ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
21 กรกฎาคม 2025, 15:13:01
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: หลายวันกับการตามแก้ รอบเดินเบา CIVIC ตาโต 0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: หลายวันกับการตามแก้ รอบเดินเบา CIVIC ตาโต  (อ่าน 69759 ครั้ง)
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« เมื่อ: 31 สิงหาคม 2009, 11:16:42 »



ก็มีเรื่องการแก้ปัญหารอบเดินเบา ของเจ้าซีวิคตาโต เอามาฝากเพื่อนๆและน้องๆ  ที่ใช้ซีวิค ตาโต มาให้ทราบกัน เพื่อไว้แก้ปัญหาเรื่องรอบเดินเบาที่เกิดขึ้น หลายที่และก็หลายอู่ ก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นตัวที่ผมกำลังจะกล่าวถึง หลังจากที่ผมได้ใช้เวลาหลายวัน กับการแก้ปัญหา เรื่องรอบเดินเบาสูง ลองตามมาอ่านกันครับ เพื่อไว้เป็นเกร็ดความรู้
ปัญหาของเรื่องก็คือ รถของผมเจ้าซีวิคตาโต ปี97 เครื่องวีเท็ค เกิดมีปัญหารอบเดินเบาสูง ประมาณ 1800-2000 รอบ สวิงอยู่แถวๆนี้ ตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มสตาร์ทเครื่อง   ปกติทั่วๆไปในเวลาช่วงเช้าๆ หรือจอดรถไว้นานๆ  เวลาที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก รอบเครื่องยนต์จะสูงประมาณ ไม่เกิน 1500 รอบ  แล้วสักครู่หนึ่ง รอบเครื่องก็จะเริ่มลดลงมาเหลือประมาณ 8-900 รอบ  นี้คือสิ่งที่ปกติ แต่รถของผม ไม่อย่างเป็นเช่นนั้น พอเริ่มสตาร์ทรอบเครื่องยนต์ก็สูงประมาณ 1800 รอบทันที่เลย และก็ไม่ยอมลดลง ตามที่คิดว่าจะเป็นดังที่กล่าวข้างบน  ปัญหานี้ได้ทำให้ผมพยายามที่จะวิเคราะห์หาสาเหตุ ว่ามันเกิดกับระบบที่ตัวเซ็นเซอร์ ตัวไหนกันแน่ที่เสีย


ผมเริ่มด้วยหลักการในการแก้ปัญหาเรื่องรอบเดินเบา ตามที่เข้าใจและหลักการทำงานของระบบคอนโทรลรอบเดินเบา  สิ่งแรกก็คิดว่าการที่รอบเดินเบาสูงน่าจะมาจากปัจจัย ความผิดปกติของระบบการจ่ายอากาศเข้าสู่ห้องไอดี อาจจะมาจากสาเหตุของ ตัวเรือนปีกผีเสื้อ ที่ประกอบไปด้วย EAVC, TPS, Map sensor(Vacuum sensor) ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่ง หรือเกิดการรั่วของระบบท่อยางที่ต่อจากท่อร่วมไอดี ไปยังส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  รวมทั้งเซ็นเซอร์อุณหภูมิของน้ำ ที่คิดว่าอาจจะผิดปกติ
แต่หลังจากที่ถอดตัวเรือนปีกผีเสื้อ ออกมาล้างทำความสะอาด ตรวจเช็คการทำงานของตัว โรตารี่โซลินอยวาวล์( EAVC) ว่ามันเปิดค้างหรือไม่ ตรวจเช็คการทำงานของตัว TPS ในเรื่องตำแหน่ง ของอัตราเร่งและตำแหน่งของรอบเดินเบา  ตรวจเช็คการทำงานของเซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำ พร้อมทั้ง ตรวจเช็คการทำงานของ อ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์ด้วย  เรียกว่าอะไรที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ผมทำการตรวจเช็คหมด ตัวไหนไม่แน่ใจว่าเสียหรือไม่ก็ซื้อ เอามาทดลองเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็น Vacuum sensor O2  ผมลงทุนซื้อมาเปลี่ยน ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เสีย ตามหลักการ การทำงานของมันที่เราตรวจเช็ค แต่ก็ต้องการความแน่ใจ ก็ยอม  ผลออกมาหลังจากที่เปลี่ยนก็ปกติ  ยังคงมีปัญหารอบเดินเบาสูง
พูดง่ายๆก็คือ ส่วนไหนที่ว่าน่าจะเกี่ยวข้อง ก็จัดการตรวจเช็คการทำงานของมันหมด   ก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้   ในระหว่างที่มีปัญหาเรื่องรอบเดินเบาสูงนี้ ผมก็ยังคงใช้งานรถตามปกติ ลืมบอกไปว่ารถผมติดแก็ส ระบบ Fix mixer ติดตั้งเองตามสไตน์ของผม  เพราะการที่รอบเดินเบาสูงจะใช้กับระบบน้ำมัน  จึงมีปัญหาไม่มากเท่าใด หากรู้วิธีแก้ไข  แก้ไขอย่างไร


ขั้นตอนที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ เป็นวิธีแก้ไขให้การใช้ระบบแก็สใ ช้งานได้โดยไม่มีปัญหา ในขณะที่รอบเดินเบาสูง อยากให้น้องๆจำไปเป็นเกร็ดความรู้ เมื่อต้องการใช้ระบบแก็ส  
ให้ทำการทอดตัวแว็คคั่มเซ็นเซอร์ ออกจากตัวเรือนปีกผีเสื้อ แต่อย่าเอาสายไฟหรือปลั๊กเสียบออกจากตัวของมัน  และที่ตัวช่องรูเสียบของแว๊คคั่มที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อ ก็หาเท็ปกาวปิดช่องเอาไว้ ไม่ให้อากาศเข้าไปในท่อไอดี   หลังจากที่เราเอาตัวนี้ออก เวลาที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ รอบเดินเบาจะอยู่ไม่เกินพันรอบ (ในขณะที่สตาร์ทใช้ระบบน้ำมัน)  ในขณะที่ยังอยู่ในระบบน้ำมันยังไม่เปลี่ยนไปใช้แก็ส(Auto switch)  เราจะได้กลิ่นน้ำมันที่ปลายท่อไอเสีย ทั้งนี้เพราะว่ามีการจ่ายน้ำมันมากในอัตราส่วนผสม
เนื่องจาก ตัวแว็คคั่มเซ็นเซอร์ ทำหน้าจับแรงดูด(Vacuum) ที่ท่อไอดี แล้วเปลี่ยนเป็นโวลเต็จ ส่งให้ ECU สั่งจ่ายน้ำมันในจังหวะรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ด้วยเช่นกันกับระบบการคอนโทรลรอบเดินเบาที่ได้จากส่วนอื่น   อาการที่เกิดขึ้นไม่ต้องไปสนใจมัน เพราะเราจะกลับไปใช้แก็ส เมื่อเร่งเครื่องยนต์ให้ ออโตสวิทช์ ทำงานไปใช้ระบบแก็ส  ให้ทำการปรับตัว sensitive ที่ตัวหม้อต้มใหม่ ปรับเพื่อให้เกิดการสมดุลของการจ่ายแก็สในรอบเดินเบา  เนื่องจากว่ามีอากาศเข้ามาที่ท่อไอดีจึงต้องมีการปรับให้สมดุลกับอากาศที่เพิ่มเข้าไปที่ห้องไอดี   อาจจะหมุนทวนเข็มหรือตามเข็มก็ได้ ตามความเหมาะสม   ก็สามารถที่จะใช้ระบบแก็สได้ตามปกติ


ก็ขอย้อนกลับมาที่ตัวเรื่องปัญหารอบเดินเบาสูง    หลังจากที่ผมได้พยามวิเคราะห์ ไปตามหลักการ กับระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ก็ยังหาข้อแก้ไขไม่ได้  เหลือขั้นตอนสุดท้าย ที่จะต้องตรวจเช็คกล่อง ECU เพื่อให้หายจากความสงสัย ว่าจะเสียที่ตัวกล่อง  เมื่อวันวานนี้เป็นวันหยุด ผมได้นำกล่อง ไปที่ร้านที่เคยรู้จักกัน ทำการเปลี่ยนกล่อง ทดสอบการทำงานของมัน ว่ากล่องเดิมที่ผมน้ำมาเสียหรือไม่  ปรากฏว่าเหมือนเดิม คือรอบสูงประมาณ 1800 รอบ  ทำให้ผมรู้สึกดีใจขึ้นมา  เพราะว่าพอจะมองปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว หลังจากที่กลับมาที่บ้าน ก็จัดการตรวจสอบเรื่องระบบการดึงเอา Vacuum ที่ท่อไอดีไปใช้งานกับระบบวงจรอื่นๆ เล่น หม้อลมเบรค ท่อยางที่ต่อเข้าระบบ เร็คกูเลเตอร์ ของเพรสเชอร์ท่อรางน้ำมันที่ป้อนเข้าหัวฉีด รวมทั้งท่อยางที่รับเอาไอน้ำมันเครื่องมาที่ห้องไอดี


เป้าหมายแรกที่ผมจะตรวจก็คือ ท่อยางที่ออกจากท่อร่วมไอดีไปเข้าที่ตัวเครื่องยนต์ ที่ห้องไอน้ำมันเครื่อง ทำไมต้องเป็นจุดนี้   ผมจำได้ว่าที่ปลายสายของท่อยางที่จะเข้าที่ตัวเครื่องยนต์ มีวาวล์ลิ้นกันกลับต่ออยู่ กันน้ำมันเครื่องไหลเข้าสู่ห้องไอดี ในกรณีที่เกิดความผิดปกติของระบบซีล การตรวจสอบของผมจึงเกิดขึ้น  ปกติแล้วที่ท่อนี้หากเราใช้ปากดูด จะมีอากาศเข้ามาได้ แต่ถ้าหากเราเป่าลมออกไปในท่อ มันจะเป่าไม่ออก มันจะมีลิ้นของวาวล์กันเอาไว้  แต่เมื่อผมทำการเป่าลมเข้าไปในท่อ ปรากฏว่าลมผ่านได้ตลอด ทั้งดูดก็เหมือนกัน   จึงแน่ใจว่าตัวปัญหาที่เกิดขึ้นต้องเป็นที่เจ้าวาวล์ลิ้นกันกลับของอากาศแน่นอน   ก่อนที่จะไปซื้อมาเปลี่ยน ผมก็ทำการอุดปลายท่อยาางที่จะต่อเข้ากับท่อไอดี
และตรงท่อไอดี ที่เป็นแกนทองเหลืองสวมท่อยางก็หายางมาอุดไว้ หรือจะหาท่อยางที่ขนาดเท่ากันตัดให้ยาวสักสองนี้ว  ปลายด้นหนึ่งก็สวมเข้าที่ปลายท่อที่โผล่ออกมาจากท่อไอดี ปลายอีกด้านหนึ่งก็หาน๊อตที่มีขนาดใกล้เคียงกับรูของท่อยาง หมุนน๊อตให้เกลียวอัดเข้าไป ก็ใช้ได้


หลังจากที่อุดรูทั้งสองเสร็จ  ก็ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์  ปรากฏว่ารอบเครื่องยนต์ที่สูงในตอนแรกกลับมาอยู่ในสภาพปกติ รอบเครื่องพุงขึ้นเพียง 1400 รอบ แล้วสักพักก็กลับมาที่ประมาณ 850 รอบตามเดิม  เพื่อให้มั่นใจต้องรีบไปซื้ออะไหล่มาเปลี่ยน ก็รีบเดินทางไปที่วรจักร ตัวแทนขายอะไหล่ฮอนด้า  ราคาของวาวล์ลิ้นกันกลับ ราคา 339 บาท ของแท้จากฮอนด้า เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็จัดแจงเปลี่ยนทันที    หลังจากเปลี่ยนแล้ว เครื่องยนต์เดินเรียบ รอบนิ่ง ถามว่าดีใจไหม ก็ดีใจ ที่เหตุการณ์ณ์อย่างนี้ ไม่เคยพบว่าจะเสีย  ก็เพิ่งจะพบครั้งนี้เป็นครั้งแรกสำหรับผม แต่คนอื่นอย่างไรผมไม่ทราบ ก็เอามาบอกกล่าวให้น้องๆ ไว้เป็นเกล็ดความรู้   เมื่อระบบเดินเบากลับสู่สภาวะปกติ ของรอบน้ำมัน ก็จำเป็นที่จะต้องมีการปรับจูนระบบแก็สเสียใหม่ ในรอบเดินเบาด้วยครับ?.srithanon
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 กุมภาพันธ์ 2016, 16:27:00 โดย srithanon » บันทึกการเข้า
taropop
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 172

แค่ผู้ชายดูดี...


