์(Electronics Type) ซึ่งไวต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง   ข้อดีของเทอโมสตรัทชนิดนี้คือการทำงานจะแม่นยำและละเอียดกว่าแบบอื่น ๆ  หากท่านนำรถไปล้างตู้แอร์ซึ่งเพื่อความสะอาดช่างจำเป็นต้องทำการถอดชิ้นส่วนต่างๆออกจากกัน    แต่ช่างบางท่านที่ไม่ชำนาญอาจถอดออกแล้วติดตั้งคืนไม่ถูกตำแหน่งเดิม   อาจติดตั้งตัววัดอุณหภูมิชิดกับครีบอีแวปพอเรเตอร์มากเกินไปหรือติดตั้งตัววัดอุณหภูมิในตำแหน่งที่ต่ำกว่าจุดอื่น  ๆ ของอีแวปพอเรเตอร์ทำให้เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงาน    โดยเฉพาะในเวลาที่รอบเครื่องสูง ๆจะเกิดอาการตัดบ่อยส่งผลต่อการทำงานของระบบแอร์
 
 8)3.   เจอรอยรั่วหลังแปลงระบบ

    หากรถของท่านมีระบบเป็น R12 และเปลี่ยนระบบเป็น R134 จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนซีลยางและโอริงทุก ๆตัว โดยซีลยางในคอมเพรสเซอร์ระบบเดิมๆเป็น R12  จะเป็นชนิด NBR(Nitrile Butadiene Rubber) แต่ของระบบ R134a จะเป็นชนิด HNBR ซึ่งหากเปลี่ยนระบบใหม่แล้ว   ไม่เปลี่ยนซิลและโอริงด้วยก็จะทำให้ระบบเกิดการรั่วตามมาได้
  
8)4.  ควรล้างตู้แอร์เมื่อไหร่?

   หลายท่านสงสัยว่าการล้างทำความสะอาดตู้แอร์สักครั้งจะใช้เงื่อนไขของเวลา หรือระยะทางดีเพราะรถยนต์แต่ละคันก็ผ่านการใช้งานต่างกันบางคันใช้งานมาแค่ปีเดียวแต่วิ่งเป็นระยะทางกว่า 100,000 กม.ในขณะบางคัน 1 ปีอาจใช้งานแค่ 10,000 กม.ก็มีดังนั้นหากใช้เกณฑ์เฉลี่ยจึงขอแนะนำท่านเจ้าของรถว่าควรทำการล้างตู้แอร์ประมาณทุก ๆ 1 ปี หรือราวๆ 20,000 กม.  แนะนำให้ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันคอมเพรสเซอร์ด้วยพร้อมกันเลย  เพื่อยืดอายุการใช้งานของระบบแอร์รถยนต์ให้ยาวนาน
 
8) 5.  ควรเปลี่ยนวาล์วแอร์ตอนไหนถึงจะเหมาะ

     ไม่มีอะไรที่บอกได้แบบเฉพาะเจาะจงว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนเมื่อไหร่    เพราะอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างเอ็กซ์แพนชั่นวาล์วทางผู้ผลิตรถแนะนำเอาไว้ที่ระยะทางประมาณ50,000 กม. หรือเป็นเวลาประมาณ2 ปีกว่า  เอ็กซ์แพนชั่นวาล์วนั้นหากมีปัญหาระบบปรับอากาศรถยนต์จะมีปัญหาตามมามาก  บางทีอาจส่งผลต่อระบบการฉีดสารทำความเย็นทำให้เกิดการผิดพลาดได้    นอกจากนั้นสาเหตุสำคัญที่มักจะเสียหายคือการอุดตันบางครั้งเกิดจากการเสื่อมของสปริงภายในตัววาล์ว  แนะนำให้เปลี่ยนใหม่ไปเลยครับ อย่าฝืนใช้เพราะถ้าหากมันงอแงขึ้นมาก็ต้องเสียเวลาในการถอดเปลี่ยนอยู่ดี


 
 8)6. ควรเปลี่ยนดรายเออร์รีซีฟเวอร์เมื่อไรดี ?

         ดรายเออร์มีหน้าที่กรองสิ่งสกปรกในระบบปรับอากาศโดยกรองสิ่งสกปรกที่ปะปนมาพร้อมๆ
กันกับสารทำความเย็นในระบบนอกจากนั้นยังมีหน้าที่ดูดความชื้นที่เกิดขึ้นในระบบแล้วมาเก็บใว้ที่กระบอกของตัวเอง  ซึ่งสารดูดความชื้นนี้ก็มีวันหมดอายุเมื่อถึงจุดอิ่มตัว  โดยแนะนำให้เปลี่ยนทุกๆระยะทางประมาณ 30,000 กม. หรือทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์

 8) 7.  ปัญหาคลัตซ์แอร์ผิดปรกติ      

การขับรถลุยน้ำบ่อยๆนั้น  อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คลัตซ์คอมแอร์เป็นสนิมได้  และอาการแมก
เนติกคลัตซ์มีการลื่นไถลหรือมีการตัดต่อบ่อย   อาจจะไม่เกี่ยวกับการตั้งอุณหภูมิแต่อาการลื่นไถลอาจมาจากความสกปรกของหน้าสัมผัส เช่นเป็นสนิมหรือมีวัสดุเข้าไปติดขัด   ซึ่งรถบางรุ่นประมาณ  100,000 กม.หรือบางรุ่น 80,000 กม.ก็เริ่มมีอาการก็เริ่มส่งเสียงดัง แก๊กๆบ้าง  หรือหน้าคลัตซ์จับบ้างไม่จับบ้าง   ซึ่งจะส่งผลต่อความเย็นซึ่งหากเกิดอาการเช่นนี้แล้ว แนะนำให้รีบหาผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คด่วนครับ

 8) 8.  ตู้อลูมิเนียมกับตู้ทองแดงต่างกันอย่างไร

     ท่านผู้ใช้รถคงต้องมีการสงสัยกันบ้าง  รถรุ่นก่อนๆทำไมตู้แอร์ใช้ได้ทนทานนานเป็น 10 ปีแต่เดียวนี้อาจมีบ่นว่ารถเพิ่ง 5 ปีเอง ตู้รั่วมีปัญหาซะแล้ว ข้อดีของตู้อลูมิเนียมก็มีครับคือเปิดปุ๊บเย็นปั๊บและตู้ที่ทำจากทองแดงมีความทนทานต่อการผุกร่อนมากกว่า   อลูมิเนียมแต่ในเรื่องของน้ำหนักและคุณสมบัติในการนำความร้อนต้องยอมรับว่าทองแดงด้อยกว่าอะลูมิเนียม แต่ในปัจจุบันมีตู้บางรุ่นใช้วิธีผสมผสานโดยใช้วิธีแก้จุดด้อยคือบริเวณท่อน้ำยาที่คดไป-มาซึ่งมักจะผุกร่อนง่ายก็จะใช้ทองแดง  แต่ครีบจะทำจากอะลูมิเนียมเพราะมีการนำความร้อนได้ดีกว่านั่นเอง

 8) 9. จะล้างตู้แอร์แบบไหนดี

       ตามหลักการ  การถอดตู้แอร์ออกมาล้างย่อมสะอาดกว่าเนื่องจากเป็นการถอดชิ้นส่วนรวม
ถึงส่วนเล็กๆออกมาทำความสะอาด  ส่วนการล้างแบบไม่ถอดนั้นจะสะดวกและประหยัดเวลากว่าแต่ความสะอาดหมดจดคงต่างกันแน่นอนแต่ถ้าคุณดูแลรักษา  ตู้แอร์เป็นประจำ ล้างแอร์เป็นประจำอยู่แล้วการล้างโดยไม่ถอดตู้ก็คงจะเพียงพอที่จะช่วยให้ตู้แอร์คุณมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นได้ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เต็มที่ได้ เพราะระยะเวลาทุก ๆ 20,000 กม.คราบสกปรกคงไม่มากนักแต่ในความเป็นจริงของผู้ใช้รถน้อยคนนัก  ต้องบอกว่าน้อยถึงน้อยมากที่จะดูแลและไม่เคยล้างเลย แล้วจู่ ๆ เกิดมีอาการตู้แอร์ตันขึ้นมาอย่างนี้แน่นอนว่าคราบสิ่งสกปรกมันคงจะมีมากก็สมควรที่จะถอดมาล้างจะดีกว่า

8)10.  พัดลมกับคอมเพรชเซอร์ของคู่กัน      

    อายุและการใช้งานของพัดลมระบบแอร์รถยนต์  และพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำรถบางรุ่น
อาจทำงานคู่กันเหมือนเป็นการทำงานเป็นระบบ   และเมื่อมีอาการเสียงดังแก๊กๆหรือรอบพัดลมตกจะรู้ได้เช่นไรก็ต้องอยู่ที่ผู้ใช้รถต้องหมั่นตรวจเช็คครับลองติดเครื่องแล้วดูว่าพัดลมรอบตกไหมหรือมีเสียงดังไหม  รถบางรุ่นถ้าพัดลมหน้า CONDENSER เสียจะส่งผลต่อระบบแอร์โดยตรง ทำให้ระบบระบายความร้อนไม่ได้เกิดความร้อนขึ้นหรือที่เรียกว่า ฮีทนะครับ  จะส่งผลต่อ COMPRSSOR ทำให้เกิดแรงดันสูงเกิดการรั่วผิดปรกติตามมา  ในที่สุดระบบแอร์ก็เสีย  คอมน๊อคเป็นต้น

 8)11.   CONDENSER  (แผงแอร์) ควรดูแลอย่างไร

       รถที่วิ่งทางไกลในช่วงเวลากลางคืนหรือวิ่งในที่ที่มีฝุ่นละอองมากๆเช่น   ในกรุงเทพและปริมณฑลมักจะมีเศษแมลงหรือสิ่งอุดตันจับอยู่ที่ แผง CONDENSER เป็นจำนวนมาก และถ้าไม่ล้างหรือเป่าออกจะทำให้แผง CONDENSER ระบายความร้อนไม่สะดวก  การอุดตันจำนวนมากๆระบบแอร์จะระบายความร้อนไม่ดี วิธีการทำความสะอาดเบื้องต้นคือใช้น้ำฉีดล้างภายนอกไม่ต้องถอดออกมา  หรืออีกวิธีคือซื้อน้ำยาล้างแผงมาล้าง  จะทำให้แผงสะอาดและระบายความร้อนได้ดีขึ้น    แต่ถ้าไม่สามารถทำเองได้แนะนำให้ไปที่ร้านซ่อมแอร์ที่ท่านวางใจแล้วให้ช่างทำให้เลยครับ

 8)12. วิธีถนอมและยืดอายุใช้งานแอร์รถ
         การใช้งานและดูแลเรื่องระบบแอร์ตามจุดเล็ก ๆ น้อยๆก็สามารถยืดอายุการใช้งานได้เช่นไม่ปรับตำแหน่งของเทอร์โมสตรัทไปที่ Cool  อยู่ตลอดเวลา    จะช่วยถนอมคอมเพรสเซอร์ไม่ให้ทำงานหนักตลอดเวลาหรือไม่เปิดกระจกเมื่อเปิดแอร์เพราะคอมเพรสเซอร์จะทำงานหนักขึ้น อาจใช้วิธีปิดการทำงานของคอมแอร์แต่ยังเปิดพัดลมอยู่ก่อนที่จะจอดรถ อย่างน้อยประมาณ 5 นาที    จะช่วยยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์ และลดกลิ่นอับชื้นและเชื้อราได้ด้วย และหมั่นล้าง   ตรวจเช็คระบบแอร์สม่ำเสมอ เมื่อเริ่มพบอาการผิดปกติ รีบนำไปพบช่างอย่าปล่อยไว้นานมิฉะนั้นท่านอาจต้องพบสุภาษิตที่ว่า  เสียน้อยเสียยาก  เสียมากเสียง่าย  ก็ได้นะครับ


 :-* :-* :-* :-* :-* :-* :-*


ขอบคุณข้อมูลดีๆ มีสาระ นำมาใช้ประโยชน์ได้ : สง่ามอเตอร์

มีสาระ เป็นประโยชน์ครับ เป็นกำลังใจให้หาข้อมูลดีๆมาเผยแพร่  :o :o

;D ;D


ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็ขอบคุณมากครับ มาติดตามอ่านได้
มีทั้งในส่วนที่ผมเจอเอง กับสิ่งที่คนอื่นให้ข้อมูลไว้ และน่าจะเป็นประโยชน์
เอามาเผยแพร่เป็นคลังความรู้ อย่าเพิ่งเบื่อนะท่าน sam จะมีมาเสนอให้อ่าน
เรื่อยๆ

ว่าแต่มาโดนกันเมื่อไหร่ดี  cold 134   ;D ;D ;D น่าจะช่วยได้เยอะเพราะ
ทำระบบมาใหม่

น้ำมันคอมเพรสเซอร์แอร์


ช่วงนี้อากาศดีไม่ร้อนมาก ฝนเริ่มตกแล้วครับ จากร้อนมาเป็น ชีวิตคนไทยมันชั่งเปลี่ยน
แปลงเร็วอะไรขนาดนี้   >:( >:( >:( >:( >:(

มาครับ วันนี้มาต่อเรื่องนำ้มันคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์กันดีกว่า มีประโยชน์กว่า ....ฝนตกน้ำจะท่วมไหมนี้  ;D ;D ;D ;D


                    น้ำมันคอมเพรสเซอร์( Compressor oil) คือ น้ำมันที่ช่วยในการหล่อลื่นการทำงานทางด้านกลศาสตร์ ในระบบแอร์คือ คอมเพรสเซอร์นั้นเอง
โดยการทำงานของน้ำมันคอมะวิ่งไปผสมไปพร้อมน้ำยาแอร์ที่เราใช้ โดยมีชนิดที่ต่างกันขึ้นอยู่กับน้ำยาแอร์ที่เราใช้ เช่น ระบบแอร์เราใช้น้ำยา r12 น้ำมันคอม
เพรสเซอร์ต้องเป็นชนิด r12 ด้วยนะครับ
                ฉ ะนั้น ต้องแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบปรับอากาศระบบ R-12 หรือระบบ R-134a กันแน่ เพื่อป้องกันการผสมกันของน้ำยาแอร์กับนำ้มันคอมเพรสเซอร์
ที่ผิด น้ำมันคอมเพรสเซอร์ของระบบ R-12 และ R-134a ไม่สามารถใช้แทนกันได้ ใส่ผิดสสารเคมีผสมกันเกิดปฏิกิริยาแน่นอน คอมน๊อคได้เห็นๆ ในเวลาไม่ช้าและอีกประเด็น
อย่าผสมน้ำยาแอร์ระบบ R-12 และ R-134a เข้าด้วยกัน เพราะจะทำให้ระบบแอร์รถยนต์ของคุณเสียหายได้เช่นกันครับ
                 หากไม่แน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบ R-12 หรือ R-134a ให้เปิดตรวจเช็คจากห้องเครื่องที่กระโปรงรถโดยดูที่หัวเติมน้ำยาแอร์
ถ้าเป็นระบบ R-12 หัวเติมจะเป็นแบบเกลียว แต่ถ้าเป็นระบ R-134a หัวเติมจะเป็นแบบตัวล๊อค จำไว้ว่ารถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2538 ใช้กับแอร์ระบบ R-12 เท่านั้น
ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นไปจะใช้ระบบแอร์ R-134a (ยกเว้นรถกระบะต้องผลิตหลังปี พ.ศ. 2539)

                มีเพื่อถามมาครับว่า SP 10 กับรถ civic ek ไม่ได้  พวกเราชาว welovecivic ใช้คอมเพรสเซอร์ของตระกูล Sandan นะครับเบอร์นี้
โรงงานผลิต Reccomence ใช้ได้ ผมเคยเขียนไว้ในกระทู้ก่อนหน้าแล้วจ้า.....เอารูปลงให้ดูอีกที่ 3 ยี่ห้อที่ควรเลือกใช้ ผมเรียงจากรูปเลยครับ ยี่ห้อที่ใช้ดี
ที่สุดเรียงลำดับกันไป

              ฝากอีกเรื่อง เวลkซื้อให้เลือกซื้อร้านใหญ่ๆ หรือที่ศูนย์ถ้ามีจำหน่าย เพราะน้ำมันคอมเพรสเซอร์ ปลอกมีมากมายเลยครับ
ส่วนตัวผมเองยังดูไม่ออกเลยว่าอันไหนแท้ อันไหนปลอม มันเนียนยิ่งกว่า Miss Thailand World เสียอีกไปดูเอาเองนะครับ ดูให้ดี  ;D ;D ;D

คอมเพรสเซอร์ Sanden TRS090 Made in Japan
สำหรับ Civic EK โรงงานเขายังแนะนำตามป้าย

 :) :) :) :) :)

Oil SP 10 or Equiv Refrigerant  R134a

ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้นนะครับว่า  สามารถใช้ตัวอื่นที่เทียบเท่าได้ ไม่เป็นต้องใช้เบอร์ตามที่โรงงานแนะนำมา คือ SP10
ก็ได้  แต่ที่สำคัญต้องเป็นของแท้ๆ และเป็นน้ำมันคอมที่ใช้กับน้ำยาให้ตรงกับน้ำยารถที่ใช้ครับ คือ R134a

ข้อมูลเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์และน้ำมันคอม ปริมาณที่ใช้  ที่ท่าน jkung_27 ช่วยโพสเป็นข้อมูลไว้ให้

ยืนยันข้อมูลแจ้งชัดเจนจากเวปผู้ผลิตครับ

http://www.sanden.com/index.php?tag=34EMNHQTC

คอมเพรสเซอร์ Sanden TRS090
Made in USA ก็บอกไว้ครับว่า

Oil SP 10 or Equiv Refrigerant  R134a

 8) 8) 8) 8) 8)

ขอบคุณครับ คุณกันต์  สำหรับข้อมูลเป็นประโยชน์มากครับ  วันนี้ไปจัด PB100 มาเรียบร้อยแล้ว แต่ขวดไม่เหมือนในรูปที่โพสข้างบนครับ
ไม่รู้จะจริงหรือว่าปลอม

ประเทศไทยรับของโดยเฉพาะจากจีนมามากมายขายในประเทศไทย
เอาเกี่ยวกับระบบแอร์นี้มีมากมาย เช่น น้ำยาแอร์มีหลายเกรดครับ
เกรดจีน คือ มีโรงงานผลิตที่จีนนั้นหละแต่มันไม่ค่อยเย็น เกรดดูปองค์
เกรดถังเติม ฉะนั้นราคาที่ร้านแอร์เติมจะต่างกันครับบางร้านถูกดี เพราะ
เขาได้ของมาถูก เย็น แต่ไม่เย็นฉ่ำ เพราะ มีความชื้นเยอะ เดี๋ยวเรื่องน้ำยา
แอร์จะมาเปิดโปงให้เพื่อนๆฟังครับ รู้และเจอด้วยตัวเองมา

คุณthanawat6  ผมคลุกคลีพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องแอร์
ยังมองไม่ออกจริงๆว่าอันไหนแท้ อันไหนเทียม มันทำดีมากๆ
จนร้านขายอุปกรณ์แอร์ก็ถูกหลอก และช่างก็ไม่รู้มาเติมให้
ลูกค้า ก็ถือว่าหลอกลูกค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ Sunnice PB100
รู้ถึงคุณภาพมันดีว่ามันผลิตมาจากโรงงานของญี่ปุ่น ชื่อว่า
SUNOCO ผลิตเกี่ยวกับน้ำมันหลายประเภท รถยนต์ก็มี
ฉะนั้น เขาจะเชี่ยวชาญด้านน้ำมันโดยเฉพาะ ผมถึงเลือกใช้
ของแท้มาจาก Japan ต้องขวดประมาณนี้ผมซื้อมาช้ทำแอร์อยู่ครับ
ขนาด 1 ลิตรนะ ที่ขายใน Japan เขาก็เป็นกระป๋องอย่างนี้ แต่ตอนนี้
เขาเปลี่ยนแพคกิ้งเป็น พลาสติกแล้ว ผมซื้อแล้วก็ตกใจนิดหน่อย
ตรูเจอปลอมหรือเปล่าอ่ะ


รูปของแท้ดั้งเดิม Packaging เป็นอย่างนี้ครับ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นขวดพลาสติก
จะถ่ายมาให้ดูอีกที สำหรับน้ำมันคอมของค่าย SUNOCO  ชื่อ Sunnice PB100

ของคุณ thanawat6 หน้าตาแบบนี้ใช่ไหม


ถ้าใช่  .....สาธุขอให้เป็นของแท้เถอะ ;D ;D ;D ;D ส่วนตัวก็ตอบไม่
ได้จริงๆว่าปลอม หรือ แท้  >:( >:( >:( >:(


อย่าลืมครับทุกส่วนไม่ใช่จะเป็นทั้งอุปกรณ์ น้ำยาแอร์  น้ำมันคอม ต้องสมบูรณ์เป็นของแท้
เท่านั้นแอร์ถึงจะทำให้ได้สมบูรณ์ แน่นอนแอร์เย็น อุปกรณ์อยู่ทนนาน ...แต่เชื่อเถอะครับ
ไม่มีใคร ร้านไหน เจาจะมาสาธยายห้ความรู้ เหมือนผมหลอก เพราะเวลาทำแอร์มันใช้เวลา
มาก เหนื่อยมาก ร้านรีบปิดงาน รับเงิน และส่งมอบรถให้ลูกค้าพอ

ไม่ได้เก่งเป็นเทวดาจากที่ไหนครับ ผมจะบอกเท่าทีผมรู้ ผมเจอมา ก็เท่านั้น  :) :) :)

ยี่ห้อนี้เขาทำของออกมาด๊ ผมแนะนำครับ
ใครทำแอร์เองเป็นถ่ายน้ำมันคอม ลองใช้ยี่ห้อนี้จะติดใจ  :) :) :) :)

ในระหว่างทำก้ถ่ายรูปมาลงให้เพื่อนๆดูด้วยนะจะได้เห็นครับ จัดให้เย็นฉ่ำเลยนะ
ตู้แอร์นอกด้วย น้ำมันคอมให้เอาเทของเก่าออกให้เกลี้ยงะครับในตัวคอม ถือเป็น
การถ่ายน้ำมันคอมในตัว แวคสัก 30 นาทีอันนี้ขาดไม่ได้เลยครับ

รอชมครับ

;D ;D ;D

รอท่านตู่ วัดอยู่นะ ระยองฮิ ;D ;D :-* :-*

เพิ่มเติมให้อีกนิดส์ เกี่ยวกับน้ำมันคอมเพรสเซอร์


 ;) ;) ;)  TRS 090 Spec จากโรงงาน Sanden Cooperation USA
กำหนดการเติมน้ำมัคอมไว้ในปริมาณ 85.7 CC ในทางทฤษฎีมีไว้เพื่อรู้
แต่การเติมน้ำยาแอร์รุ่นนี้ให้ไล่น้ำมันเดิมของเก่าออกให้หมด โดยเฉพาะ
ใครที่ให้ช่างเปลี่ยนคอมเชียงกง น้ำมันคอมจะมีสีเหลืองใช่ไหมครับ แต่จริงๆ
แล้วนำ้มันคอมที่สดๆ จะมีสีใสหน้ารับประทาน  ;D ;D ;D ;D เหมือนน้ำมัน
มะพร้าวเลยนะครับ เราจะเห็นสีเหลืองเนื่องจากว่าน้ำมันคอมจะถูกคอมเชื้นจาก
อากาศ อันนั้นใช้ไม่ได้ครับ  

สรุป Civic EK เอาน้ำมันของเก่าออก เติมไป100 CC อย่าให้ปล่อย
อากาศเข้าไปในคอมเกิน 15 นาทันะครับ หาทิสซู่ปิดไว้ เป็นอันจบ


ภาพที่ 1  น้ำมันคอม r134a ใหม่ๆจะใสครับ    ถ้าเปรียบเทียบก็เป็นสาวเออะๆ ใช้งานได้ดีมาก  ;D ;D ;D ;D

ภาพที่ 2   น้ำมันคอม r134a ที่ใช้ไม่ได้สีอมเหลือง ออกเข้ม ถ้าเปรียบเทียบก็เป็นแก่ ใช้งานไม่ได้ เรามองข้ามไม่เอามันออกไป  ;D ;D ;D ;D

ผมเคยถาพี่เตอร์ cool man  เกี่ยวกับน้ำมัน คอมเพรสเซอร์ SUNISO รุ่น 5GS   พี่เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ของปลอมคงแทบไม่มีแล้ว เพราะทำไปก็ไม่ใด้กำไร  ที่จีนเองก็ผลิต SUNISO รุ่น 5GS แท้ๆจากจีนเลยอะครับ :-[  :-[

 ตอนนี้กำลังเก็บตังซื้อเครื่องแวคอยู่ครับ 2000 บาท อีกนานพอสมควรเลยครับ 1-2 เดือนกว่าจะใด้ทำ  :'(   :'(   :'(

   ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีนะซิ ของปลอมแทบไม่มี เพราะถ้ามีทำคนทำแทบไม่มีกำไร อย่างนี้
ก็เป็นข่าวที่ดีสำหรับพวกเราแล้ว ขอให้เป็นอย่างนั้น เดี๋ยวนี้หลายอย่างผลิตที่จีนไม่ว่าจะเป็น
สินค้ามีชื่อ หรือสินค้าที่เป็นของจีนแท้ๆที่เขาผลิตในเกรด Premuim เพียงแต่ประเทศญี่ปุ่น
เขาผลิตสินค้าแบบมีการควบคุมคุณภาพ QC เขาแข็งกว่ามาก ฉะนั้นสินค้าจึงออกมาดี
จึงประเทศที่น่าอยู่ บ้านดี เมืองดี สาวๆก็ขาวดี  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

เครื่อง Vaccumm ผมมีตัวเล็กขายให้เอาไหม 1 Stage แรงใช้ได้ใช้น้อยครับ ผมใช้เครื่อง
ใหญ่ดังเดิมของยุ่น

วัดให้แล้วจ้า วัดได้ 3.5 โอห์ม ( ใช้ ดิจิตอล มิเตอร์ วัดครับ )


ขออภัย ช้าไปหน่อย  :-[ :-[  กำลังสนุก กับการเปลี่ยน ลูกหมาก บูช ช่วงล่าง ตั้งแต่มีแท่น ไฮดรอลิค มีอะไรให้เล่นเยอะ   ;D ;D

ทามไมผมวัดได้ 4.3 โอมห์อะ  คอยล์แม่เหล็กใหม่ด้วย เดี๋ยวเอาภาพมาให้ดู   :-[ :-[ :-[ :-[

ของผมคอมส์เก่า  Coil น่าจะใกล้ลาโลกแล้วละ  :-X

แต่สงสัย การวัดนี่แหระ  ::) คือ ขดลวดต้องใช้ Inductance meter วัดค่าหรือเปล่า ค่าที่ได้จะออกมาเป็น เฮนรี่

ถ้าใช้มิเตอร์วัด ความต้านทาน ก็น่าจะเป็นการวัดว่า ขดช๊อตรอบ ไหมหรือเปล่า   ::)

ใช่ครับ การใช้ multimeter โดยการวัดค่าความต้านทาน
ตรวจสอบความต้านทานของขดลวดว่าขาด ช๊อตรอบ เสื่อม
จำได้ว่าค่าเกินกว่า 3 โอมห์ ใช้ได้ไม่ต้องเปลี่ยน แรงแม่เหล็กยัง
มีหารเหนี่ยวนำอยู่ แต่ถ้าค่าได้ 1 โอมห์ชอตรอบ เสื่อม มันจะไม่จับ
หน้าครัท คอมไม่ทำงานแอร์เลยไม่เย็น  ผมรู้มานะ

