เมื่อเทศการสงกรานต์ ได้นำรถคู่ใจ ซีวิคตาโต วีเทค เดินทางท่องเที่ยวถาคใต้ ที่นครศรีธรรมราช ขากลับ เต็มไปด้วยความกังวลและหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะว่าตอนขาล่องใต้ ก็เกิดความร้อนของเครื่องยนต์ขึ้นสูง แรกๆก็แปลกใจ ในขณะที่ความร้อนขึ้นสูง จำเป็นที่จะต้องแซงรถบรรทุก จึงกดคันเร่งเพื่อเร่งแซง ความเร็วรอบขณะนั้นประมาณสี่พันรอบ ลากความเร็วได้สักอึดใจ เมื่อแซงพ้น หันมาดูที่เกจวัดความร้อน เอ้าทำเข็มวัดความร้อนกลับมาอยู่ที่ปกติ มันเกิดอะไรขึ้น ก็หลงดีใจ ก็ขับต่อไป แต่ยังไม่หายจากความสบายใจ เพียงชั่วครู่ความร้อนก็กลับมาขึ้นสูงอีก ในใจว่าเมื่อกี้นี้เราเร่งเครื่องยนต์ให้ความเร็วรอบสูงแล้วความร้อนมันก็ลดลงมาปกติ งั้นก็ลองใหม่ กดคันเร่งให้รอบเครื่องยนต์ประมาณสี่พันรอบ สักอึดใจ ได้ผล ความร้อนลดลง เป็นอยู่อย่างนี้เกือบถึงชุมพร ยิ่งเวลารถติดตามทางแยก ยิ่งความร้อนขึ้นไว มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตัดสินใจใช้ความเร็วประมาณร้อยสามสิบ ความร้อนก็มาอยู่ที่ปกติ แต่อย่าขับต่ำกว่าร้อยยี่สิบ ความร้อนก็จะขึ้นสูงอีก
เมื่อมาถึงชุมพร ก็เลยแวะหาร้านหม้อน้ำ ให้เขาตรวจสอบหม้อน้ำว่าตันหรือไม่ เมื่อช่างถอดน้ำออกมา ช่างบอกว่าหม้อน้ำตัน จนใช้ไม่ได้ ควรเปลี่ยนใหม่ เมื่อช่างหม้อน้ำบอกว่าเป็นอย่างนี้ ก็เลยให้ช่างเปลี่ยนหม้อน้ำให้ใหม่ หมดไปสองพันแปด หลังจากที่เปลี่ยนหม้อน้ำเสร็จ ในใจก็คิดว่าคงจะใช่สาเหตุนี้ และช่างก็ทดลองสตาร์ทเครื่องวอมอยู่สักสิบนาที ความร้อนไม่ขึ้น ก็เลยออกเดินทางต่อ พอขับมาได้สักห้ากิโลเท่านั้น อาการที่เป็นครั้งแรกก็กลับมาเยือนอีก ซวยล่ะซิตู เสียเงินไปแล้ว ยังแก้ไม่หาย ก็ยังคงใช้วิธีการแบบครั้งแรกๆ พยุงขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงเวียงสระ สุราษฏธานี แวะให้ร้อนซ่อมหม้อน้ำตรวจอีก เล่าเหตุการให้ฟัง สรุป ช่างบอกว่าให้เปลี่ยน เทอร์โมวาวสล์น้ำ เอ้าเปลี่ยนก็เปลี่ยน หมดไปอีกแปดร้อยบาท ดีใจว่าคงจะหายอาการนี้เสียที ที่ไหนได้หลังจากขับรถมาได้สักสิบกิโล เอาอีกแล้ว กลับมาเหมือนเดิม ความร้อนขึ้นสูง แบบแรกๆ ก็ใช้วิธีการแบบต้นๆที่เล่าให้ฟัง ประคองรถจนถึงที่พัก นครศรี ก็มานั่งวิเคราะห์หาสาเหตุว่ามันเกิดอะไรกันแน่ หม้อน้ำก็เปลี่ยนแล้ว วาวล์น้ำก็เปลี่ยนแล้ว
แล้วต่อไปจะเป็นอะไรอีกล่ะ สรุปว่าไม่เปลี่ยนอะไรอีกแล้ว กะว่าจะประคองขับกลับกรุงเทพ แล้วจะให้ช่างเขาเปิดฝาสูบออกดูว่า มันโก่งหรือเปล่า