« ตอบ #1 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2009, 17:49:14 »

เดี๋ยวขอปริ้นกลับไปอ่านที่บ้านนะครับ... ตกใจ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

~ http://taropop.multiply.com/ -----> เยี่ยมชมผลงาน @ กันหน่อยครับ @----~

ping0168
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,002


Civic FeRio Vi-Rs No.494


« ตอบ #2 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2009, 18:43:41 »

ดีใจด้วยครับ  จุมพิต จุมพิต
บันทึกการเข้า

สิ่งที่ยากกว่าการ

"จากลา"

คือการทำตัวเป็น "คนธรรมดา" ที่ "ไม่รู้จักกัน"


Civic FeRio Vi-Rs
Civic Club No.494
รถนู่เอง
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,41115.msg509982/topicseen.html#msg509982
น้องหมา
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,41563.0.html
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #3 เมื่อ: 31 สิงหาคม 2009, 20:45:53 »

ขอบคุณทั้งสามท่าน ที่แจมเข้ามาครับ  สำหรับคุณ Leo  อีเมลของผมครับ  srithanonchai@gmail.com
บันทึกการเข้า
VT2EK
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46

............เย็สเข้!!


« ตอบ #4 เมื่อ: 01 กันยายน 2009, 00:46:35 »

เป็นสาระที่คนขี้เกียจอ่านตัวหนังสือ(เยอะมากกกก)อย่างผมต้องพยายามอ่าน  อายจัง
บันทึกการเข้า
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #5 เมื่อ: 01 กันยายน 2009, 10:45:43 »

ผมก็มีปัญหาแบบพี่เป๊ะเลยครับ  ที่ว่ารอบที่สูงๆมันควรจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไปซักพัก  แต่มันกลับไม่ยอมลง
กระทู้นี้ให้ความรู้และอธิบายได้ละเอียดมากๆ  จนคนไม่มีความรู้เลยอย่างผมพอจะมองภาพออก
แต่ปัญหาของผมคือผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ไอ้ครั้นจะรื้อเองก็กลัวว่าจะหนักกว่าเก่า อายจัง

พอจะแนะนำอู่ได้ไม๊ครับ   ว่าอู่ไหนน่าจะวิเคราะห์ตรงนี้ถูก   และทำจบ
เพราะไอ้ปัญหาเรื่องรอบเนี่ย   ผมแก้ไม่ตกมานานมากแล้ว  อยากให้มันหายซะที
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #6 เมื่อ: 01 กันยายน 2009, 14:16:32 »

คุณ  เจ้าพ่อ   ทดลองง่ายๆดังนี้ก่อนนะครับ ให้คุณถอดท่อสายยางที่ท่อแว็คคั่มไอดี  สายที่สอดใต้ฝาครอบพลาสติคสีดำ ตรงปลั๊กที่เสียบหัวฉีด เส้นนี้ดึงออกจากทอไอดี ด้านเดียว แล้วทดลองดูดที่ปลายท่อที่ดึงออก หากลมผ่านได้ก็โอเค  แต่ถ้าหากเราเป่าลมให้เข้าไปในท่อ หากปกติ  มันจะเป่าให้ลมผ่านไม่ได้ คือเป่าแล้วไม่มีผล เพราะลิ้นกันกลับของวาวล์กั้นไม่ให้ลมผ่าน  
ถ้าสมมุติว่าผ่านได้ ตั้งแต่มากไปจนผ่านตลอดได้แบบท่อไม่มีอะไรขวาง แสดงว่า วาวล์กันกลับลิ้นเสีย  ทำให้อากาศไหลเข้าห้องท่อไอดีมากว่าที่กำหนด (ปกติในขณะที่มีแรงดูดของแว็คคั่มที่ท่อไอดี มันก็จะดูดอากาศผ่านลิ้นไอดีได้ แต่ไม่มาก อากาศที่ไหลผ่านลิ้นที่วาวล์นี้ จะสัมพันธ์กับการปรับอากาศของสกรู ปรับรอบเดินเบาที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อ) ทำให้รอบเครื่องยนต์สูง หากไหลผ่านมากมากรอบก็ยิ่งสูง ไหลผ่านน้อยรอบจะสวิงสูงบ้างต่ำบ้าง ตามแรงดุด (Vacuum) ที่ท่อไอดี  
จากนั้นให้หาท่อยางขนาดเท่ากับที่ที่ถอดออก ตัดยาวสักสองนิ้ว ปลายด้านหนึ่งสวมเข้าแทนท่อที่ดึงออก  ปลายอีกด้าน หาน๊อตที่มีเกลียวขนาดความกว้างเท่ากับรูของท่อยางที่ตัด หมุนเกลียวเข้าไปในท่อยาง เพื่อปิดไม่ไห้อากาศเข้า ส่วนท่อที่ดึงออกครั้งแรก ก็หาน๊อตใส่เหมือนกับที่กล่าวมา ปิดอาศไม่ให้เข้า   แล้วลองทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู  อาจจะทำให้เครื่องยนต์คุณ มีรอบเดินเบาปกติทันที่   หากพบว่าเป็นดังนี้ ก็ไปซื้อวาวล์ลิ้นกันกลับมาเปลิ่ยน ก็โอเคครับ  ลองดูก่อนนะครับ  หากยังแก้ปัญหารถคุณไม่ได้  ว่างๆคุณขับมาให้ผมตรวจเช็คให้ก็ได้ ไม่ต้องไปหาอู่ที่ไหนหรอกครับ  หายากที่จะหาช่าง ที่เข้าใจการทำงานของระบบรอบเดินเบาได้ดี   มีน้อยครับ  ผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไร  แต่ผมทำงานด้านอีเลคโทรนิคส์ ก็ได้เปรียบ ที่สามารถวิเคราะห์การทำงานของมัน ด้วยเครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ ที่ทำให้เห็นรูปแบบการทำงาน เวฟฟอร์มต่างๆได้ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทราบ  แต่โดยมากก็จะซ่อมได้  ยกเว้นเรื่องการตรวจซ่อม กล่อง ECU ที่ไม่ค่อยมีอะไหล่ให้เปลี่ยน ต้องหาของเก่าที่เสียจากอาการอื่น เอามาถอดอุปกรณ์ออกมาทำอะไหล่  บางครั้งก็ต้องซื้อกล่องที่เขาเสียเอามาเป็นจั้ง ก้พอจะซ่อมได้บ้าง  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 กันยายน 2009, 14:22:35 โดย srithanon » บันทึกการเข้า
Roddy
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237


« ตอบ #7 เมื่อ: 01 กันยายน 2009, 14:37:31 »

ความรู้ดีๆทั้งนั้น ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #8 เมื่อ: 02 กันยายน 2009, 13:59:13 »

คุณ  เจ้าพ่อ   ทดลองง่ายๆดังนี้ก่อนนะครับ ให้คุณถอดท่อสายยางที่ท่อแว็คคั่มไอดี  สายที่สอดใต้ฝาครอบพลาสติคสีดำ ตรงปลั๊กที่เสียบหัวฉีด เส้นนี้ดึงออกจากทอไอดี ด้านเดียว แล้วทดลองดูดที่ปลายท่อที่ดึงออก หากลมผ่านได้ก็โอเค  แต่ถ้าหากเราเป่าลมให้เข้าไปในท่อ หากปกติ  มันจะเป่าให้ลมผ่านไม่ได้ คือเป่าแล้วไม่มีผล เพราะลิ้นกันกลับของวาวล์กั้นไม่ให้ลมผ่าน 
ถ้าสมมุติว่าผ่านได้ ตั้งแต่มากไปจนผ่านตลอดได้แบบท่อไม่มีอะไรขวาง แสดงว่า วาวล์กันกลับลิ้นเสีย  ทำให้อากาศไหลเข้าห้องท่อไอดีมากว่าที่กำหนด (ปกติในขณะที่มีแรงดูดของแว็คคั่มที่ท่อไอดี มันก็จะดูดอากาศผ่านลิ้นไอดีได้ แต่ไม่มาก อากาศที่ไหลผ่านลิ้นที่วาวล์นี้ จะสัมพันธ์กับการปรับอากาศของสกรู ปรับรอบเดินเบาที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อ) ทำให้รอบเครื่องยนต์สูง หากไหลผ่านมากมากรอบก็ยิ่งสูง ไหลผ่านน้อยรอบจะสวิงสูงบ้างต่ำบ้าง ตามแรงดุด (Vacuum) ที่ท่อไอดี   
จากนั้นให้หาท่อยางขนาดเท่ากับที่ที่ถอดออก ตัดยาวสักสองนิ้ว ปลายด้านหนึ่งสวมเข้าแทนท่อที่ดึงออก  ปลายอีกด้าน หาน๊อตที่มีเกลียวขนาดความกว้างเท่ากับรูของท่อยางที่ตัด หมุนเกลียวเข้าไปในท่อยาง เพื่อปิดไม่ไห้อากาศเข้า ส่วนท่อที่ดึงออกครั้งแรก ก็หาน๊อตใส่เหมือนกับที่กล่าวมา ปิดอาศไม่ให้เข้า   แล้วลองทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู  อาจจะทำให้เครื่องยนต์คุณ มีรอบเดินเบาปกติทันที่   หากพบว่าเป็นดังนี้ ก็ไปซื้อวาวล์ลิ้นกันกลับมาเปลิ่ยน ก็โอเคครับ  ลองดูก่อนนะครับ  หากยังแก้ปัญหารถคุณไม่ได้  ว่างๆคุณขับมาให้ผมตรวจเช็คให้ก็ได้ ไม่ต้องไปหาอู่ที่ไหนหรอกครับ  หายากที่จะหาช่าง ที่เข้าใจการทำงานของระบบรอบเดินเบาได้ดี   มีน้อยครับ  ผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไร  แต่ผมทำงานด้านอีเลคโทรนิคส์ ก็ได้เปรียบ ที่สามารถวิเคราะห์การทำงานของมัน ด้วยเครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ ที่ทำให้เห็นรูปแบบการทำงาน เวฟฟอร์มต่างๆได้ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทราบ  แต่โดยมากก็จะซ่อมได้  ยกเว้นเรื่องการตรวจซ่อม กล่อง ECU ที่ไม่ค่อยมีอะไหล่ให้เปลี่ยน ต้องหาของเก่าที่เสียจากอาการอื่น เอามาถอดอุปกรณ์ออกมาทำอะไหล่  บางครั้งก็ต้องซื้อกล่องที่เขาเสียเอามาเป็นจั้ง ก้พอจะซ่อมได้บ้าง 


ท่อไอดีที่ว่าใช่ตรงนี้หรือเปล่าครับ(มีรูป)
ผมลองถอดท่อสีเทาออกด้านนึง(ปลายของท่อด้านที่เอาไขควงชี้)
ตอนสตาร์ทเครื่องลองดู
พอถอดออกมารอบเครื่องมันขึ้นสูงขึ้นมาน่ะครับ
แต่พอเอานิ้วอุดรู(รูที่ผมถอดท่อนี้ออก)  รอบก็กลับมาปกติ


* 02-09-09_1354.jpg (73.92 KB, 480x640 - ดู 40787 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 กันยายน 2009, 14:15:55 โดย เจ้าพ่อ » บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #9 เมื่อ: 02 กันยายน 2009, 15:06:48 »