ผิดถูกประการใด ขออภัย :-* :-*

รุ่นใหนครับพี่เท่าไรครับ  :-[   :-[ 
 ผมมองๆ Value แวดคคั่มปั้ม 50l  อยู่อะครับไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่า
http://www.chiangmaiaircare.com/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A1-%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8/

และก็

http://www.huahengleegroup.com/product-th-0-69422-แวคคั่มปั๊ม+โรตารี่+(ปั๊มสูญญากาศ)+DAIKAWA+รุ่น+VP+35L+(35ลิตร+นาที).html

 8)ชุดครัทคอมแอร์ Civic EK 8)


    เมื่อใช้รถมาเป้นเวลานานผ่านร้อน ผ่านหนาวมาเยอะ เปรียบเป็นคนก็มีประสบการณ์ แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์รถยนต์
ก็คงต้องปลดระวาง เปลี่ยนหรือซ่อมกัน ในระบบแอร์ของเราก็เช่นเดียวกัน เราคงเจอปัญหาเกี่ยวกับคลัชคอมเพรสเซอร์แอร์เสียครับ
เรารู้จักกันไหมชุดครัชคอมแอร์ วันนี้ผมจะเอามาฝากครับ ลองอ่านดูนะ  :D :D :D :D

      เมื่อพูดถึง ชุดครัชคอมแอร์ มันประกอบด้วยหลักๆ ดังนี้

ภาพที่1. แผ่นหน้าคลัช  
ภาพที่2. พูเล่ย์  
ภาพที่3 .แมกเนติกคลัช (คอลย์คลัชแม่เหล็ก)
ภาพที่ 4 แผ่นซิม
ภาพที่ 5 ชุดครัทคอมแอร์
    ทั้งหมดนั้น เราเรียกรวมว่าชุดคลัชคอมเพรสเซอร์แอร์. ชุดคลัชนี้เป็นส่วนประกอบที่อยู่ส่วนหน้า
ของคอมเพรสเซอร์แอร์ เพื่อทำหน้าที่ ให้ระบบภายในคอมเพรสเซอร์แอร์หมุนทำงานเพื่อให้เกิดแรงดัน แต่
หากสาเหตุที่เสียหายเกิดจากตัวคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ก็จำเป็น ต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ทั้ง
ลูก ซึ่งรวมถึงชุดคลัชคอมเพรสเซอร์ด้วย แต่สำหรับบางอาการที่แอร์รถยนต์มีปัญหา ตัวคอมเพรสเซอร์ยังใช้
งานได้อยู่ ความเสียหายเกิดจากชุดคลัชอย่างเดียว   ปัจจุบันนี้สามารถเปลี่ยนแต่ชุดคลัชได้แล้ว มีของใหม่
ให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งสามารถช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและยืดอายุการใช้งานของคอมเพรสเซอร์
โดยไม่ต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แอร์ทั้งลูก ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอาการความเสีย
หาย ด้วยว่าคุ้มไหม เพราะ ได้ชุดครัทใหม่ แต่ในตัวคอมสึกหรอมาก ก็ต้องเปลี่ยนทั้งลูกน่าจะคุ้มว่าครับ



ข้อคิดในการซ่อมชุดครัทคอมแอร์ ครับ

1. ชุดครัท ต้องเสียหายจริงๆ ถึงเปลี่ยนเฉพาะชุดครัท แต่ไม่ใช่คอมเสียหายแล้วเปลี่ยนชุดครัท อันนี้บานปลายแน่นอน
    นั้นคือ ภายในคอมต้องไม่เสียหาย หรอสึกหรอ ยังมีกำลังอัด ดูด ดีอยู่นะครับถึงเปลี่ยนชุดครัทแล้วคุ้ม ไม่ใช่ว่ถูไถ
    เปลี่ยนไปหรือทำเพื่อใช้กไปก่อน แนวคิดนี้เลิกคิดได้เลยครับซ่อมแอร์อย่างนี้ ไม่คุ้มแน่นอน เจอมาเยอะ ทำรวมๆกัน
โดนไปเป็นหมื่น สองหมื่น

2.การเปลี่ยนโดยไม่ถอดคอมออกมา กลัวโดนค่าแวคน้ำยา ระวังให้ดีครับ เพราะ Civic Ek นี้ไม่ง่ายครับมันติดคานหน้าเอาออกยาก
  มาก ถึงเอาออกได้พื้นี่ทำงานมีนิดเดียว ช่างต้องมีความชำนาญมาก เพราะกว่าจะเอาออกมา รถแทบระบม ทั้งงัด ทั้งทุบ เลอะเทอะ
  หมดดูไม่จืดเลย ช่างใส่ไปได้ งานไม่เนียนเจอปัญหาอีก ลองคิดดูครับประเด็นนี้

3. การเปลี่ยนแนะนำให้เปลี่ยนทั้งชุดเลยยนะครับ เช่น คอยแม่เหล็กเสีย เปลี่ยนเฉพาะตัวนี้ แต่อย่าลืมนะครับ
    ลูกปืนมูลเล่ย์ หน้าสัมผัสมันสึกหมดหละ เพราะมันจับๆ ปล่อยๆมาก๊่ปีแล้ว ยิ่งรถเก่าๆ เจ้าของไม่มีเวลาดูแล
ทั้งฝุ่น โคลน  น้ำมัน มันไปแฝงอยู่ ของเก่าไม่ดีแน่ ของหใม่ทั้งขุดดีกว่าให้มันนับหนึ่งไปพร้อมกัน

  เอาแค่นี้ก่อน น่าจะคลอบคลุมน่ะ ขาดส่วนใดไปเพื่อนๆเพิ่มเติมได้  .....อ่านเยอะนะครับ ความรู้ทั้งนั้น  
ผมไม่เอาอะไร ขอแค่คำขอบคุุณให้ชื่นใจก็พอ ฮิๆๆๆ :-[ :-[ :-[

 8)วัดค่าความต้านทานคอลย์คลัชแม่เหล็กคอมแอร์ Civic EK 8)

ต่อเนื่องจากเกี่ยวกับครัทคอมแอร์ ผมเลยลองวัดแมกเนติกคลัช (คอลย์คลัชแม่เหล็ก) ให้ดูภาพไม่ต้องอธิบายมากครับ

ค่าความต้านทานแมกเนติกคลัช (คอลย์คลัชแม่เหล็ก) ชองใหม่วัดได้  4.3 โอมห์  แสดงว่าดี  
แต่ถ้าค่าความต้านทานแมกเนติกคลัช มีความต้านทานลดลงเหลือแค่ 1 โอมห์ แสดงว่าแมกเนติกคลัช
ชอร์ตหรือลัดวงจรในขดลวดบางส่วน ทำให้กระแสไฟไหลมากเกินไปเป็นสาเหตุทำให้ฟิวส์ขาดได้น่ะ

ลองเอาไปใช้ดู ค่าตรงกับผมไหม หรือผมวัดผิด ผมลองวัดทั้งมิเตอร์แบบเข็ม กับดิจิตอล ค่าก็ 4 กว่าๆเหมือนกันก็ไม่น่าจะผิด
ไรนะครับ....ดูคนวัดจะมีพุงเล็กน้อยพอเป็นกระสัย  ;D ;D ;D

อันนี้ เครื่องแวคคั่ม ประจำการอยู่ ใช้ดี ดูเก่าแก่
นำเข้ามาจากพี่ยุุ่น Japan ยี่ห้อเขาดีนะ MAKASHI  ตามความคิดผม
แต่ราคาแรงใช้ได้ นี้คือเหตุผลหนึ่ง มันมี 2 เครื่องอะ
ทั้ง 2 เครื่องได้รับการดื่ม น้ำมันเครื่องแวคคั่มจาก USA อย่างดี

เอาภาพให้ดูเครื่องแวคคั่มแอร์รถยนต์ที่เขาใช้กันหลักๆ ก็จะมีอยู่ 2 แบบ
ได้ที่เอาคอมตู้เย็น หรือ ใช้คอมแอร์รถยนต์ มาทำเครื่องแวคคั่ม
ขอย้ำ อย่าเอามาใช้เด็ดขาด เก็บเงินซื้ออย่างนี้ดีกว่า ประสิทธิภาพดีกว่า
แวคดีกว่า สะดวกกว่า และดูเป็นมืออาชีพ ดูดีมีชาติกระกูลกว่าครับ
 ;D ;D ;D ;D ;D

  8) 8) อย่าใช้เครื่องแวคคั่มแบบดัดแปลง  8)


     ก่อนอื่น บอกก่อนนะครับไม่ได้มาเขียนเพื่อดูถูกใครว่าไม่มืออาชีพในการทำแอร์ ผมสังเกตุเห็นมีการใช้ เครื่องแวคคั่มโดยแปลงเอาอุปกรณ์ที่สามารถดูดได้
เช่น คอมแอร์ตู้เย็น  คอมเพรสเวฮร์รถยนต์  คอมเพรสเซอร์บ้าน ฯลฯ มาทำเป็นเครื่องแวคคั่มสูญญากาศ

                การดูดอากาศและความชื้นออกจากระบบ โดยปั๊มสุญญากาศเรียกว่า การทำสุญญากาศหรือการทำแวคคั่มระบบปั๊มสุญญากาศถูกให้สำหรับลดแรงดันในระบบและอัดทิ้งสู่อากาศ ภายนอกสายท่อกลางของแมนิโฟลด์เกจจะถูกต่อเข้ากับปั้มสุญญากาศทางด้านดูดวาล์วทั้งคู่ของ เกจจะอยู่ในตำแหน่งเปิดเต็มที่ เดินปั๊มสุญญากาศให้ความดันลดลงถึง - 30 ปอนด์/ตารางนิ้ว และใช้เวลาในการดูดความชื้นอย่างน้อย 20 นาที แต่ถ้าสามารถทำสุญญากาศระบบได้นานกว่านี้ก็จะเป็นการดี การใช้เวลาในการทำสุญญากาศระบบได้นานกว่านี้ยิ่งนานเท่าไร จะยิ่งทำให้การดูดอากาศและความชื้นออกจากระบบดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งต้องอาศัยเครื่องแวคที่ดี มีกำลังแรงมา และประสิทธิภาพการแวคคั่มต่อนาทีดี
             แต่ การนำเอา คอมแอร์ตู้เย็น  คอมเพรสเวฮร์รถยนต์  คอมเพรสเซอร์บ้าน ซึ่งไม่มีหน้าที่ในการดูดความชื้น ประกอบกับ เครื่องแวคนอกเหนือจากเครื่อมอเตอร์แล้ว จะต้องมีการใส่น้ำมันเครื่องแวค ซึ่งสำคัญเพราะในระหว่างที่มีการดูดอากาศออกมา น้ำมันเครื่องแวคจะมีหน้าที่ดูดอากาศ ความชื้นอีกทางหนึ่งด้วย  การนำอุปกรณ์ประกอบ ดังกล่าวข้างต้นมาดัด
แปลงจึงขาดประเด็นนี้ไป ทำให้การทำระบบแอร์ไม่สมบูรณ์แน่นอน มีผลเสียมากกว่าครับ

           ตัวอย่างเช่น การนำเอาส่วนคอมตู้เย็นที่จะเอามาทำเครื่องแว๊คนั้น มันดูดออกไม่หมดหรอก เพราะ
คอมตู้เย็น ลูกสูบไม่มีแหวน ดังนั้นอากาศจึงรั่วผ่านกระบอกสูบและลูกสูบได้เล็กน้อย นั้นคือ แวคยังไงก็มีความชื้นอยู่ดี

          เอาเป็นว่าซื้อเครื่องแวคคั่มชั้นเดียว 2000 กว่าๆ ก็ใช้ได้แล้วครับ  ถ้ามีเงินอยากทำแอร์เป็น เล่น 2 ชั้นไปเลยครับ

อ่านมาก รู้มาก แต่ทำแอร์ไม่เป็น...จบกัน ;D ;D ;D ;D ;D

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=169234.0;attach=238393;image)

เครื่องสูบน้ำ ;D

แบบนี้ก็ดีครับ
มีทั้งเครื่องแวค เติมน้ำยาแอร์  ชั้งน้ำยาแอร์ พร้อมเสร็จ
แตาราคงแรงน่าดู

ว่าจะทำไว้กดไล่อากาศ  ;)

พี่ น้ำมันสำหรับใส่ในเครื่อง แวคคอมส์ ควรเปลี่ยนยังไงครับ และต้องเติมเพิ่มไหม เห็นแวคทีไร มีไอน้ำมันปนมาตลอด แล้ว น้ำมันราคาเท่าไหร่  ::)

น้ำมันคอมควรเปลี่ยนทุก 3 เดือน สำหรับการใช้งานทุกๆวัน เช่นร้านแอร์
เพราะน้ำมันมีหน้าที่ดูดความชื้นจากระบบ จะเห็นว่าถ้าเราเปิดระบบไว้นานๆ
แล้วแวคคั่ม มีไอออกมาตอนแวคคั่ม นั้นคือ ความชื้นทำปฏิกริยากับน้ำมันคอม
ที่ดูดความชื้นนะครับ  สักพักได้ระดับมันก็จะหายไป


น้ำมันคอม เขาไม่jใช่เติมเพิ่มdyoครับ เขาถ่ายทิ้งเปลี่ยนใหม่ เหมือนถ่ายน้ำมันเครื่อง
รถยนต์ครับ ของคุณตู่น่าจะไม่ได้ถ่ายนานแล้วมั้งครับ ลองถ่ายของเก่าทิ้งออกไป
รักษาเครื่องแวคคั่มด้วย จะได้อยู่กับเรานานๆ


แกลอนนั้นผมซื้อมา 800 บาทครับ
ตกลิตรละประมาณ 200 บาท ไม่แพงนะ อย่า
ใช้น้ำมันคอม R12  R134a  มาใส่แทนหละมันคนละหน้าที่กัน

เครื่องแวคคั่ม J/B   แวครุ่นนี้เทพเขาใช้กัน ราคาแพงเวอร์ >:( >:( >:( >:(
แต่คุณภาพของสินค้า J/B ครับเหมือน Inperial

เครื่องนี้เหมือนที่ผมใช้ ยี่ห้อ MAKASHI  Made in Japan
แต่เป็น 100 ลิตร  1/2 HP

ไม่ได้สังเกตุน่าสน  หาข้อต่อมาใส่เพิ่มตอนเติมน้ำยาต้อง
ไล่อากาศที่อยู่ในสายกลาง(สีเหลือง) ออกก่อนเติมป้องกัน
อากาศความชื้นที่ยังหลงเหลือในท่อ งานจะได้เนียนๆ

พี่ มีตัวเติม น้ำมันคอมส์ แบบไม่ต้อง ปล่อย น้ำยาแอร์ทิ้ง ไหม

แบบว่า เติมน้ำยาแอร์เกิน ก็ปล่อยออก แล้วน้ำมันคอมส์ มันตามออกมาด้วย หลาย ซีซี อยู่ ทำแบบนี้อยู่หลายรอบ รวมๆ น้ำมันทีออกมา ก็หลาย ซีซี แล้วละ ( ซนน่ะ  ;D ;D ลอง เติม แล้วก็ปล่อย แล้วก็เติม แล้วก็ปล่อย เพื่อที่จะหา จุดที่น้ำยาแอร์ เหมาะสม และแอร์เย็น ฉ่ำๆ )

ส่วนตัวไม่มีครับ การปล่อยนำยาออกน้ำมันคอมก็ออกมาด้วย
ผมจะฝช้น้ำมันคอมอัดกระป๋องความดันใส่เพิ่มเข้าไปครับรูป
มา  post ไว้ในหน้าแรกๆของกระทู้

วิธีการที่ดีที่สุดนะครับคือ เติมทางท่อดูดในตัวคอม ซึ่งก็
หมายถึงการเปิดระบบแอร์มาตอนซ่อมครับ จะได้น้ำมันใหม่ๆ
เข้าไป

แต่คุณตู่ ไม่ต้องกังวลนะนิดหน่อยไม่เป็นไร

แบบนี้หละที่พอรู้สามารถเติมเข้าไปโดยไม่ต้องปล่อยน้ำยาแอร์

แต่เทคนิคนะครับสำหรับใครที่พอมีน้ำยาแอร์อยู่สามารถเติมเองได้
คือ ก่อนใส่น้ำมันคอม ให้ปล่อยน้ำยาออกในปริมาณี่เหมาะสม เพื่อสร้างความสมดุล
ระหว่างน้ำมันคอมกับน้ำยาแอร์อย่าให้อะไรมากกว่ากัน เพราะถ้าเราเติมแต่น้ำมันคอมเข้าไป
บางครั้งอาจทำให้แอร์ไม่เย็น อีกท้งยังเป็นการเพิ่ม Pressure ให้กับระบบแอร์ไปอีก

ฉะนั้น เทคนิคที่ผมใช้ถ้าใส่น้ำมันคอมแบบนี้ ให้ปล่อยน้ำยาออก เติมน้ำมันคอมแบบนี้เขาไป กดยาวๆ
สัก 2 ที ที่เราคิดว่ามันหายไป จากนั้นอัดน้ำยาเข้าไปสร้างความสมดุลโดยใหช้เทอร์โมมิเตอร์ในการวัด
ประกอบกับการเติมน้ำยาแอร์ ครับจะดีมากมาย

 8) ชำแหละเกย์วัดของ เกจแมนิโฟลด์  8)

                  ในการตรวจสอบระบบปรับอากาศนอกเหนือจากการตรวจสอบด้วยสายตาแล้ว เกจแมนิโฟลด์ก็เป็นเครื่องมือสำหรับใช้วัดค่าความดันของระบบทั้งทางด้านความดันต่ำและความดันสูง ซึ่งค่าความดันที่ได้เราสามารถนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นกับระบบปรับอากาศได้ เพราะบางครั้งอุปกรณ์ที่เกิดการชำรุดเสียหาย ช่างที่ทำการตรวจสอบไม่สามารถมองเห็นด้วยสายตา ฉะนั้นจึงได้นำค่าความดันน้ำยาที่ผิดปกติบ่อยครั้งมาเป็นตัวอย่างเพื่อให้เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ข้อขัดข้อง

                 ปัจจุบันเกจแมนิโฟลด์ ในตลาดมีมากมายหลากหลายยี่ห้อ รวมถึงราคามีตั้งแต่ 700 บาทขึ้นไป ของดีมียี่ห้อก็จะแพงไปเรื่อยๆ ซึ่งสามารถใช้ได้นานมีความคงทนตามราคาและยี่ห้อ วัสดุที่ใช้ผลิตต่างกัน  หลักการเลือกซื้อผมเอาง่ายๆเลยนะครับ  มือสมัครเล่น อยากฝึกทำเอาไว้เติมน้ำยาเอง ซื้อถูกๆเลยครับ เหตุผลคุณใช้ไม่กี่
ครั้งหลอก คงไม่มีใครนะครับที่จะเติมน้ำยากันทุกเดือนเหมือนจ่ายค่างวดผ่อนรถ  ;D ;D ;D ;D ;D  มืออาชีพ คือ ร้านแอรื หรือทำแอร์เป็นประจำ ก็เล่ระดับกลางๆขึ้นไปอย่าง Imperial ครับดีมากมาย ดูดีมีฐานะ  ;D ;D ;D ;D ;D

                   กระทู้นี้ไม่ได้มาเขียนเรื่องเกจแมนิโฟลด์ นะร่ายไปซะยาว  ผมจะเอาเกย์ของเกจแมนิโฟลด์  มาชำแหละให้ดูครับ อันนี้ของจีนถูกมาก 800 บาท ไม่อธิบาย
นะ ดูรูปเอา ขางในไม่มีกลไก อะไรมาก แต่สำคัญสำหรับคนทำแอร์ทุกคน

      :-* :-* :-* :-* :-*        
 ท่านตู่  ท่านเจ หรือเพื่อนๆที่ทำแอร์เอง ใช้เเกจแมนิโฟลด์  รุ่นไหนเอาภาพมาโชว์กันหน่อย
          

ยี่ห้อนี้ครับก็ใช้ดี เป็นที่รู้จักของช่างแอร์ มีการใช้ทั่วไปห มีราคาหน่อย

เกจ์คู่สำหรับชาร์จน้ำยาพร้อมสาย'IMPERIAL' 436CKP (R134a) มียางกันกระแทก

ของคนอื่นยังเก่ากว่าผมอีก  ;D ;D ;D

 8)เครื่องทำสุญญากาศ Vacuum Pump   8)



   ไหนๆก็ว่ากันเรื่องของ เครื่องทำสุญญากาศ Vacuum Pump ก็ว่ากันให้จบเสียเลย เผื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อ
เลือกใช้ให้เหมาะสมกับงาน  เครื่องทำสุญญากาศ Vacuum Pump สำหรับงานระบบทำความเย็นมี 2 ชนิด

1.เครื่องทำสุญญากาศแบบธรรมดา (Low Vacuum Pump)

               ใช้สำหรับดูดอากาศเพื่อทำสุญญากาศในระบบทำความเย็นทั่วไป เป็นแบบที่นิยมใช้กันมาตั้งแต่สมัยก่อน
อีกทั้งตัวเครื่องยังมีราคาถูก และเพียงพอต่อความต้องการในการใช้ทำสุญญากาศให้กับระบบทำความเย็นทั่วๆไป
เครื่องทำสุญญากาศแบบธรรมดานี้จะมีความสามารถในการดูดอากาศให้เป็นสุญญากาศ ได้ต่ำสุดที่ 25-27 inHg (นิ้วปรอท)
ซึ่งยังไม่ถึงขั้นที่เป็นสุญญากาศที่สมบูรณ์ (0 abs) แต่ก็ถือว่าเพียงพอในงานเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ
แบบทั่วๆไปภายหลังจากการทำสูญญากาศด้วยปั๊มสูญญากาศแบบธรรมดา ความชื้นในระบบจะยังคงมีหลงเหลืออยู่บ้าง
แต่ก็มีเหลืออยู่ในปริมณที่ไม่มาก ซึ่งความชื้นที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย จะถูกจัดการด้วยอุปกรณ์ที่มีชื่อว่า
Dryer Filter ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการกรองสิ่งแปลกปลอมและดูดความชื้นในระบบเครื่องปรับอากาศ
  
  จากรูปเป็นเครื่องทำสุญญากาศ Vacuum Pump แบบธรรมดา ช่างแอร์จะใช้ประเภทธรรมดา ใช้ได้แล้ว
ของผมก็จัดอยู่ในประเภทธรรมดานี้แหละ

รุ่นนี้เลยครับ เกจ์วัดน้ำยาแอร์ sp 36นิ้วครับ :-*
(http://image.ohozaa.com/i/213/f9x7qo.JPG)

2.เครื่องทำสุญญากาศแบบประสิทธิภาพสูง (High Vacuum Pump)            

              เป็นเครื่องทำสุญญากาศที่มีประสิทธิภาพในการดูดสูง สามารถดูดอากาศออกจากระบบ
ทำให้ระบบเป็นสุญญากาศได้ในระดับที่ตำไปกว่า 29-30 inHg (นิ้วปรอท) ซึ่งในระดับนี้เป็นระดับที่ต่ำมากๆจนถึงระดับที่เป็นสุญญากาศที่สมบูรณ์
 (0 abs) ซึ่งเมื่อในระบบเป็นสุญญากาศที่สมบูรณ์ ความชึ้นและไอน้ำใน จะกลายเป็นแก๊สและถูกดูดออกไปจนแทบจะไม่มีความชื้นเหลืออยู่อีกเลย
เครื่องแบบประสิทธิภาพสูงนี้ สามารถนำมาใช้กับงานระบบทำความเย็นได้ทุกประเภท แต่ตัวเครื่องมีราคาค่อนข้างแพง
ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องแบบนี้ในงานที่เป็นกรณีเฉพาะ หรือมีใช้ในศูนย์บริการขนาดใหญ่ที่มีการเข้มงวดสูงในด้านมาตรฐานการให้บริการ
              แบบประสิทธิภาพสูง (High Vacuum Pump) ที่ผ่านมาถ้านเป็นร้านแอร์ไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่มีใครใช้ ผมก็ไม่ใช้ แพงเวอร์  เกินความจำเป็น ;D ;D ;D ;D

               
                   ในส่วนของระยะเวลาในการเดินเครื่องทำสุญญากาศ ส่วนใหญ่ให้อิงตามคู่มือการติดตั้งที่แนบมากับเครื่อง
แต่ทั้งนี้จะอิงตามเวลาที่ผู้ผลิตแจ้งมาเพียงอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะบางครั้งเครื่องทำสุญญากาศที่ใช้ ก็อาจมีกำลังในการดูดที่ไม่เท่ากัน
ควรใช้การสังเกตค่าที่แสดงบนเกจแมนิโฟลด์ ซึ่งระหว่าที่ทำสุญญากาศ ค่าที่แสดงต้องอยู่ในสเกลที่บอกค่าสุญญากาศ ซึ่งมีหน่วยเป็น
inHg (นิ้วปรอท) โดยส่วนใหญ่ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการใช้ทำสุญญากาศ อยู่ที่ประมาณ 30 - 45 นาที

                 อ่านไว้เยอะๆครับ ทำไม่เป็น ไม่ได้ใช้ ไม่เป็นไรรู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ผมเอาความรู้มาประเคนให้ถึงที่แล้ว  :-* :-* :-* :-*

ถามเรื่องเกจ อีกนิสสส

เห็นข้างใน จะมีบอก r22 r12 สามารถนำมาวัด กับ น้ำยา R134 ได้ไหม หรือเอาของ R134 ไปวัด กับ แอร์บ้าน ซึ่งใช้ น้ำยา R22
ตัว สเกล อันเดียวกันไหม  ::) ::)

โอเคร คุณเจ สิ่งแรกที่เกจจะเสียก่อน (เท่าที่ผมเจอมานะครับ) คือ

1. เข็มไม่ตรงค่า
2. มือหมุน เกลียวตรงมือหมุน หมุนฟรี เพราะความบ้าพลังของเรา

         ตอนนี้ ที่บ้านผมมี เกจแมนิโฟลด์  5 อันแล้ว

ท่านตู่

ตามหลักการ ไม่ได้ครับ เราพอรู้กันว่าคุณสมบัติของสารทำความเย็นมี Pressure ต่างกันแน่นอน เกจแมนิโฟลด์
ที่ออกแบบมาโดยไม่มี R134a บอกในตัวเกจแมนิโฟลด์ ว่าใช้ได้ ค่า Pressure ต่างกัน

แต่ก็ว่านะครับ ไม่มีอะไรในโลกที่ช่างแอร์ไทย หรือคนไทย ทำไม่ได้ ฉลาดล้ำเลิศ เอามาใช้ถึงไม่ถูกต้องตามหลักก็เอามาใช้กัน...ผมก็เคยเอามาใช้น่ะ  ;D ;D ;D ;D

ลองดูคุณสมบัติ ของแต่ละตัว

R-12 Dichloridefluoromethane (CC12 F2)

             ไดคลอโรไดฟลูออโรมีเธน Dichloridefluoromethane มีคุณสมบัติ ไม่มีสี และไม่มีกลิ่นที่ความเข้มข้น
ตํ่ากว่า 20 เปอร์เซ็นต์โดยปริมาตร ในความเข้มข้นที่มากขึ้น จะมีกลิ่นคล้ายกับ Carbon Tetrachloride นอกจาก
นี้ยังไม่เป็นพิษไม่กัดกร่อน ไม่ติดไฟ และมีจุดเดือดที่ –21.7 OF (-29 OC) ที่ความดันบรรยากาศ
              รหัสสีของ R-12 คือ สีขาว


R-22 Monochlorodifluoromethane ( CHCIF2)

            โมโนคลอโรไดฟลูออโรมีเธน Monochlorodifluoromethane คือ สารทำ ความเย็นสังเคราะห์ที่ถูก
พัฒนาขึ้นสำ หรรับระบบทำ ความเย็นที่ต้องการ Evaporating Temperature ตํ่าๆ โดยสามารถใช้กับตู้เย็นภาย
ในครัวเรือนและระบบปรับอากาศ R-22 มีคุณสมบัติไม่เป็นพิษ, ไม่กัดกร่อน, ไม่ติดไฟ และมีจุดเดือดเท่ากับ –41
OF ที่ความดันบรรยากาศ R-22 สามารถใช้ได้กับคอมเพรสเซอร์ชนิด โรตารี่ ลูกสูบ ก้นหอย สกรู หรือชนิดหอยโข่ง                              
โดยR-22 นั้นมักจะมีนํ้าหรือความชื้นผสมอยู่ด้วย จำ นวนหนึ่งดังนั้นจึงจำ เป็นต้องใช้ Filter drier ในระบบเพื่อขจัดนํ้าออกจาก
สารทำ ความเย็น
         รหัสสีของ R-22 คือสีเขียว


R-134a Tetrafluoroethane (CH2FCF3) เตตระฟลูอโรอีเธน

                    R-134a มีความคล้ายคลังกับ R-22 มากแต่จะแตกต่างกันที่ R-134a ไม่เป็นอันตรายต่อชั้นโอโซนจึง
สามารถใช้แทน R-22 ได้ มีคุณสมบัติคือ ไม่กัดกร่อน ไม่ติดไฟ และไม่เป็นพิษ มีจุดเดือดเท่ากับ -15 OF ที่ความ
ดันบรรยากาศ โดยทั่วไปจะใช้ในระบบทำ ความเย็นที่มีอุณหภูมิปานกลาง หรือระบบปรับอากาศ เช่น ระบบปรับ
อากาศในอาคาร รถยนต์ หรือตู้เย็น
                   รหัสสีสำ หรับ R-143a คือสีฟ้าอ่อน


ผิดถูกประการใด ขออภัย เพิ่มเติมได้ ผมไม่ใช่นักเคมี  ;D ;D ;D

มีเกจเหลือๆ เอามา DIY เป็นตัววัดแรงอัดกระบอกสูบเลย ย่านวัดเกิน 200 psi ไหม  ;D ;D

:-[  แจ่มเลย แต่กลัวมันจะพังโดยที่ยังไม่จบโปรเจ็คนี้เลยอะซิครับ ช่วงนี้แบตรถก็เสื่อมอีก กระเป๋าแบบ  :'(

 :) :)

มีแต่หัวเกจ ที่เอามาโมจากภาพด้านบนนั้นหละ เข็มมันเสีย จะเอาไหม

มาหละยิ้มอย่างเดียวเลย เอาความรู้มาแบ่งกันหน่อย

เชียงใหม่ผนตกไหมครับ

อ้าวงั้น เครื่องแวคคั่มผมหละ ก็ยังขายไม่ออกน่ะซิ  ;D ;D ;D ;D >:( >:( >:( >:(

จะไปแอ่วดอยใหนนี่   ;D  ;D  คาวนี้ขี่มอไซข้ามไปพม่าเลยเน้อ......