เมื่อวันที่เดินทางกลับ ก็เต็มไปด้วยความกังวลว่าจะไปรอดหรือไม่ ระยะทางเกือบเก้าร้อยกิโลเมตร ทำงัยดี ตัดสินใจกะว่าเป็นงัยเป็นกัน แล้วค่อยว่ากัน พังเป็นพัง ขั้นแรกผมก็ต่อสายไฟพัดลมหม้อน้ำแบบต่อตรง ให้พัดลมทำงานตลอด เพื่อให้ระบายความร้อนแบบไม่ให้หยุดทำงาน หลังจากนั้น ก็ขับรถกลับ ระหว่างทางเต็มไปด้วยความกังวล มีความเครียดตลอดทาง เปิดแอร์ก็ไม่ได้ เปิดกระจกหน้าต่างรถก็มีแต่ไอร้อน หน้าตามันเหนียวเหนอะหนะ เหงื่อไหล ทรมานจริงๆ วิ่งมาได้ไม่ไกลก็เริ่มอาการความร้อนขึ้นสูง แบบขาล่องมา ต้องใช้ความเร็วรถสูงๆ ช่วยพยุงไม่ให้ความร้อนขึ้นสูง ก็ได้ผลบ้าง แต่บางบางครั้งเอาไม่อยู่ ความร้อนขึ้นสูงจนหม้อน้ำเดือด มีแรงดันน้ำออกจากหม้อพักน้ำ ต้องจอดรถ แล้วค่อยๆเปิดฝาหม้อพักน้ำ แล้วเติมน้ำ แล้วรีบขับรถออกทันที่ด้วยความเร็วอย่างน้อยร้อยสามสิบ ก็ได้ผลบ้าง เป็นอย่างนี้ตลอดเส้นทาง จนเริ่มเป็นหนัก ก็เริ่มเข้าตัวเมืองเพชรบุรี มันติดไปแดงตามสี่แยก เหงื่อการไหลแตก เพราะความร้อนมันขึ้นมาก จอดรถเติมน้ำที่หม้อพักน้ำหลายหน ไม่เคยขับรถครั้งไหน สะใจเท่าครั้งนี้เลย สุดยอด จวบจนกระทั้งถึงบ้าน ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
รุ่งเช้าก็พยายามขับรถไปให้เพื่อนที่อู่ ทำการตรวจเช็ค ทดสอบว่าฝาสูบโก่งหรือไม่ ทดสอบแล้วเพื่อนบอกไม่โก่ง เครื่องยนต์เดินเรียบ ไม่มีแรงดันของน้ำออกทางหม้อน้ำ เพื่อนตรวจสอบหลายอย่าง จนกระทั้งมีอยู่อีกหนทางเดียวที่จะทำ ก็คือ ล้างระบบทางเดินของน้ำหล่อเย็นทั้งหมด ทั้งท่อน้ำต่างๆ หม้อน้ำรถ และผนังช่องที่น้ำขังที่ผนังเสื้อสูบ ช่องต่างๆ ล้างถ่ายน้ำหลายครั้ง ทั้งไล่ด้วยแรงดันของน้ำ เพื่อขับไล่สิ่งที่เป็นตะกอนสนิมที่เกิดและจับเกาะติดตามผนังเสื่อสูบ และท่อทางเดินของน้ำ จนน้ำที่ไล่ออกมาครั้งสุดท้ายดูสะอาดและใส ไม่มีสนิมติดออกมา หลังจากที่ประกอบส่วนต่างๆของท่อยางเข้าระบบจนเรียบร้อย เติมน้ำลงหม้อน้ำ สตาร์ทเครื่องยนต์วอมประมาณสิบห้านาที เห็นความร้อนขึ้นปกติยังไม่ถึงครึ่งของเกจความร้อน ก็เลยลองขับรถออกไปวิ่ง ทั้งขับด้วยความเร็ว และหยุดนิ่งแบบจรจรติดขัด ความร้อนปกติดี ลองขับไปเที่ยวสมุทรสงคราม พาช่างที่เป็นเพื่อนไปทานอาหารทะเล ทั้งขับไปและกลับ อาการความร้อยของเครื่องยนต์ปกติดี
เพื่อนบอกว่าการที่เราเปลี่ยนหม้อน้ำแล้วยังเป็นอีก เพราะว่าสนิมที่มันคั้งค้างอยู่ตามผนังเสื้อสูบ และส่วนต่างๆของท่อทางเดินของน้ำ มันมีตะกรันสนิมเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นก้อนๆ ใช้วิธีถ่ายน้ำธรรมดา ใช้ไม่ได้ผล เพราะว่าหลังจากที่เราเปลี่ยนหม้อน้ำ แล้วตระกันสนิมมันยังอยู่อีกมาก มันก็ใหลมาที่ช่องระบายความร้อนของหม้อน้ำ ก็ไปอุดตันอีก แต่ที่สำคัญก็คือ ความเป็นตระกันของสนิมมันไปพอกเกาะตามผนังเสื้อสูบและส่วนของหม้อน้ำ ท่อยาง ที่เป็นส่วนระบายความร้อน มันทำให้ระบายความร้อนออกได้ยาก และน้อย การที่เราขับรถด้วยความเร็ว ก็เพราะว่าอาการที่หน้ากระจังรถ ได้รับการระบายความร้อน จากอาการที่มาปะทะหม้อน้ำ จึงช่วยให้ระบายความร้อนได้ ในขณะที่รถวิ่ง เมื่อรถมีความเร็วช้า การระบายความร้อนด้วยอากาศก็น้อย ความร้อนจึงขึ้นสูงอีก ดังที่ผมเล่ามา
ก็อยากเล่าให้เพื่อนๆฟัง เพื่อเป็นข้อสังเกตอาการที่เกิดขึ้น อาจจะเจอแบบผมก็ได้ เสียค่าเปลี่ยนหม้อน้ำและวาวล์น้ำโดยไม่จำเป็น ?srithanon