ไม่ใช่ครับ  ท่อยางเล็กๆตรงนั้น เป็นท่อยางแว็คคั่ม สำหรับตัว Regulator ทำหน้าที่รักษาระดับแรงดันของน้ำมัน ในรางท่อน้ำมัน ที่จะต้องรักษาแรงดันให้คงที่ และพร้อมที่จะจ่ายให้กับหัวฉีดน้ำมัน
จากตรงนั้นไปทางขวามือ จะเห็นท่อยางอีกเส้นหนึ่งขนาดใหญ่กว่านั้น ความโตของท่อยางน่าจะขนาดนิ้วก้อย จะมีอยู่เส้นเดียวต่อจากนั้นไป สังเกตุง่ายๆก็คือ ท่อที่ว่านี้จะร้อยสอดผ่านฝาครอบพลาสติคสีดำ ที่ใช้ครอบปลั๊กสายไฟของหัวฉีดทั้งสี่ แล้ววกลงผ่านช่อง ตรงเขาควายของท่อไอดี เข้าตรงกลางของตัวเครื่อง  หรือหากสังเกตุจะอยู่ใกล้กับที่ยึดสายคันเร่ง ถัดจากที่ยึดไปหน่อยเดียวก็จะพบสายเส้นนี้  ให้คุณดึงออก (ปลดแหวนรัดใช้คีมปากจิ้งจกหรือคีมไฟฟ้าบีบตัวรัดท่อแล้วดึงท่อยางออก)  ปลายท่อยางที่ดึงออกหาอะไรอุดเอาไว้ ส่วนท่อที่ยื่นออกจากท่อไอดี ก็หาผ้าเช็ดรถก็ได้ มัวนกลมๆ สอดยัดปิดรูไว้ แล้วลองสตาร์ทเครื่องดู หากไม่มีส่วนอื่นที่บกพร่องแล้ว จะทราบทันที รอบเครื่องยนต์จะปกติ หากรถคุณจอดนาน ตอนสตาร์ทรอยจะขึ้นสูงประมาณ 1300-1400 รอบ แล้วมันจะเริ่มลดลงเหลือ 850-900 รอบ หากเป็นดังนี้คุรก็ไปที่ร้านขายอะไหล่ฮอนด้า บอกเขาว่า ซื้อวาวล์ลิ้นกันกลับ ของท่อยางดูดไอน้ำมันเครื่อง เขาจะรู้ทันที บอกรุ่นเขาไปด้วย
หากทดลองตามที่ผมว่าแล้ว ยังมีอาการเหมือนเดิม คิดว่าคุณน่าจะลองขับรถมาที่ผมช่วยตรวจเช็คให้ก็ได้ เพราะมันเป็นวิธีที่อาศัยการวิเคราะห์ ตามความถนัดของผม อธิบายลำบาก  ผมเองคิดว่าหากอาการที่ว่ายังคงมีรอบสูงอยู่อีก อาจจะมาจากการตั้งค่า ตัว TPS sensor หรือมี อากาศรั่วที่ส่วนอื่นๆอีกก็ได้ รวมไปถึง sensor อื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการคอนโทรลรอบเดินเบา ผมต้องตรวจสอบก่อนครับ  ยังงัยก็ลองตามที่ผมบอกก่อน ได้ผลประการใดช่วยแจ้งให้ทราบ เอาใจช่วยครับ
บันทึกการเข้า
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #10 เมื่อ: 02 กันยายน 2009, 16:04:27 »

ขอทวนอาการรถผมอีกครั้งเผื่อว่าอาการรถผมจะไม่ตรงกับของพี่บางส่วน(เผื่อจะได้วิเคราะห์ได้ง่ายและละเอียดขึ้น)
ตอนแรกเลยรถผมรอบเคยไม่ปกติ  แกว่งขึ้นๆลงๆ  แล้วก็รอบต่ำก็เลยเอาไปเข้าอู่เพื่อล้างลิ้นปีกผีเสื้อ
แต่พอกลับมาอาการรอบสวิงหายไปแต่ได้อาการที่รอบค้างที่ 1500 รอบในช่วงตอนสตาร์ทรถใหม่ๆมาแทน
(อาการรอบค้างที่ผมเป็น  กว่ารอบจะลง  นานมากๆ  เป็นชั่วโมงไม่ยอมลงก็มี  เท่ากับว่าแทบทุกครั้งที่สตาร์ทรถรอบจะค้างแทบตลอด)
ก็เลยเอาไปให้อู่ดูใหม่  ก็จัดการเปลี่ยน EACV จูนรอบ  ตั้งวาร์ว  และเปลี่ยนหัวเทียนใหม่
แต่อาการที่ว่ารอบมันค้างก็ยังไม่หาย
ช่างแนะนำว่าให้ผมลองดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่  ถ้าขับไปได้ซักพัก  รอบจะลงมาเอง
ซึ่งถ้าทำตามอาการที่ว่ารอบค้าง  จะหายเป็นบางครั้ง คือ  จากที่รอบมันค้างที่ 1500
ถ้าผมขับซักครึ่งชั่วโมงแล้วดับเครื่องสตาร์ทใหม่  รอบเดินเบามันจะลงมาเป็นปกติที่ประมาณ 700-800 รอบ
แต่  ผมมองว่ามันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด  เลยอยากให้มันหายขาดไปเลยครับ

ทีนี้มาต่อกันนะครับ  ผมลองถอดท่อที่คิดว่าใช่มาแล้ว ใช่ท่อนี้รึเปล่าครับ 
(รูปที่เอาไขควงชี้  เป็นท่อด้านบน)
ผมลองเอาผ้ามาอุดดูแล้วสตาร์ท   รอบเครื่องมันค่อยๆลดลงมาครับ
(ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าอุดแน่นไม๊)
แต่พอลองดูดดูลมผ่านได้  แต่ถ้าเป่าลมลงไปจะเป่าไม่ได้ครับ
ก็เลยงง  ว่ายังไงหว่า ตกใจ



อ้อ  ผมถามอีกข้อนะครับ
ไอ้วาร์วลิ้นกันกลับเนี่ยมันตรงไหนเหรอครับ  เพราะถอดท่อยางออกมาก็เป็นท่อเหล็กเลย
ส่วนปลายอีกด้านก็เป็นท่อลึกเข้าไปในเครื่อง 


* 02-09-09_1548.jpg (77.93 KB, 480x640 - ดู 37182 ครั้ง.)

* 02-09-09_1544.jpg (74.84 KB, 480x640 - ดู 33170 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #11 เมื่อ: 02 กันยายน 2009, 23:23:05 »

คุณเจ้าพ่อครับ ที่คุณถอดนี้นะถูกแล้วครับ   แต่คุณบอกว่ารอบมันค่อยๆลดลง  และได้ทดลองเป่าท่อปรากฏว่าเป่าไม่ออก แสดงว่าปกติ ผมยังไม่เข้าใจว่า ที่ว่ารอบค่อยๆลดลง ลงแค่ไหน ลงแบบเครื่องที่สตาร์ทตอนเช้าๆหรือไม่  ความจริงน่าจะลองให้รอบมันลดลงสุด รอให้เครื่องยนต์ร้อนได้อุณหภูมิเครื่อง รอบจะต้องคงที่ประมาณ 850-900 รอบ  พอถึงตรงนี้ให้ดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ รอบจะขึ้นประมาณ 1200 รอบแล้วลดลงทันที ไม่เกิน 900 รอบ แต่คุณบอกมาว่ารอบค่อยๆลดลง แสดงว่าที่คุณสตาร์ทเครื่อง เครื่องยนต์คงเย็นอยู่ใช่หรือไม่    อยากจะทราบช่วงนี้ว่าเป็นอย่างที่ผมกล่าวเมื่อกี้นี้หรือไม่ 
หากว่าไม่ใช่  ผมคิดว่ารถของคุณถูกช่างทำการปรับเจ้าตัว TPS SENSOR แน่นอน ไม่ทราบว่ารถของคุณใช้แก็ส ระบบ Fix mixer  หรือเปล่าครับ  หากใช่ ผมคิดว่าช่างคงทำการปรับจูนหม้อต้มแก็สเพื่อให้รอบเดินเบาอยู่ในสภาวะปกติเช่นน้ำมันไม่ได้ จึงใช้วิธีการปรับสกรูที่ดันบ่าของวงล้อที่สายคันเร่งคล้องอยู่ ให้หมุนขึ้น เหมือนกับเราแตะคันเร่ง เพื่อให้ลิ้นปีกผีเสื้อเผยอเปิดให้อากาศเข้าห้องไอดี รอบเครื่องก็จะสูง เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์ดับ เมื่อมีการใช้ระบบแก็ส  การปรับแบบนี้เป็นวิธีที่ผิดและช่างส่วนมากจะแก้ไขเรื่องรอบเดินเบาของแก็สด้วยวิธีนี้ จึงทำให้รอบเครื่องยนต์สูงในรอบเดินเบาเมื่อกลับมาใช้น้ำมัน  คือสตาร์ทด้วยน้ำมันในครั้งแรก ทำให้รอบเดินเบาสูงตลอด ไม่สามารถลดลงได้  ทั้งนี้ด้วยเหตุที่แกนของตัว TPS อยู่กับแกนเดียวของลิ้นปิดเปิดอากาศให้เข้าห้องไอดี   เท่ากับว่า ตัว TPS มีตำแหน่งผิดไปจากรอบเดินเบา ไปอยู่ในตำแหน่งอัตราเร่ง มันก็ส่งค่าโวลเต็จให้
ECU สั่งให้หัวฉีดๆน้ำมันเพิ่ม เพราะมันคิดว่าอยู่ในต่ำแหน่งของอัตราเร่ง
ในกรณีอย่างนี้ต้องมีการปรับตำแหน่งของตัว TPS ใหม่ครับ ผมอยากจะแนะนำวิธีการปรับให้คุณทดลองทำ กลัวว่าจะปรับไม่ถูก  เอาอย่างนี้ดีกว่าวันเสาร์คุณขับรถไปหาผมได้หรือไม่ ผมจะทำการปรับและตรวจเช็คให้ แล้วคุณค่อยดูวิธีปรับก็แล้วกัน
สำหรับที่คุณบอกว่าไม่เห็นตัววาวล์ลิ้นกันกลับนั้น  ความจริงมันติดอยู่ปลายท่อยางที่ลงไปที่ตัวเครื่อง ที่ตรงปลายท่อยางจะสวมเข้ากับแกนเดือยของวาวล์  และตัววาวล์จะอยู่ในรูช่องเสียบของตัวเครื่องยนต์ มองไม่เห็นครับ ต้องดึงออกมาครับ  เบอร์โทรของผม ลองโทรมาหากคุณว่างที่จะนำรถไปให้ผมตรวจเช็คให้ หรือจะให้แนะนำทางโทรศัพท์ก็ได้ แล้วแต่คุณจะสะดวกครับ
086 6207742
บันทึกการเข้า
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #12 เมื่อ: 03 กันยายน 2009, 12:00:28 »

อันดับแรกรถผมไม่ได้ติดแก็ซครับ  (แต่คิดว่าคงไม่นานครับ   เริ่มไม่ไหวเรื่องค่าน้ำมันละ อายจัง)
และเพื่อความละเอียดรอบคอบ  วันนี้ช่วงเช้าผมทดลองทำซ้ำวานนี้อีกรอบ  โดยหลังจากขับมาทำงานผมก็ทิ้งเครื่องให้เย็น
แล้วมาเริ่มทดสอบแบบวานนี้กันเมื่อซักครู่นี่เอง   หลังจากทดสอบ  โดยอุดท่อต่างๆโดยมั่นใจว่าไม่น่ามีรูหรืออะไรให้อากาศไหลออกมาแล้ว
รอบมันลดลงมาเรื่อยๆครับ   เรื่อยๆของผมเนี่ยคือใช้เวลาไม่นานมาก  น่าจะประมาณ 10 นาทีได้ครับ(แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ติดเครื่องปกติ  ครึ่งชั่วโมงก็ไม่ลงครับ)
แต่รอบมันลงมาไม่ถึง 800  มันค้างที่ 1100 (ผมลองทิ้งไว้เกือบครึ่งชั่วโมงก็ค้างที่นี่ครับ)


หลังจากนั้นลองปรับสกรูอากาศเพื่อลองปรับรอบเผื่อว่าของเก่าเยอะไปหน่อย
แต่ก็ไม่ลงครับได้แค่นั้นจริงๆ   แล้วผมก็เลยลองดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหฟม่
มันก็เป็นอย่างที่พี่ว่าครับคือ  รอบดีดไปประมาณ 1200  แล้วลงมาที่ประมาณ 700 เลย

-------------------------------------------------------------------------------

มาเพิ่มข้อสังเกตุนิดนึงครับ
ผมสังเกตุว่าถ้าไม่ได้อุดท่อที่พี่บอกมา   รอบมันจะค้างนานมาก
แต่ถ้าผมอุด  รอบมันก็จะลงมาเรื่อยๆในเวลาไม่นานนัก(แค่ประมาณ10 นาทีจากที่เดิมๆมันแทบจะไม่ลงเลย)
"แต่"  มันจะลงมาสุดอยู่ที่ประมาณ 1100  ครับ  ไม่ได้ลงมาถึงรอบที่ควรจะลงมา  คือที่ 800 รอบ
ส่วนการดูด-เป่า ท่อยาง   ก็ให้ผลเหมือนเดิม  คือดูดได้  แต่เป่าไม่ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 กันยายน 2009, 14:09:25 โดย เจ้าพ่อ » บันทึกการเข้า
nuttapol
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« ตอบ #13 เมื่อ: 03 กันยายน 2009, 13:32:43 »

สอบถามหน่อยครับ
เครื่อง d16y4 ไม่มีเทค ติดแก๊สระบบหัวฉีด ตอนเช้าสตาร์ทครั้งแรก รอบมันกว่าจะไปถึง 1500 รอบได้
มันจะกระตุกๆ ก่อน รอบต่ำมากๆ เกือบจะดับ สักประมาณ ครึ่งนาที กว่าที่รอบมันจะขึ้นไปที่ 1500 รอบ
แล้วก้อค่อยๆลดลงตามปกติ มาอยู่ที่ประมาณ 800-900 รอบ