เพิงเก็บใด้ 200 เอง  :'(

 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'( :'(

ปุ่มกดด้ามเกียร์ A/T ของ EK 

     เพิ่งเปลี่ยนปุ่มกดด้ามเกียร์ A/T ของ EK  ของท่านตู่

คนขายใจดี  ของเขาดีจริงๆ แข็งโป๊ก ทำจากเหล็กรมดำ
กดทีไม่มีกลัวว่าจะหัก  ถ้าหักผมต้องพิจารณาตัวเองหละครราวนี้


กระทู้นี้อะ  http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=122487.0

จะขี่มอเตอร์ไซค์ ไปพม่าเลยนะ อ้าย.... ;D ;D ;D ;D ;D

คราวแล้วเหยียบๆล่ะ ไม่ได้ข้ามไป วันนี้ไม่รู้จะไปไหน  :-[ :-[ :-[

อยากไปเชียงใหม่......มาม่ะ มาช่วยกันปั่นกระทู้หน่อย ;D ;D ;D ;D ;D ;D
คุณเจ พิษณุโลก หายไปไหนหละ มารวมแก๊งหน่อย  ท่าน Cyu   พีไข่แข็งด้วย

เจ นี่ผมเปล่า  ผมเป็นคนนครสวรรค์อะครับ แต่มาทำงานเชียงใหม่ครับ  :-[ 
  อะนี่ตาเงาะเขาชอบเส้นทางอย่างนี้อะ  ไอ้ทางที่คนเขาไปตาเงาะเขาจะไป ไอ้ทางที่รถวิ่งไม่ใด้นี่ตาเงาะชอบมาก

(http://image.ohozaa.com/i/63d/BwdrS0.jpg)

จะเขียนว่า  ไอ้ทางที่คนเขาไปตาเงาะเขาจะไม่ไป ไอ้ทางที่รถวิ่งไม่ใด้นี่ตาเงาะชอบมาก ใช่ไหม
ดูบรรยากาศน่าตื่นเต้นดีออก แนวลุยๆๆ ชอบๆ

คุณเจ  ชื่อ thanawat 6  อะ

ไม่มีคำบรรยาย  ;D ;D ;D ;D ;D

เอ้ย ไปเอารูปมาจากไหนฟร่ะ รูปนี้พอดีไปซื้อเห็อถอบอ่ะ  :P :P :P

;D  ;D  ;D  ;D   ก็ไปแอบเอามาจากเฟชพี่ไง 5555

อ๋อ เอ้อเนาะ  :-[ :-[

อยากได้ข้อมูลระหว่างตู้แอร์เดิม EK VS. ตู้แอร์นอกEK  ว่า ทำไมถึงเย็นต่างกัน

รู้แต่ว่า ตู้แอร์นอก มันเรียกว่า ตู้แบบLamined ลักษณะแผงรังผึ้งถี่ยิบ

ตู้ไทยของEKไม่รู้เรียกว่าตู้แบบอะไร มีลักษณะขดไปขดมา

แต่รถสมัยใหม่เดี๋ยวนี้ใช้ตู้แอร์แบบLamined กันหมดแล้ว ถึงว่าทำไมมันเย็นเร็วจัง เปิดปุ๊บเย็นปั๊บ

ในรูปซ้าย เป็นตู้แอร์แบบLamined ลักษณะเดียวกับตู้แอร์นอกที่เราใช้กัน (รู้สึกจะเป็นของEKด้วย)

แต่รูปขวา เป็นตู้แบบเดิมๆของEK (ในรูปไม่ใช่ตู้ของEk แต่ตู้ไทยEKหน้าตาคล้ายแบบนี้)ไม่รู้ว่าชื่อเรียกมันเรียกว่าอะไร พี่กันต์พอรู้ไหมครับ

สุดท้าย!! แล้วทำไมEKเมืองไทยไม่ติดตู้แบบLaminedมาเลย ทั้งๆที่เมืองไทยอากาศร้อนกว่าที่อื่น หรือเป็นเพราะต้นทุนในการผลิตตู้แบบนี้มันสูงกว่า

โค๊ะ !!!!!! เจ้าแห่งตู้มาถามด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะเอามาเขียนให้พี ผมเคยมีโอกาสคุยกับผุ้ผลิต เดนโซ่ ประเทศไทยเองนะครับ เรื่องราวมันไม่มีเกินขาดหมาย
เดี๋ยวจะเอามาแฉ   เอ้อ มาเล่าให้ฟังนะครับ ผมก็เพิ่งรู้ชัดๆว่าทำไม จากบากของ จนท ของ เดนโซ่ประเทศไทยเอง แต่ก็ไม่แปลกอะไรครับ เป็นเหตุผลทางการค้า
เอาเรื่องตู้แอร์ โดยเฉพาะเลย

 :-* :-* :-* :-*

 8) เรื่องของ "เห็ดถอบ"  8)

        มาเห็นคุณเงาะ แกขับมอเตอร์ไซค์ ขึ้นเขาไปซื้อ"เห็ดถอบ" มากิน อร่อยนะครับ
ผมก็ชอบกิน เคยกิน และเวลามีโอากาสก็ซื้อมากิน แต่อยู่ทางเหนือจะมากมายเลย
     ขอออกทะเลหน่อยนะ เอาเรื่องกินๆบ้าง นึกถึง"เห็ดถอบ" ก็มาคุยกันเรื่อง"เห็ดถอบ" บ้าง


         เห็ดถอบ เป็นพืชที่โปรดปรานฝนเป็นอย่างมาก เมื่อฝนตกลงมาเมื่อไหร่ ทำให้ “เห็ดถอบ” หรือ “เห็ดเผาะ” เริ่มออก โดยชาวบ้านใกล้เคียงต่างก็พากันเดินเดินทางเข้าป่าและขึ้นดอยที่ตั้งอยู่หลังหมู่บ้านกันอย่างคึกคักหนาแน่นคล้ายกับว่าไปเที่ยวงานวัดประจำปี เพื่อพากันขึ้นไปหาเห็ดถอบหรือเห็ดเผาะเพื่อนำมาบริโภคหรือจำหน่ายหารายได้เสริมให้กับครอบครัวนั่นเอง

                อันว่า “เห็ดถอบ” นั้น  เป็นภาษาเรียกตามท้องถิ่นของภาคเหนือ ส่วนทางภาคอีสานหรือภาคกลางนั้น จะเรียกเห็ดชนิดนี้ว่า  “เห็ดเผาะ” ซึ่งเป็นเห็ดที่มีเฉพาะทางภาคเหนือและภาคอีสานเป็นส่วนใหญ่ และเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นตามฤดูกาลที่ราคาค่อนข้างจะมีราคาแพง

                ในสารานุกรมเสรี วีกิพีเดีย กล่าวไว้ว่า......  “เห็ดเผาะ (อังกฤษ: Barometer Earthstars; ชื่อวิทยาศาสตร์: Astraeus hygrometricus) หรือ เห็ดถอบ ในภาษาถิ่นภาคเหนือ เป็นเห็ดชนิดหนึ่ง ที่จัดอยู่ในวงศ์ Lycoperdaceae โดยจัดเป็นเห็ดที่ขึ้นได้เองธรรมชาติ เป็นลูกกลมๆ ขนาด 1.5-3.5 เซนติเมตร ไม่มีลำต้น ไม่มีราก ขึ้นตามดินร่วนที่ถูกไฟไหม้"

                   เห็ดเผาะมีลักษณะเป็นลูกกลมๆ ไม่มีลำต้น ไม่มีราก ชอบขึ้นตามดินร่วนที่ถูกไฟไหม้ เห็ดที่ยังอ่อนอยู่มีสีขาวนวล ส่วนเปลือกนอกรอบ ห่อหุ้มสปอร์สีขาวนวล เมื่อเห็ดแก่ เปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีดำ ส่วนสปอร์ข้างในก็เป็นสีดำด้วย ถ้าแก่มากๆ เปลือกเห็ดจะแตกออกเป็นแฉกรูปดาวสามารถมองเห็นสปอร์ข้างในได้

                เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะออกทะเลไปไกล  ;D ;D ;D ;D ;D

ดูรูป เห็ดถอบ อย่างกะไข่ไดโนเสาร์เลย  ;D ;D ;D ;D

อย่าเพิ่งเข้าฝั่ง พี่ ถามอีกนิสส  :-[ เอามาทำอะไรกิน ถึงอร่อย ครับ ( เห็นแล้วน้ำยายไหย  ;) )

ลวกจิ้มน้ำพริก  แกงป่า  ลำขนาดนัก
รอท่านเงาะ  เจ้สของพื้นที่มาอธิบายเพิ่ม

สูงล่ำ ดีนะคนเสื้อแดง เมื่อก่อนยังหนุ่มๆอยู่หุ่นเหมาะกับการไปเป็นทหาร นะ;D ;D ;D

เห็ดถอบ ปกติที่บ้านแฟนเค้าเอาไปแกงครับ แกงเผ็ดอะไรประมาณนี้ครับ ข้าวเหนียวจิ้มซ่ะ  :-* :-* :-*

เรื่องของตู้แอร์ที่พีจังสงสัยนะครับ
ตู้นอกเย็นเร็วเพราะ พื้นที่สัมผัสอากาศมันมีกว่าตู้ในนะครับ ส่งผ่านความเย็นได้มากกว่าครับ มันเลยเย็นเร็ว
ส่วนเรื่องที่สงสัยก็ต้นทุนนั่นแหละครับ เท่าที่ทราบ

 8)คอยล์เย็น-ตู้แอร์ (Evaporator) Honda Civic 8) 8)

             ก่อนจะไปพูดถึงความเย็นว่าตู้แอร์นอกของพี่โกโบริ(ยุ่น) และของพี่เบริด(ไทย) อันไหนเย็นกว่ากัน ทำไมถึงเย็นกว่า มาว่ากันถึงเรื่องตู้แอร์กันก่อน



             คอยล์เย็น-ตู้แอร์  (Evaporator) คือส่วนประกอบของแอร์ หน้าที่ของคอยล์เย็นคือทำให้น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นเกิดการเดือดภายในท่อ และทำให้ของไหลที่ผ่านด้านนอกท่อเย็นตัวลง ซึ่งคอยล์เย็นแบบนี้มีชื่อเรียกว่า คอยล์เย็นแบบขยายตัวโดยตรง ซึ่งภายในคอยล์เย็นจะมีท่อที่ติดตั้งครีบระบายความร้อน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อน และมีลักษณะเป็นแผง และมีท่อโลหะขดไปขดมา เรียงตัวอยู่ภายในแผง และมีครีบระบายความเย็น เรียงตัวกันคล้ายกับคอยล์ร้อน แต่ขนาดอาจแตกต่างกัน ที่ด้านหลังจะมีพัดลม (Blower) คอยดูดเอาอากาศในห้องโดยสาร ให้ผ่านคัวคอยล์เย็น วิ่งไปตามท่อทางอากาศ ไปออกที่บริเวณ ช่องระบายแอร์ ที่อยู่บนคอนโซลรถยนต์  คอยล์เย็นแบบขยายตัวโดยตรงที่ใช้งานกับระบบปรับอากาศ จะควบคุมอัตราการไหลของน้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นโดยวาล์วขยายตัว เพื่อให้ไอสารทำความเย็นที่ออกจากคอยล์เย็นมีสภาวะเป็นไอร้อนยิ่งยวด  แต่ยังมีคอยล์เย็นอีกแบบหนึ่ง คือ แบบที่ทำให้สารทำความเย็นเหลวไหลเวียน หรือ ถูกดูดเข้าไปยังคอยล์เย็นที่ความดันและอุณหภูมิต่ำเป็นจำนวนมากอย่างเหลือเฟือ ซึ่งของเหลวบางส่วนจะเดือดไปในคอยล์เย็น แต่ยังคงเปียกและท่วมอยู่ที่ปากทางออก ส่วนที่เป็นของเหลวจะถูกแยกออก ยังคงเหลือเฉพาะส่วนที่เป็นไอไปเข้าคอมเพรสเซอร์ ในระบบทำความเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำมาก ๆ มักจะใช้คอยล์เย็นแบบนี้ เนื่องจากมีข้อได้เปรียบที่มีผิวภายในเปียกตลอดทั้งคอยล์เย็น และประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อนสูงกว่า
              ที่คอยเย็นจะมีเทอร์โมสตัท ติดอยู่เพื่อตรวจสอบ และควบคุมอุณหภูมิ โดยผ่านทางสวิทช์ปรับระดับความเย็น บนแผงคอนโซลแอร์ (เลือกความเย็นได้หลายระดับ) อีกทั้ง พัดลมดูดอากาศ ที่อยู่หลังคอยล์เย็น ก็สามารถ ปรับขนาด ความเร็ว ของการหมุน ได้อีกด้วย โดยผ่านทาง สวิทช์ควบคุมความแรงของลม บนแผงคอนโซล เช่นกันอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่บริเวณ ใกล้ๆ กับคอยล์เย็น จะอยู่ในกล่อง ที่เราเรียกว่า ตู้แอร์ จะเป็นตู้สำเร็จรูป ติดตั้งโดยยึดติดกับโครงรถ บริเวณใต้คอนโซลหน้าปัดรถ พร้อมทั้งยังมีท่อน้ำทิ้ง ต่อออกจากตู้แอร์ ไปนอกตัวรถ เพราะบางสถานะการ ความเย็นที่บริเวณคอยล์เย็น รวมตัวกันเกาะเป็นน้ำแข็ง แล้วหยดเป็นน้ำ จึงถูกขับถ่าย ไปตามท่อน้ำทิ้งของตู้แอร์
     

ต่อๆๆ  8) 8) 8)

วัสดุที่นำมาทำคอยล์เย็น-ตู้แอร์  (Evaporator)

   ในปัจจุบันคอยล์เย็น-ตู้แอร์  (Evaporator)มีมากมายหลายยี่ห้อ โดยมีผู้ผลิตสินค้าทดแทนเป็นจำนวนมากเพื่อผลิตเป็นทางเลือกของผู้ใช้รถ โดยที่ใช้กันโดยทั่วไปมีอยู่ 2 ประเภท คือ

1. คอยล์เย็นอลูมิเนียม/ลามิเนต เป็นคอยล์เย็นที่ทำมาจากอลูมิเนียม อายุการใช้งาน 3-5 ปี

2. คอยล์เย็นทองแดง เป็นคอยล์เย็นที่ทำมาจากทองแดง อายุการใช้งาน 8-12 ปี  
  
ข้อแตกต่างระหว่างคอยล์เย็นอลูมิเนียมกับคอยล์เย็นทองแดง จะแตกต่างกันดังต่อไปนี้

คอยเย็นอลูมิเนียม/Lamined

             ข้อดี ทำอุณหภูมิได้ดีกว่าคอยทองแดง แต่ก็จะมีข้อเสีย ซึ่งสำคัญ คือ มีราคาแพงกว่า อายุการใช้งานสั้นลง ประมาณ 3-5 ปี แล้วแต่ผู้ใช้รถที่จะบำรุรักษา            

คอยเย็นทองแดง    
           ข้อดี คือ  ราคาถูกกว่าอลูมิเนียน อายุการใช้งานนาน 8-12 ปี ปัญหาการรั่วซึม ของตู้แอร์ และปัญหาการรื้อหน้าปัดคอนโซลรถยนต์น้อยลง ข้อเสีย ทำอุณภูมิได้ไม่ดีเท่าไหร่

ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับ ตู้แอร์ - Evaporator คือ


 1.มีรอยรั่วซึมที่ตู้แอร์ เป็นปํญหาที่พบบ่อย เมื่ออุปกรณ์ถูกใช้ไปประมาณ 3-5 ปี ในปัจจุบันการเชื่อมรอยรั่วมักทำไม่ได้ เพราะโลหะที่ใช้ในการทำตู้แอร์เป็นโลหะมีเนียมที่ไม่สามารถเชื่อมได้ จึงต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่สำหรับปัญหานี้
2.สิ่งสกปรกอุดตันในตู้แอร์ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง และยังเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่างๆ โดยปกติต้องทำการล้างตู้แอร์ประมาณ 1-2 ปีต่อครั้งขึ้นอยู่กับการใช้งานของรถยนต์ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การล้างตู้แอร์ด้วยการถอด และล้าง เพราะเราพบว่าเป็นวิธีที่ทำให้ตู้แอร์สะอาดที่สุด และเราสามารถเป่าให้แห้งก่อนนำกลับไปประกอบในคอนโซล

                         ฉะนั้น  คอยล์เย็น หรือ ที่เรารู้จักกันอีกชื่อหนึ่งคือ อีวาโปเรเตอร์ (Evaporator) จึงเป็นส่วนสำคัญที่เราต้องคำนึงถึงเพราะมันทำหน้าที่ให้ความเย็นกับระบบแอร์ในรถของเรา ถ้าคอยล์เย็นคุณภาพดี ก็จะทำให้ทำความเย็นได้ดี และส่วนใหญ่แล้วคอยล์เย็นที่ติดรถมานั้น อายุการใช้งานมักใช้ได้ไม่นาน เพราะก็อย่างที่เราๆรู้กัน เขาต้องลดต้นทุนทุกอย่างให้มากที่สุด เพื่อทำกำไรมากสุด ดังนั้น อายุการใช้งานของคอยล์เย็นที่ติดรถมา หรือ คอยล์เย็นที่ซื้อตามศูนย์ ก็มักจะเป็นคอยล์เย็นที่มาจากประเทศจีน ที่เขาเน้นผลิตจำนวนมากๆ ราคาถูกๆ แล้วก็นำมาขายแพงๆ เช่น เปลี่ยนคอยล์เย็นทีหนึ่ง แค่เปลี่ยนคอยล์เย็นอย่างเดียวก็ปาไป สามพันกว่าแล้ว ซึ่งบางทีตามศูนย์ หรือตามอู่ซ่อมต่างๆก็มักจะบอกว่า ของแท้ครับพี่ ของแท้ แล้วของแท้มันดูยังไง ถึงจะเรียกว่าของแท้ เพียงแค่มันหน้าตาเหมือน อย่างนั้นหรือ??? เราก็ไม่อาจรู้ได้ ต่อให้ผมไปดูเองก็ยังบอกไม่ได้ เพราะจริงๆแล้ว ก็มีอยู่หลายเจ้าที่ผลิตงานคอยล์เย็น ออกมาขายอยู่ในตลาด ดังนั้นแต่ละยี่ห้อที่ขายกันนั้น ถ้าเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย คุณภาพงานถือว่าใกล้เคียงกันหลายๆยี่ห้อ บางยี่ห้อเป็นสีทองสวยงาม บางยี่ห้อก็ออกสีธรรมชาติ คือสีเงินๆ เขียวๆ นิดนึง ดีกว่าของจากประเทศจีนหลายเท่า ดังนั้นเวลาเลือก เลือกกันให้ดี เพราะจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเงิน

                          สรุป ตอบข้อสักถามของคุณพี เรื่องตู้น่ะ
ตู้แอร์เดิม EK VS. ตู้แอร์นอกEK  ว่า ทำไมถึงเย็นต่างกัน

         ตู้แอร์นอก  มันเรียกว่า ตู้แบบLamined  ลักษณะเป็นแผง และมีท่อโลหะขดไปขดมา เรียงตัวอยู่ภายในแผง และมีครีบระบายความเย็น เรียงตัวกันคล้ายกับคอยล์ร้อน ลักษณะแผงรังผึ้งถี่ขดไปมากส่งผลต่อการ ระบายความเย็น
ได้ดีกว่า  และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อน ทำให้ระบบสามารถสร้างอุณภูมิได้เร็วกว่า
         ตู้ในไทย  Made in Thailand  ลักษณะแผงจะมีลักษณะเป็นขดเหมือนกัน แต่ความถี่จะน้อยกว่าตู้นอก ประกอบกับวัสดุที่ทำมักทำมาจากทองแดง หรือวัสดุอื่นๆที่ไม่ใช้ Lamined ประสิทธิภาพลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน เรื่องการระบายความเย็น  การถ่ายเทความร้อน
  
              สาเหตุ ที่ผู้ผลิตทำไมไม่ผลิตตู้แอร์แบบ Lamined อย่างเดียวเลย ก็รู้ว่ามันดีอยู่แล้ว เพราะ ปัจจุบันมีผู้ผลิตจำนวนมากที่สามารถใช้เทคโนโลยีการผลิตตู้แอร์  วัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือกับผู้ใช้รถให้สามารถประหยัดเงินได้ โดยฌฉพาะ คอยที่เป็นทองแดง ทนมากๆจนลูกโตถึงจะได้เปลี่ยนกัน แต่ความเย็นทำได้ไม่ดีเลย ประกอบกับ ศักยภาพในระบบแอร์รถยนต์มีปัญหา อีกทำให้แอร์ไม่เย็นไปใหญ่  เป็นเหตุผลพื้นๆทางการค้าครับ อย่างยี่ห้อ Formula  Paco ซึ่งเป็นผู้ผลิต OEM จะมาเจาะตลาดล่าง สำหรับผู้ต้องการประหยัด แม้แต่ DENSO ยี่ห้อที่ผลิตมาทดแทน เทียบเท่า คือ Coolgear นั้นเอง
               EK  มันผลิตตั้งแต่ปี 1996-2000 แน่นอนระบบการผลิตยังมั่วๆอยู่ ไม่รู้ว่าวัสดุไหนดี จึงต้องตกเป็นภาระของผู้ใช้รถเองที่ได้ตู้แบบธรรมดามาใช้ ด้วยเหตุผลข้างต้น  Made in Japan เขาแข็งด้าน QC อยู่แล้วครับ เราจะได้รับคำชม แนะนำให้ใช้ของญี่ปุ่นมาตลาด เพราะเขามีระบบควบคุมคุณภาพการผลิต รวมถึงวัสดุในการผลิตด้วย บ้านเขสาถึงจะเย็นหนาว แต่ก็ยังมีตู้แอร์ดีๆใช้  บ้านเรามีอากาศร้อน ยังมายัดใส่ตู้แอร์ทองแดงด้อยคุณภาพให้อีก ทำใจครับ ที่นี้ประเทศไทย
  

   อ่านเยอะ ความรู้ทั้งน้าน .... :D :D :D :D :D

ผิดถูกประการใดขออภัยครับ  เพิ่มเติมได้ครับเผื่อผมตกหล่น... :-* :-* :-* :-*

กระจ่าง และชัดเจนเลยพี่กันต์ ขอบคุณครับผม  :-* :-* :-*

แต่ตู้นอกEKมันใส่ฟิลเตอร์กันฝุ่นได้อีก ก็สามารถช่วยยืดอายุของตู้แอร์จากฝุ่นที่เข้าไปเกาะได้


ว่าแต่ตู้แอร์ไทยEKมันทำจากทองแดงเหรอครับพี่ แต่สีมันเงินๆเหมือนมีเนียม เลยนึกว่าทำจากมีเนียมซะอีก

ส่วนตู้นี้ ไม่มีความเห็น  ;D ;D ;D ;D ;D ;D
(ขออภัยถ้ามากเกินส์)  ชูวิทย์  ไม่ค่อยดังเลยน่ะ ช่วงนี้หายไปไหน เงียบเลย ::) ::) ::)

เอาตู้มาขายในกระทู้นี้ม่ะ เป็น Sponsor  อยู่แล้วนิ  :-* :-* :-* :-* :-*  มา ม่ะ

ในลายเซนต์ก็ขายอยู่แล้วพี่ เดี๋ยวเยอะเกิน  ;D

โทษที มีทั้งทองแดง และ ชนิด laminated ที่คุณภาพใกล้เคียงของแท้ ครับ จะเห็นว่าลักณะแผง
มันก็ห่างอยู่ดีไม่เย็น

ตู้ยุ่นแบบมี Filter หายากนะตอนนี้

หายากก็ใส่แบบไม่มีฟิลเตอร์สิครับ :) :) :)

แต่มันจะไปตรงรุ่นของEG แต่ก็ใส่ได้อยู่ดี  :-* :-* :-*

ตู้แอ์รเดิมEK บ้านเราเป็นอลูิครับ ผมเลื่อยเล่นมาหลายอันล่ะ ;D ;D

 ;D ;D ;D ;D เรื่อยไปทำไรอะ  ....ครับ :-[ :-[ :-[ :-[

ผมไม่แน่ใจนะ อย่างของ DENSO Cool Gear มันไม่ใช่มิเนียม
หมดหรือเปล่า ออกเป็นทองแดง ผสมกันงงไปหมด อันนั้นเท่าที่มีข้อมูล
ผิดถูกประการใด Comment เพิ่มได้เลยครับ จะได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เรื้อยเอาเศษอลูครับ สามสี่อันมานี้ เป็น อลูหมดครับ :)

ขออนุญาต เพื่อนๆ เปลี่ยนหัวข้อกระทู้ ในคลังความรู้นะครับเป็น

 ★★★ ระบบแอร์รถยนต์ Honda Civic -- คลังความรู้เรื่องแอร์รถยนต์ CIVIC EK  ★★★


เพื่อความดูเด่นเป็นสง่า และเวอร์  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

EG  น้อยใจจุงเบย :'(

อะ เพิ่มให้  Honda Civic เรามีรุ่นไหนบ้างน่ะ EK  EG Si 4D 3D ES  จริงๆมันก็ได้หมด
อะไรหลักการเดียวกัน ประยุกต์ใช้ได้หมด พอดีผมใช้ EK  ;D ;D ;D ;D ;D

จัดให้แล้ว คุณเจ ดีๆเกือยลืม  :( :( :( :( :(

รวมกระทู้เกี่ยวกับปัญหาแอร์ใน Honda Civic

ไปขุดเจอมาครับ .......เป็นความรู้ที่ดี เป็นความตั้งใจของเพื่อนๆที่รวมไว้ให้

http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=54664.0


อ่านเยอะก่อ รู้เยอะ  :) :) :) :) :) :) :) ;) ;) ;) ;) ;) ;)

พี่กันครับ ผมมีข้อสงสัยเกียวกับเทอร์โมแอร์ครับ  ถ้าเทอโทแอร์อยู่ที่เดิม ไม่โมไม่แต่งใช้ของตรงรุ่น ไม่เอาท่อหด เทปดำพน  เราจะทำให้อุนหภูมิติดลบใด้ใหม่ครับ ::)    ผมดูตามบอร์ดต่างๆมาเลยสงสัยว่า เขาทำอย่างไงให้ฝ้าข้น  รถผม 9 องศามันยังไม่ขึ้นเลย ::)
  ที่สงสัยนี่มันขัดกับความรู้สึกอะ  เพราะถ้าโรงงานเขากำหนด 8 องศา  ต่อให้น้ำยาเทพ แว๊ค-30 -40  มันก็ไม่หน้าจะเกินค่าที่โรงงานเขากำหนดใด้ขนาดนั้น  หรือ ว่าเขาเล่นมายากล  เอาลมเป่าที่กระจก ::)   ยังหาข้อสรุปที่แน่นอนไม่ใด้ มันขัดๆกันอยู่....

