พอดีไปอ่านเจอมาครับ เผื่อเป็นประโยชน์
ผิด ถูกต้องขออภัย
เทคนิค : การใช้เกียร์ออโต้ เพื่อยืดอายุการใช้งาน ควรปฏิบัติดังนี้
1. หากจอดติดไฟแดงไม่เกิน 3 นาที ไม่ต้องเลื่อนลงตำแหน่ง N แต่ให้เหยียบเบรคไว้ที่ตำแหน่ง D วิธีนี้จะช่วยยืดอายุชุดเฟืองขับในเกียร์ แม้น้ำมันเกียร์จะร้อนขึ้นแต่น้ำมันเกียร์ถูกพัฒนาให้ทนความร้อนสูงได้ดีจึงไม่น่ากังวลแต่อย่างใด
2. หากจอดรถติดไฟแดงเกิน 3 นาที ให้เข้า N และดึงเบรคมือ ไม่จำเป็นต้องเหยียบเบรคค้างไว้ เพื่อไม่ให้น้ำมันเบรคร้อนโดยไม่จำเป็น
3. ทันทีที่เข้าเกียร์ D ไม่ควรเหยียบคันเร่งรถออกรถในทันที รอสัก 1-2 วินาทีเพื่อให้เฟืองขับจับกับชุดคลัชต์ก่อน การออกตัวทันที่ขณะที่เฟืองไม่จับตัวกันอาจเกิดการเสียดสีกันอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดความเสียหายต่อเกียร์อัตโนมัติได้
4. หมั่นตรวจสีน้ำมันเกียร์โดยติดเครื่องยนต์จนอุ่น 3-5 นาที และดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์หากน้ำมันเกียร์เป็นสีทับทิมใสแสดงว่ายังใช้งานได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลข้น หรือมีกลิ่นไหม้ ได้เวลาถ่ายน้ำมันเกียร์ใหม่แล้วครับ
การทำ Flushing คือ การนำของใหม่ไปผสมกับของเก่า ... กลั้วเข้ากัน แล้วถ่ายออก
จะใช้น้ำมันเกียร์ประมาณ 6 - 10 ลิตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยสองประการคือ
1. ห้องเกียร์ + น้ำมันเกียร์เดิม มีสภาพใส หรือ ดำ มากน้อยแค่ไหน
2. ช่าง Flushing แบบไหน ... เติมแล้วถ่ายทิ้งทันที หรือว่า เติมแล้ว Flushing ก่อนแล้วค่อยถ่ายทิ้ง
ถ้าต้องการเข้าใจเรื่องเกียร์ออโต้เพิ่มเติม
เช่น วิธีใช้งานให้ถูกต้อง การล้างระบบเกียร์ด้วยตัวเอง ให้อ่านกระทู้นี้ก่อน
http://www.volvomania.com/forum/index.php?topic=43.0 
เมื่อเข้าใจแล้ว เราควรที่จะหมั่นตรวจสอบระดับนำมันเกียร์ด้วยตัวเอง อย่างน้อย 1 สัปดาห์ครั้ง ซึ่งมีหลักการง่ายๆคือ
1 การวัดระดับน้ำมันเกียร์โดยทั่วไปจะทำเมื่อเครื่องร้อน คือใช้งานรถมาแล้วประมาณ 30 นาทีขึ้นไป เพราะเป็นอุณหภูมิในการทำงานปกติของระบบเกียร์ และน้ำมันเกียร์จะมีอุณหภูมิประมาณ 178 องศาฟาเรนไฮท์ หรือประมาณ 81 องศาเซลเซียส ซึ่งชุดครัชฟันเฟืองต่างๆจะมีอุณภูมิสูงพร้อมทำงาน
2 จอดรถบนพื้นที่เรียบเสมอกันไม่ลาดเอียง ดึงเบรคมือไว้ แล้วสตาร์ทเครื่องตามปกติ ไม่เหยียบคันเร่งปล่อยให้เครื่องทำงานในรอบเดินเบา
3 เหยียบแป้นเบรคไว้ แล้วเลื่อนคันเกียร์ไปยังทุกตำแหน่งเกียร์ที่ละตำแหน่ง โดยค้างไว้ตำแหน่งละไม่น้อยกว่า 5 วินาที จนกลับมาหยุดที่ตำแหน่ง P
4 ปล่อยให้เครื่องยนต์ ทำงานในรอบเดินเบาต่ออีกประมาณ 2 นาที เมื่อครบเวลาแล้วให้ชักก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์ขึ้นมาดูสีน้ำมันเกียร์ กลิ่น ร่องรอยน้ำที่ปะปนในเกียร์ ตามที่กล่าวไว้ในกระทู้ก่อนหน้าของคุณ A1
5 เช็ดด้วยผ้าสะอาด แล้วเสียบกลับลงไปจนถึงระดับปิดช่องปกติ ก่อนดึงขึ้นมาดูระดับน้ำมันเกียร์อีกครั้ง (เครื่องยนต์ยังทำงานที่รอบเดินเบา)
คราวนี้ให้สังเกตระดับน้ำมันเกียร์ โดยดูที่ฝั่งซึ่งมีคำว่า HOT โดยระดับน้ำมันเกียร์ ต้องอยู่ระหว่างขีด MAX และ MIN ไม่สูงกว่า หรือต่ำกว่า
6 ถ้าระดับต่ำกว่า MIN ให้เติมน้ำมันเกียร์ผ่านช่องวัดนั้นทีละน้อย แล้ววัดใหม่ ตามขั้นตอนเดิม ซึ่งต้องระวังไม่ให้เกินกว่าขีด MAX (ระวังอย่าใช้ภาชนะที่สกปรก มีฝุ่นผงในการเติมน้ำมันเกียร์ใหม่ลงไป)
7 การวัดระดับน้ำมันเกียร์ของรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานมาก่อนนั้น ให้ยึดก้านวัดด้าน Cold ในการวัด โดยเริ่มขั้นตอนการวัดตั้งแต่ข้อที่ 2 - 6