อยากทราบว่าผมสามารถตรวจเช็คด้วยตนเองได้ไหมว่าอะไรมันเสีย
แบต คอยล์ หัวเทียน ปั๊มติ๊ก ใช้การได้ปกติ

รบกวน ช่วยวิเคราะห์ด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #14 เมื่อ: 03 กันยายน 2009, 15:11:15 »

ตอบคุณเจ้าพ่อก่อนครับ
ตามที่บอกมา น่าจะมีความใกล้เคียงกับการแก้ปัญหา ผมมั่นใจว่าต้องทำการปรับตัว TPS sensor  ช่วย เพราะคิดว่าช่างคนก่อนๆอาจจะไปปรับสกรูตรงที่ดันบ่าของวงล้อที่มีสายคันเร่งคล้องอยู่ สกรูตัวนี้ถูกไขเข้าไปให้ดันบ่าของวงล้อสายคันเร่ง ขยับดันขึ้น เหมือนเราค่อยๆเหยียบคันเร่ง ให้รอบสูงขึ้นอีกนิด คุณลองสังเกตุดู และทดลองคลายตัวสกรูที่ว่านี่ ที่ตัวสกรูปรับจะมีน๊อตเล็กๆล๊อคอยู่ ให้ใช้ประแจปากตาย น่าจะเป็นเบอร์ 5 หรือ 6 ผมจำไม่ได้ ไขให้หลวมคลายออกมา ถึงจะปรับสกรูตัวที่ว่านี้ได้
เวลาปรับตรงนี้ให้สังเกตุดูว่าหากเราปรับให้สกรูถอยออก จนบ่าของวงล้ออยู่กับที่ ถึงเราจะปรับถอยออกอีกก็ไม่มีผล เพราะมันสุดของแกนลิ้นปีกผีเสื้อ ปิดสนิทแล้ว ต้องไขกลับเข้าไปอีกนิด พอให้วงล้อขยับแล้วหยุดปรับ จากนั้นให้คุณลองสตาร์ทเครื่องดู บางที่จะพบว่ารอบเครื่องอาจจะต่ำลงมาอยู่ที่ 850-900 ได้ทันที่  หากช่างคนก่อนๆเขาไขตัวที่ว่านี้ ให่รอบเดินเบาสูงขึ้น    แต่ถ้าหากปรับจนสุดแล้วรอบยังคงอยู่ที่เดิม ให้ไปทำการปรับที่ตัว TPS sensor ตัวที่ติดอยู่ด้านข้างของตัวเรือนปีกผีเสื้อ ตรงข้ามกับวงล้อของสายคันเร่ง  ให้ใช้ เอ็ก หกเหลี่ยม ไขน๊อตที่ยึดตัวมัน สองตัว ให้พอหลวมๆนิดๆ พอใช้มือบิดหมันซ้ายขวาได้ ก่อนที่จะทำการปรับหมุน ให้ทำเครื่องหมายมาร์คตำแหน่งเดิมของมันไว้ให้ชัดเจน แล้วจึงค่อยๆปรับ อาจจะหมันตามเข็มนาฬอกา หรือทวนเข็มก็ได้ ให้รอบเครื่องต่ำลง ค่อยๆปรับนะครับ เพราะมันละเอียดมาก หากปรับมากเดี๋ยวจะเลยไปอยู่ในตำแหน่งของอัตราเร่ง  ที่ผมบอกวิธีนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก การปรับที่ตัวนี้จำเป็นต้องทราบระยะห่างของตัวสกรูที่ดันบ่าของวงล้อสายคันเร่ง ว่าควรจะห่างเท่าใด ตามสเป็คของเครื่องที่กำหนดมาให้  แต่โดยทั่วๆไปแล้ว ช่างจะอาศัยประสบการณ์ ว่าจะปรับหมุนประมาณเท่าใด  แต่ไม่ต้องกังวล หากปรับผิดไป ก็ให้กลับมาที่ตำแหน่งที่เรามาร์คเอาไว้ แต่ผมคิดว่าน่าจะเกิดผลในทางที่ดี อาจจะพบจุดที่ต้องการคือรอบลดลงมาที่ประมาณ 850-900 รอบก็ได้
ก่อนที่จะทำการปรับผมอยากจะแนะนำให้คุณอุดท่อตามที่ผมกล่าวมาครั้งแรกไว้อย่างนั้น จากนั้นให้คุณถอดสายขั่วแบ็ตเตอรี่ ขั่วลบออก ทิ้งไว้สักอึดใจแล้วค่อยสวมกลับเข้าที่เดิม เป็นการรีเซ็ทกล่อง ECU เพื่อเครียร์อาการเดิมที่มันจำเอาไว้ หลังจากนั้นให้คุณทดลองสตาร์ทเครื่องทำตามที่ผมแนะนำอีกครั้ง อาจจะประสบความสำเร็จครับ 
ไม่ทราบว่าคุณเคยนำรถไปตั้งวาวล์มาหรือไม่  หากยังไม่ตั้งอยากแนะนำให้ตั้งวาวล์ได้ก็จะดี  เอาเป็นว่าลองทำตามที่ผมบอกก่อนก็ได้ ครั้งนี้อาจจะมีอะไรให้คุณเห็นบางสื่งบางอย่างที่มันเกี่ยวข้องกัน กับเรื่อการปรับรอบเดินเบาครับ  ได้ผลอย่างไรก็โทรมาคุยกันก็ได้ครับ ยินดีให้คำแนะนำครับ
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #15 เมื่อ: 03 กันยายน 2009, 15:39:48 »

สำหรับคุณ Nuttapol  ที่ถามมา อาการที่คุณบอกมา อยากจะทราบว่าอาการที่กล่าวมานี้อยู่ในช่วงจังหวะของการใช้ระบบน้ำมัน ก่อนที่จะไปใช้ระบบแก็สใช่หรือไม่    หากใช้ระบบแก็สอยู่อยากแนะนำว่าควรให้ช่างที่ติดตั้งระบบหัวฉีด เขาทำการปรับจูน Map  ให้ใหม่ครับ อาการที่ว่าก็จะหาย  แต่ถ้าหากยังอยู่ในระบบน้ำมัน คิดว่ามี เซ็นเซอร์บางตัวทำงานผิดปกติ อาจจะมาจาก เซ็นเซอร์อุณหภูมิของน้ำ หรือ Map sensor (Vacuum sensor) และ เซ็นเซอร์อุณหภูมิที่ท่ออากาศ(ของฮอนด้า) ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่งอาจผิดปกติ  ต้องทดลองสับเปลี่ยกับรถรุ่นเดียวกับคุณ อาจจะทราบได้แบบรวบลัด ในการวิเคราะห์ครับ  คงให้ความเห็นกว้างๆอย่างนี้ก่อนนะครับ
เพราะจะให้ละเอียดก็มีวิธีการ แต่ต้องนำรถมาตรวจเช็คครับ บางครั้งในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น ก็จะต้องอาศัยเครื่องมือทางอีเลคทรอนิคส์มาช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุครับ.........srithanon
บันทึกการเข้า
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #16 เมื่อ: 03 กันยายน 2009, 16:12:11 »

ไม่ทราบว่าโพสได้รึเปล่า
พอดีผมไปลองหาข้อมูลตัว TPS มาเพิ่มเติม
เห็นว่าลิ้งค์นี้น่าสนใจเลยเอามาแบ่งเพื่อนๆอ่านดูครับ
http://board.eg3d-club.com/index.php/topic,11884.0.html



เดี๋ยวถ้าลูกพี่เผลอๆว่าจะลองไปปรับเหมือนกันครับ
พอดีว่าตอนนี้  ลูกพี่นั่งอยู่ใกล้ๆแว๊ปลำบาก
แต่ได้ผลยังไงจะมาแจ้งในนี้ครับ   เผื่อคนอื่นเจออาการเดียวกันจะได้แก้ได้
บันทึกการเข้า
nuttapol
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« ตอบ #17 เมื่อ: 03 กันยายน 2009, 17:24:58 »

สำหรับคุณ Nuttapol  ที่ถามมา อาการที่คุณบอกมา อยากจะทราบว่าอาการที่กล่าวมานี้อยู่ในช่วงจังหวะของการใช้ระบบน้ำมัน ก่อนที่จะไปใช้ระบบแก็สใช่หรือไม่    หากใช้ระบบแก็สอยู่อยากแนะนำว่าควรให้ช่างที่ติดตั้งระบบหัวฉีด เขาทำการปรับจูน Map  ให้ใหม่ครับ อาการที่ว่าก็จะหาย  แต่ถ้าหากยังอยู่ในระบบน้ำมัน คิดว่ามี เซ็นเซอร์บางตัวทำงานผิดปกติ อาจจะมาจาก เซ็นเซอร์อุณหภูมิของน้ำ หรือ Map sensor (Vacuum sensor) และ เซ็นเซอร์อุณหภูมิที่ท่ออากาศ(ของฮอนด้า) ไม่ตัวใดก็ตัวหนึ่งอาจผิดปกติ  ต้องทดลองสับเปลี่ยกับรถรุ่นเดียวกับคุณ อาจจะทราบได้แบบรวบลัด ในการวิเคราะห์ครับ  คงให้ความเห็นกว้างๆอย่างนี้ก่อนนะครับ
เพราะจะให้ละเอียดก็มีวิธีการ แต่ต้องนำรถมาตรวจเช็คครับ บางครั้งในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น ก็จะต้องอาศัยเครื่องมือทางอีเลคทรอนิคส์มาช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุครับ.........srithanon
ตอนเครื่องยังเย็นๆอยู่ครับ สตาร์ทครั้งแรกมันจะเป็นน้ำมันก่อนครับ นานเหมือนกันกว่าจะตัดเป็นแก็ส ต้องรอให้น้ำในหม้อน้ำมันร้อนได้อุณหภูมิก่อน แต่ยังไงจะลองไปเช็คตามที่แนะนำก่อนนะครับ

ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #18 เมื่อ: 13 กันยายน 2009, 00:49:23 »

มาอัพเดทตามที่สัญญาไว้ครับ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่ srithanon  ที่มาคอยตอบและแนะนำตลอด
แต่ผมเกรงใจถ้าจะโทรไปหรือให้พี่ทำรถให้ครับ

ก็เลยอาศัยอ่านๆเพิ่มเอาตามเว็ปอื่หาข้อมูงเอาในเน็ทบ้าง
ก็พอจะเข้าใจว่าไอ้ตัว TPS การปรับค่อนข้างจะปรับยาก
ก็เลย ป๊อด อายจัง  ไม่กล้าปรับเอง  เหอๆๆๆ
ก็เลยตัดสินใจที่จะลองเปลี่ยนอู่แล้วให้ที่อื่นลองดูให้


ก็ปรากฎว่าเจอต้นตอสาเหตุแล้วครับ
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าชัวร์ 100% หรือยังเพราคงต้องรอดูไปอีกซักพักก่อน
ส่วนสาเหตุจะเป็นอะไรเดี๋ยวจะเฉลยช่วงท้ายๆครับ
แต่ไม่ได้เป็นเพราะตัว TPS อย่างที่เราคาดการกันไว้

คือต้องเล่าก่อนว่าหลังจากเอารถเข้าอู่ใหม่   ผมก็เล่าอาการและการซ่อมที่ผ่านๆมาว่าทำอะไรมามั่ง
ซึ่งตัวอู่นี้ก็คาดการว่าน่าจะเพราะตัว EACV มีปัญหา  เพราะเก่าหรือเปล่า? 
แต่ผมก็แย้งว่าอู่เก่าที่เคยทำ  เค้าเปลี่ยนให้ 2-3 ครั้งแล้ว
ก็ไม่เป็นไร  ถือว่าเช็คใหม่ก็แล้วกัน  ก็เลยเอาลองเอาตัวใหม่มาลองดู


พอถอดEACVออกมา ช่างก็ทักว่าของเก่าเค้าเปลี่ยนให้สภาพไม่สมบูรณ์นัก
คือมันค่อนข้างออกเหลืองๆ  คล้ายๆกับไหม้  อาจจะยังไม่เสียแต่เริ่มไม่ค่อยดีแล้ว
ผมก็เลยให้ช่างแกหาของเชียงกงให้ใหม่เอาที่สภาพดีๆหน่อย
ก้ได้ตัว EACV มาในสภาพที่ดีกว่าของเก่าอยู่ระดับนึง