ของผมก็ทำฝ้าขึ้นเหมือนกัน ได้ 7.1 c ตามศักยภาพของ คอม ตู้แอร วาล์ว
และฝีมือ  ของคุณเจ ทำได้เท่าไหร่ครับ ไอ้ที่เห็นนั้นมันเป็นภาพตอนเทสระบบครับ
เรื่องจริงตามสภาพจริง ถ้าคุณเจ เคยอ่านเป็นสูตรของช่างทรัพย์บางบ่อ ที่ตายไปแล้เขาดังนะ
เดี๋ยวผมจะทำมาให้ดู เริ่มงาน 4 โมงกว่าจะเสร็จได้ล่อไปซะ 5 ทุ่ม

เหนื่อยมักๆ :-[ :-[ ทำแอร์นี้ ไม่ง่ายเหมือนเรามาเขียนให้อ่านกัน ขั้นตอนเยอะมากมาย บานตะไท

เทสระบบคืออะไรครับ ::)   ::)   ::)
 พี่ช่างทรัพย์อันนี้เคยอ่านๆมาพอสมควรครับ อ่านมาจากผู้ที่ใด้ใช้บริการพี่เขา  และผู้ที่อยากลองของ  และผู้ที่จะดิสเคดิสพี่เขา  ผมอ่านๆมาและคิดกลองพอสมควรเลยพอจะจับแนวทางการทำของพี่เขาใด้บ้างแล้วครับ
  ผมให้พี่หนุ่มช่างประจำกลุ่มทำครับ 9 องศา  ของพี่ 7 องศา ไม่ต่างกันมาก  แต่ที่ผมอยากรู้คือ ที่ 1 องศา หรือ -3 องศาเขาทำอย่างไงอะครับ  เขาย้ายเทอโมหรือเปล่า หรือเอาท่อ เอาเทปมาพันเทอร์โมแอร์   ::)
   ;)

บังคับให้มันทำงานมากกว่าเดิม  ย้ายเทอร์โม หลบห่างช่องลมโบเวอร์ พันหาง
ให้หนา แค่นี้คอมก็จะพังแล้ว ;D ;D ;Dทำงานนานเกิน

;D    ;D    ;D    เป็นอย่างที่คิด  ก็ว่าในเมื่อเทอร์โมมันถูกฟิกไว้ว่า องศานี้ตัด แต่ทำไมเขายังไปกัน 1 องศา บ้างก็ติดลบ  รถใหม่ฝ้ามันยังไม่ขึ้นเลย     ขอบคุณครับ  

ผมว่ามันจะเท่าไหร่ผมไม่ค่อยสนเอาแค่สาวขึ้นนั่งแล้วไม่บ่นร้อนเป็นใช้ได้ ;) ;)

สาวบ่นยังพอทน เปิดกระจกขับบอกกินลม  แต่เมียจ่มนี่ซิคือปัญหา :'(

อันนี้ชัดเจน ตาเงาะเขาพูดถูก  พูดอีกก็ถูกอีก ;D ;D ;D

ว่าแต่ทำแอร์ตัวเองอยู่หรือ

ยังเลยครับ แค่อ่านๆมาแล้วสงสัย  ยังไม่มีเครื่องแวคเลย.... :'(

ขาดไม่ได้เลยเครื่องแวค สำคัญมากๆ อากาศเข้าระบบนิดเดียวก่อไม่ดี ถ้าอากศเข้าไปมาก
โข ไม่เย็นแน่ แล้วจะทำให้การทำงานในครั้งนั้นเสียแรง เวลาและอารมณ์ วัยรุ่นอย่างเรา  ;D ;D

เอางี้ครับ จะทำให้แอร์เย็นได้
1.คอมเพรสเซอร์ตัองฟิต ดูดและอัดเยี่ยม
2.ล้างระบบด้วย f11 ทั้งตู้ ท่อ คอม
3.เติมน้ำมันคอม 100 cc ตามยี่ห้อที่ผมบอก เทน้ำมันเก่าออก เทน้ำมันใหม่
เข้าไป หมุนมูเลย์ เทออกมาจนน้ำมันคอมมันใส่เท่าของใหม่ อย่าเติมเกินน่ะ
4.บังคับระบบ ตามที่บอกไป
5.แผงคอยร้อนต้องเอามาล้างระบบ สำคัญ มากที่ทำให้ คอมทำงานหนัก หรือแอร์ไม่เย็น
6.ก่อนใส่คอมลงไปที่เดิม เช็คว่าครัทจับดีไหม
7.แวคสัก 1ชม หยุดพักเครื่องสัก แป๊บ แล้วแวคตอ อันนี้กลัวเครื่องแวคจะพัง
8.เติมน้ำยาเป็นของเหลว ฝั่ง hi จนดติมไม่ได้แล้ว
เพราะความดันบรรยากาศเท่ากัน
9.สตาร์ทรถ ค่อยๆเติมเป็นแก๊สที่ละนิด เป็นจังหวะ ไปเรื่อยๆไม่ต้องเร่งเครื่องนะ
ปล่อยให้อยู่ในภาวะรอบเดินเบา
10.ทำตามข้อ 9 ไปเรื่อยๆ จนเติมแล้วอุณภูมิเพิ่ม หยุดและค่อยๆปล่อยน้ำยาทีละนิด
จนุณหภูมิไม่ลงต่อแล้ว ตาแวไดเออร์ใสมีฟองนิดหน่อย พาแล้ว

    ช่วง9 และ เป็นช่วงสำคัญมาก ละเอียดใช้เวลานาน จะได้งานออกมาดี ผมก็ฝ้าขึ้น
ได้เลขตัวเดียวแน่ เพราระบบสะอาด
   ทั้งนี้รถแต่ละคัน ระบบแอร์ต่างกัน ความสบูรณ์ก็ต่างกัน อะไรที่เสีย เสื่อมก็สั่งเปลี่ยนเลยครับ
จะได้ไม่เสียเวลา งานไม่เนียน  ลองดูครับ ผมกผ็ใช้สูตรนี้ แค่นี้ก็เหงื่อโชกแล้ว  :-[ :-[ :-[

:)   :)   ต่างจากที่ผมจะทำนิดนึงตรงข้อ 9 
ผมคิดจะเติมในฝั่ง hi ในรูปแบบของเหลวจนเติมไม่เข้า ( หน้าจะอยู่ประมาณ 40-50 psi)  ในขณะไม่ติดเครื่องยนครับ  ถ้าเติมไม่เข้าแล้ว ผมคิดว่าจะปิดเกจ์ชาจทางฝั่ง hi   แล้วติดเครื่องยนต์ เติมฝั่ง low  ในรูปแบบไอก๊าช แล้วก็ดูแรงดันความร้อนฝั่ง hi ไให้เกิน 250 psi.....ที่กล่าวมานี่ผมยังไม่รู้เลยจะเติมใด้อย่างที่คิดหรือเปล่านี :-[

เออ  ::) ::) ผมขอบาย สูตรกระจกขึ้นฝ้า อุณหภูมิตัวเลขตัวเดียว เป็นคนขี้หนาว

มีบุญได้ทำงานอยู่กับแอร์ แต่กำตามทัน ดันเป็นคนขี้หนาว  :( :(

ไม่ต้องทำก็ได้ เอาความรู้มาแชร์เพื่อนๆก welovecivic  แล้ว

สูตรมาตรฐานของช่างแอร์นั้นหละ การเติมน้ำยาเติมได้ 2 วิธี
1.เติมแบบของเหลว
2.เติมแบบแก๊ส
    2 วิธีนี้สามารถเลือกทำได้ในขณะไม่เดินระบบแอร์ครับ
  ส่วนเมื่อเดินระบบแอร์แล้ว ให้เติมเป็นแกส ในฝั่ง low
ช้าๆ  อย่าเติมเป็นของเหลวนะ ลิ้นคอมจาพัง งานเข้าไม่จบ



แก้ไขด่วน   
   ผมพิมพ์ผิด  ข้อ 9  สตาร์รถ เติมน้ำยาแอร์ ต้องเติมเป็นสถานะแก๊สครับ ห้มเติม
เป็นของเหลว ด้วยเหตุผลที่บอกไป....พิมพ์ไปด้วยืคิดไปด้วย
มันก็เบลอได้เหมือนกันแฮะ :-[ :-[ :-[ :o :o :o

หายสงสัยเลยว่าทำไมบางคันได้ติดลบ ว่าจะถามอยุ่เหมือนกัน ตอนแรกก็นึกว่าช่างใช้วิธีพิเศษ ที่ไหนได้ แค่ทำให้มันทำงานนานขึ้นโดยการหลอกเทอร์โม อย่างงี้คอมพังไวแน่ๆ เพราะมันไม่ตัดเลย ใช้งานจริงอุณภูมิขนาดนี้ แข็งตายพอดี555

ใช่เลยครับ ผมเคยอ่าน blogger ของพี่ท่านนึง( หน้าจะเป็นพี่ที่อยู่ rcw  คนปากช่อง)  บอกวิธีเติมของช่างแอร์ไว้ค่อนค่างระเอียด ผมเซฟไว้ในโน๊ตบุค :-[   เดี๋ยวเอามาลงให้นะ อิอิ....

 การเติมน้ำยาแอร์รถยนตร์ให้เย็นจัด
มีคนถามมาว่าจะเติมน้ำยาแอร์รถยนตร์อย่างไรให้เย็นจัดจนเป็นฝ้าเกาะกระจกเลย วิธีมีไม่ยาก

1.ถ้าแผงคอยล์ร้อนไม่เคยล้างมาเป็นปีแล้ว เอาน้ำยาอปาเช่ สีเหลือง สำหรับล้างคอยล์ร้อน มาฉีดล้างแผงให้ทั่ว ฉีดน้ำเปล่าให้ชุ่มก่อน แล้วฉีดอาปาเช่ให้ทั่ว ทิ้งไว้ 10 นาทีจนมันเป็นฟองขาวๆฟู่ขึ้นมาเต็มไปหมดก็ใช้น้ำแรงๆฉีดล้างให้สะอาดหมดจด น้ำยามันแรงอยู่ อย่าแช่ไว้นานๆมันจะกัดแผงคอยล์ร้อน

2.ตอนที่เครื่องยนตร์ดีับอยู่ จัดการแวคเพื่อดูดอากาศออกจจากระบบแอร์ให้หมด จากนั้นเติมน้ำยา จะ R12, หรือ R134ก็แล้วแต่รถของคุณ สูตรของพี่ช่างแอร์ตัวจริงที่อยู่บางบ่อ(ตายไปแล้ว)จะคว่ำถังเติมเป็นของเหลว เจิมช้าๆจนน้ำยาเข้าไปเกือบเต็มระบบ แล้ววางถังลง ปิดวาล์น้ำยา ติดเครื่องยนตร์ วางเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิไว้ที่ช่องลมออก เปิดพัดลมแอร์สุด ตั้งเทอร์โมสุด เพื่อให้แอร์เดินเต็มที่ ทิ้งไว้สัก 10 นาทีระหว่างนี้ก็ดูว่าเทอร์โมวัดอุณหภูมิได้กี่องศา มันต้องค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ อาจจะไปสุดที่ 13 14 หรือ 15 องศา

3. วางถังตามปกติ จากนี้จะเติมน้ำยาแบบเป็นไอ ค่อยๆเปิดให้น้ำยาเข้าไปอีกช้าๆ เปิดสัก 10 วิ แล้วปิด แล้วรอ 2นาทีดูว่าเทอร์โมลดลงอีกไหม ถ้าลดลงอีก ก็ปล่อยน้ำยาเข้าไปอีก 10 วิ รอดูอุณหภูมิอีกครั้ง ทำไปเรื่อยๆจนมันไม่ลดลงอีกแล้ว อาจจะใช้เวลา 30-40 นาทีเฉพาะช่วงนี้ ระหว่างเติมน้ำยาต้องดูแรงดันฝั่ง lo กับฝั่ง hi อย่าให้สูงเกินไปล่ะ ถ้าฝั่ง hi สูงไป ให้ดูที่แผงคอยล์ร้อนได้เลย สกปรกแน่ๆ ระบายความร้อนไม่ออก ดูที่ตาแมวด้วยว่าต้องมีฟองเหลือนิดๆ เกือบๆใสปิ๊ง

4. ถ้าเติมน้ำยาเกินไป จะพบว่าอุณหภูมิที่ลดลงเรื่อยๆ จะเริ่มตีกลับสูงขึ้นมาอีก ถ้าถึงจุดนี้ให้ปล่อยน้ำยาออกนิดหนึ่งก็จะพอดี

จำไว้ว่าถ้าน้ำยาแอร์รั่ว ต้องซ่อมรอยรั่วให้เสร็จและเติมน้ำมันคอมไปชดเชยส่วนที่รั่วไปด้วย ไม่งั้นน้ำมันคอมขาดมากๆคอมก็เสียงดังและพังในที่สุด

น้ำมันคอมแอร์ดูดความชื้นได้ดีมาก เมื่อใช้แล้วให้ปิดผนึกกันความชื้นอย่างดี อย่าเก็บไว้นาน

ถ้าจะเติมน้ำมันคอมเพิ่มโดยที่ไม่ต้องการถ่ายน้ำยาแอร์ออกก่อน ให้ใช้น้ำมันคอมของ coolman ที่เขาอัดน้ำยาเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถเติมเข้าไปในระบบแอร์ที่มีน้ำยาอยู่แล้วได้เลย ฉีดเข้าไปสัก 5 วินาทีแล้วฟังเสียงคอมแอร์ดู ถ้าเสียงเงียบก็ใช้ได้ ถ้ายังไม่เงียบก็ฉีดเข้าไปอีก 5 วินาีที แต่อย่าฉีดเกิน แอร์จะไม่เย็น คอมแอร์จะต้องการน้ำมันคอมประมาณ 120-150 ซีซีหรือประมาณ 1 ขวดกระทิงแดงเท่านั้น

อย่าลืมดูน้ำมันคอมแอร์ให้ตรงกับชนิดของน้ำยาแอร์ที่ใช้ น้ำยา R12 ใช้น้ำมันคอมแบบ mineral แต่ R134 ใช้น้ำมันคอมแบบสังเคราะห์ บอกร้านที่ซื้อให้ชัดเจน

ตัว dryer ให้ใช้ของแท้ หรือของ denso coolgear ที่มีคุณภาพดี ดูดความชื้นได้เยอะ อย่าใช้แบบถูกๆที่ไม่ค่อยดี อะหลั่ยทุกอย่างเล่นของ denso coolgear ราคาไม่แพง คุณภาพดีมาก

ระวังน้ำยาคุณภาพต่ำ มีความชื้นสูง เติมไปแล้วแอร์เย็นน้อย หาแหล่งซื้อน้ำยาที่เชื่อใจได้ ถ้าทำบ่อยๆ หรือทำให้เพื่อนด้วย ซื้อแบบมียี่ห้อยกถังเลยจะดีกว่า

ถ้าสายน้ำยาแอร์รั่วตรงหัวต่อ ผมเคยย้ำสายแล้ว มันอยู่ได้ 6 เดือนก็รั่วอีก ซื้อสายใหม่เลยดีกว่า ใช้ได้นานหลายๆปี

เคดิด คนปากช่อง .....http://yutc.blogspot.com/2009/10/blog-post_26.html
 :-*

;D   ;D   ;D   คุณพีคิดเหมือนผมเลย  ผม9องศาตอนเอาตู้คุณพีมา ผมยังหนาว เปิดก็ไม่ถึงครึง ผมเห็นบางคน 1 องศา  -3 องศา เขาไม่ปอดบวมกันหรือนี่ ::)
 อันนี้ของผมเอง ตอนใด้ตู้คุณพีมาเมื่อปีที่แล้ว แต่ตอนนี้แผงหน้ารั่ว ไม่รู้เหลือเท่าไหร่ รถไม่ค่อยใด้ขับ :-[
(http://image.ohozaa.com/i/2b7/J9Fru3.JPG)

อากาศภายนอกตอนนั้น
(http://image.ohozaa.com/i/d31/WXTx74.JPG)

แจ่มเลยครับ ว่าแต่ ร้านที่เขาใช้ถังยาวๆ เขาจะคว่ำถังยังไงกัน

จริงๆในตำราเขาไม่ใด้บอกให้คว่ำถังอะ  แต่ที่คว่ำถึงมันเป็นสูตรเปล่า ;)

ถ้าคว่ำแล้วได้อุณหภูมิขนาดนี้ ถือว่าแจ่มมากๆ

โรงงานผู้ผลิตยังทำไม่ได้ขนาดนี้เลย  :-* :-* :-*

คว่ำถังใช่ว่าจะถึง1 หรือ ติด-3 องศา( ตามความคิดผม)  มันต้องขยับเทอโม หรือ ทำให้เทอร์โมมันบอกค่าผิด มันถึงใด้ขนาดนั้นอะนะ และก็ลูกเล่นทางด้านแรงดันอีก 
 แต่แผงคอยร้อนมันต้องเอาอยู่ด้วย ถ้าระบายไม่ดี มีระเบิดดังตุบควันกระจายแน่ๆเลย :-[

แอร์โรงงานรู้สึกเค้าเทสกันที่ 20 กว่าครับ เอาแค่นั้น  :D

ตาหนุ่มแกทำให้ผม 9 องศาผมพอแล้ว ไม่โมไม่ย้ายเทอร์โมด้วย  ;D   ;D   ;D

ใช่ครับ นี่มันรถ ไม่ใช่ตู้แช่  ;D ;D ;Dแค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว อิอิ :-* :-* :-*

พิมพ์ยาก ขับรถอยู่รถติดมากมายฝนตกเย็นนี้ >:( >:( >:(


การทำแอร์ให้เหลือเลขตัวเดียวหรือติดลบ มันมีข้อดีอยู่เหมือนกัน
กับประเทศไทยไชโย  ของพวกเราที่ร้อนมากโข เวลาร้อนก็จะล้มทั้งยืน
คือเอาไว้สู้แดดตอนร้อนๆ เราถึงอยากได้กัน

ปรกติการทำงานของแอร์รถยนต์นั้น พูดรวมๆนะครับ เป็นอย่างนี้
   เมื่อเราสตาร์เครื่อง แล้วเปิดแอร์ เทอร์โมสตัสจะสั่งการทำงานไปที่
คอมเพรสเซอร์ให้ทำงาน คอมเพรสเซอร์ทำงานไปทั้งอั ทั้งดูดตามวถีทางของมัน
เมื่อได้ระดับความเย็นที่ตั้งไว้ เทอโมก็จะสั่งให้คอมตัดการทำงาน ระบบจะวน
ไปอย่างนี้จนเราเลิกใช้ระบบแอร์

ในสถานะนี้ ที่ตัวเทอโมสตัลตู้แอร์ ตามผู้ผลิตของโรงงาน เขาผลิตมาเพื่อการทำงานตัดความ
เย็นตามมาตรฐานประมาณ 3-5c หมายถึงที่ตู้แอร์นะถ้าจำตัวเลขไม่พลาด แอร์ก็จะตัด
อย่าลืมนะครับ เทอโมติดกับตู้แอร์ ความเย็นที่เทอโมจะสั่งตัดอยู่ที่ความเย็นของตู้แอร์
เป็นหลัก ไม่ใช่ลมที่มาจากชองแอร์ คนละส่วนกัน

มาถึงช่องแอร์ จะทำหน้าที่กระจายลมในห้องโดยสาร  ความเย็นที่ได้จะมากกว่าตู้แอร์ประมาณ 3-5
เช่น ตู้แอร์เย็นได้ 5 c  ช่องแอร์ออกมาก็จะได้ 8-10c ในช่องแอร์ อันนี้เป็นตัวเลขประมาณการ
อาจไม่แปะ แต่เป็นมาตรฐานมัน

ตรงจุดนี้คงเข้าใจแล้วนะครับ ว่าถ้าจะทำให้แอร์มันฝ้าขึ้น ให้มันเย็น
หนาวเหน็บอุรา เป็นไข้ ไปโรงพยาบาลกันต่อ จาทำยังไง

ตอนนี้ขับรถอยู่เปิดพัดลมเบอร์ 1  เทอร์โมขีดกลาง รอบเดินเบา ได้ 9 c
ผมก่อห่มผ้าขับรถแล้วครับ แข๊งตายพอดี....กำ  :-[ :-[ >:( >:(
  

ชื่อคุณยุทธ ครับ

 ;D ;D ;D ตู้รัชดา

เขาใช้วิธีเติมสถานะแก๊สครับ ตั้งถังซึ่งก็เป็นวิธีที่ถูกต้องเช่นกัน

เจ.... ลืมไปอีกอย่าง ++++ ทำ cool down ให้มันระบบแอร์ด้วยขณะเติมน้ำยาแ อร์ แน่นอนเหลือเลขตัวเดียวหรือติดลบแน่ถ้าระบบสมบูรณ์ ......เ ว น กำ...ช่างแอร์ไทย  :o :o :o :o เทคนิคพิสดาร

ทำไปเถอะครับ ระบบแอร์ไม่สมบูรณ์ เช่น กำลังอัดไม่ดี ไดเออร์ตัน วาล์วตัน  ตู้ตัน  พัดลมล้า แผงตันดานนอก
ไปทำตามช่างที่ใช้เทคนิคพิสดาร ไงก็ไม่จบครับ เพราะมันแค่ ปาหี่ ให้เห็น.....ของจริงต้องแก้ไขที่อุปกรณ์ ระบบสมบูรณ์
ถึงบอกว่า ทำแอร์ให้ทำทีเดียว เสียเงินทีเดียว ......พูดยากเรื่องแอร์  เพราะ มันเป็นเรื่องเข้าใจง่ายแต่ปฏิบัตินี้ไม่ง่าย
ปัญหามีหลายอย่าง ระบบแอร์สมบูรณ์ มาโดนระบบไฟอีก เช่น คอมไม่ทำงาน การตัดต่อของแมคเนติกครัท ไม่ดีฉุดเครื่อง
อีก.........กำ กำ  ;D ;D ;D ;D

มีครับ ตั้งถังเติมเป็นแก๊ส  คว่ำถังเติมเป็นของเหลว
ตำราจะแนะนำให้เติมเป็นแก๊สดีกว่า ปลอดภัย ไม่ส่งผลต่ออุปกรณ์มาก
เติมเป็นของเหลวมีความเสียงสูง เพราะใจร้อน บ้าพลัง  ร้อนวิชา อัดน้ำยา
เป็นของเหลวมากไปและเร็วไป ลิ้นคอมจะพังเอา งานเข้า ปิดงานไม่ได้ เสีย
เงินซื้อคอมใหม่อีก  ถ้าทำกับช่างก็ต้องเคลมให้ :( :( :(

คุณเจ....ทำไงอะ  ลูกเล่นด้านแรงดัน...ชี้แจงด่วน  ;D ;D:-* :-*

บอกนั่งพิมพ์อยู่ในรถ  ::) สามทุ่มแล้วยังไม่กลับบ้านอีกหรือพี่

นั่งสอนการบ้านลูกที่ รร เมื่อวาน กทม ฝนตกตอนเลิกงาน 16.30 น.......กำ รถติดโครต

:-[  เอาน้ำฉีด และก็เอาตัววัดแรงดันน้ำยาออก อะครับ   

 ผมคิดว่าจะไม่ใช้น้ำฉีดอะครับ :-[  จะพยายามลองทำให้เหมือนสถานะการทำงานจริงๆอะครับ

อะไรอะ  เอาตัววัดแรงดันน้ำยาออก  :o :o :o  Pressure Switch แม่นบ่

ดีแล้ว เอาที่ระบบมันทำงานจริงๆ  cool down ตลอดไม่ได้ ถ้าอยากให้ cool down
ต้องทำระบบน้ำให้มัน หรือ หาคนมานั่งถือถึงน้ำ หน้ารถ เวลาเราขับรถ  ;D ;D ;D ;D ;D

นั่นแหละๆ ไอ้ตัวนี้อะ ( ของผมไม่มี เต้นรถเขาไม่แถมให้ตอนซื้อ 55+)   
  ตัวนี้มันชอบสังคอมตัด เมื่อแรงดันเกิน และ ต่ำกว่าค่าที่เขากำหนด......ที่ผมบอกว่ามันเป็นลูกเล่นก็คือ เขาเอามันออก และให้เทอโมแอร์เป็นตัวสั่งตัด ไม่ว่าแรงดันจะสูงหรือจะต่ำ คอมก็ไม่ตัด จนกว่าจะถึงอุณหภูมิที่กำหนด  ......แต่วิซาวะเขาคงรู้ว่าช่างไทยจะต้องพิศดาน เลยต้องทำ เทอร์ฟิวส์  ที่คอมเอาไว้เป็นไม้ตายสุดท้าย เพื่อกันคอมทำงานร้อนจนเกินไป เดี๋ยวจะกายเป็นระเบิดลูกย่มๆ มันเลยตัดคอมก่อนที่เทอโมมันจะเอาความเย็นให้ถึงที่มันถูกกำหนด......รถไม่มี  Pressure Switch และตัดถีก็หน้ามาจาก  เทอร์ฟิวส์

ใช่เปล่าก็ไม่รู้ คิดเองเอ่อเองหมดเลย   555+ :'(

งานเข้าผมแล้ว ซนไปหน่อย เอาน้ำกลอกเล่น  เช้ามาตรงกระจก(ปกติสีเหลือง) กายเป็นสีสนิมเลย  :(   :(   :(

โมมากเกินไป ไม่ไหว เกินมาตรฐานที่โรงงานกำหนดน่ะ ผมว่าขอบายวิธีนี้
รถจะระเบิด ตูมเอา