แต่...ครับ  แต่...
หลังจากที่ได้เปลี่ยนตัวนี้แล้ว   รอบก็ไม่ได้ดีขึ้นมาเท่าไหร่นัก
จึงได้มีการแกะตัวปีกผีเสื้อออกมาเช็คกันใหม่หมด
ไล่เช็คตั้งแต่ หมุนสกรูช่วยรอบ จานจ่าย TPS  ECU  แอร์(ช่างลองปล่อยน้ำยาแอร์ออกมาหน่อยนึง) 
ลองฉีกน้ำยาเพื่อล้างทำความสะอาด  และเช็คดูแต่ก็ไม่เจอสาเหตุ
จนมาเจอว่าตัวเรือนปีกผีเสื้อ  เหมือนว่าลิ้นไม่สนิทกับตัวเรือน
ประมาณว่าถ้ายกมองผ่านแสงสว่าง  จะเห็นแสงลอดเข้ามารอบๆตัวลิ้น
จึงเดาว่าสาเหตุน่าจะมาจากตัวนี้  ทำให้ไม่สามารถคุมเรื่องอากาศได้ทำให้รอบไม่ปกติ
ช่างเลยจัดแจงลองเปลี่ยนตัวเรือนปีกผีเสื้อทั้งชุดลองดู
(ตอนที่เค้าไปเอาของมาจากเชียงกง  เค้าซื้อมาทั้งตัวเรือนเลยโชคดีหน่อยที่ไม่ต้องรออีก)

ซึ่งหลังจากลองเปลี่ยนตัวเรือนปีผีเสื้อและSensor ทั้ง 2 ตัวแล้วมีการจูนรอบอีกนิดหน่อย
(มี Map EACV TPSติดมากับตัวเรือนด้วยแต่เฮียแกขอถอดตัว TPSออก เพราะบอกว่าราคาตัวนี้สูง)
ผมรู้สึกได้ว่ารอบมันดุปกติขึ้นกว่าก่อน   ไม่มีอาการค้างในตอนสตาร์ทรถนานๆเหมือนแต่ก่อน
แต่มีอาการรอบตกมากๆถ้าเปิดแอร์(ถ้าปิดไม่เป็น)   ก็เลยมาเช็คแอร์ 
ซึ่งก็น่าจะมาจากน้ำยาที่ช่างปล่อยไปตอนแรกปล่อยเยอะไปหน่อย
ทำให้นายาแอร์ขาด   ก็เลยกินโหลดเครื่องจึงมีการเติมน้ำยาแอร์เพิ่ม
ซึ่งก็ดูดีขึ้นมามากๆเลยในเรื่องของรอบเครื่อง
แต่ก็ไม่ 100%  ช่างก็บอกว่าต้องให้มันอยู่ตัวซักพักก่อน
อาจจะซักอาทิตย์ถ้ายังมีปัญหาก็เอาเข้าไปให้ดูได้
หลังจากเสร็จเรื่องรอบเครื่องก็มีเปลี่ยนท่อยางหม้อน้ำด้วยเพราะเริ่มบวมแล้ว


เบ็ดเสร็จค่าเสียหายทั้งหมด  รวมเช็คอาการต่างๆตั้งแต่ 9โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมงคือ
1.ค่าตัวเรือนปีผีเสื้อทั้งอัน+Map Sensor+EACV   2000 บาท
2.ค่าท่อยางใหญ่/เล็ก  อย่างละเส้นรวมประมาณ 500 บาท(ผมจำม่ได้แต่รวมกันไม่เกินนี้)
3.ค่าแรง 300 บาท
แล้วช่างก็ให้ตัวเรือนกับ Sensor ตัวเก่าไว้ให้เป็นแสปร์  หรือเอาไว้ดูต่างหน้าเล่นๆ ยิ้ม



สรุปสาเหตุน่าจะมาจากตัวเรือนปีกแหละครับมันไม่พอดีกับตัวลิ้นปีกผีเสื้อ
แต่ก็งงๆว่าแต่ก่อนไม่เห็นมันค้างนะ   ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน งง ตกใจ
แต่หลังเปลี่ยนอาการที่เคยเป็นมา  ตอนนี้เท่าที่ลองๆขับดูรอบดีขึ้นเยอะครับ
คือไม่มีอาการรอบค้างเลย   แต่มีอาการรอบตกตอนแอร์ตัด
อาการที่ว่าพึ่งมาเจอตอนขับออกมาได้ซักพักเลยไม่ได้เอากลับไปให้ดู
กะว่าถ้าซัก 4-5 วันถ้ายังเป็นอยู่ก็จะเอาเข้าไปให้ดูใหม่ครับ
กะให้ไอ้ตัวอุปกรณ์ต่างๆมันเข้าที่เข้าทางดุหน่อยก่อนค่อยว่ากันอีกที ยิ้ม


บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #19 เมื่อ: 13 กันยายน 2009, 13:36:42 »

ขอขอบคุณครับที่เข้ามาเล่าผลที่เอารถไปตรวจซ่อมมา   เท่าที่ผมอ่านดู ไม่น่าจะมาจากกรณีที่ตัวเรื่อนปีกผีเสื้อ สักเท่าใด ปกติแล้วที่ลิ้นปีกผีเสื้ออยู่ในตำแหน่งปิด มันสามารถที่จะมองเห็นแสงลอดเข้ามาได้ บ้างไม่ถึงกับปิดสนิทเสียทีเดียว ตามที่เข้าใจ  บางยี่ห้อยังเคยเห็นเขาเจาะช่องเล็กๆข้างๆตำแหน่งที่ลิ้นปิดด้วยซำไป   เอาล่ะหากฃ่างบอกว่าน่าจะมาจากตัวเรือนปีกผีเสื้อก็รับไว้
ในความคิดผมว่าน่าจะมาจากพวกประเก็นของตัวเรื้อนปีกผีเสิ้อและของ EACV ตัวเก่า อาจจะไม่สนิท  ในกรณีที่ถอดตัวเรือนออกมา หากไม่เปลี่ยนประเก็นของเก่า อาจจะไม่สนิททำให้อากาศรัวไหลเข้าไปในท่อร่วมไอดีได้   ก็เป็นกรณีหนึ่ง
ประการที่สอง ผมไม่คิดว่าอาการที่คุณไปเปลี่ยนมาจะปกติ  เท่าที่อ่านดูคุณบอกว่าช่างต้องรอให้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ ที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อเซ็ทตัวก่อน ต้องรอระยะหนึ่ง  อุปกรณ์ตามที่กล่าว หากเปลี่ยนแล้วก็จะให้ผลทันที เสียคือเสีย ดีก็ดี ไม่มีการรอระยะเซ็ทตัวอะไรครับ ไหนๆฃ่างก็เปลี่ยนมาแล้วบอกให้ลองใช้สักระยะก็ลองดู
ในเรื่องของรอบเดินเบาหากแก้ไขถูกจุด จะทำให้รอบเดินเบาค่อนข้างนิ่ง ไม่ว่าจะมีโหลดต่างๆ เช่นเปิดแอร์ เข้าเกียร์ และประเด็นที่สำคัญ ถึงคุณจะเปิดแอร์ ก็ไม่เกี่ยวกับน้ำยาแอร์จะมากหรือน้อย เพราะที่จังหวะแอร์ทำงาน จะมีโวลเต็จส่วนหนึ่งที่มาจากไฟที่จ่ายให้กับฟีลคอยของแม็คเนติค ตัวที่ดูดครัช ส่งสัญญาณไปให้ ECU สั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันเพิ่มรอบเครื่องยนต์ในขณะที่แอร์ทำงาน  ทุกอย่างจะถูกระบบการคอนโทรลรอบเดินเบา ของเซ็นเซอร์ต่างๆทำงานอยู่แล้ว    ยกเว้นคอมแอร์ตัวนั้นอาจจะผิดปกติ เกิดขึ้นภายในตัวคอม ทำให้เกิดติดขัด เกิดภาระโหลดของเครื่องยนต์ที่จะชุดให้พูลเล่คอมหมุน ได้สดวก  ก็ทำให้เครื่องยนต์มีรอบตกได้เช่นกัน
แต่ไม่ใช่กรณีน้ำยาน้อยหรือมาก เพราะไม่ค่อยมีผลต่อรอบเดินเบาของเครื่องยนต์แต่ประการใด
ก็ขอเอาใจช่ายขอให้ได้ผลในทางที่ดี แก้ไขได้ถูกจุดนะครับ  หากมีอะไรที่จะให้ช่วยแนะนำก็บอกไปนะครับ ด้วยความยินดี
บันทึกการเข้า
rees
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195



« ตอบ #20 เมื่อ: 17 กันยายน 2009, 17:51:44 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

งานเข้าแล้วครับ  ตามแก้รอบเดินเบามา 3 เดือน มาเจอปัญหาที่เว็บนี้เองครับ ขอบคุณมาก คือว่า


ผมได้ตรวจสอบท่อยางดังกล่าว ดู ปลากฏว่า   ท่อยางที่มาจากท่อไอดี (ทองเหลือง) มุดเข้าไปข้างล่างนั้น มันได้ถูกทำให้ขาดออกจากกัน แล้วถูกซ้อนไว้ไม่ให้เราเห็นด้วย ช่างไหนไม่รู้ทำไว้

1.ตรวจสอบพบว่าสายด้านที่ต่อทอ่ทองเหลืองนั้น ปกติ แต่อีกปลาย ได้ขาดออก แล้วได้ใส่น๊อตอุดรูไว้(มันก็ดูดอากาศไม่ได้สิ)
2.ส่วนอีกด้านที่ขาดออกจากกันนั้น ก็มีน๊อตขันไว้ ไม่ให้มีอากาศเข้าออกเลย  ฮืม เห็นแล้วเครียดเลย

ผมทดขี่รอบเดินเบาผม 850-900 ตลอด ไม่เคยจูนได้เลยจะเอาสัก 1000 ก็ไม่ได้ แบบว่าแอร์มันโหลดหนัก

พอตรวจเจอแล้วผมลองหมุนน๊อตออก  แล้วสตารท์  รอบพุ้งปรื้ดขึ้น เกือบ 2000 โอว์ ผมดับเครื่อง คิดว่าปัญหาอยู่ตรงนี้แน่เลย

  :'( ผมต้องทำอะไรมันบ้างครับ ต้องซื้อมาทั้งท่อยางมั้ย แล้วผมจะต่ออย่างไรมันอยู่ข้างล้างนู้นเลย มีรูให้ส่องผ่านเล็กนิดเดียวเอง
จะทำไงดีครับ

ผมอยารู้เรื่องการทำงานของเจ้าท่อตัวนี้ครับ  มันจะเกียบกับที่ผมตั้งรอบ ขึ้นไม่ได้สักทีหรือเปล่า


ปล.รถมือสองมา  เคยติดแก๊ซมา  แต่ตอนได้มาเป็นระบบน้ำมันมาแล้ว

เลยไม่รู้เขาทำไรมาบ้าง

ตอนนี้ใช้น้ำมันครับ  แก๊ซ 95


ยังไงผมขอเบอร์ติดต่อได้มั้ยครับ หรือ อีเมล์   ก็ได้ครับ  ผมหาตาม google มา3 เดือนแล้วครับผมทำหมดแล้ว

ล้างปีกผีเสื้อแล้ว
ล้างมอเตอร์เดินเบาด้วย
เปลี่ยนสายหัวเทียนแล้ว
เปลี่ยนหัวเทียนด้วย
ปรับไฟจานจ่ายให้สูงนิดนึงแล้ว รอบขึ้นอยู่แต่กินน้ำมันเกิน เลยปรับมาใช้รอบต่ำๆเหมือนเดิม
ขัดขั้วไฟจานจ่ายด้วย

ที่ทำมาทั้งหมด ทำให้เครื่องสงบขึ้นครับ ไม่สวิง

แต่เวลาขับเดินเบานั้น สั่นเป็นเจ้าเข้า เหมือน อากาศ หรือน้ำมันไม่พอก็ไม่รู้  ตอบสนองการเหยีบช้า เหยีบแล้วมีการหน่วงเวลานิดนึง ทำให้ขับช้าๆลำบากมาก

ผมจะแก้ไขอย่างไรคับกับท่อยางตัวนี้ จะบอกช่างว่าทำอะไรครบ 

ขอบคุณจริงๆๆๆๆๆๆๆ

อีเมลครับ idrees_ris8@hotmail.com

บันทึกการเข้า

คู่มือรถ honda   ไปโหลดเอาโลด   http://hondatech.info/downloads/Auto/Manuals/

เรื่องเบรครถ กระทู้นี้ http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,122306.0.html
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #21 เมื่อ: 18 กันยายน 2009, 08:12:10 »

ก็ขออภัยที่ตอบช้าไปหน่อย  เพิ่งเข้ามาอ่าน  สำหรับเรื่องปัญหารอบเดินเบาที่เกิดกับรถคุณ อยากจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิด  เพราะผมอ่านแล้วยัง งงอยู่  ที่ว่ารถคุณปกติรอบเดินเบาอยู่ที่ 850-900 รอบ ไม่เคบปรับให้ได้ถึง 1000 รอบสักครั้ง   หมายความว่าต้องการปรับให้ได้ 1000 รอบ หรือเกินกว่านั้นใช้ไหมครับ   
ปกติรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ ตามที่คุณบอกมา ที่ 850-900  ที่ 900  จะสูงไปนิดๆ ก็ไม่เป็นไร ถือว่าปกติครับ แล้วมีปัญหาตรงไหน   ในกรณีที่คุณถามมาว่า สายท่อยางที่ต่อจากท่อร่วมไอดี  ไปเข้าที่ด้านล่าง ตรงกลางของตัวเครื่อง ตามที่ผมอธิบายกระทู้ข้างบน  มันคือท่อที่ทำหน้าที่เอาไอน้ำมันจากห้องเครื่อง เข้ามาที่ท่อร่อมไอดี  ตรงปลายสายที่ฝังเข้ากับตัวเสื้อเครื่องยนต์ จะมีวาวล์ที่ทำหน้าที่กันกลับของอากาศจากท่อร่วมไอดี  ถามว่าหากไม่ใช้ตัวนี้จะมีผลกับเครื่องยนต์ไหม  ก็มีครับ  ถ้าหากไม่มี เขาคงไม่ออกแบบมาให้  แต่จะมากหรือน้อยนั้น ตามที่ผมทดลองมันก็มีผลครับในระยะยาว
คุณบอกว่า สายโดนตัดออก แล้วใช้น๊อตที่มีเกลียวหมุนปิดท่อยางเอาไว้ทั้งสองด้าน   ถามมีผลกับเครื่องยนต์อย่างไร  มีครับ อากาศที่มีไอน้ำมันเครื่องผสมปนกันเข้ามา แล้วมาเข้าที่ท่อร่วมไอดี แล้วเข้าห้องสูป โดยผ่านวาวล์ ไอดี  จะช่วยให้วาวล์และบ่าวาวล์ ไม่สึกหรอเร็ว เพราะมีไอน้ำมันเครื่องมาช่วยเคลือบผิวของบ่าวาวล์และตัววาวล์  ประการที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง อากาศที่ถูกดูดมาเข้าที่ท่อร่วมไอดีนี้ ถูกกำหนดสัดส่วน ในเรื่องของอัตราส่วนผสมของอากาศกับน้ำมัน ที่ทำงานร่วมกับสกรูปรับอากาศในรอบเดินเบา และที่ตัวควบคุมอากาศ EACV ในระบบการคอนโทรลรอบเดินเบา
หากสายที่ว่านี้ขาดหรือถูกอุดไม่ให้อากาศผ่าน มันก็จะมีผลต่อรอบเดินเบาด้วยเช่นกันครับ  และในกรณีที่ท่อยางนี้ขาด ทำให้อากาศไหลเข้าห้องไอดีมาก เหมือนเราเร่งเครื่องยนต์ ให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดให้อากาศเข้ามาก  รอบเครื่องยนต์ก็จะสูง เท่ากับว่ามันทำหน้าที่แทนลิ้นปีกผีเสื้อไปเลย  แต่ไม่มากเพราะอากาศที่ท่อนั้นมีขนาดให้อากาศผ่านไม่มากเท่ากันกับการเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ
การแก้ไข ก็ให้คุณไปซื้อท่อยางมาเปลี่ยนใหม่ และต่อท่อเข้าที่เดิม  จะต่อเข้าลำบาก   ต้องนำรถไปขึ้นฮ้อย ถึงจะทำงานได้สะดวก ไม่อย่างนั้นจะเปลี่ยนได้ยาก ต้องคนที่เป็นช่างถึงจะรู้วิธีถอดและใส่   ความจริงเรื่องนี้มันพูดกันยาว ต้องพูดคุยกันทางโทรศัพท์กันครับ  ผมไมม่ค่อยมีเวลามานั่งพิมพ์ข้อความตอบสักเท่าใด เพราะต้องพิมพ์ในเวลางานครับ หลบๆนายฝรั่งเขามาตอบ  มีปัญหาก็โทรมาถามได้นะครับ ตามเบอร์ข้างล่างนี้

086-6207742
บันทึกการเข้า
rees
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 195



« ตอบ #22 เมื่อ: 18 กันยายน 2009, 13:15:39 »

อาการก่อนหน้า

1.ออกตัวกะอัก สะดุด จะดั  บ  เวลาขับด้วยรอบเดินเบา กระโดดเป็นเจ้าเข้าเลย ต้องเลี้ยงคลัช ปลืองน้ำมันมาก เลยจะลองตั้งรอบขึ้นอีกสักนิดเพื่อให้ออกตัวสบาย โดยทำดังนี้
1.1  ผมปรับสกรู ที่ปีกผีเสื่อไว้ปรับรอบ แล้วเครื่องไม่มีการเปลี่ยนแปลงได้ๆ พอดีไปเปิดเจอการตังรอบในเว็บ เขาบอกให้ถอดปลัก eacv หรือเปล่าไม่แน่ใจ แล้วค่อยปรับ

ผมถอดปลักแล้ว ก็สามารถตั้งรอบได้ครับ ผมลองตั้งที่ 1000 ดู ก็ได้ และดับเครื่อง

1.2  เสียบปลัก eacv คืน   และ reset ecu โดยถอดฟิว 7.5 backup ออก ค้างสักพัก และใส่กลับคืน
1.3 สตาร์ทเครื่อง  รอบยังอยู่ที่ 850 เท่าเดิม

พอลองถอดปลัก eacv ออก รอบก็จะอยู่ที่เราตั้งไว้คือ 1000 ก็งงคิดว่า ต้องมีอะไรผิดปกติ


2. มาเจอกระทู้นี้ ปัญหาที่พี่ตั้งกระทู้คือรอบสูงตลอดใช่มั้ยครับ  แต่ผมปัญหาคือปรับรอบสูงไม่ได้ ก็เลยเช็คท่อยางที่ว่าก็พบว่า รอบมันไม่ยอมขี้นเนื่องจาก มีการอุดรูจากท่อยางที่ดูดไอน้ำมันเครื่องขั้นมาโดยใช้น๊อตอุดไว้   และที่ตัวรูที่ปล่อยน้ำมันเครื่องขี้นมา ก็อุดโดยน๊อตเช่นกัน เลยทำให้รอบต่ำไม่สามารถปรับให้สูงได้ เนื่องจากอากาศที่ผ่านจากท่อยางไม่มีเนื่องจากน๊อตอุดไว้    ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ย
3. ผมเลยทำการถอดน๊อตที่ท่อยางเข้าห้องไอดีดู เกิดลมดูดเข้าห้องไอดีแล่ะ เครื่องยนต์ รอบจาก 850 เร่งขี้นไปเกือบ 2000 ผมเลยคิดว่าผมต้อง ซื้อ วาวกันกลับกับท่อยางใหม่ครับ

4.ตอนนี้ ใช้ผ้าพับสองชั้น รัดไว้ที่ปลายท่อ พอให้อากาศได้ผ่านเข้าไปได้บ้าง ทำให้การขับขี่ดีขี้น รอบไม่วูวเหมือนจะดับครับ

ขอบคุณมากที่ตั้งกระทู้นี้ไว้  ไม่งั้นช่างมันก็คงหาไม่เจอแน่

ขอบคุณที่ตอบครับ

แล้วผมจะโทรไปน่ะครับ   หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ เพราะไม่มีเว็บไหนพูดถึง ท่อไอดีตัวนี้เลย

บันทึกการเข้า

คู่มือรถ honda   ไปโหลดเอาโลด   http://hondatech.info/downloads/Auto/Manuals/

เรื่องเบรครถ กระทู้นี้ http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,122306.0.html
dummy
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4


« ตอบ #23 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2009, 14:07:04 »

civic 97 vtie สตาร์ทเช้า รอบเครื่องขึ้นเกือบ 2000 รอบ รอประมาณรอบลดลง 1000 รอบ ขับออกไป(ยังไม่ได้เปิดแอร์) เจอไฟแดงเหยีบเบรครอบจะตกมาที่ 200-300 รอบ แล้วขึ้นไปใหม่ที่ 800 รอบ หรือพอเข้าเกียร์ N ไว้ พอเหยีบเบรคเข้า D รอบเครื่องก็จะตกเหมือนกัน ไม่ทราบเป็นที่อะไรได้บ้างครับ
-ล้างปีกผีเสื้อแล้ว
-ล้าง รอบเดินเบาแล้ว
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
valio
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 159

ลิงลพบุรีดุ อย่าแหย่เล่น


« ตอบ #24 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2009, 13:04:58 »

ความรู้เยอะดี
บันทึกการเข้า

thepui
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 112


« ตอบ #25 เมื่อ: 03 พฤศจิกายน 2009, 15:37:02 »

civic 97 vtie สตาร์ทเช้า รอบเครื่องขึ้นเกือบ 2000 รอบ รอประมาณรอบลดลง 1000 รอบ ขับออกไป(ยังไม่ได้เปิดแอร์) เจอไฟแดงเหยีบเบรครอบจะตกมาที่ 200-300 รอบ แล้วขึ้นไปใหม่ที่ 800 รอบ หรือพอเข้าเกียร์ N ไว้ พอเหยีบเบรคเข้า D รอบเครื่องก็จะตกเหมือนกัน ไม่ทราบเป็นที่อะไรได้บ้างครับ
-ล้างปีกผีเสื้อแล้ว
-ล้าง รอบเดินเบาแล้ว
ขอบคุณครับ
รุ่นเดียวกันอาการเหมือนกันเลยครับช่วยหน่อยนะครับ เศร้า
บันทึกการเข้า
phairat
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #26 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2009, 10:42:44 »

คุณ  เจ้าพ่อ   ทดลองง่ายๆดังนี้ก่อนนะครับ ให้คุณถอดท่อสายยางที่ท่อแว็คคั่มไอดี  สายที่สอดใต้ฝาครอบพลาสติคสีดำ ตรงปลั๊กที่เสียบหัวฉีด เส้นนี้ดึงออกจากทอไอดี ด้านเดียว แล้วทดลองดูดที่ปลายท่อที่ดึงออก หากลมผ่านได้ก็โอเค  แต่ถ้าหากเราเป่าลมให้เข้าไปในท่อ หากปกติ  มันจะเป่าให้ลมผ่านไม่ได้ คือเป่าแล้วไม่มีผล เพราะลิ้นกันกลับของวาวล์กั้นไม่ให้ลมผ่าน  
ถ้าสมมุติว่าผ่านได้ ตั้งแต่มากไปจนผ่านตลอดได้แบบท่อไม่มีอะไรขวาง แสดงว่า วาวล์กันกลับลิ้นเสีย  ทำให้อากาศไหลเข้าห้องท่อไอดีมากว่าที่กำหนด (ปกติในขณะที่มีแรงดูดของแว็คคั่มที่ท่อไอดี มันก็จะดูดอากาศผ่านลิ้นไอดีได้ แต่ไม่มาก อากาศที่ไหลผ่านลิ้นที่วาวล์นี้ จะสัมพันธ์กับการปรับอากาศของสกรู ปรับรอบเดินเบาที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อ) ทำให้รอบเครื่องยนต์สูง หากไหลผ่านมากมากรอบก็ยิ่งสูง ไหลผ่านน้อยรอบจะสวิงสูงบ้างต่ำบ้าง ตามแรงดุด (Vacuum) ที่ท่อไอดี  
จากนั้นให้หาท่อยางขนาดเท่ากับที่ที่ถอดออก ตัดยาวสักสองนิ้ว ปลายด้านหนึ่งสวมเข้าแทนท่อที่ดึงออก  ปลายอีกด้าน หาน๊อตที่มีเกลียวขนาดความกว้างเท่ากับรูของท่อยางที่ตัด หมุนเกลียวเข้าไปในท่อยาง เพื่อปิดไม่ไห้อากาศเข้า ส่วนท่อที่ดึงออกครั้งแรก ก็หาน๊อตใส่เหมือนกับที่กล่าวมา ปิดอาศไม่ให้เข้า   แล้วลองทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู  อาจจะทำให้เครื่องยนต์คุณ มีรอบเดินเบาปกติทันที่   หากพบว่าเป็นดังนี้ ก็ไปซื้อวาวล์ลิ้นกันกลับมาเปลิ่ยน ก็โอเคครับ  ลองดูก่อนนะครับ  หากยังแก้ปัญหารถคุณไม่ได้  ว่างๆคุณขับมาให้ผมตรวจเช็คให้ก็ได้ ไม่ต้องไปหาอู่ที่ไหนหรอกครับ  หายากที่จะหาช่าง ที่เข้าใจการทำงานของระบบรอบเดินเบาได้ดี   มีน้อยครับ  ผมเองก็ไม่ได้เก่งอะไร  แต่ผมทำงานด้านอีเลคโทรนิคส์ ก็ได้เปรียบ ที่สามารถวิเคราะห์การทำงานของมัน ด้วยเครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ ที่ทำให้เห็นรูปแบบการทำงาน เวฟฟอร์มต่างๆได้ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ทราบ  แต่โดยมากก็จะซ่อมได้  ยกเว้นเรื่องการตรวจซ่อม กล่อง ECU ที่ไม่ค่อยมีอะไหล่ให้เปลี่ยน ต้องหาของเก่าที่เสียจากอาการอื่น เอามาถอดอุปกรณ์ออกมาทำอะไหล่  บางครั้งก็ต้องซื้อกล่องที่เขาเสียเอามาเป็นจั้ง ก้พอจะซ่อมได้บ้าง  
คุณอยู่แถวไหนครับ รถผมเวลาเครื่องร้อน ถ้าเข้าเกียร์ว่างรอบมันจะสวิงตลอดเวลา แก้ยังไงก็ไม่หายเลยครับ
บันทึกการเข้า
ping0168
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,002