ซน  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

(http://image.ohozaa.com/i/5c4/nTX0j0.JPG)

 :'(   สนิมขึ้นเลย  สงสัยจะมีปัญหากะน้ำคอรีน :'(

กำ  ของใหม่ๆ:'(

:(   :(  ไม่เป็นไร ล้างใด้อยู่ครับ แต่ไม่กลับสภาพเดิม ไม่หน้ามีปัญหา  :-[   :-[   นี่แหละผม ซน ไม่เข้าเรื่อง ;D  ;D
  บทเรียน เลี้ยมไม่เข้าเรื่อง กลัวข้างในไม่สะอาด จับมันอาบน้ำ  :(   :(   :(   เผื่อใครซื้อมาจะใด้ไม่ทำตามเอามันไปอาบน้ำ  :(  :(

มาจากโรงผลิต ก็น่าจะะสะอาด ระดับหนึ่งแล้ว เอาลมเป่าไล่ฝุ่น แล้วเอา น้ำยาแอร์เปิดไล่ ฟืด สองฟืด ก็พอ ถ้าอยากล้าง ก็เอา F11 ล้างน่าจะได้ แล้วเอาน้ำยาแอร์เป่าไล่อีกรอบก็พอ ( ทองเหลือง กับ คอรีน ไม่ถูกกัน คอรีน ชนะ ทุกที  :( )

พี่กันต์ แอร์รถพี่ใช้น้ำยา R22 หรอ  ::)

เป็นประสบการณ์อันมึน งง ของผมเลยนะนี่  :'(

:-*   :-*     แล้วผลสรุปใด้กี่องศาอะครับพี่กัน ::)   แรงดันแต่ระฝั่งมีเท่าไร่อะ ::)

;D   ;D   ;D    เกจ์ผมมีครบเลยทั้ง r12 r134 r22  แต่ผมไม่สนใจ ผมสนใจแค่มันมีหน่วยวัดรเป็น psi  แค่นี้อิอิ ;)

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=169234.0;attach=239056;image)

ที่แรกผมนึกว่าเติมฝัง hi ไม่ติดเครื่อง ประมาณ 40-50  มาเจอของพี่กันเข้าไปเป็น 100 เลย :-[

ขออนุญาตนะ ติดประชุมด่วนอะ บทความเลยไม่ค่อยเนียม ...ขอลบก่อน เดี๋ยวมาลงใหม่แบบเต็มๆ ;D ;D ;D

อย่าซนอีกน่ะ .... ;D ;D ;D

ครับผม :-[    ดีนะผมยังไม่มีเครื่องแวค ไม่งั้นลื้อเล่นจนงานเข้าแน่ :-[   :-[

 ;D ;D ;D ;D

8)[b]วิธีการชาร์ทน้ำยาแอร์รถยนต์ CIVIC EK   [/color] 8)[/b]


ในระบบปรับอากาศรถยนต์นั้น ภายหลังการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆเสร็จสิ้นและมีการทำสุญญากาศเรียบร้อยแล้ว จะต้องมีการบรรจุสารทำความเย็นเข้าไปในระบบเพื่อให้ระบบทำงานและให้ความเย็นออกมาได้ โดยทั่วไปแล้วจะบรรจุสารทำความเย็นเข้าไปในระบบด้วยสถานะแก๊สเพื่อป้องกันรีดวาล์วในตัวคอมเพรสเซอร์แตก การบรรจุสารทำความเย็นนั้นจะมีทั้งขณะดับเครื่องยนต์และติดเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ช่างซ่อมระบบปรับอากาศรถยนต์ควรศึกษาและทำความเข้าใจโดยละเอียด   จากการทำงานของระบบปรับอากาศรถยนต์จะมีการพาเอาความร้อนภายในห้องโดยสารรถยนต์ บริเวณรอบๆท่อของอิวาพอเรเตอร์ไประบายทิ้งภายนอกห้องโดยสาร บริเวณคอนเดนเซอร์ โดยอาศัย สารทำความเย็นเป็นตัวกลางในการพาเอาความร้อนออกมา ฉะนั้นระบบปรับอากาศจะทำความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงจะเป็นต้องชาร์จน้ำยาแอร์เข้าในระบบปรับอากาศที่เหมาะสมเต็มระบบ

งั้นลองมาดู วิธีการชาร์ทน้ำยาแอร์รถยนต์ นายแบบในงานนี้ คือ Honda Civic EK คู่ใจของผมใช้มานานโข ลองไปดูกันครับ
1. ต่อเกจแมนิโฟลด์เข้าระบบปรับอากาศ โดยสารสีน้ำเงิน คือ สำหรับท่อด้านดูด หรือท่อ LOW  และสายสีแดง คือ สำหรับท่อด้านส่ง หรือท่อ HI อันนี้คงทราบกันดีอยู่แล้ว ทฤษฎีมีไว้ให้รู้ ก็รู้ไว้ซะหน่อย....ส่วนสายกลาง สายสีเหลือง อันนี้เอาไว้ต่อกับ
ถังสารทำความเย็น ครับ

2. เมื่อแวคคั่มสูญญากาศได้ระดับแล้ว เตรียมพร้อมเติมสารทำความเย็น โดยการเปิดวาล์วที่ถังสารทำความเย็นประมาณ  1 - 3  รอบ
ในขั้นตอนนี้สำคัญครับ ให้ไล่อากาศที่ปลายสายสีเหลืองเส้นกลางด้านที่ต่อเข้ากับแมนิโฟลด์เกจออก  3 - 5  วินาที แล้วขันให้แน่นเหมือนเดิม เหตุท่อกลาง สายสีเหลืองปรกติจะมีอากาศค้างอยู่ในสายไม่มากก็น้อย แน่นอนต้องไม่ดีกับระบบแอร์แน่นอน ต้องไล่ออกให้หมด

3. ค่อยๆเปิดวาล์วด้านความดันสูงช้าๆ ( เปิดไปเรื่อยๆไม่ต้องตั้งค่าความดัน )  รอให้เข็มด้านความดันต่ำเลื่อนขึ้นจนหยุดนิ่ง    
    หมายเหตุ ค่าความดันทั้ง  2  ค่าจะมีค่าใกล้เคียงกันหรืออาจจะเท่ากัน  ในขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกของการชาร์ทน้ำยาเข้าระบบโดยที่ยังไม่เดินระบบแอร์รถยนต์ (เครื่องยนต์ยังไม่ได้สตาร์ท และยังไม่ได้เปิด On AC)  ตามหลักนะช่วงนี้เขาให้ใส่ประมาณ 50 PSI แต่ผมเลือกจนเต็มระบบ โดยจะเลือกเติมแบบเป็นแก๊สหรือของเหลวก็ได้  ผมเลือกเติมของเหลว ปิดงานได้เร็วขึ้น

4. ปิดวาล์วเกจด้านความดันสูง Hi สตาร์ทเครื่องยนต์  เปิดสวิทช์พัดลมในตำแหน่งเร็วสุด เปิดสวิทช์เทอร์โมสตัทในตำแหน่งเย็นสุด เหตุผลเราจะเค้น เอาศักยภาพการทำงานของระบบมาใช้ และการเติมน้ำยา ณ ขั้นตอนนี้จะเติมทางด้านท่อ LO อย่างเดียวซึ่งจะดูด :)ได้ช้า

5. ค่อยๆเปิดวาล์วด้านความดันต่ำ  ( เปิดโดยไม่ต้องตั้งค่าความดันเนื่องจากวาล์วด้านที่เปิดจะไม่สามารถอ่านค่าได้ )
    และ ถ้าเปิดวาล์วผิดด้านน้ำยาจะไหลกลับถังจะทำให้ถังสารทำความเย็นระเบิด

            ในขั้นตอนนี้สำคัญมาก เนื่องจากจะมีเงื่อนไข  2  ประการในการบอกถึงสถานะของน้ำยาว่าเต็มหรือยัง โดยให้ดูที่กระจกมองน้ำยาและเกจที่ความดันสูงไม่ควรเกิน 250 Psi ถ้าเกินถึงแม้ว่ายังชาร์จน้ำยาอยู่และฟองอากาศยังน้อยก็ให้ปิดวาล์วด้านความดันต่ำ และทำการตรวจสอบระบบ เมื่อเริ่มเติมและได้ระดับความเย็น ให้ปิดวาล์วเกจด้านความดันต่ำ อ่านค่าความดันน้ำยาทั้งทางด้านความดันต่ำและทางด้านความดันสูง  ( ตรวจสอบวาล์วด้านความดันต่ำว่าปิดสนิทแล้ว )
               ด้านความดันต่ำ    =     30 - 50    Psi
               ด้านความดันสูง    =   200 - 250  Psi
6. เมื่อได้ความเย็นต่ำสุดจนไม่สามารถให้ความเย็นได้อีกแล้ว ก็หยุดการเติมน้ำยานะครับ เพราะการเติมมากไป หรือน้อยไปแอร์ ไม่เย็นแน่นอน (ใครจะใช้สูตรคว่ำถังหรือตั้งถังก็ตามสบายครับ แล้วแต่วิธีและความถนัด) ปิดสวิทช์พัดลม ปิดสวิทช์เทอร์โมสตัท
ดับเครื่องยนต์ ปิดวาล์วที่ถังสารทำความเย็น ถอดสายมีเหลืองออกจากถังสารทำความเย็น และถอดสายเกจด้านความดันต่ำและสายเกจด้านความดันสูง
        ในช่วงนี้ รอให้เข็มด้านความดันสูงเลื่อนลงต่ำกว่า 100 Psi เนื่องจากในระบบมีแรงดันมากเกินไปจะเป็นอันตรายและยังทำให้น้ำยามีการรั่วซึมออกเป็นปริมาณมากได้จ้า
  งานผมไม่ได้โม หรือปรุงแต่งระบบอะไร ทำตามระบบที่มันมีอยู่ผสมผสานกันกับเทคนิคส่วนตัว ไม่มีการ Cooldown ครับเพราะผมเน้นการทำงานจริงๆของอุปกรณ์ว่าจะสามารถทำได้เท่าไหร่  .....สรุปได้ 7.1C มีฝ้า เย็นไข่แข็งเลย

วิธีการในช่วงการชาร์ทน้ำยาด้าน LO ต้องใจเย็นอดทนมาก
จะได้ผลงานออกมาดีนะครับ อันนี้ผมยืนยัน เพราะในระหว่างที่
แอร์กำลังทำงานจะมีการไหลเวียนของน้ำยาแอร์ ไปพร้อมๆกับ
น้ำมันคอมเพรสเซอร์ วิธรีธีการเติมน้ำยาผม ขอบอกเลย
ว่าร้านแอร์เขาไม่ค่อยทำกัน เหตุผลมันช้าครับ ช้ามากมาย
ไปนั่งกินกาแฟได้ตั้งแก้วหนึ่ง เพราะช่วงนั้นก็ดึกแล้วครับที่ทำ
ผลงานการเติม อธิบายตามภาพ TEMP ลดไปช้าๆ จนมาสุดที่
7.1 C ซึ่งส่วนตัวพอแหละ เพราะ คนเราคงไม่เปิด 7 C รถไปตลอด
ทางแน่นอน อีกทั้งค่ามาตรฐานทั้ง Hi Lo ใช้ได้แล้ว มันไม่ใช่ชีวิตจริงของคน
ประกอบการว่า ระบบผมยังไม่ได้แก้ไขเพิ่ม จริงๆต้องทำให้หมด แต่ตอนนั้นหมดแรง
แล้ว เพราะ ดึกมากมาย จะเที่ยงคืนหละนั้น เดี๋ยวผีหลอก  ;D ;D ;D ;D


ให้ไว้เป็นความรู้ครับ :-* :-* :o :o

เดี๋ยวนี้แมนิโพเกจ เขาใช้งานได้เกือบทุกน้ำยาแล้ว  ;D ;D ;D


เพิ่มเติมครับ


การเรียกว่าชาร์ทน้ำยาแบบเป็นแก๊สหรือของเหลวเขาเรียกว่ากันเป็นแบบนี้ ครับ

  ภาพที่ 1 ชาร์ทน้ำยาแบบเป็น ของเหลว...คือ คว่ำถั่งให้น้ำยาในก้นถังออกมาเป็นของเหลว
  
  ภาพที่ 2  ชาร์ทน้ำยาแบบเป็น ของแก๊ส...คือ  ตั้งถั่งให้น้ำยาในถังระเหยออกมาเป็นของแก๊ส

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=169234.0;attach=239082;image)

สิ้นเดือนก่อน ผมจะทำบ้าง  ;D   ;D   ;D   

  8) 8)การแก้ปัญหาเกี่ยวกับคลัชคอมแอร์    8)



       คลัชคอมแอร์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของคอมเพรสแซอร์แอร์รถยนต์ มีหน้าที่ในการทำงานเพื่อให้คอมเพสเซอร์เกิดการหมุนผ่านการทำงานของสายพานหน้าเครื่องที่หมุนตามมูเลย์เครื่อง  :( :(เนื่องจากการทำงานที่ต้องอาศัยระบบไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในการทำงาน ประกอบการใช้งานที่ผ่านมานานทำให้เกิดปัญหาครัทคอมแอร์ไม่จับ หรือ จับๆปล่อย หรือ ไม่จับเลย แน่นอนครับแอร์ไม่เย็น เพราะคอมมันไม่ทำงาน ซึ่งเกิดจาการเสื่อมสภาพของครัชคอมแอร์เอง  ซึ่งปรกติที่เจอปัญหาของชุดครัท ได้แก่ เรื่องต่อไปนี้ครับ

1.ลูกปืนดัง ข้อสังเกตุจะมีเสียงดังบริเวณชุดคลัทช์แอร์ในขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่จะเปิดหรือปิดแอร์ก็ตามแก้ไขโดยการเปลีนยนลูกปืนใหม่ คือ ลูกปืนมูลเลย์คอมแอร์

2.ชุดขดลวด(Stator coil) ลัดวงจร (Short circuilt) ถ้าเป็นอาการดังกล่าวคอมฯจะไม่ทำงาน ตรวจเช็คโดยใช้ โวลท์มิเตอร์วัดไฟที่สายไฟที่เข้าไปเลี้ยงชุดขดลวดถ้ามีไฟมารอ 12โวลท์(ขณะเปิดแอร์)แสดงว่าระบบไฟป้อนปกติครับแต่ชุดคลัทช์มีปัญหา ให้ทำการตรวจการกินกระแสไฟของชุดขดลวดต่อไปโดยการใช้แอมป์มิเตอร์วัดการกินกระแสโดยปกติกิน~ 3-5แอมป์ ถ้ากินกระแสเกินมาตรฐานก็เปลี่ยนชุดขดลวด  หรือเช็คค่าความต้านทาน Civic EK วัดขดลวดได้ 4.3 โอมห์

3.ระยะห่างหน้าคลัทช์มีมากเกินไป อาการที่พบคือคอมฯไม่ทำงานแต่มีไฟ 12โวลทืมาเลี้ยงที่คอมฯ แก้ไขโดยการปรับตั้งระยะห่างใหม่ โดยการถอด Shim ออกสัก 1 ตัวครับ
ปรกติถ้าเราไปซ่อมที่ศูนย์บริการ Honda แน่นอนต้องเปลี่ยนคอมฯพร้อมชุดคลัทช์ เพราะเขาคงไม่มีบริการซ่อมเป็นจุดแน่นอน ต้องไปที่ร้านแอร์ช่างนอก ฝีมือดีกว่าเยอะ เพียงแต่ต้องเลือกร้านที่เป็นช่างคู่ใจ บริการดี ไม่ย่อมแมว ไม่เลี้ยงไข ปรึกษาได้ ถึงแม้แพงหน่อยก็ยังดีกว่าครับ

                       การเปลี่ยนคลัชคอมแอร์ โดยมากช่างต้องถอดคอมออกมาทำข้างนอก นั้นหมายถึงต้องแวคน้ำยาใหม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เนื่องจากพื้นที่การทำงานน้อย น้อยกว่าความกว้างของมูเลย์คอมแอร์อีก นั้นหมายถึง การที่ช่างจะเอาออกมาได้ต้องงัด เงาะ ทุบ ขยับ ขย่ม กว่าจะออกมาได้ คอมช้ำ ตัวถังพัง ใส่เข้าไปไม่ดีสุดท้ายก็เป็นปัญหากับเราครับ เพราะเอาออกตัดงัด  เอาเข้าก็ต้องยัดเข้าไป ใส่ไม่ดี เป็นปัญหากับเราอีก แนะนำให้ถอดออกมาทำครับผมเจอมาแล้ว

                      ทิ้งท้าย การเปลี่ยนชุดครัทคอมแอร์ ต้องตัดสินใจให้ดีครับว่า เหมาะหรือไม่ คอมใช้มา 6 ปี  แอร์ไม่เย็น  ตู้ก็ตัน  คอมก็ดัง ไปเปลี่ยนเฉพาะปัญหาคลัชคอมแอร์ แต่อย่างอื่นยังอ่อนแอ รับรองไม่คุ้มครับงานนี้ ต้องเข้าไปทำแอร์อีกแน่  ส่วนตัวแนะนำอย่าทำทีละอย่าง ให้ทำทีเดียว จะได้เซตระบบแอร์ทั้งหมดครับ เพราะทุกจุดส่งผลถึงกันหมด อุปกรณ์แอร์ทุกอย่างมีอายุการใช้งาน เราใช้มานานหรือยัง ควรจะเปลี่ยนไหม ไหนๆก็ทำแล้วก็เปลี่ยนเลย   ถึงจะจบ
ผมเขียนเล่าให้ฟังรวมๆนะครับ ผิดบ้าง ถูกบ้าง ขออภัย ........Welovecivic คร๊าบๆๆๆๆ

  อย่างของเพื่อนท่านนี้นะครับ(ขออภัยถ้าพาดพิง) ที่เคยถามมา



ขอถามหน่อยครับอาการแบบนี้นี้ทำอย่าไรดีตอนนี้แอร์ยังเย็นอยู่

ถ้าเปลี่ยนหน้าคลัทจะหายไหมครับ รึต้องเปลี่ยนยกคอม

http://www.filecondo.com/dl.php?f=A68bc01uv0Cy
อาการนี้ เกิดจาก

1. ชุดครัชคอมแอร์เสีย
2. ระบบไฟมีปัญหาครับ ปลักหลวม รีเลย์เสีย สายไฟมีปัญหา
3. ในระบบเกิด Pressure สูงไป อาจมาจากสาเหตุ แผงระบายไม่ทัน พัดลมแรงไม่พอ ตันในระบบ

    ถ้าทำข้อ 1 หายก็จบ  แต่ถ้าไม่หายก็เจ๊ง ต้องทำทั้งระบบเลยถึงจะคุ้ม ทำทีเดี่ยวครับ
บางที่มันไม่ได้เกิดแค่เพียงจุดเดียวหรอก  เคยเจอมาแก้ไขแล้วไม่หาย ต้องไล่อย่างอื่นต่อ
ระบบต้องสะอาด เปลี่ยนถ่ายน้ำมันคอมใหม่ๆ

โปรดติดตามเรื่องต่อไปจะหาเรื่องอื่นๆ ซึ่งยังมีจุดอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องแอร์อีกมากมาย...ที่เรายังไม่รู้ รวมทั้งผมด้วย

.....ขอแค่คำขอบคุณก็ชื่นใจหละ :-* :-* :-*

สงสัยเรื่องแอร์ก็สอบถามในกระทู้นี้ เพื่อนๆจะได้อ่านปัญหาเรื่องแอร์
ไปด้วยครับ รู้ก็จะตอบให้ มีเพื่อนๆwelovecivic อีกหลายคนที่รู้
จาได้ช้วยกันตอบ ส่วนผมรู้เรื่องไรืจะเอามาเล่าให้ฟังครับ :-* :-* :-*

[/color]



ในเรื่อง Pressure ด้าน Hi  นี้คือ Pressure ของน้ำยาแอร์ตอนอัดไปเป็นของเหลว โดยการค่อยๆเปิดวาล์วด้านความดันสูงช้าๆ ( เปิดไปเรื่อยๆไม่ต้องตั้งค่าความดัน )  รอให้เข็มด้านความดันต่ำเลื่อนขึ้นจนหยุดนิ่ง  นั้นคือ มันไม่สามารถเติมอีกได้แล้วในระดับสูญญากาศ ที่เราทำในระบบแอร์ของรถเรา   ซึ่ง ค่าความดันทั้ง  2  ค่าจะมีค่าใกล้เคียงกันหรืออาจจะเท่ากัน  โดยที่ยังไม่เดินระบบแอร์รถยนต์

 คือ เราจะเติมน้ำยาให้เต็มในระดับสูญญากาศ จากนั้นก็เติมปรกติในฝั่ง LO  ในตำราเขาให้รักษาระดับ Pressure อยู่ที่ 50 PSI เพราะ เกรงว่าจะทำให้ลิ้นคอม หรืออุปกรณ์ชำรุด สำหรับความเผลอของช่างบ้าพลัง รีบ หรือ มือใหม่หัด DIY  เท่านั้นคุณเจ วิธีการนี้ไม่มีผลครับ ลองมาเยอะแล้ว แต่ต้องมีอารมย์สุนทรี  ใจเย็นน่ะ  ;D ;D ;D

อย่างงั้นเดี๋ยวจัดมั่ง เอาค่าความดันเเท่ากันหรือไกล้เคลียงเป็นหลักก่อน ;)

 เหลืออีกครึ่งเดือนกว่าๆ ก็อาจจะใด้เครื่องแวคแล้ว  :)   :)    :)

ตกลงเอาเครื่องแวคผมไหมนี้ :) ;)

สุดๆแล้วคับความทุกของคนขับรถคือแอร์ไม่เย็น ถ้าแอร์เย็นใจก็เย็นตามครับ

เอาซิครับ :-[  แต่ยังบ่มีตังเลย :'(
 ถ้าไปซื้อมาเดี๋ยวมีแกะเล่นแกะดูอี พังแน่ๆ ผมมันชอบแกะแงะดูว่ามันใช้งานใด้เปล่านี่ซิ :-[

คนมีทักษะด้านช่าง มักจะเป็นคนขี้สงสัย รื้อทั้งคัน ยกเว้นเครื่องยนต์
ผมก็ทำมาแล้ว

เรื่องการใช้งาน ไม่ต้องกังวล ดูดปรู๊ด ไม่มีดัง ไม่รั่ว น้ำมันแวค usa อย่างดี
ภายนอกแทบไม่มีตำหนิ ว่าแต่อย่าไม่งัดอะไรมันออกมาดูหละ... ;D ;D ;D

:-[รับทราบครับ  :)   :)   สิ้นเดือนก่อนนะอิอิ  อาจจะเกินไป4-5 วันนะครับ  :-[   ( ว่าแต่มีส่งเอกชนใหมครับ ntc นครชัยแอร์ ถ้า ems มันจะหนักค่าส่งหลายบาทอยู่ :'()

ค่าขนส่ง เจออกเองนะ เดียวจะหาที่มันไม่แพงมาก :-* :-*
จะได้เอา diy แอร์รถยนต์ของเจ มาโชว์กัน

รับทราบ ntc ถูกสุดแล้วมั้งนะ 40-50 บาท   ;)  วันเดียวถึง  แต่ไม่รู้ว่าแถว นนทบุรีจะมีใหมนี่ซิ  นครชัยแอร์แพงขึ้นมาหน่อยนึง 80-100 บาท มั้งนะ   แต่ ems  250 up แน่ๆ    :'(

เอาแล้ว มีคนมาให้ลองของแล้ว :)   :)   :)  
  ที่มันไม่เย็นฉ่ำใช้น้ำยาอะไรครับ  อาจจะเป็นที่น้ำยาคุณภาพไม่ค่อยดีหรือเปล่าครับ  ตอนนี้ผมมี cold 12  แค่ 2 กระป๋องเอง ไปนนทบุรีแวะซื้อมาเลยก็ใด้ 2 ป๋อง/1คันครับ  ถ้าทำใด้ผมจะซื้อถังใหญ่มาไว้รับเติม  ;)   ;)   ;)
 เผื่ออยากลอง cold   :-[
 อันนี้ของ จัตุรงค์คูลลิ่ง(คุณอาพี่เตอร์) มีแบบกระป๋อง 187 บาท      พิกัดดาวเทียม    13.938274,100.434568
 อันนี้ coolman ( ของคุณพ่อพี่เตอร์) ไม่มีแบบกระป๋อง                  พิกัดดาวเทียม    13.921475,100.403632
พิกัดเอามาจาก google  ใส่ใช้ใน gps ใด้ครับ :-[

เล่าให้ฟัง เป็นทีละอย่างน่ะ จะช่วยวิเคราหะ์ให้

1. อุปกรณ์ที่เปลี่ยนมีอะไรบ้าง ขอทุกจุดเลยน่ะ
2. สังเกตุตอนแอร์ทำงานที่เกจแมนิโพล HI   LOW  เป็นเท่าไหร่
3. ช่างล้างระบบ F11 ให้ไหม
4. อุณหภูมิในรถวัดได้ไหมกี่องศา
5. ท่อ LOW ที่ว่า เกาเป็นเกร็ดน้ำแข็งไหมครับ
6. พัดลมแผงคอยร้อนทำงานไหมครับ
7.แวคคั่มนานเท่าไหร่
    จะช่วยวิเหคราะห์ให้ แล้วให้ช่าง เจ  ไปทำ :) :) :)

มีเรื่องถามอีกแล้ว.....
 ผมเคยอ่านเจอมันจำอยู่ในหัว( แต่หาเวปที่อ่านไม่เจอ )
เห็นมีคนบอกเอาน้ำมันเบนซิลล้างแล้วตามด้วย f11  .....อันนี้จริงใหมครับ
และก็สามารถเอาน้ำยาล้างคอยเทใส่ในท่อแผงคอย( ท่อน้ำยา)  ใด้....อันนี้ใด้ใหมอะครับ
 ::)   ::)    ::)

8) การล้างระบบแอร์รถยนต์  8)


 ร้านแอร์ ==== “ พี่คอมของพี่น๊อคครับ....เปลี่ยนคอม เปลี่ยนไดเออร์ เปลี่ยนวาล์ว น้ำมันคอม แวคคั่มน้ำยาแอร์ และต้องล้างระบบด้วยนะครับ ผมคิดรวมทั้งหมด 9,000 บาท ไม่ล้างระบบไม่ได้ครับ เดี๋ยวระบบแอร์ไม่สมบูรณ์นะครับ”


ลูกค้า ===== “ ดีใจ....แอร์กูได้อาบน้ำแล้ววะคราวนี้ ...ใช้ Civic EK มา 15 ปีแล้ว มันยังไม่ได้อาบน้ำเลย...ทีนี้หละ เอาก็เอาวะ มันเหม็นมานาน เพราะไม่ได้ล้างระบบ เอาซะที .....555555 ”

    
           เพื่อนๆหลายคนคงเคยเข้าร้านแอร์ และเจอกับคำพูดของช่างในลักษณะนี้นะครับ..... ว่าช่างแอร์จะล้างระบบแอร์ให้ ผมจะมาสาธยายให้ฟังว่า ที่จริงแล้วล้างระบบนี้มันคืออะไร

            การล้างระบบแอร์รถยนต์ ถือว่าจำเป็นและมีความสำคัญอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะแอร์รถยนต์ที่มีปัญหากับระบบภายใน ในกรณีของ  คอมเพรสเซอร์น๊อค  และ ระบบมีน้ำมันคอมเพรสเซอร์ที่เสื่อมสภาพ หรือมีสีคล้ำ สีดำ  แน่นอนต้องมีการล้างระบบแอร์รถยนต์ให้สะอาด พร้อมกับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ไดเออร์  วาล์ว ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสิ่งสกปรก...การล้างระบบแอร์จึงมี 2 อย่างครับ