Civic FeRio Vi-Rs No.494


« ตอบ #27 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2009, 15:26:39 »

ความรู้เยอะดีครับ  จุมพิต จุมพิต
บันทึกการเข้า

สิ่งที่ยากกว่าการ

"จากลา"

คือการทำตัวเป็น "คนธรรมดา" ที่ "ไม่รู้จักกัน"


Civic FeRio Vi-Rs
Civic Club No.494
รถนู่เอง
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,41115.msg509982/topicseen.html#msg509982
น้องหมา
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,41563.0.html
j_nobita
อยากกระโดดหอมแก้ม
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16,034

เหมียว หง่าว


« ตอบ #28 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2009, 16:33:23 »

 อายจัง ผมลองแก้ตามกระทู้นี้ครับ อาการสอึกจวนจะดับ หายเลยครับ
ถ้าอย่าไงลองดูได้นะครับ อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ไม่แน่ใจนะครับ

ไปเปลี่ยนแบ็ตเตอรี่มาแล้ว ทำไมรอบเดินเบามากๆๆ เกือบดับ ES04
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,46633.0.html

  น่าจะค่า rom เพี้ยนลอง reset ใหม่ดูนะคับ สำหรับเกียร์ออโต้ นะคับ HONDA อันนี้ น่าจะอยู่ในหัวคนขับเกียร์ ออโต้ ทุกคนนะคับ  ขยิบตา

 ให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกสักนาทีสองนาที จากนั้นใส่เข้าไปใหม่แล้วบิดสวิตช์เราญแจไปที่ ON ไม่ต้องสตาร์ตเครื่อง

เหยียบคันเร่งลงให้สุด ปล่อยแล้วเหยียบเบรกลงให้สุด ปล่อยบิดสวิตช์กลับมาที่ OFF ก่อนสัก 10 วินาทีค่อยติดเครื่องขับรถออกไปในระยะทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร คอมพิวเตอร์จะเรียนรู้และปรับการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะกับการขับขี่ของท่าน เอง และจะเริ่มทำงานสอดคล้องกับการขับขี่ของท่านไปจนราว 50 กิโลเมตร ก็จะจำเอาไว้ได้หมดว่าท่านมีพฤติกรรมการขับขี่อย่างไร และจะตอบสนองความต้องการของท่านได้อย่างดีที่สุด


บันทึกการเข้า

คิดดี พูดดี ทำดี คบคนดี ไปสู่สถานที่ดี
เจ้าพ่อ
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 268



« ตอบ #29 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2009, 21:03:05 »

คุณอยู่แถวไหนครับ รถผมเวลาเครื่องร้อน ถ้าเข้าเกียร์ว่างรอบมันจะสวิงตลอดเวลา แก้ยังไงก็ไม่หายเลยครับ

หมายถึงผม หรือ จขกท ครับ
ถ้าหมายถึงผม  ผมอยู่แถวเดอะมอร์บางกะปิครับ
บันทึกการเข้า
toys1924
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 511


เด็กสิงบูลส์คร้าบ..........


« ตอบ #30 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2009, 11:34:34 »

สวัสดีครับ เป็นความรู้มากเลยครับ แต่บอกตามตรง บางอย่างที่เขียนลงไปไม่รู่ว่าอยู่ตรงไหนบ้างครับ แต่จะพยามศึกษาครับ อายจัง
คือยังนี้ครับ ผมเป็นคนนึงที่มีปัญหานี้ครับผมใช้ civic ek lev mt vtec ครับ
รอบเดินเบาเวลาสตาดเครื่องเเล้ว มันขึ้นถึง 1800 ครับ แต่พอซัก 5นาทีได้ มันจะลดลงมาเหลือ 1500พอเปดแอร์ เหลือ 1200 พอรถวิ่งระยะหนึงติดไฟแดง เปิดแอร์ครับ รอบเหลือ 1000 แล้วประเดียวก็ขึ้นใหม่ ประมาณ 1200-1300ครับ งง มากเลย ไปให้ช่างดู เขาก็ล้างรอบเดินเบา ล้างปากไอดี ค่าแรง 400  เปลี่ยน หัวเทียนใหม่ด้วยครับ เป็นของ ngk dkr6 ทองขาว 800บาท แต่ก็ไม่ดีข฿นครับ ไปให้เขาดูใหม่ เขาบอกว่าน่าจะเป็นที่มอเตอร์รอบเดินเบาครับ ยังไม่ได้ไปซ่อมเลย พอดีมาเจอกระทู้นี้ก่อนเลยรบกวนถามครับ
 ปล. คือผมเพิ่งซื้อรมือ 2 มาครับ วิ่งเกือบ 100000 โล เลยเปลี่ยนชุดใหญ่ครับ แต่ต้องบอกก่อนครับ ตอนซื้อมาไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ แต่พอเปลี่ยนแล้วก็มีปัญหารอบเดินเบานี้แหละครับ แก้ไม่หาย
บันทึกการเข้า

my car my style....
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #31 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2009, 22:34:40 »

เรื่องรอบเดินเบาที่คุณบอกมา   จะให้ชี้เป้าว่าเป็นที่ตัวใด คงจะให้คำตอบที่ตรงประเด็นเลยไม่ได้อาจจะผิดพลาด   เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการวิเคราะห์   ไม่เหมือนการตรวจสอบด้วยเครื่องมือตรวจเช็ค เออเร่อโค๊ด พวกคอนเซ้าท์  โดยตรงไม่ได้    การชี้แนะแบบนี้ต้องเห็นของจริงจากการตรวจเช็คทีละสเต็ปของตัวเซ็นเซอร์ ที่ทำหน้าที่คอนโทรลควบคุมระบบรอบเดินเบา   รถบางคันก็โดนช่างปรับจูนผิดไปจากเดิม ทำให้ระบบการทำงานของเซ็นเซอร์รวนทำงานไม่ถูกต้อง  เหมือนกับว่าต้องมาปรับจูนพวกเซ็นเซอร์ ที่ต้องอาศัยเครื่องมือวัด ให้ได้ค่าตามที่เขากำหนดมา  เช่นที่ตัว TPS เซ็นเซอร์
เรื่องของรอบเดินเบาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน  บางครั้งจะเห็นว่าช่างถอดตัวเรือนปีกผีเสื้อออกมาล้างทำความสะอาด ล้างส่วนต่างๆของลิ้นปีกผีเสื้อ อุปกรณ์บางตัวหากใช้น้ำมันไปล้างกลับก่อให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นอีก  เช่นตัว TPS ซึ่งภายในประกอบไปด้วยค่าความต้านทานที่เป็นแบบคาร์บอนด์หรือไวน์วาว หรือพวกขดลวดความต้านทาน   พวกนี้หากโดนน้ำมันจะทำให้หน้าสัมผัสของก้านที่กรีดลงบนตัวของมัน มีตำแหน่งที่ผิดไปจากร่องเดิมของมันที่เคยสัมผัสอยู่  ทำให้ค่าโวลเต็จที่ตกคร่อมค่าความต้านทานผิดไปจากตำแหน่งเดิม หรือหากน้ำมันที่ล้างยังคงค้างเปปียกอยู่อาจจะทำให้เกิดการต่อถึงกันของกระแสไฟฟ้า ทำให้ค่าความต้านทานผิดไป   ทำให้โวลเต็จที่ส่งไปให้ ECU ไม่ตรงกับค่าเดิมที่ถูกโปรแกรมเอาไว้  ว่าที่ตำแหน่งนั้นควรจะอยู่ที่จังหวะรอบเดินเบาหรือตำแหน่งของอัตราเร่งของเครื่องยนต์   ทำให้ ECU สั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันไม่ตรงกับสภาวะจริงของรอบเครื่องยนต์  อาจทำให้รอบเครื่องยนต์เดี๋ยวต่ำหรือสูงได้เช่นกัน    จุดนี้ไม่ควรใช้น้ำมันไปล้างมัน  และต่ำแหน่งของตัวเรือน TPS เวลาถอดเอาออกมาควรทำเครื่องหมายมาร์คเอาไว้เวลาใส่กลับที่เดิม
บางช่างถอดเอาตัวโรตารี่โซลินอยวาวออกมาล้างทำความสะอาด เวลาประกอบกลับ  โดยมากช่างที่ถอดออกมาล้างไม่เปลี่ยนซีลยางของเก่าที่ถอดออก  ทำให้เวลาประกอบกลับที่เดิมมีรอยรั่วตามซีลยางที่แนบไม่สนิท อันมาจากซีลยางหมดสภาพ ทำให้เกิดอาก่าศไหลรั่วเข้าไปในท่อไอดีได้  ทำให้รอบเดินเบามีปัญหารอบสูง ทำให้หลงประเด็น  ไปเปลี่ยนโน้นเปลี่ยนนี้ แก้ไม่ถูกจุดเสียที   จนในที่สุดบอกกับเจ้าของรถว่าให้เปลี่ยนตัวเรือนปีกผีเสื้อก็มี  เปลี่ยนแล้วอาการเป็นปกติ   ความจริงแล้วหากเปลี่ยนซีลยางใหม่แทนของเก่าที่ถอกออกมาก็ใช้ได้แล้ว  ทำให้เสียเงินที่ไม่ควรจะเสีย 
การแก้ปัญหารอบเดินเบาหากช่างที่เขาชำนาญเขาจะมองปัญหาออก  อันมาจากประสบการณ์ที่ลองผิดลองถูก จนจำได้ว่าหากอาการอย่างนี้ควรจะเปลี่ยนที่ตัวนี้   แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป หลายๆครั้งพบว่าตัวที่ทำให้เกิดปัญหากลับไม่ใช่ที่จุดเดิม  การควบคุมรอบเดินเบาในกรณีที่มีเครื่องมือวิเคราะห์การทำงานของระบบเซ็นเซอร์ ก็จะสมารถวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นง่ายและรวดเร็ว  เพราะมีการเก็บเร็คคอร์ดการทำงานของระบบเซ็นเซอร์ ที่สภาวะเครื่องยนต์มีสภาพที่ปกติไว้ทุกๆจุด  เมื่อมีปัญหาที่เกิดขึ้นก็สามารถนำเอามาตรวจสอบตามจุกที่ได้เร็คคอร์ดไว้
เปรียบเทียบกับของเครื่องยนต์ที่มีปัญหา   ก็สมารถแก้ไขได้ถูกต้องและรวดเร็ว
ในกรณีของคุณที่ถามมา  ผมไม่แน่ใจว่าช่างก่อนๆเขาทำอะไรไปบ้าง  และแก้ไขอย่างไร ก็ยากที่จะรู้  ดังนั้นจะต้องเริ่มต้นตรวจสอบการทำงานของระบบเซ็นเซอร์ที่เกี่ยวข้องแต่ละจุดว่าทำงานถูกต้องปกติหรือไม่  ตั้งแต่แว็คคั่มเซ็นเซอร์  โรตารี่โซลินอยวาว   เช็คการรั่วในส่วนของท่อร่วมไอดี ตั้งแต่เรือนปีกผีเสื้อ ซีลยางและประเก็นของเรือนปีกผีเสื้อ  เรื่องประเก็นและซีลยางหากมีรอยรั่วนิดเดียวก็มีปัญหาครับ เพราะแรงดูดที่ท่อร่วมไอดี ยิ่งรูเล็กๆจะมีแรงดูดที่มาก อากาศก็ไหลไปที่ท่อไอดีมาก ทำให้รอบเดินเบาเครื่องยนต์สูงได้เช่นกัน  และอย่าลืมตรวจสอบยางโอริงของตัวแว็คคั่มเซ็นเซอร์ด้วย บางครั้งอาจจะไม่สนิท ถาหากช่างคนก่อนถอดออกมาแล้วไม่เปลี่ยนของใหม่ใส่แทน    พร้อมทั้งตรวจสอบท่อยางที่เอาไอน้ำมันเครื่องเข้าที่ท่อไอดี บางครั้งพบว่าขาด  หรือวาวล์กันกลับชำรุด
ต่อมาก็เรื่องของวาวล์  ในกรณีที่เครื่องยนต์ใช้งานมาหลายปี ควรจะทำการตั้งวาวล์เสียใหม่  เพราะบางครั้งพบว่าวาวล์ปิดไม่สนิท ทำให้อากาศรั่ว มีผลต่อรอบเดินเบาเช่นกัน  การที่วาวล์ปิดไม่สนิททำให้แรงดูดที่ท่อไอดีไม่สเตเบิล มีผลทำให้แรงดูที่กระทำต่อตัวแว็คคั่มเซ็นเซอร์ไม่คงที่  โวลเต็จที่ตัวแว็คคั่มเซ็นเซอร์ที่ถูกคอนเวิทจากแรงดูดให้เป็นโวลเต็จ ก็ไม่คงที่ในจังหวะรอบเดินเบาของเครื่องยนต์  ทำให้  ECU กำหนดการฉีดน้ำมันเบื้องต้นในจังหวะรอบเดินเบาผิดไป   ลองไปทำตามที่ผมแนะนำดูแค่นี้ก่อนครับ  เพราะหลักๆก็เป็นดังที่ผมกล่าว  นอกจากจะมีเหตุกรณีในเรื่องของระบบหัวฉีดผิดปกติและแรงดันของน้ำมันเชื้อเพลิง  แล้วค่อยมากล่าวถึงต่อไปครับ    ขออภัยที่ไม่สามารถบอกตรงจุดได้    เพราะการทำงานควบคุมรอบเดินเบามีหลานส่วนที่เกี่ยวข้อง  ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะตัวตรวจสอบครับ  ขอให้โชคดีครับ?..srithanon
บันทึกการเข้า
morarch
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31