1.การล้างระบบภายนอก

   การล้างระบบแอร์ภายนอก คือ การล้างอุปกรณ์แอร์รถยนต์ที่สกปรกอันเนื่องมาจาก โคลน เขม่า หรือ ฝุ่น เชื่อโรคที่มาจับรวมตัวกันจนเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของระบบ เปรียนเหมือนเราล้างรถภายนอกนะครับที่มันมีสิ่งสกปรกอยู่ ในระบบแอร์ที่ล้างกันก็จะมี    ตู้แอร์ และแผงคอยร้อน ครับ การล้างง่ายมากฉีดน้ำแรงพอประมาณ ใช้น้ำยาขจัดคราบไขมันด้วย เพราะน้ำเปล่าไม่สามารถจัดการกับคราบสกปรกได้

2.การล้างระบบภายใน          

         การล้างระบบแอร์ภายใน คือ การล้างภายในของตัวอุปกรณ์เอง เนื่องจากเกิดการอุดตันภายในจาก
เศษผงเหล็กที่เกิดจากคอมเพรสเซอร์น๊อค ลูกปืนแตกมีเศษเหล็กอยู่ หรือ การที่มีน้ำมันคอมเพรสเซอร์ดำ สีคล้ำ ไม่น่าใช้งานได้  หรือ พวกที่ชอบไปซื้อของเชียงกงที่เก่าและเก็บมานาน จนบ้างครั้งน้ำมันคอมเพรสเซอร์เสื่อมคุณภาพใช้ไม่ได้แน่

          การล้างระบบภายในถ้าเรียงลำดับความสำคัญถือว่ามีความสำคัญมากกว่าภายนอก แต่ถ้าพูดถึงสำคัญไหม ก็สำคัญทั้งคู่ โดยการล้างภายในต้องใช้น้ำยาเฉพาะที่ใช้ในการล้างระบบเท่านั้น มืออาชีพจะใช้น้ำยา  ใช้น้ำยา 141bถังใหญ่ขนาด 30kgในการล้างระบบแอร์ครับเพราะถังใหญ่จะเป็นน้ำยาที่ไม่ปลอมปน เพราะน้ำยาล้างประเภทแบ่งขายเป็นขวดๆเมื่อนำมาใช้จะกัดมือและกัดสีรถซึ่งผมไม่ทราบว่าจริงๆแล้วมีส่วนผสมของโซดาไฟ
           โดย อุปกรณ์ในการล้างระบบต้องมีคือ น้ำยาล้าง ปั้มลม ปืนเป่าลม การล้างก็เริ่มจากการถอดชิ้นส่วนในระบบทางเดินน้ำยาออกมาทั้งหมดช่น คอมฯ ท่อน้ำยา คอนเด็นเซอร์ ตู้แอร์ วาล์แอร์ ยกเว้นไดเออร์ควรเปลี่ยนเลยครับ การล้างก็ควรใช้ลมเป่าเอาน้ำยามันที่ตกค้างในแต่ละชิ้นส่วนออกก่อน จากนั้นก็ให้กรอกน้ำยาล้างเข้าไปในท่อของแต่ละชิ้นส่วนแล้วใช้ลมเป่าทำซ้ำเช่นนี้ในแต่ละชิ้นส่นจนกว่าน้ำมันเก่าหรือสิ่งสกปรกจะออกหมด

    
        ปัจจุบันร้านจำหน่ายอะไหล่แอร์รถยนต์ มีสินค้าที่จำหน่ายมากมาย มีทั้งของแท้ ของปลอมแท้ๆ แล้วแต่นะครับ โดยมากร้านแอร์ทั่วไป การใช้น้ำยาล้างระบบเห็นจะมีการใช้ F11 เป็นขวดแก้วนะกันมาก ถามว่าใช้ได้ครับ  ถามว่าใช้น้ำมันเบนซินล้างได้ไหม  ตอบว่า ล้างได้ครับ เขาใช้น้ำมันเบนซินกรณีการล้างหยาบ เพื่อขจัดเศษ ในกรณีที่ระบบมีน้ำมันคอมดำมากๆ หรือต้องตามด้วยล้างละเอียดด้วย 141 b หรือ F11 อีกที

       คงเข้าใจกันนะครับว่า...ล้างระบบที่ช่างเขาเรียกกัน คืออะไร  แต่ที่ผมเห็นถ้าน้ำมันไม่ดำ เขาก็จะล้างระบบภายนอกให้เท่านั้น

       ด้วยความปราถนาดี….  buranasak

เป็นคนขี้สงสัย.. ::) ::) ::)...ที่พูดถึงขอบอกว่ามันดีประเทศไทยจะได้เจริญ เพราะ การสงสัยฝึกให้คนรู้จักคิด
และคิดต่อยอดได้  แสดงว่าเป็นคนอ่าน  ดีมักๆ  สงสัยจะเปิดร้านแอร์เลยดิ....ให้บริการเติมน้ำยาก่อน
ก็ดี


สงสัย ผมก็ตอบให้เป็นชุดใหญ่ ข้างบนลองอ่านดู น่าจะช่วยได้บ้างน่ะ   ;) ;) ;)

สรุปว่าเบนซิลล้างใด้ :)   :)   :)  แล้วค่อยปิดท้ายด้วย f11 หรือ 141b   :)   :)......แต่น้ำยาล้างแผงไม่ควรล้างภายใน  :)   :)   :)

ตอนเด็กเป็นเด็กนักเรียน ผมอยู่หลังห้องครับ ไม่ค่อยใด้ถามครู ถ้าถามครูเดี๋ยวเพื่อนมันมองเป็นตัวตลก ...ตอนนี้โตแล้วต้องถามในสิงที่เราไม่รู้และสงสัย ยอมเป็นตัวตลกเพื่อวันที่ดีในวันข้างหน้า :-[

     ศิลปินในดวงใจผม( labanoon) บอกไว้ว่า

ความเก่งนั้นไม่ได้มีไว้โชว์....แต่มีไว้เพื่อใช้ประโยชน์แด่สังคมและตนเอง
เกียรตินิยมนั่น มันก็เป็นแค่เกรดวิชา......แต่ความดีต่างหากคือเกียรติยศของชีวิต

 :-*

คมกริป........

งั้นรีบเอาผลงานทำแอร์มาโชว์ เพื่อประโยชน์ต่อ สังคม  welovecivic

 :-* :-* :-*

เพิ่งจะใด้ 400 เอง  :-[

 ;D ;D ;D >:( >:( >:(

วันละ 20-30 บาท  ตามคอนเซ็บ ค่อยๆเก็บไป ทันอยู่ เดี๋ยวต้นเดือนเบิคเงินเดือนมา แล้วค่อยเก็บไปปิด( ไม่กระทบกับรายด้ายครอบครัว)   :-[

ทำงานเชียงใหม่กัน รู้จักร้านนี้ ช่างท่านกันไหม

http://www.youtube.com/user/anurakair?feature=watch

เดี๋ยวว่าง  ๆ จะอธิบายการทำของช่างให้ครับ

ที่สังเกตุ น้ำมันคอมช่างใส่ซะจะหมดขวด 250 cc ตอนใส่ผมไม่ได้อยู่ดู ไม่แน่ว่าอาจแอบเทเก็บไว้หรือเปล่า
ถ้าใส่หมดก็เป็นไปได้ว่าทำให้ไม่เย็น  อีกอย่างเกจวัดแรงดันเค้าไม่ดี  อันนี้ยอมรับครับผมพลาด เพราะตกลงทำกับเค้าแล้ว แต่
มารู้ทีหลังตอนที่หยิบมาใช้

ศูนย์เดนโซ้ใช่ใหมครับ  :-[

แป่วบ่ใช่  :'(

อันีใช่เลย  http://www.oknation.net/blog/anurakair

ไม่ร้น่ะ  เขาแสดงตัวว่า ร้านอนุรักษ์แอร์ ผมเปิดเจอเขาบ่อยๆในเนต

   ตามนี้เลยครับ

 ถ้าเกิดไปนนทบุรีซื้อ cold 134  2-3 กระป๋อง มาลองทำกันเองไหมครับ ผมหยุดทุกวันจันทร์ครับ  มาเริ่มฝึกทำพร้อมๆกันเลยครับ :-[

มาเอาเครื่องแวคคั่มไปด้วย จะได้ไม่เสียค่าส่ง
ส่วนประเด็นคุณเจ จะมาอธิบายให้ ต้องรื้อมาแก้ไข อะไร อย่างไร จะมาตอบให้

;D   ;D   ;D    :)   :)    :)

โรงงานอยู่แถวนี้หรือเปล่า ว่าจะไปเหมาซื้อมาเป็น Tank เลย มันเย็นดี  ;D ;D ;D  >:( >:( >:(

( ขออนุญาต webmaster ผมไม่มีส่วนได้เสียกับโรงงานนี้ครับ เดี๋ยวจะถูก Ban  เห็นว่าของมันดี เลยพยายามแนะนำให้ ;D ;D ;D)

เดี๋ยวจะมาลองวิเคราะห์ การทำแอร์ เปลี่ยนใหม่เกือบทั้งหมด
แต่แอร์ไม่ค่อยเย็น .....เป็นไปได้ครับระบบแอร์ เอาใจยากครับ
ขึ้นๆลงๆ มันอ่อนไหว ....รอติดตามจ้า  ;) ;) ;) ;)

;D   ;D   จัตุรงค์คูลลิ่ง   เขาขายทั้งแบบกระป๋องและถัง5โล  และก็รับบรรจุถัง(หรือเปล่าไม่แน่ใจ) จัดตามพิกัดกันใด้ครับ google map   หรือ gps  
อันนี้ของ จัตุรงค์คูลลิ่ง(คุณอาพี่เตอร์) มีแบบกระป๋อง 187 บาท      พิกัดดาวเทียม    13.938274,100.434568
อันนี้ coolman ( ของคุณพ่อพี่เตอร์) ไม่มีแบบกระป๋อง                  พิกัดดาวเทียม    13.921475,100.403632 ขอแก้พิกัดเป็น( เดินหน้าไปหน่อยจะเป็นโรงงาน)   13.921384,100.404128

โรงงานแถวไหนล่ะนี่ ไอ้แท้งยาวๆกลมๆ ที่อยู่ข้างกำแพง ผมเอามาเติมบ่อย ที่ละ 2 - 3 ถัง ( แต่เติมได้ไม่หมดนะ แรงดันไม่พอ เหลือคืนเขาทุุกที่   ;D ;D )  

(http://www.welovecivic.com/forum/index.php?action=dlattach;topic=169234.0;attach=239392;image)

หน้าจะตรงนี้

จัตุรงค์คูลลิ่ง  พิกัดดาวเทียม    13.938274,100.434568

ทำงานเกี่ยวกับระบบความเย็นหรือท่าน Tank ขนาดนี้ใส่น้ำยาได้เท่าไหร่

อุ้ย!  :(  แท้งขาวๆ ไม่เคยเอามาเติม ( บริษัทเขาคงเอามาถ่ายลง ถังเล็กๆ  ข้างกำแพง มั้ง ) ผมเอาถังเล็กๆข้างกำแพงโน่นมาเติม
เป็นระบบ ทำความเย็นในที่ทำงานน่ะ ระบบบบมันใหญ่ หารอยรั่วไม่ค่อยเจอ เลยต้องคอยเติมเมื่อระดับลดลงน่ะครับ


ปล. ทำทุกอย่าง ระบบ ทำความร้อน ระบบ ระบายความร้อน ระบบ ทำความเย็น ( ปั้นแกสเป็นตัว  ;D ;D )

สมัยก่อนผมชอบเอาเครื่องดื่มแอบไปแช่ในบ่อชิลเล่อ  ;D ;D ;D  พอดีในโรงงานตู็เย็นมันอยู่ไกล

เปิดโรงงานเลย ;D ;D ;D ;D

ช่างคิดน่ะ   ;D ;D ;D

เย็นกำลังเหมาะ แถมไม่มีใครรู้ เพราะเราถือกุจแจคนเดียว  ;D ;D ;D

  ได้ ๆ ครับ ผมวิ่งงานเชียงใหม่  เข้าไปหาครับ

ผมว่าแรงดันฝั่ง Hi  น่าจะสูงกว่าฝั่ง Lo แน่ ๆ ครับตอนนี้ ขับกล่างคืนสู้ตัวเก่าไม่ได้ อันเดิมถึงขั้นหนาว
แต่ติดไฟแดงไม่เย็นเท่านั้นเอง

คอมแอร์ทำงานหนักครับ ต่อการทำงานนาน ตัดแป๊บเดียวต่ออีก

 8)ปัญหาการทำแอร์ของคุณ Thanawat6 คุณเจ 8)

           จากที่ คุณเจ Thanawat6  ได้ทำแอร์ชุดใหญ่ไป และมาเล่าอาการให้อ่าน นั้นก็น่าเห็นใจนะครับ แอร์ไม่ค่อยเย็น ปัญหาแอร์นี้เข้าใจยากจริงๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำดีทุกอย่างแต่มาตายตอนจบ หละครับแอร์รถยนต์ บางทีมันมากกว่าที่เราจะจับอุปกรณ์ใส่ไปอย่างเดียว ต้องมีสูตรเด็ดตอนเติมน้ำยา สร้างความสมดุลของระหว่างน้ำยาแอร์  น้ำมันคอม อากาศที่มีหลงเหลืออยู่ในระบบ อันนี้ถ้าทำไม่ดีไม่จบเช่นกัน คือ มันไม่ค่อยเย็นนั้นเอง

           ลืมบอกไปผมไม่ใช้ร้านแอร์นะครับเพียงแต่พอรู้บ้าง ก็เลยมาเล่าให้ฟัง จะไปทำกับใคร ราคาเท่าไหล่ก็ว่ากันไปครับ ฝีมือช่าง การรับประกัน  คุณภาพของอะไหล่  น้ำยาแอร์  น้ำมันคอมเพรสเซอร์ จึงทำให้ราคาต่างกันไป บางคนบอกว่าทำไมทำเป็นหมื่นเลยอะ...หรือว่าบางท่านบอกว่าไม่กี่พันเอง.....เอ้ามาว่ากันต่อ จากข้อมูล คุณเจ Thanawat6  ถือว่าทำเกือบทั้งระบบเลยนะครับ ราคานี้ทำถือว่าถูกดี เพราะช่างต้องรื้อ และล้างทั้งระบบเลย ถือว่าติดตั้งใหม่  ไปทำศูนย์ Honda ไม่ต่ำกว่า 25,000 บาท ไปทำร้านไม่ต่ำว่า 15,000 บาท ทั้งนี้ราคาแตกต่างกันไป ตามที่ผมบอกไว้ครับ

อุปกรณ์ที่เปลี่ยน

คอยล์ร้อนพร้อมพัดลม                                                                                                                                                                        
คอยล์เย็นตัวนอก
คอมแอร์ถอดจากเครื่องยุ่น D16A สภาพใหม่ ๆ
ไดรเออร์ เบิกใหม่ของ denso
น้ำมันคอมแอร์  pb100  250cc ใส่ซะจะหมดขวด 250 cc

การทำงานของช่าง

      ช่างล้างระบบให้ด้วย f11 คอยล์เย็น คอยล์ร้อน  แต่คอมแอร์ไม่แน่ใจว่าทำให้ไหม เเวคคั่มใช้เวลาพอสมควรครับ เช็คจุดรั่ว เสร็จ อัดน้ำยาแอร์ แต่เกจ์ไม่ตรงเพราะเก่าเลยไม่รู้ว่าตัวเลขทั้ง 2 ฝั่งเท่าไหร่  ไม่มั่นใจน้ำยาแอร์ด้วย

ปัญหาของเจ้าของรถ

รู้สึกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นเหมือนก่อน  คอมแอร์ทำงานไม่ยอมตัด                                                                                                                            
เกรงว่าวาล์วในตู้แอร์จะตัน เพราะสายท่อน้ำยามีไอน้ำเกาะท่อเย็น                                                                                                      
แผงคอยล์เย็นไม่เย็นเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่ระบบจะตัดคอมแอร์ที่ 3 องศา
พอเอาน้ำเทใส่คอยล์ร้อนซักพักก็ตัด แต่ไม่ฉ่ำ

ประเด็นที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหา(วิเคราะห็ตาม้อมูลที่ให้มา)

          โดยพื้นฐานระบบแอร์ในรุ่น Civic EK จะมีปัญหามากที่แผงคอยร้อนระบายไม่ทัน เมื่อก่อนประเทศเราไม่ได้ร้อนมากมายขนาดนี้ การออกแบบแผคอยร้อนและรถจึงออกแบบมาขนาดค่อนข้างเล็ก พัดลมใครไม่แรง แผงแอร์สกปรก ท่อทางเดินน้าในแผงอุดตันหละจบเลย ทำทั้งระบบขนาดนี้ แต่แอร์ไม่ค่อยเย็นเชื่อตามที่คุณเจบอกมา แสดงว่าแอร์ในจะต้องมีจุดบกพร่องแน่นอนซึ่งอาการไม่ค่อยเย็นเกิดได้จากหลายสาเหตุเช่น มีการรั่วของน้ำยาแอร์ กำลังอัดคอมฯเสีย หรือ การระบายความร้อนไม่เพียงพอ  ปริมาณน้ำยาแอร์ไม่เหมาะสม ถ้าไม่เต็มระบบแก้ไขโดยการเติมเพิ่ม ถ้ามากเกินแก้ไขโดยการปล่อยออกให้พอดี

1.กำลังอัดคอมเพรสเซอร์   

ก่อนจะไปอย่างอื่นสิ่งแรกที่ทำได้และสามารถรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คือ การเช็คกำลังอัด ดูด ของคอมเพรสเซอร์ ดูหน่อยถึงจะเป็นคอมยุ่นสดๆก็เถอะครับ มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกตัว  ทำได้โดยต่อ Pressure gague ทั้งสองด้านเข้ากับระบบแอร์ สตาร์ทเครื่องยนต์, เร่งเครื่องยนต์ค้างไว้ที่ 1500-2000 รอบ/นาที ,เปิดสวิทซ์พัดลมจังหวะที่ "LO".,ปรับสวิทซ์ความเย็น ตำแหน่ง "เย็นสุด" แล้วอ่านค่าที่ Gague ทั้งสองข้าง นำค่าที่ได้เปรียบเทียบกับค่า Standard(ค่า Standard ด้าน LOW ~ 1.5-2.5 kg/cm2) , ด้าน HI~ 14-16 kg/cm2) ค่าอยู่ประมาณนี้ไหม ถ้าอยู่ประมาณนี้แสดงว่าผ่าน แต่ถ้าค่าที่ได้จะตรงกันข้ามกับค่า Standard แสดงว่า เจ้งแล้ว ....แต่ก็อย่าเชื่อมาก เพราะแผงอาจมีปัญหาเรื่องการระบาย ค่าที่อ่านได้จะสูงกว่า Standard ทั้งสองด้าน....ลองอ่านค่าดูครับมันจะสามารถสื่อสารได้ว่าเกิดปัญหาอะไรกับคอมและระบบแอร์ด้วย
2.เติมน้ำมันคอมมากไป
   น้ำมันคอมแอร์  pb100  250cc ใส่ซะจะหมดขวด 250 cc เลยสมมุติว่าเป็อย่างงั้นจริงตามที่คาดการณ์ไว้ก็น่าเขกกะบานมาก เติมมากไปครับ รุ่นนี้กำหนดให้เติมในสัดส่วนทั้งระบบประมาณะครับไม่ตรงเปอะเหมือนตำราประมาณ 100-120 CC พอดีแล้วครับ เติมมากไปมีผลฉุดเครื่อง และแอร์ไม่เย็นแน่นอน 100 %
   การเติมน้ำมันคอม มากเกินเกือบ 250 CC อันนี้จะไม่พัง แต่ไม่เย็นเท่านั้น เราต้องทำความเข้าใจว่าก่อนนะครับว่าน้ำมันคอมกับสารทำความเย็น ในระบบมันจะ Share สัดส่วนพื้นที่กันอยู่ น้ำมันรวมในระบบของรถ EK เช่น 120 ซีซี + น้ำยาแอร์อีก 600 กรัม นั้นหมายความว่าถ้า ใส่น้ำมันเกิน เติมน้ำยาให้เต็มระบบ พื้นที่น้ำยามันก็จะหายไป เช่น ใส่น้ำมันไป 250 ซีซี  แทนที่จะเต็มได้ 600  กรัม อาจจะเต็มได้แค่ 470 กรัม ระบบแอร์เต็มอีกไม่ไหว Pressure จะสูงไป

                     กรณีถ้าเติมน้ำมันคอม น้อยเกินไป จะส่งผลให้น้ำมันขาดช่วงเป็นห้วง ๆ ครับ น้ำมันคอมไม่ได้เอาไว้หล่อลื่นคอม เพียงอย่างเดียวมันเอาไว้ หล่อลื่นตัวเอกเพนชั่นวาล์วด้วยนะครับ ฉะนั้นมันจะไหลปนไปกับสารทำความเย็นในระบบคือมีคุณสมบัติรวมตัวกะสารทำความเย็นได้ มีจุดเยือกแข็งสูง คือไม่เป็นน้ำแข็งในระบบจนอุดตัน  ถ้าหายเป็นห้วง ๆ มันก็จะทำให้คอมเกิดการสึกหรอ เอกเพนชันวาล์วอาจทำงานติดขัด  ฉะนั้น เทคนิคที่ต้องเติมน้ำมันคอม คือ การเติมให้ขาดหน่อยก็ดีครับ มากไปไม่ดีเหมือนน้ำมันเครื่องเติมมากไปรถอืด  บางครั้งการเติมน้ำยาแอร์พร่องไป กับเป็นว่าแอร์เย็นกว่าเติมน้ำยาเต็มระบบเสียอีก เพราะมันมีที่ว่างนิดหน่อยที่จะสามารถไหวเวียน อัดสารความเย็นได้ดีกว่า

3.น้ำยาแอร์ ประสิทธิภาพไม่ค่อยดี

เดี๋ยวนี้น้ำยาแอร์ปลอมมีมากมายในตลาดหรือเรียกว่า น้ำยาที่ไม่มีคุณภาพก็ได้ เนื่องจาก ทุกวันนี้น้ำยาแอร์มีสิ่งเจือปนเป็นจำนวนมาก เช่น น้ำยา R134a จะมีส่วนผสมของน้ำยาแอร์ r12  r22 ซึ่มีราคาถูกมาด้วย แน่นอนครับส่งผลต่อความเย็น แน่นอน ผมอ่านเจอตัวอย่างที่มีเครื่องวัดน้ำยาแอร์ว่าบริสุทธ์ 100% หรือไม่

4. เปลี่ยนวาล์วเลย      

กรณีนิ้คิดว่าวาวล์คงไม่ตันนะครับ เพราะถ้า ถ้ากรณีไดรเออร์ดัน หรือวาล์วตัน ปัญหาคือวิ่งไปแล้วแอร์จะไม่เย็นจะเกิดน้ำแข่งเกาะที่ท่อ ซึ่งสามารถใช้เกจ วัดแรงดันน้ำยา แรงดัน H , Lกรณีระบบตัน แรงดันด้าย Low จะอยู~0-1kg/cm2 ด้าน hi ~13-16 kg/cm2

5.เปลี่ยน เทอร์โมสตัส   อันนี้คิดว่าใช้นานแล้ว ถ้าทำเอาซะเลย เปลี่ยนโลด

   สรุป  ตอนนี้น่าจะเกี่ยวกับหลักๆเลยนะครับ คือ วาล์วมีปัญหาแต่ไม่ตันนะ กับเติมน้ำมันคอมมากไปแน่ๆครับ ส่วนคอมเพรสเซอร์ให้ตรวจสอบดูเท่านั้นเผื่อเจอปัญหานี้  น้ำยาแอร์ไม่ต้องเสียดายเปลี่ยนของดีๆใส่ DuPont  Cold134 เย็นเห็นๆ
   ที่ว่าวาล์วมีปัญหาเนื่องจากว่า การทำงานของระบบไม่ดีแน่นอนอัตราการฉีดมันเปิดมากไปและน้อยไปไม่สม่ำเสมอมันมาเย็นหรอกครับ วาล์วจะทำหน้าที่ในการฉีดเป็นละอองฝอยเลยนะ เดี๋ยวว่างๆจะถ่ายรูปมาให้ดู ผมเดาว่าฉีดน้อยไปกือบตัน ประกอบกับน้ำมันคอมมันมากไป แน่นอนครับมันกระอักน้ำมันคอม สัดส่วนน้ำยาระบบอาจจะมีน้อยจึงไม่เย็นและมันก็จะตัดเร็ว เพราะ Pressure มันได้แล้วจึง Thermal สั่งให้คอมตัด
   ฉะนั้นให้แก้ไขโดยการทำระบบใหม่ เอาชัวร์ๆนะครับ ถอดคอมออกมาเทน้ำมันคอมทิ้งไป ตวงว่าได้กี่ซีซี เพื่อความแน่ใจ เทมาแล้วมีสีใสเหมือนเติมไปตอนแรกไหม ถ้ายังใสก็รอดไป....แต่ถ้าดำคลำงานเขาครับ ต้องล้างระบบอีก ต้องเปลี่ยนไดเออร์ด้วย เพราะไดเออร์จะดูดความชื้นได้ดีมากๆครับ ไม่เปลี่ยนได้ไหม..ตอบว่าได้ครับ ถามว่าดีไหม..ไม่ดีครับ ระบบแอร์ไม่ถูกกับอากาศและความชื้น แต่แนะนำให้เปลี่ยนเมื่อถอดคอมออก  ในกรณีสงสัยว่าเตมน้ำมันคอมมากไปไหม เราไม่ถอดคอมเพรสเซอร์ไม่ได้ครับ เพราะเราไม่รู้ว่าน้ำมัน มันมากจริงไหม ต้องทำอย่างนี้หละ....จากนั้นเปลี่ยนวาล์ว เปลี่ยนเทอร์โมด้วยก็ดีของเก่าเสื่อม ผมเปลี่ยนใหม่แล้วตัวนี้ ตัดต่อดีกว่าเดิม .....เติมน้ำมันคอมรุ่นเดิมไปประมาณ 100 CC พอ แวค 30 นาทีลึกๆ อัดน้ำยา Cold 134 น่าจะจบนะผมว่า

     เอ้อ...เห็นบอกว่าเกจของช่างไม่ตรง ให้มายืของผมก่อนก็ได้น่ะ ...เครื่องมือหากินและเป็นของสำคัญแท้ๆ ยังใช้อยูอีก
แล้วมันจะรู้ได้ไงว่า Hi  Lo มันเป็นยังไง  กลุ้มใจแทนคุณเจ... ;D ;D ;D >:( >:( >:(

  คิดว่าคงไม่งงนะครับ ค่อยๆอ่านและคิดตาม ผิดพลาดประการใดเพิ่มเติมให้ได้ครับ   :-[ :-[ :-[ 

  แล้วจะได้เย็นๆอย่างนี้ไง.....ช่างเจ จัดเลย ด้วยความปราถนาดีจาก buranasak

เครื่องมือตรวจสอบน้ำยาแอร์ปลอมหรือน้ำยาด้อยคุณภาพ
มันต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยถึงจะรู้นะ...ดูดี เป็นมืออาชีพ

ส่วนผม ก็มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหมือกันครับ เวลาถ่ายน้ำมัคอมเก่าออกจาก
คอมต้องใช้มือขวาจับคอมเพรสเซอร์ และมือซ้างหมุนมูเลย์ คว่ำทางเข้า
ท่อ S   D  ลงถึงเอาออก มันหนักเหมือนกันน่ะมือสั่น เย็นนี้ก็เลยค้นคว้า
ศึกษามาอย่างดี(กับภรรยา) ว่าขอยืมอุปกรณ์หน่อย....จึงได้ออกมาแบบนี้

สุดยอดมากเลยครับ...เทคโนโลยีจากห้องครัว  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

ลองเอาไปประยุกต์ดู ผมเป็นคนชอบคิดค้น 55555 โดนเมียด่าอีก  >:( >:( >:( >:(

พอเป็นประโยชน์ ไหม :-* :-* :-* :-*

ดูเมือนผมกำลังย่างปลาหมึกอยู่น่ะ  ;D ;D ;D ;D

คอมส์ปิ้งจ้า ย่างกันสดๆ ใหม่ๆ หอมหวาน  ;D ;D 

 ;D ;D ;D เหล็กย่าง ก่อนนำมาประดิษฐ สนิมเกราะ จับพ่นสีใหม่กริป  ;D ;D ;D

คุณกันต์  ปลายเดือนไปหาที่นนทบุรีนะครับ ตอนนี้ขอทน ๆ ใช้ไปก่อนซักพัก
ใจผมอยากให้ลองเช็คแรงดันทั้งสองฝั่งดูก่อน

ครับเช็ค Pressure ทั้งฝั่ง Hi  LO ดูมันก็จะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าทั้งสองปรกติ ก็นั้นหละครับ น้ำมันคอมมากไปหรือไม่
น้ำยาแอร์คุณภาพดีหรือไม่  วาล์วมีปัญหาหรือไม่ ซึ่ง 3 อย่างหลังต้องแก้ด้วยการเปิดระบบทำใหม่ ล้างระบบใหม่ เติมน้ำมันคอมใหม่
เปลี่ยนวาล์ว เปลี่ยนไดเออร์  เปลี่ยนเทอโมสตัส ไปด้วยหละกัน เพราะนานแล้ว.......เจ็บแบบไม่จบ

ข้อสงสัย เพิ่มเติมน้ำมันคอมเก่าในคอมช่างไม่ได้เอาออกหรือเปล่า  ตอนล้างระบบเขาทำไง ใช้ลมเป่าจนแห้งไหม น้ำมันคอมเก่า
เอาออกหมดไหม  สมมุติไม่หมด ตอนนี้ระบบประกอบด้วยความชื้นอยู่แน่........นี้หละทำแอร์อะ ง่าย แต่ไม่จบ เสียเงินเพิ่ม ปวดตับ >:( >:( >:( >:( >:(

ลืมวัดอุณหภูมิตอนเดินเบา เปิดพัดลมสุด  ความเย็นสุดมาให้ดูหน่อยครับ

และลองช่างที่ทำให้ว่า ใส่น้ำมันคอมไปทั้งหมดเลยหรือไม่ ถึงเหลือในขวดนิดเดียว ถ้าใช่....ก็ชัวร์ครับ  :'( :'( :'(

ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง นนทบุรี

ช่างคิดน่ะ ไอเดีย หมวกกันน็อค
เป็นสีสันบนท้องถนน ใครชอบแบบไหนเลือกเอา ;D ;D ;D ;D

555

 :-* :-* :-* จัดไป

มาเป็นโกดังเลย สวยๆทั้งน้าน ....เอามาอัด cold134 ม่ะ..เย็นไข่แข็งอีกเท่าตัว :-* :-* :-*

อยากลองจัง

แต่เดี๋ยวรอให้มันมีอาการก่อน จะขับไปหาพี่กัน ให้จัดให้ซะหน่อย

จะได้ฉ่ำกว่านี้ 555

  Cold 134 ตัวนี่เขาไม่ได้ขายทั่วไป น่าจะส่งออกซะส่วนใหญ่
ราคาจะแพงกว่าน้ำยาถังทั่วไปเกือบเท่าตัว มวลน้ำยาเบากว่า
เลยไม่ฉุดกำล้งเครื่องมากนัก ติดไฟครับ...เอาเป็นว่าดีกว่า
น้ำยาทั่วไปจัดอยู่ในเกรด dupont   มีเจอเลขตัวเดียวแน่ ติดลบไม่ต้องเอา
มันเย็นเวอร์เดี๋ยวไม่สบาย....ทั้งนี้ มันก็ไม่ใช่อัด cold แล้ว
จะเย็นเวอร์เลย ขึ้นอยู่กับ ระบบแอร์เราด้วย ลองดูครับ เอาเป็นว่า
ถ้าระบบแอร์เริ่มมีอาการก่อนค่อยทำ เสียดายเงิน เงินทองหายาก
มันแพงง..... ;D ;D ;D

เคยอ่านในเว็บ มีร้านแอร์เจ้าหนึ่ง (แอร์บ้าน)

เขาเอาน้ำยาเก่า R22ออก แล้วเปลี่ยนน้ำยาเป็นCold22แทน

แล้วเขาเอาคลิปแอมป์วัด ผลที่ได้ ประหยัดไฟกว่าน้ำยาR22อีก

น่าลองแฮะ  :-* :-* :-*

สมัยนี้อะไรที่เราช่วยให้ราประหยัดเงินได้ก็ควรทำต้องมองระยยาว
ถึงแม้จะจ่ายแพงกว่า แต่ระยะยาวคุุ้ม ที่บ้านใช้น้ำยาแอร์ตระกูล Cold ทั้งน้าน
ประหยัดไฟ รักษาคอมเพรสเซอร์ให้
ใช้ได้ยาวนาน ตามที่บอกไปมวลน้ำหนักน้ำยามันเบากว่า ทำให้การทำงาน
ของคอมเพรสเซอร์ไม่หนักมาก ยืดอายุได้ เย็นเร็ว

Cold 22  แอร์บ้าน
Cold 134 แอร์รถยนต์

ไม่เชื่อ ถ่ายรูปให้ดูเลย  มีเอาไว้ใช้งานที่บ้านครับไม่ใช่เพื่อการค้า

:-* :-* :-*

อีกหน่อย...ก่อนจะเชียร์เขาไปมากกว่านี้

ปัญหาจากการใช้ Cold 134

1.รอบเดินเบานิ่งทำความเย็นได้ต่ำสุด 9.2 C
2.พัดลมเปิดเบอร์ 1  ความเย็นปรับกลางๆ
3. ขับรถแล้วเย็นจับใจ ฝ้าขึ้น เพราะมันเย็น ขับรถยากขึ้นโดยเฉพาะฝนตก
4. ครอบครัว คนนั่งข้างๆ ต้องนั่งหรือนอนห่มผ้าห่ม โดยเฉพาะขับไกลๆ นิ่งๆ ไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหนาว....เซ็งเป็ด....หนาวๆๆๆๆ.....อุยๆๆๆๆๆ
5. ต้องหายาแก้หวัดติดรถไว้ เพราะหนาว ไข้ขึ้น
      ความสามารถของระบบรถผมทำได้ประมาณนี้หละครับ ถ้าคอมเพรสเซอร์ฟิตกว่านี้ คงเป็นไก่แช่แข็ในรถกันหละครับ  ;D ;D ;D

    พอหละ ไม่เชื่อเอาภาพไปดู....โปรดใช้วิจารณาญานในการอ่าน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าไม่ได้ลอง..... ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้;D ;D ;D ;D

ตัวนี้หละ Cold 134 """"""ลองไปลองโดนกันดู ว่าจะเย็นไหม แนะนำ

ใช่ไมคุณเจ....เย็นกว่าน้ำยา R134 ทั่วไปแน่นอน.... :-* :-* :-* :-*

ชื่อก็บอกแล้วว่า Cold ไม่เย็นได้ไง จริงป่ะ  ;D ;D ;D

พี่กันต์ มีร้านไหนลองตรวจน้ำยาแอร์ cold R134 หรือ Cold R22 บ้างไหม ว่ามีส่วผสมอะไรบ้าง ( โซดา+น้ำ หรือ โคก  ;D )

 8) เกี่ยวกับ น้ำยาระบบปรับอากาศประหยัดพลังงาน  รหัส Cold 134  Cold12  Cold22  8)


          ส่วนตัวไม่ทราบจริงๆครับเกี่ยวกับน้ำยา Cold ว่ามีใครตรวจสอบบ้าง และเข้าใจว่าไม่ค่อยได้มีการใช้ทั่วไปเท่าไหร่มากนัก เฉพาะกลุ่มที่รู้และศึกษา จริงๆ  ส่วนครอบครัว เกี่ยวกับระบบความเย็น ผมเลือกใช้อยู่ เพราะมองไปไกลๆแล้วมันคุ้มครับ อันนี้แล้วแต่นะว่าคิดไงกัน ......ผมเลยเอาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำยาระบบความเย็นตระกูล Cold ที่เขาเคยเขียนไว้ มาให้อ่านครับ....เข้าใจว่า บางท่านอ่านมาแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ลอง ลองไปอ่านดูครับ รวบรวมมาไว้ให้ในกระทู้นี้แหละ เปิดมาจะได้อ่านไปด้วย


เกี่ยวกับน้ำยา Cold (คนอื่นเขาว่ามาน่ะ)

        cold 22 เป็นน้ำยาที่ทางยุโรป ญี่ปุ่นใช้มากว่า 10 ปีแล้ว ทางเยอรมันก็ใช้เยอะ  ในด้านความปลอดภัยมันผ่านมาตรฐาน ยุโรป เยอร์มัน และญี่ปุ่น   น้ำยาตัวนี้ติดไฟเพราะส่วนประกอปสำคัญคือ propane ที่อยู่ในแก๊สหุงต้มตามบ้าน  มันไม่ได้อันตรายมากไปกว่าเตาแก๊สในครัวห ตอนอยู่ในครัวน่ะติดไฟด้วย ก็ใช้กันทุกบ้าน  พออยู่ในแอร์มันไม่มีไฟเหมือนอย่างในครัว จึงมีความปลอดภัยสูงกว่าเยอะ
      ปัญหาคือช่างแอร์บ้านเรา ไม่รู้จักน้ำยาตัวนี้กันนัก และมักฟังเพื่อนๆบอกต่อกันว่ามันติดไฟ เลยบอกต่อลูกค้าไปตามนั้นโดยไม่รู้จักหาข้อมูลเพิ่มเติม  น้ำยาตัวนี้เติมทดแทนน้ำยา cold 22 ในแอร์ได้เลยโดยไม่ทำให้ระบบภายในมีปัญหา  ข้อดีของมันคือ ใช้น้ำยาน้อยลง เย็นกว่าน้ำยาตัวเดิม  แอร์จะประหยัดไฟกว่าเดิม เนื่องจากน้ำยาตัวนี้มันอัดให้เปลี่ยนสถานะได้ง่ายกว่าเดิม คอมเพรสเซอร์เลยกินแรงน้อยลง ประหยัดไฟประมาณ 12-16% เมื่อเทียบกับน้ำยา R22 แบบเดิม ทดสอบโดย เทคโนลาดกระบัง มีใบรับรอง

         Cold 134 เป็นส่วนประกอปของ R600 a กับ R290 อันนี้เขียนไว้ที่ข้างกระป๋องเลย ผมไปหาใน google ถึงเจ้า 2 ตัวนี้ว่ามันคืออะไรกัน มันติดไฟไหม มันทำให้แอร์ในรถพังอย่างที่ช่างแอร์ทั่วไปชอบว่ามันหรือเป่า ก็ได้ข้อมูลมาเพียบเลย

          R290 หรือชื่อที่เรารู้จักกันคือ propane โพรเพนเป็นก๊าซติดไฟที่อยู่ในแก๊สหุงต้มที่ใช้กันอยู่ทุกบ้านนั่นแหละครับ ไอ้ตัวนี้ติดไฟ และเป็นส่วนประกอปของ cold 134, cold 12, cold 22 เลยทำให้น้ำยาพวกนี้ติดไฟด้วย

          R600a นี่ก็ติดไฟอีกนั่นแหละเป็นสาร Hydrocarbon ที่ใช้สำหรับทดแทน R134A, R12 โดยเฉพาะ

          R290 กับ R600a ทั้งสองตัวนี้ผสมกัน เป็น COLD 134, COLD 22, COLD12 มันมีน้ำหนักมากกว่าอากาศ ถ้ารั่วจะลอยตัวต่ำอยู่ติดพื้นเหมือนแก๊สหุงต้มรั่ว แต่ว่ามันได้รับอนุญาตให้ใช้ในอุปกรณ์ทำความเย็นภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น หรือ แอร์ได้ เนื่องจากปริมาณแก๊สที่ใช้นั้นน้อยมาก จนถ้ารั่วออกมาก็มีอันตรายต่ำ ในตู้เย็นที่ใช้ R290(โพรเพน)ล้วนๆในเยอรมันส่วนใหญ่ จะเติมสารทำความเย็นแค่ 25-40 กรัมเท่านั้น มากกว่าแก๊สที่อยู่ในไฟแช็คจุดบุหรี่อันละ 10-15 บาทอยู่หน่อยหนึ่ง ไฟแช็คแก๊สนั้นยังน่ากลัวกว่าการใช้สารทำความ


เย็นในรถยนตร์ หรือตู้เย็นด้วยซ้ำ ถ้าสารทำความเย็นมันรั่ว ความที่หนักกว่าอากาศ มันจะรวมตัวกันเป็นหมอกลอยอยู่ต่ำติดพื้นที่ความสูงไม่เกิน 6 นิ้วจากพื้น ถ้าอยู่ในที่โปร่ง อากาศถ่ายเท แก๊สที่รั่วจะถูกลมพัดพาไปจนหมด สำหรับกรณีรถยนตร์ก็ใช้ในปริมาณน้อย อย่างรถ corolla hi torque ใช้ R134a อยู่ 700 กรัม จะใช้ COLD 134 แค่ 350 กรัม ด้วยปริมาณแค่นี้ ถือว่าน้อยมาก จึงไม่น่าเป็นห่วง รถ taxi ที่ติดแก๊ส LPG ซึ่งก็คือโพรเพน หรือ R290 นั้นใช้ถังแก๊สขนาด 55 ลิตรหรือประมาณ 30 กิโลกรัมวิ่งกันเต็มกรุงเทพนั้นก็มีประวัติความปลอดภัยที่ดี ส่วนแอร์บ้าน 13,000 BTU นั้นใช้น้ำยา R22 ประมาณ 1.2 กิโลกรัม จะใช้น้ำยา COLD 22 ประมาณ 600 กรัมcold 22 เป็นน้ำยาที่ทางยุโรป ญี่ปุ่นใช้มากว่า 10 ปีแล้ว ทางเยอรมันก็ใช้เยอะ  ในด้านความปลอดภัยมันผ่านมาตรฐาน ยุโรป เยอร์มัน และญี่ปุ่น   น้ำยาตัวนี้ติดไฟเพราะส่วนประกอบสำคัญคือ propane ที่อยู่ในแก๊สหุงต้มตามบ้านนั่นแหละ  มันไม่ได้อันตรายมากไปกว่าเตาแก๊สในครัวหรอกครับ  ตอนอยู่ในครัวน่ะติดไฟด้วย ก็ใช้กันทุกบ้าน  พออยู่ในแอร์มันไม่มีไฟเหมือนอย่างในครัว จึงมีความปลอดภัยสูงกว่าเยอะ


                     ในกรณีเลวร้ายที่สุดที่ COLD 134 รั่วในห้องโดยสารรถยนตร์ แบบชนิดที่ท่อแอร์แตกทันที ซึ่งกรณีเช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นในการใช้งานปกติ และแก๊สทั้งหมด 300-400 กรัมกระจายออกมา สิ่งที่เกิดคือเราจะมองเห็นเป็นกลุ่มควันสีขาวออกมาจากคอนดซลหน้ารถ แก๊สนี้ไม่มีกลิ่น และถ้าเปิดกระจกอยู่ หรือเปิดกระจกหรือเปิดประตูทันทีที่เห็นกลุ่มควันสีขาวนี้ แก๊สจะกระจายออกไปจนหมด และไม่มีอัตรายใดๆเกิดขึ้น ความเสี่ยงที่จะเกิดระเบิด ในกรณีที่แก๊สรั่ว พบว่าน้อยมากๆจนแทบจะเป็น 0 แหล่งเกิดประกายไฟเพียงชนิดเดียวที่จะทำให้แก๊สที่รั่วออกมาติดไฟได้คือการจุดไฟแช็คโดยทำให้เกิดประกายไฟในขณะที่แก๊สรั่วออกมาปริมาณมากๆในคราวเดียว ซึ่งในภาวะปกติ เราก็ไม่จุดบุหรี่กันตอนนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าคนที่เปิดหน้าต่างสูบบุหรี่ในขณะขับรถแล้วโอกาสจะระเบิดเป็น 0 เพราะแก๊สจะรั่วออกไปหมด

            ในกรณีปกติที่แอร์รั่วกันนั้น จะเป็นการซึมอย่างช้าๆ ใช้เวลาหลายวันกว่าน้ำยาจะรั่วออกหมด ถ้ารั่วในห้องเครื่องมันจะกระจายไปในอากาศจนหมด ไม่ติดไฟ (จริงๆแล้วรถใช้แก๊สหลายคันยังมีแก๊สรั่วมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ) ถ้ารั่วซึมในห้องโดยสารอย่างช้าๆ มันจะลอยอยู่ต่ำ ในปริมาณที่ไม่มากนัก ถ้าความเข้มข้นไม่มากพอ และไม่มีใครไปจุดไฟแช็คในรถ ยังไงก็ไม่ติดไฟ ยิ่งถ้าเปิดกระจกขับนี่หมดทางติดไฟเลย ถ้าความเข้มข้นมากพอ แต่ไม่จุดไฟในรถ ก็ไม่ติดไฟอีกนั่นแหละ ถ้าถามถึงมอเตอร์ไฟฟ้าที่อยู่ในรถ หรือสวิตส์ไฟเบรคที่แป้นเบรค หรือสวิสต์ไฟในห้องโดยสารที่เพดานรถ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่ในห้องโดยสาร พวกนี้ไม่สามารถทำให้เกิดการติดไฟได้
           ในด้านปลอดภัยและนำไปใช้งานในหลายๆประเทศ ในเยอรมันและออสเตรเลียก็นำไปใช้เยอะแล้ว ตู้เย็นในเยอรมันรุ่นใหม่ก็ใช้ R290 อัดเข้าไปประมาณ 25-40 กรัมก็สามารถทำความเย็นได้ดีกว่าการใช้ R134 แถมยังประหยัดพลังงานกว่าเดิม 16% สำหรับผมแล้วอ่านเอกสารตัวนี้แล้วมันสนับสนุนการนำ R290, R600a มาใช้ โดยให้เหตุผลเอาไว้มาก ครอบคลุมทั้งข้อดีข้อเสีย และมีตัวอย่างการใช้งานในหลายๆประเทศ ลองอ่านดูเองครับ สำหรับช่างแอร์บ้านเราที่เอาแต่พูดว่า COLD 134, COLD 22 มันติดไฟ ไม่ดีอย่าไปใช้เลยนั่น เป็นประเภทช่างเถอะที่ไม่เคยหาควาามรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมครับ

                     แนวโน้มในอนาคตสารทำความเย็นแบบ COLD134 , COLD22, COLD 12 จะค่อยๆเข้ามาแทนที่อย่างช้าๆครับ ในเยอรมัน กับออสเตรเลียเริ่มใช้มาตั้งแต่ 1994 แล้ว เรื่องติดไฟนี้เป็นประเด็นที่ผู้ผลิตน้ำยา R134, HCFC 134 กับช่างแอร์มักจะเอามาโจมตีเป็นประจำ แต่เมื่อเทียบกับผลดีที่ได้แล้ว ส่วนใหญ่ผู้ใช้ที่ได้รัข้อมูลอย่างครบถ้วนในทุกด้านมักจะเปลี่ยนมาใช้สารทำความเย็นตระกูล HC หรือไฮโดรคาร์บอน ซึ่งก็คือ R290, R600a กันหมด อ่านแล้วตัดสินใจเอาเองครับ ส่วนผมว่าจะกลับไปลอง COLD 134, COLD 22 เหมือนเดิม


[color=red]หมายเหตุุ : ข้อมูลนี้ได้ถูกวิจารมากมายจากเวปไซค์ และจากผู้ใช้  ผู้ผลิต ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด[/b][/color]

สรุปนะครับ

Cold12        

     สารทำความเย็น(น้ำยาแอร์) Cold12 ใช้สำหรับระบบเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานเบาลง ช่วยประหยัดไฟ สามารถใช้ทดแทน R12 ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันคอมเพรสเซอร์ เพียงถ่ายน้ำยาแอร์ตัวเดิมออกแล้วสามารถเติม Cold12 เข้าไปได้ทันที

Cold22   

     สารทำความเย็น(น้ำยาแอร์) Cold22 ใช้สำหรับระบบเครื่องปรับอากาศภายในที่อยู่อาศัย ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานเบาลง ช่วยประหยัดไฟ สามารถใช้ทดแทน R22 ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันคอมเพรสเซอร์ เพียงถ่ายน้ำยาแอร์ตัวเดิมออกแล้วสามารถเติม Cold22 เข้าไปได้ทันที

Cold134     

สารทำความเย็น(น้ำยาแอร์) Cold134 ใช้สำหรับระบบเครื่องปรับอากาศของรถยนต์ ทำความเย็นได้อย่างรวดเร็วจึงทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานเบาลง ช่วยประหยัดไฟ สามารถใช้ทดแทน R134 ได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันคอมเพรสเซอร์ เพียงถ่ายน้ำยาแอร์ตัวเดิมออกแล้วสามารถเติม Cold134 เข้าไปได้ทันทีCold134

ส่วนนี้ก็รายละเอียด Indentification ของน้ำยาตระกูล Cold
แต่ละตัวที่เราน่าจะมีโอกาสได้ใช้

ส่วนจะดีหรือไม่ ต้องไปลองดูเอง คนอื่นผมไม่รู้ครับ
ว่าใส่แล้วเป็นไง  แต่ผมใส่แล้วคุ้มและ เย็นดี  :-* :-* :-* :-*

......ลองไปโดนกันดู Cold 134  ...พอหละ แนะนำเยอะไปไหล เดี๋ยวจะหาว่าผม
เป็นคนขายอีก ผมไม่เกี่ยวน่ะ  ;D ;D ;D ;D ;D ;D

อันนี้นอกเรื่อง ขอเล่าให้ฟังหน่อย ไม่เกี่ยวกันกับความเย็นน่ะ  ;) ;) ;)

อยู่ดีๆ แมนิโฟลด์เกจคู่ใจของ Imperial ที่ใช้อยู่ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับวัดความดันและสุญญากาศในระบบปรับอากาศรถยนต์
และเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการบริการเกี่ยวกับระบบปรับอากาศ  ....มือบิดด้านเกจวัดความดันสูงสีแดงหมุนแล้วไม่ไปแฮะ
เกิดไรขึ้น ทำไงดีอะ เอาหละวะ .....เสียก็เสียว่ะ ด้วยวิญญาณของช่าง DIY เข้าสิงห์ ก็เงาะออกมา
สงสัยเกลียวด้านตัวด้ามเหล็กกับตัว นัทด้านที่ขันกับชุดเรือนของแมนิโฟลด์เกจ
ต้องปืนเกลียวกันแน่ ทำให้แกนเหล็กที่ไปยึดติดกับมือบิดสีแดงก็เลยต้องหมุนฟรี เพราะสู้แรงเกลียวทองงเหลือง
ที่มันปีนเกลียวไม่ได้ ก็เอาเลยครับรื้อมา เจอแล้วอธิบายตามภาพ....เกือบไปหาซื้อของใหม่ซะแล้ว  เสียดาย DIY ได้ก็ประหยัดได้เยอะ


แมนิโฟลด์เกจคู่ใจ ก็กลับมาใช้ได้ดีเหมือนเดิม

      ไม่มีไรครับ เล่าให้ฟัง......ออกไปซะไกลเลยเรา  :-[ :-[ :-[  ;D ;D ;D ;D

จัดเรียงได้สวยงามตระกาลตาดีน่ะ นั้น ตู้อะ.. 5 โล 100 ได้ไหม ตู้กองนั้นน่ะ  ;D ;D ;D ;D

พอมีร้านแนะนำบ้างไหมครับ ขอเป็นกรุงเทพและเขตปริมณฑลนะคร้าบบบบ :-*

รถเป็นไรท่าน....จัดชุดใหญ่เลย :-* :-* :-*

 8) เครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale ) 8)

             สงสัยไหมครับเวลาช่างเติมน้ำยาแอร์รถยนต์เขาเติมกันกี่ตัน....เอ้อ...กี่ปอนด์ กันโดยเราไม่รู้เลยว่าเขาเติมกันเท่าไหร่ เหมือนซื้อเงาะ 5 โล แม่ค้าจับยัดใส่ถุงมาให้ ไม่รู้ว่าตาชั่งที่ช่างโกงตาชั่งกันไหม  ผมไม่ได้มาแนะนำให้พวกเราไปจับผิดกับช่างแอร์ ร้านแอร์นะครับ มันเติมเท่าไหร่ช่างมัน....ขออย่างเดียว ทำแอร์ตรู...ให้จบพอครับ ถ้าไม่จบก็ต้องบอกกันว่าเกิดอะไรขึ้น หรือต้องแก้ไขหรือทำไรต่อ คือ คิดแล้ว มันจะปวดหัว หรือเปรียบเทียบราคาไปทำแอร์ ทำได้ถูกกว่า แพงกว่า เครียด....ไปทำแอร์ก็เหมือน  หามผีไปเข้าป่าช้า ถ้าไม่เผาจะเอาผีไปอยู่ไหน  แก้ไขโดยก่อนไปทำก็ไปคุยกับช่างก่อนว่า แก้ไขอย่างไร เปลี่ยนอะไร จบอยู่ที่เท่าไหร่ รับประกันอย่างไร น่าจะเป็นวิธีที่ดี โดยเฉพาะการรับประกัน สำคัญครับว่ารับประกันอุปกรณ์นานเท่าไหร่ เงื่อนไขเป็นไง


       เอ้า...ไปกันใหญ่ ผมจะเอาความรู้เรื่อง เครื่องวัดปริมาณน้ำยา( Electronic Scale )แอร์รถยนต์ มาเป็นเกร็ดความรู้น่ะ ดูดี มีฐานะครับ เอาเครื่องเติมน้ำยาแอร์มาชั่งก่อนเติมเข้าท่าดีน่ะ ยุติธรรมดี

         จริงๆแล้วเครื่องชั่งหรือเครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale ) มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อร้านจำหน่ายน้ำยาแอร์รถยนต์ แอร์บ้าน ที่แบ่งข่ายจากถังน้ำยาขนาดใหญ่มาอีกที ส่วนตัวไม่ค่อยแนะนำ เพราะมันไม่ค่อยมีคุณภาพถ้าเป็นน้ำยาจากถังลักษณะนั้น แต่ถ้าจะน้ำมาใช้ในงานเช็ครั่วก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ น้ำยาควารบรรจุจากถังเลย ก็ว่านั้นหละครับคุณภาพก็จะแตกต่างกัน แล้วแต่ยี่ห้อด้วย  และที่สำคัญ กับร้านซ่อมแอร์รถยนต์ซึ่งควรจะมีไว้ใช้ เพราะปัจจุบันโดยเฉพาะรถยุโรป เช่น Benz  BMW  VOLVO VOLK AUDI FORD  Chevrolet Nissan  รถนำเข้า รถญี่ปุ่นบางรุ่น กระจกมองปริมาณน้ำยาไม่มีซะงั้น ถึงแม้จะมีการกำหนดจากผู้ผลิตรถยนต์ว่าต้องเติมปริมาณน้ำยาเท่าไหร่  จะทำให้เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า น้ำยาแอร์ที่มีอยู่ในระบบแอร์ของเราเพียงพอกับที่ระบุไว้หรือไม่  ฉะนั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้เครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale ) มาช่วยในการเติมน้ำยาแอร์ กับรถที่ไม่มีกระจกมองดูน้ำยา หรือแม้แต่รถยนต์ที่มีกระจกมองน้ำยา ครับ ถึงจะทำให้สามารถการเติมน้ำยาในครั้งนั้นมีความพอดีกับระบบที่ต้องการ ไม่มากและไม่น้อยเกินไปส่งผลเสียต่อระบบแอร์ไม่เย็นอีก.......ก็ว่ากันไปน่ะส่วนผู้ใช้รถอย่างเราก็คงไม่ลงทุนซื้อเครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale )  หรอกนะซื้อมาทำไม......รู้ไว้ครับ ไม่หนักหนาอะไร...พอหละเมื่อยมือ..แต่ผมก็มีทีเด็ดที่แนะนำนะครับ สำหรับเครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale ) แบบบ้านๆตาม ราคาถูก ชั่งได้เที่ยวตรง.......ลองดู

 8)อันนี้ที่เด็ดกว่า


สำหรับเครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale ) แบบบ้านๆตาม ราคาถูก ชั่งได้เที่ยวตรง
แม่ค้าชอบ ใช้วัดน้ำยาแอร์ตอนเติมได่้นะครับ จะเจอตามตลาดโดยเฉาะหน้านี้เงาะ ทุเรียนกำลังออกผลผลิต....
ใช้งานวัดกับน้ำยาแอร์ได้เช่นกันครับผม  ;D ;D ;D ;D ;D ;) :(

อันนี้ตัวอย่างของ รถมินิ วัน รุ่นนี้จะไม่มีตาแก้วให้ดูขณะเติมน้ำยาแอร์
ต้องเติมตามสเป็คที่ทางบริษัทรถแนะนำ เครื่องชั่งหรือเครื่องวัดปริมาณน้ำยาแอร์ ( Electronic Scale )
จึงมีความจำเป็นและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเติมน้ำยาแอร์รถยนต์ เหล่านี้ :o

คุณburanasakคนนนเหมือนผมเลยคร้าบบบพอมีร้านแอร์แนะนำบ้างไหมคร้าบบบหรือทำให้ผมฟรีก้อได้นะคร้าบบบบ555+(ล้อเล่นจ้าาาาา) :D

ม่ะๆๆๆๆๆ  >:( >:( >:( >:( ;D ;D ;D ;D โทรมาคุยดิ

อ่านอยู่จ๊ะพี่  :-* :-* :-*

ดู ๆ อยู่ครับ สวย ๆ ทั้งนั้น ;D ;D

ผมจะโมเกจ์ดีใหมนะ  ::)   พี่กันคิดว่ามันจะเป็นไปใด้ใหมครับ ถ้าผมจะเจาะใส่ ศรวาล์ว จะใด้ไม่ต้องคายสายกลางเวลาไร่อากาศ  ::)

 

เป็นไปได้ครับ ไม่มีปัญหา  การเจาะขอให้เป็นสิ่งสุดท้ายน่ะ
เพราะ ผมเสียดายเกจ มันมีค่าเวลาเราทำแอร์ ไม่มีมันและมืดมน
เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับระบบ

แนะนำว่า หาน๊อตข้อต่อ ที่มันมีหัวศร มาใส่เป็นเกลียวเบอร์เดียวกับ
เกจ น่าจะเป็นวิธีที่ดีในการดัดแปลงครับ ข้อต่อนี้ จะต่อกับเกลียวสายกลาง
และเอาสายกลางสีเหลืองขันอีกที  แค่นี้ก็น่าจะสมเหตุสมผลหน่อย

แต่ปัญหา คือ จะหาข้อต่อนี้จากไหน ที่มีขาย น่ะ
แต่ผมว่า มีแน่ ไม่รู้ว่าที่ไหน......ตาเงาะ ตาตู่ พีจัง คุณเจ  รู้ไหม

สนับสนุนแนวคิด คนไทยทำได้ทุกอย่าง รอชมผลงานเอามาโชว์
เกจอื่น ที่ราคาแพงเวอร์ๆ เขามีให้เหมือนกันน่ะ แต่ของเรามันไม่มี
ก็เท่านั้นเอง

ลุยเลย :-* :-* :-*

แบบนี้หละครับ น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมกว่า
แปลงเพิ่มอย่างนี้ไม่เสียของด้วย ของดีๆ
จะอยู่กับเราต่อ เพียงแต่ต้องหาข้อต่อ
ประเภทนี้ให้ได้ ใครรู้ว่าซื้อที่ไหน
บอกหน่อย....อยากได้เหมือนกัน :-* :-* :-*

 8) คอมเพรสเซอร์แอร์ของแต่ละค่ายรถยนต์  8)


      ในระบบแอร์ของรถยนต์ คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์นั้นเป็นหัวใจสำคัญของระบบทำความเย็น
เลยทีเดียว ผู้ใช้รถหลายท่านคงมีประสบการณ์กันมาบ้างในการนำรถเข้าซ่อมระบบแอร์ และเปลี่ยน
คอมเพรสเซอร์ ในกรณีที่คอมเพรสเซอร์พังเสียหาย การเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์นั้น ถ้าช่างเปลี่ยนให้
ตามสเปคเดิมก็ไม่เกิดปัญหาอะไรตามมา แต่ถ้ามีการดัดแปลงคอมเพรสเซอร์ต่างรุ่นติดตั้งแทนของเดิม
มักเจอปัญหา เช่น เปิดแอร์แล้วฉุดกินกำลังเครื่องยนต์มาก เครื่องยนต์วิ่งไม่ค่อยออก
หรือบางรายพอดัดแปลงคอมเพรสเซอร์แอร์แล้ว เวลารถติดแล้วแอร์ไม่เย็น ปัญหาเหล่านี้ป้องกันได้
ถ้าผู้ใช้รถยนต์ทุกท่านสนใจดูแลคอมเพรสเซอร์แอร์ ไม่ให้เสียหายมาก
        ฉะนั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ใช้รถอย่างเราชาว welovecivic ควรรูไว้ว่าคอมเพรสเซอร์
ในรถเราใช้ยี่ห้ออะไร เบอร์อะไร ซึ่งผมก็ได้เขียนไว้ให้อ่านในก่อนหน้าแล้ว แล้วก็เกิดความสงสัยต่อว่า
รถยนต์ในแต่ละค่าย เช่น Toyota  Honda  Misubishi ฯลฯ เขาเลือกใช้คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ของบริษัท
ผู้ผลิตไหนกันบ้าง รถยนต์บางยี่ห้อ ก็เลือกใช้บริษัทผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์หลายค่ายผู้ผลิตคอมเพรสเเซอร์
นั้นเพื่อความเหมาะสมในการใช้งานของรถยนต์แต่ละรุ่น ขนาดเครื่องยนต์ นั้นเอง ลองมาอ่านดูครับ สรุปสั้นๆ
ชัดเจน

1. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ DENSO
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  toyota honda daihasu benz audi volvo rover etc.

2. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ SANDEN
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  honda volk seat peguoet citron volvo etc.

3. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ ZEXEL
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  nissan mitsubishi suzuki etc.

4. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ HCC
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  ford hyudai etc.

5. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ Panasonic
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  mazda honda etc..

6. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ Seiko
       ใช้กับรถยนต์ค่าย   bmw suzuki etc.

7. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ mitsubishi
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  mitsubishi

8. คอมเพรสเพรสเซอร์แอร์ casonic
       ใช้กับรถยนต์ค่าย  nissan


  เอ้อ ...ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันครับ เอาไว้ประดับความรู้ จะได้รู้ว่าค่ายไหนใช้คอม ยี่ห้อไรบ้าง....จบข่าว   ;D ;D ;D ;D

ดีไหมคุณเจ  :) :) :)

แจ่มเลยครับ แต่เกลียวด้านในนี่ซิ จะทำอย่างไง :'(  ใจคิดใด้2วิธี คือ 1. เจาะทำเกลียว( แต่ที่ใหนจะทำให้นี่ซิ) แล้วใส่ใส้วาวล์  2.เจาะรูแล้วเอาวาวล์ทีซื้อพร้อม cold กระป๋องขันด้านหลัง ( อันนี้ลองแล้วมันเกะกะ)  :o   :o   เดี๋ยวต้องไปดูร้านน๊อตว่ามีข้อต่ออะไรที่ให้ผมมีไอเดียทำ :-[

ชอบจังกระทู้นี้
สงสัยครั้งต่อไปต้องไปใช้บริการบ้านพี่แล้วมั้ง :-*

อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นพี่ อาจสร้างภาพก็ได้    ;D ;D ;D มาดิพี่ :-* :-* :-*

 :o :o :oเอาให้มันเหมือนเดิมดีกว่ามั้ง ;D ;D ;D

 :-* :-* :-*

ผมก็ว่างอย่างงั้นอะ :-[  :-[ :'(  เอาให้มันใด้ของครบๆก่อนดีกว่า เรื่องโมไว้ก่อน เดี๋ยวบานปาย  :-[  ( เครื่องแวคยังบ่ใด้ซื้อ เดี๋ยวจะต้องไปซื้อเกจ์ใหม่ซะก่อน  ;D  ;D  ;D)

ถ้าทำได้และไม่เสียของน่าทำครับ
ช่วยทำให้นั้นตอนการอจิมน้ำยามำได้ง่ายขึ้น...นนทบุรี  กทม ฝนจกแฮะ

งานเข้า 5555 ไม่เป็นไรเราทำเอง ระบบความร้อนหม้อน้ำก็มีผลต่อการทำงานขอเงระบบแอร์ครับ
ส่งผลต่อความเย็นของแอร์รถยนต์ เดี๋ยวหาเรื่องให้มาอ่าน

น้ำมันคอม สีมันมีเหตุและผลอยู่ครับ เดี๋ยวมาเขียนให้อ่าน เอาแบบเพื่อนๆได้อ่านด้วย

ตอนแอร์ทำงานรอบตกไหมครับ ตอนนี้

ตอนนี้แอร์คุณเจอมีความชื้นในระบบอยู่ น้ำยาแอร์ที่อัดไปเชื่อว่าคุณภาพไม่ดีพอ
ครับแอร์เลยไม่เย็นพอ เพราะอุปกรณ์เปลี่ยนเกือบหมดยกเว้นวาล์ว น่าจะประมาณนี้

มาหละ มาหละ มาตามสัญญา ;) ;) ;) ;)

8)น้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ Refrigeration oil 8)

จริงๆผมได้เขียนไปแล้วนะครับเกี่ยวกับน้ำมันคอมเพรสเซอร์หรือ Refrigeration oil แต่เป็นทางลัดใหรรู้เลย แต่จริงๆ ก่อนที่จะมามันต้องมีต้นสายปลายเหตุก่อน งั้นไปรู้จักกับ น้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ ในทางเคมีกันเลยดีกว่าครับ จะได้รู้ไปทีเดียวเลย ไม่รู้ ไม่เข้าใจไม่เป็นไร อ่านตอนท้ายที่ผมสรุปให้ก็ได้.....

              ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เคลื่อนไหวและไม่เคลื่อนไหวเช่น ซีล ประเก็นชิ้นส่วนเหล่านี้ต้องการการหล่อลื่นทั้งสิ้น นํ้ามันหล่อลื่นจำนวนเล็กน้อยซึ่งถูกผสมกับสารทำความเย็นจะถูกหมุนเวียนอยู่ในระบบ และทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในระบบให้อยู่ในสภาพการทำงานที่ดี ลดความฝืดและการสึกหรอของชิ้นส่วนน้ำมันที่ใช้ในการหล่อลื่นในระบบทำความเย็นเป็นน้ำมันพิเศษโดยเฉพาะห้ามใช้น้ำมันอย่างอื่นแทนเป็นอันขาด น้ำมันที่ใช้เป็นน้ำมันที่กลั่นเอาสารเจือปน เช่น ขี้ผึ้ง กำมะถันและความชื้นออกหมดแล้ว น้ำมันหล่อลื่นสำหรับระบบทำความเย็นมีราคาค่อนข้างถูก ดังนั้นจึงไม่ควรใช้น้ำมันชนิดอื่นมาหล่อลื่นระบบทำความเย็นน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้มีหลายเกรด มีความหนืดต่างกัน เช่นขนาดความหนืด 300 SSU (ค่าความหนืดมีหน่วยวัดเป็น SSU.) โดยน้ำมันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์ นั้นจะมีคุณสมบัติในตัวมันดังนี้
     1. คุณสมบัติทางเคมี
         ต้องไม่เป็นน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางเคมีเมื่อใช้งานดังนั้นน้ำมันที่ใช้จึงต้องระมัดระวังมากควรเติมแต่น้ำมันหล่อลื่นชนิดมีมาตรฐานสูงเท่านั้น ลักษณะของน้ำมันหล่อลื่นที่ดีคือน้ำมันที่มีไฮโดรคาร์บอนผสมอยู่น้อย
     2. มีความหนืด
          น้ำมันหล่อลื่นมีความหนืดหลายเกรด ค่าความหนืดมีหน่วยวัดเป็น SSU การอ่านค่าความหนืดมีหลักเกณฑ์ที่ควรทราบคือ ถ้าตัวเลขมากค่าความหนืดก็มากถ้าตัวเลขน้อยค่าความหนืดน้อยและค่าความหนืดนี้จะแปรผันไปตามอุณหภูมิ กล่าวคือถ้าอุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความหนืดจะต่ำลงแต่ถ้าอุณหภูมิต่ำลงค่าความหนืดจะสูงขึ้น สังเกตได้จาก
       3. สภาวะการไหลของน้ำมันหล่อลื่น      น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไปมีความหนืด 2 ประเภท

น้ำมันหล่อลื่นประเภทที่ 1 หยุดไหลเมื่อมีอุณหภูมิต่ำ

                     น้ำมันหล่อลื่นประกอบไปด้วยส่วนผสมของแว๊กซ (Wax) และพาราฟินดังนั้น เมื่ออุณหภูมิต่ำพวกแว๊กซและสารพาราฟินในน้ำมันจะเพิ่มความหนืดมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้น้ำมันหล่อลื่นไหลไม่สะดวกหรือหยุดไหลอันอาจทำให้เกิดผลเสียต่อการหล่อลื่นชิ้นส่วนภายในระบบทำความเย็น ทำให้ระบบทำความเย็นเกิดการขัดข้องได้ การใช้น้ำมันหล่อลื่นประเภทนี้ต้องใช้ความระมัดระวังมากเมื่ออากาศมีอุณหภูมิต่ำมาก

น้ำมันหล่อลื่นประเภทที่ 2 การไหลเป็นปกติตลอดเวลา

                     น้ำมันหล่อลื่นประเภทนี้มีคุณสมบัติการไหลดีกว่าประเภทแรกเพราะสามารถไหลได้ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงถึงอุณหภูมิสูงหรือต่ำ ทำให้ลดปัญหาการหยุดไหลของน้ำมันหล่อลื่น ปัจจุบันนิยมใช้น้ำมันหล่อลื่นประเภทหลังมากกว่าประเภทแรก

   4. ไม่มีคุณสมบัติเป็นตัวนำไฟฟ้า              
              น้ำมันเป็นตัวนำไฟฟ้าอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องพยายามทำให้น้ำมันหล่อลื่นไม่เป็นตัวนำไฟฟ้าหรือเป็นตัวนำไฟฟ้าที่เลวที่สุดเพราะอาจเกิดการรั่วจากมอเตอร์หรือระบบวงจรไฟฟ้าอื่นๆ ในคอมเพรสเซอร์เช่นมอเตอร์และคอมเพรสเซอร์ที่อยู่เป็นชุดเดียวกัน (Hermetic Compressor)


         ฉะนั้น ข้อควรระมัดระวังและข้อควรจำเกี่ยวกับการเติมน้ำมันหล่อลื่น จะต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าเป็นน้ำมันหล่อลื่นสำหรับระบบทำความเย็น  ห้ามใช้น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว ก่อนทำการเติมน้ำมันหล่อลื่นควรสังเกตดูด้วยว่าปิดฝาถ่ายน้ำมันหรือยัง และปิดฝากระป๋องน้ำมันหล่อลื่นทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งานแล้ว  
น้ำมันคอมเพรสเซอร์เครื่องทำความเย็น (Refrigerator Oil) สามารถแบ่งได้แต่ละประเภท ดังต่อไปนี้

1.น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ ผลิตจากสาร Alkylated Benzenes

น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ มีความคงตัวทางเคมี สูง อายุการใช้งานยาวนานมาก ทนความร้อนได้ดีมาก มีจุดไหลเทและเกิด ไขต่ำมาก มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน - DIN 51503 KAA/KC - ISO-L-DRA/DRC/DRG (Floc Point R12=<-60oC)  การใช้งานจะนำไปใช้ สำหรับเครื่องคอมเพรสเซอร์สกรูและลูก สูบของเครื่องทำความเย็นที่มีอุณภูมิไว้ต่ำ มาก หรือที่ีมีอุณหภูมิขาออกสูง สามารถใช้ในเครื่องทำความเย็นที่ใช้ แอมโมเนียม (R717), ไฮโดรคาร์บอน (R600a), CFC (R11,R12) และ HCFC (R22) เป็นสารทำความเย็น ยกเว้น HFC  โดยมีค่าความหนืดISO 68

2.น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์ ผลิตจากสาร Polyolesters

มีความคงตัวทางเคมีสูง มีจุดเกิดไขต่ำ มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน DIN 51503 KD  ISO-L-DRD
(Floc Point R134a = -30oC )การใช้งานจะนำไปใช้ สำหรับเครื่องคอมเพรสเซอร์เครื่องทำความ- เย็นที่ใช้สารทำความเย็นชนิด HFC (R134a)  และมีค่าความหนืดISO 68

3.น้ำมันหล่อลื่นฟาราฟินิคที่
ผ่านการกระบวน การปรับปรุงคุณภาพด้วยไฮโดรเจน ทนความร้อนได้ดีมาก อายุการใช้งานยาว นานกว่าน้ำมันห้องเย็นทั่วไป มีจุดไหลเทต่ำ มีคุณสมบัติตามมาตรฐาน- DIN 51503 KAA - ISO-L-DRA(Pour Point = -30oC) การใช้งานจะนำไปใช้  สำหรับเครื่องคอมเพรสเซอร์เครื่องทำความเย็น ลูกสูบและสกรู ที่ีมีอุณหภูมิขาออกสูง ที่ใช้แอมโมเนีีย (R717) เป็นสารทำความเย็น ไม่เหมาะกับสารทำความเย็นชนิดอื่น

          ฉะนั้น น้ำมันคอมเพรสเซอร์( Compressor oil) มีความสำคัญมากครับ ในการหล่อลื่นการทำงานทางด้าน คอมเพรสเซอร์โดยการทำงานของน้ำมันคอมะวิ่งไปผสมไปพร้อมน้ำยาแอร์ที่เราใช้ โดยมีชนิดที่ต่างกันขึ้นอยู่กับน้ำยาแอร์ที่เราใช้ เช่น ระบบแอร์เราใช้น้ำยา r12 น้ำมันคอมเพรสเซอร์ต้องเป็นชนิด r12  ต้องแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบปรับอากาศระบบ R-12 หรือระบบ R-134a กันแน่ เพื่อป้องกันการผสมกันของน้ำยาแอร์กับนำ้มันคอมเพรสเซอร์ที่ผิด น้ำมันคอมเพรสเซอร์ของระบบ R-12 และ R-134a ไม่สามารถใช้แทนกันได้ ให้ตรวจสอบฝากระโปรงรถว่าระบบแอร์ของรถเป็นระบบได หรือพิจารณา ถ้าเป็นระบบ R-12 หัวเติมจะเป็นแบบเกลียว แต่ถ้าเป็นระบ R-134a หัวเติมจะเป็นแบบตัวล๊อค จำไว้ว่ารถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2538 ใช้กับแอร์ระบบ R-12 เท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นไปจะใช้ระบบแอร์ R-134a (ยกเว้นรถกระบะต้องผลิตหลังปี พ.ศ. 2539)

                


สรุป เอาที่มันเรื่องใกล้ตัวมาหละ (คำถามคุณเจ ผมตอบอยู่ในนี้หละ อ่านดีๆครับ)              
      

               ระบบน้ำยาแอร์ R134a น้ำมันคอมจะเป็นสีออกขาวนวล เพราะผลิตจาก น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์จากสาร สาร Polyolesters  ระบบน้ำยาแอร์ R12 น้ำมันคอมจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆนะครับ ไม่รู้ว่าเรียกไง ผลิตจากสาร Alkylated Benzenes  ทั้ง 2 มีความสามารถดูดความชื้นได้ดีครับ ใช้แล้วต้องรีบปิดฝาทันที หรือ การที่ช่างทำแอร์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันคอม เมื่อเติมน้ำมันคอมเสร็จแล้ว ต้องหาอะไรก็ได้มาปิดจุกท่อ S  D  ของคอมเพรสเซอร์ไว้ทันทีครับ เพราะเมื่อปล่อยทิ้งไว้ น้ำมันจะดูดความชื้นจากอากาศทันที่ สัก 20 นาทีสีของน้ำมันคอมจะเปลี่ยนไป เข้มขั้น เพราะมันดูดความชื้นนั้นเอง
   สำหรับพวกเราชาว welovecivic ไปเลือกคอมเพรสเซอร์เองสังเหตุให้ดีนะครับว่ารถเราใช้คอมเบอร์อะไร น้ำยาอะไร ควรเลือกให้ถูกเนื่องจาก เช่น คอมเพรสเซอร์ที่สามารถใช้กับรถ EK นั้นมีหลายเบอร์ ได้แก่ TRS090 TRSA090 HS090L ฯลฯ ซึ่งบางตัวจะใช้กับน้ำยาตัวเก่า r12 ใช้ไม่ได้หรือไม่ควรใช้ครับ เพราะซีลที่อยู่ในตัวคอม หรือลิ้นคอมออกแบบมาใช้กับ r12 ซึ่งมีความดันต่ำกว่า น้ำยา r134a ….สัก 4-5 เดือนคอมแอร์ก็รั่ว ฉะนั้นต้องดูให้ดีครับสำคัญมากๆเลย ถ้าไปเลือกเอง เห็นเจอมั่วมาหลายรายแล้ว เอาคอม r12 มาใช้กับ r134a
                     การเลือกซื้อคอมเพรสเซอร์ที่เชียงกง ปรกติร้านจำหน่ายจะเติมน้ำมันคอมไว้ ซึ่งไม่มีคุณภาพแน่นอน หรือเป็นน้ำมันที่ค้างกับคอม นานมาหละ สีออกเหลืองแน่นอนครับ ใส่ไว้เพื่อป้องกันภายในคอมติดขัด และเอาไว้แสดงให้คนซื้อคอม ลูกค้าได้เห็นว่ามีแรงดูด โดยการเอานิ้วอุดหมุนคอมดูให้ดังๆ.....ปุ้งๆๆๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆๆๆ พอเห็นภาพนะครับ รถ EK จะใช้น้ำมันคอม r134a รุ่นไหมซึ่งเป็นสีออกขาวนวลนะครับ  ถ้าเป็นสีเหลือง หรือออกดำ คล้ำ แสดงว่า น้ำมันคอมด้อยคุณภาพ  มีความชื้นในระบบ ข้างในระบบไม่สะอาด ชื้นส่วนบางตัวเกิดการเสียหาย ละลาย หรือตอนซื้อคอมเชียงกงมา ช่างไม่ได้ถ่ายน้ำมันคอมเก่าออกมา หรือถ่ายออกมาไม่หมดข้างก้นคอมครับ กรณีนี้ การถ่ายน้ำมันคอมต้องถ่ายแบบลักษณะ ฟัชชิ่ง  ดูดออกจากคอมเพรสเซอร์แอร์ด้วยเครื่องมือพิเศษ แต่ถ้าบ้านๆอย่างผมก็เทมันออกมา แล้วใส่น้ำมันใหม่เข้าไป เทออกมาซ้ำหลายๆรอบ จนเป็นน้ำมันคอม r134 แบบขาวๆนวลๆครับ......ไปหละเมื่อยมือ

        ผิดถูกประการใด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ครับ ช่วยกัน

น้ำมันคอมใหม่กับเก่า เปรียบเทียบเห็นได้ชัดครับ คือ r134 ใสๆนวลๆ
ถ้าเป็น r12 จะออกเหลืองๆนะที่เห็น

  ฉะนั้น ถ้าลองเปิดระบบมาดู มันออกดำๆ หรือเหลืองเข้มๆ แสดงว่าน้ำมันคอมบูด เน่า หละ
เนื่องมาจาก ความชื้นที่เข้าไปโจมตีในระบบ หรือ การที่เราถ่ายน้ำมันคอมเก่าออกไม่หมด
ตอนเปลี่ยนคอม ต้องทำการ ฟัซซิ่ง ให้หมดจด เคยเจอมาหละ

 8)การแก้ไข


ทำอะไรไม่ได้ ต้องเอาออกมาล้างระบบด้วย F11 ให้หมดครับ
และทำให้มันดีๆ  ถ่ายออกมาให้หมด โดยใช้นัำมันใหม่ ฟัซซิ่ง
เข้าไป เปลืองหน่อยช่างมัน  ทำแล้วมันดี่


ระบบแอร์จะสมบูรณ์ แอร์ทำงานได้ดี เย็นเจี๊ยบ นอกเหนือจากอุปกรณ์
อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์  ระบบต้องสะอาดด้วยครับ

ตอน ทำการฟัซซิ่งให้หมดจด
ใช้เครื่องมือประดิษฐของผมมาใช้ก็ได้
เวลาหมุนหน้าคอมจะได้ไม่เมื่อยมือ
ใส่น้ำมันไปเยอะๆ หน่อย ของเก่าที่บูด
เสียจะได้ออกมาให้หมด ไม่ต้องเสียดายน้ำมัน
ทำดี ทำทีเดียว ไม่เสียเวลา เคยเจอมาหละ

มาดู เครื่องมือที่ช่วยผ่อนแรง ตอนเอาน้ำมันออก
ไม่เมื่อยมือ ว่าจะไปจดลิขสิทธิ์ซะหน่อย ..... ;D ;D ;D ;D ;D
ดูบ้านๆ พื้นๆ แต่มีประโยชน์จริงๆครับ

อย่างนี้ แอร์ระบบ R134a ปล่อยน้ำยาแอร์ออกมาดูกันก่อน น้ำมันคอมสีน้ำตาลเข้ม
รถใช้งานมานานหลายหมื่น กิโลเมตร จริงๆ ใช้ไม่ได้นะครับ มันเริ่มออกเข้มแล้ว
น้ำยาแอร์+น้ำมันคอม ระบบ R134a รวมกันออกมาจะออกมาขาวนวลถ้าเป็นระบบใหม่
ลองสังเกตุดู....ถามว่าใช้ต่อได้ไหม...ตอบว่าใช้ได้ครับ แต่มันไม่ดีแล้ว เท่านั้น ฝืนใช้ไปก็ได้
ไม่ว่ากัน เราเตือนแล้วน่ะ  ;D ;D ;D

อดทนอ่านไปเรื่อยๆนะครับ มีเรื่องเกี่ยวกับแอร์อีกเยอะ ;D ;D ;D ;) ;) ;)

ตอนแอร์ทำงานรอบไม่ตกครับ เข็มกระดิกขึ้นนิดหน่อยครับ รอบนิ่ง ๆ แต่ถ้าพัดลมหม้อน้ำทำงาน
จะฉุดรอบเครื่องหน่อยหนึ่งครับ พัดลมเก่า

ใกล้สิ้นเดือนแล้ว  :)   :)   :)   จะใด้เครื่องแวคคั่มแล้ว  :)   :)   :)

แถวนนท์มีแบบนี้เยอะไหมครับ  :-[
 :-* :-* :-*

 :-* :-* :-* :-*