CIVIC-93


« ตอบ #32 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2009, 22:28:14 »

ขั้นเทพจริงๆ..ได้ความรู้มากครับ
บันทึกการเข้า

toys1924
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 511


เด็กสิงบูลส์คร้าบ..........


« ตอบ #33 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2009, 10:29:20 »

ขอบคุณครับ คงต้องเเก้กันต่อไป อายจัง อายจัง อายจัง
บันทึกการเข้า

my car my style....
puikcu
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18


« ตอบ #34 เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2011, 17:59:05 »

ไม่ทราบว่าคุณจอมยุทธอยู่ที่ไหนครับ ผมมีปัญหารอบเดินเบาครับ ลองแก้ไขตามคำแนะนำทุกอย่างแล้วยังไม่หาย อยากเอารถมาให้ตรวจสอบของจริงอ่ะครับ
พอจะให้ความช่วยเหลือได้หรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
toe666
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


« ตอบ #35 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2012, 01:49:17 »

อยากขอความช่วยเหลือหน่อยครับ
คือรถผม ขับไปประมาณสัก20-30นาทีพอเครื่องร้อน  รถติดไฟแดง เข้าเกียร์  N รอบจะขึ้นสูงประมาณ 1500-2000 ค้างอยู่สัก10-15วิ(เหมือนเหยียบคันเร่งไว้) แล้วก็ลงมาปกติ แล้วก็สวิงขึ้นใหม่ แต่ตอนเข้าเกียร์รอบก็จะกลับมาปกติ800-900 ครับ (ตอนนี้รถติดไฟแดงต้องเข้าเกียร์แล้วเหยียบเบรคเอาอ่ะครับ)
เป็นทั้ง แก๊ส และ น้ำมันครับ
ตอนสตาร์ทใหม่ๆ รอบก็ปกติ นะครับ
ตอนรอบเดินเบาสูงๆเคยลองถอดท่อสายยางที่ท่อแว็คคั่มไอดี แล้วเอาผ้ามาอุดตรงท่อคอไอดีแล้ว  รอบก็ไม่ลงอ่ะครับ งงมากครับ
รบกวนช่วยหน่อยครับ
 ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า
toe666
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


« ตอบ #36 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2012, 23:44:15 »

 ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #37 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2012, 09:08:48 »

สวัสดีน้องๆและเพื่อนสมาชิกทุกท่านนะครับ   ผมไม่ค่อยมีเวลาก็เลยเหินห่างไป เพราะภาระกิจมีมากมายหลายอย่าง  จากที่เคยมีเวลาว่างบ้างก็จำกัดเวลาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วมาจนปุจจุบัน   ตั้งแต่ต้นปีก็เดินทางไปอบรมด้านวิชาการและเทรนนิ่ง สองสามประเทศ เกาหลี โตเกี่ยว ใต้หวัน  กลับมา ก็ต้องมาทำการวิเคราะห์ระบบ Digital synthesizer frequency control   ให้กับบริษัทหนึ่ง ที่สร้างโรงงานผลิตตอุปกรณ์สื่อสารทางทหาร เพื่อเข้าสู่สายพานการผลิต
ก็เลยไม่ค่อยมีเวลา จนกระทั้งปลายเดือนที่ผ่าน  ก็มีเวลาบ้าง หลังจากที่สรุปผลการวิเคราะห์ ส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่วข้องดำเนินการต่อไป  ในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา  ก็ได้มีโอกาสคิดออกแบบระบบแก็สแบบมิ๊กเซอร์  จากการมิ๊กที่หน้าลิ้นปีกผีเสื้อ  มาเป็นการมิ๊กเข้าห้องไอดีโดยตรง  โดยออกแบบ control Box  ที่ภายในมีลิ้นหรือช่อง ปิดเปิดให้ไอแก็สผ่าน  ตามการเร่งเครื่องยนต์หรือ ตามการเปิดมุมองศาของลิ้นปีกผีเสื้อ  จากผลการทดลองที่ทำไว้เมื่อสี่ปีที่แล้ว ที่ยังไม่สมบูรณ์  มาคราวนี้ได้ออกแบบเพิ่มให้ระบบมีการทำงานได้ดีขึ้น  ทั้งรอบอัตราเร่ง รอบเดินเบา ทำงานคล้ายกับเครื่องยนต์ระบบคาร์บิว  ง่ายต่อการติดตั้ง และทำได้ด้วยตนเอง   ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับท่านที่ใช้ระบบแก็ส แบบมิ๊กที่หน้าลิ้นปีกผีเสื้อ  ที่ก่อให้เกิดปัญหามากมาย
ขณะนี้ผมได้ให้โรงกลึง ทำการกลึงสร้างกล่อง Control Box เมื่อสำเร็จ  จะติดตั้งให้กับเจ้า ตาโตเป็นต้นแบบ  และคิดว่าระบบที่ผมออกแบบนี้ยังไม่มีที่ไหนคิดทำขึ้นมา  ไม่ว่าจะเป็นที่ กลุ่ม Gasthai.com  หรือที่ไหนๆก็ตาม     หวังว่าคงช่วยให้เื่พื่อนๆสมาชิกแห่งนี้ ได้หมดปัญหากับรับบมิ๊กแบบเก่าเสียที่
ผมได้อธิบายเนื้อหาโครงสร้าง ตัว Control Box ไว้เป็นแนวทาง   ในเว็ปไซด์ ตามข้างล่างนี้  ผมขออนุญาต  ท่านเว็ปมาสเตอร์   ทำลิ้งค์ให้เข้าไปอ่าน
เนื้อหาดู      จริงแล้วกะว่าจะเปิดตัวหลังจากการติดตั้งให้กับเจ้าซีวิคตาโต  แล้วจะมาโพสให้กับน้องไและเพื่อนสมาชิกที่นี้ได้ทราบกัน  ลองเข้าไปอ่านดูครับ  ผมยังต่อเนื้อหายังไม่เสร็จ   และก็ยังไม่บอกจุดสำคัญๆให้ไว้ 

http://www.clubhyundaithailand.com/board/index.php?topic=6148.0

สำหรับปัญหาที่น้องๆถามมา จะเข้ามาแนะนำหลังจากนี้ให้นะครับ
บันทึกการเข้า
toe666
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 41


« ตอบ #38 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2012, 21:01:42 »

ตั้งหน้า ตั้งตารอดู นวัตกรรมใหม่ ครับ
 ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #39 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2012, 23:16:16 »

อยากขอความช่วยเหลือหน่อยครับ
คือรถผม ขับไปประมาณสัก20-30นาทีพอเครื่องร้อน  รถติดไฟแดง เข้าเกียร์  N รอบจะขึ้นสูงประมาณ 1500-2000 ค้างอยู่สัก10-15วิ(เหมือนเหยียบคันเร่งไว้) แล้วก็ลงมาปกติ แล้วก็สวิงขึ้นใหม่ แต่ตอนเข้าเกียร์รอบก็จะกลับมาปกติ800-900 ครับ (ตอนนี้รถติดไฟแดงต้องเข้าเกียร์แล้วเหยียบเบรคเอาอ่ะครับ)
เป็นทั้ง แก๊ส และ น้ำมันครับ
ตอนสตาร์ทใหม่ๆ รอบก็ปกติ นะครับ
ตอนรอบเดินเบาสูงๆเคยลองถอดท่อสายยางที่ท่อแว็คคั่มไอดี แล้วเอาผ้ามาอุดตรงท่อคอไอดีแล้ว  รอบก็ไม่ลงอ่ะครับ งงมากครับ
รบกวนช่วยหน่อยครับ
 ตกใจ ตกใจ


อาการนี้  ไม่ใช่มาจากเรื่องของระบบอากาศที่รั่วเข้าท่อไอดี    ถ้าหากมีอากาศรั่วเข้าท่อไอดี  จะทำให้มีรอบเดินเบาสูงเช่นกัน  แต่เครื่องยนต์จะไม่มีกำลัง  เพราะในอัตราส่วนผสมมีอากาศมากกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง  การจุดระเบิดก็ไม่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง  เมื่อมีโหลดจากการเปิดแอร์  หรือเข้าเกียร์ตัว D   แต่นี้ท่านเจ้าของกระทู้บอกว่า  ตอนมีรอบสูงต้องเข้าเกียร์และเหยียบเบรคไว้   เท่ากับว่าเครื่องยนต์มีกำลัง ทั้งในอัตราส่วนผสมในการจุดระเบิด   ดังนั้นหากจะให้คาดการณ์ว่าเป็นที่ระบบอะไร  ก็คงของตอบแบบไม่ได้ใช้เครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ตรวจสอบ  อาการนี้น่าจะมาจากองศาไฟจุดระเบิดบกพร่องผิดปกติ  ต้องตรวจเช็คสัญญาณในระบบวงจรจุดระเบิด  ที่เริ่มต้นมาจาก TDC sensor หรือมุมเพลาข้อเหวี่ยง รวมกับสัญญาณ NE  ว่ามันสร้างสัญญาณพัลส์ ได้ถูกต้องหรือไม่  ไล่ยาวไปถึงสัญญาณพัลส์ IGT ที่กล่อง ECU Generate  ส่งไปให้วงจรช่วยจุดระเบิด ว่ามีส่วนไหนของ
สัญญาณผิดปกติ 
การตรวจเช็คเรื่องนี้ต้องใช้เครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ พวก oscilloscope ตรวจับรูปสัญญาณที่เกิดขึ้น ว่ามีส่วนไหนทำงานผิดไป   ถึงจะทราบสาเหตุที่ชัดเจน   หากจะให้บอกว่าส่วนไหนแน่ที่ควจจะทดลองเปลี่ยนดู  โดยไม่ใช้เครื่องมือวัด   ก็น่าจะมาจาก TDC sensor  หรือไม่ก็ สัญญาณ NE ที่ Generate ในตัวจานจ่าย  ส่งไปให้ ECU   ก็ลองตรวจเช็คหรือทดลองเปลี่ยนดู ทั้งตัวจานจ่าย     ไม่แนะนำให้ไปซื้อเปลี่ยน  หรือไปขอทดลองเปลี่ยนจากร้านอาไหล่มือสอง หากเปลี่ยนแล้วแก้ปัญหาได้  ค่อยซื้อ หรืออาจจะขอยืมจากเพื่อนที่มีรถรุ่นเดียวกันทดลองเปลี่ยนดู  รวมทั้งตัว TDC sensor
ก็แนะนำเบื้องต้นตามนี้ก่อนครับ    อะไรก็เกิดขึ้นได้ในระบบวงจรอีเลคโทรนิคส์  อาจจะไม่ใช่สาเหตุที่ผมกล่าวก็ได้.......srrithanon
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: หลายวันกับการตามแก้ รอบเดินเบา CIVIC ตาโต
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2009, Simple Machines -->
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |