มาเช็คระบบแอร์ด้วยมือและตาตัวเองก่อนเข้าร้านแอร์ดีไหม

[Sitti2519]

ก่อนจะหมดมุข กว่าจะมีของใหม่ๆมาอีกทีก็ต้องรอซ่อมรถตัวเองก่อนแหละครับ ความจริงแล้วมีหลายเรื่องที่ซ่อมไปแล้วแต่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยไม่ได้เอามาลงให้ ช่วงนี้พักสมองครับเลยมาเขียนเล่นๆหน่อย อีกหน่อยพองานเข้าเยอะจะไม่มีเวลาเข้าครับ คราวต่อไปถ้ามีโอกาสจะเอาเรื่องซ่อมพัดลมแอร์มาฝาก เสียดายเพิ่งซ่อมไป ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ กับเรื่องติดวิทยุ(เครื่องเสียง)ในรถยนต์ ลืมถ่ายรูปไว้ครับโทษที  
มาเริ่มกันเลยครับ

[Sitti2519]

ขาดอีกรูป

[neang]

เยี่ยมคับ 

[jamesZa]

มาเก็บความรู้ครับ 

[Sitti2519]

ต้องยกผลประโยชน์นี้ให้โรงเรียนฝึกอาชีพดินแดง 1 ครับ สังกัด กทม.ครับ ที่ท่านอาจารย์ทุกท่านได้กรุณาถ่ายทอดความรู้ให้กับคนอย่างผมได้อย่างดี จากคนไม่มีความรู้ด้านช่างยนต์เลย(ผมจบด้านอื่นครับ ทำงานด้านอื่นด้วย) ปัจจุบันก็ใช่ว่าจะเก่งอะไร บางเรื่องในเว็บนี้ผมก็ไม่รู้เรื่องเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสนใจในเฉพาะสิ่งที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเขียนได้เฉพาะเรื่องที่เป็นพื้นๆ สาเหตุที่ไปเรียน(ภาคค่ำ) ก็เพราะโดนฟันหัวแบะมาเยอะครับ   และที่ผมแนะนำในนี้คือวิธีการที่ใช้ได้จริงครับ ในเบื่้องต้นเราต้องตรวจสอบตามวิธีนี้ก่อน ส่วนการวัดด้วยมานิโฟลเกจจ์นั้นทำหลังจากนี้ การวัดจะวัดว่าน้ำยาขาดหรือไม่ น้ำยาปกติจะอยู่ที่ 30-40 ปอนด์ ค่าที่เติมส่วนมากจะให้อยู่ที่ค่ากลางคือ 35 ปอนด์ (แรงดันด้านโลว์) ส่วนแรงดันด้านไฮจะอยู่ประมาณ 200 ปอนด์ ถ้าแรงดันเกินกว่านี้แสดงว่าระบบตัน (250 ขึ้นไป) ถ้าแรงดันต่ำกว่า 200 ปอนด์ แสดงว่าคอมฯแอร์ไม่มีกำลังอัดแล้ว ประมาณนี้ครับ 

[su_wit]

ต้องยกผลประโยชน์นี้ให้โรงเรียนฝึกอาชีพดินแดง 1 ครับ สังกัด กทม.ครับ ที่ท่านอาจารย์ทุกท่านได้กรุณาถ่ายทอดความรู้ให้กับคนอย่างผมได้อย่างดี จากคนไม่มีความรู้ด้านช่างยนต์เลย(ผมจบด้านอื่นครับ ทำงานด้านอื่นด้วย) ปัจจุบันก็ใช่ว่าจะเก่งอะไร บางเรื่องในเว็บนี้ผมก็ไม่รู้เรื่องเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสนใจในเฉพาะสิ่งที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเขียนได้เฉพาะเรื่องที่เป็นพื้นๆ สาเหตุที่ไปเรียน(ภาคค่ำ) ก็เพราะโดนฟันหัวแบะมาเยอะครับ  และที่ผมแนะนำในนี้คือวิธีการที่ใช้ได้จริงครับ ในเบื่้องต้นเราต้องตรวจสอบตามวิธีนี้ก่อน ส่วนการวัดด้วยมานิโฟลเกจจ์นั้นทำหลังจากนี้ การวัดจะวัดว่าน้ำยาขาดหรือไม่ น้ำยาปกติจะอยู่ที่ 30-40 ปอนด์ ค่าที่เติมส่วนมากจะให้อยู่ที่ค่ากลางคือ 35 ปอนด์ (แรงดันด้านโลว์) ส่วนแรงดันด้านไฮจะอยู่ประมาณ 200 ปอนด์ ถ้าแรงดันเกินกว่านี้แสดงว่าระบบตัน (250 ขึ้นไป) ถ้าแรงดันต่ำกว่า 200 ปอนด์ แสดงว่าคอมฯแอร์ไม่มีกำลังอัดแล้ว ประมาณนี้ครับ 

มาเก็บความรู้ครับ
ขอบคุณครับ

[nakarin]

 

[Sitti2519]

ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมโรงลิเกของผมครับ

[uankak]

ขอบคุณครับ กำลังสนใจเรื่องนี้พอดี 

[tuy3855]

ขอบคุณครับที่เสริมความรู้ให้ 

[Paris]

ต้องยกผลประโยชน์นี้ให้โรงเรียนฝึกอาชีพดินแดง 1 ครับ สังกัด กทม.ครับ ที่ท่านอาจารย์ทุกท่านได้กรุณาถ่ายทอดความรู้ให้กับคนอย่างผมได้อย่างดี จากคนไม่มีความรู้ด้านช่างยนต์เลย(ผมจบด้านอื่นครับ ทำงานด้านอื่นด้วย) ปัจจุบันก็ใช่ว่าจะเก่งอะไร บางเรื่องในเว็บนี้ผมก็ไม่รู้เรื่องเลย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสนใจในเฉพาะสิ่งที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเขียนได้เฉพาะเรื่องที่เป็นพื้นๆ สาเหตุที่ไปเรียน(ภาคค่ำ) ก็เพราะโดนฟันหัวแบะมาเยอะครับ   และที่ผมแนะนำในนี้คือวิธีการที่ใช้ได้จริงครับ ในเบื่้องต้นเราต้องตรวจสอบตามวิธีนี้ก่อน ส่วนการวัดด้วยมานิโฟลเกจจ์นั้นทำหลังจากนี้ การวัดจะวัดว่าน้ำยาขาดหรือไม่ น้ำยาปกติจะอยู่ที่ 30-40 ปอนด์ ค่าที่เติมส่วนมากจะให้อยู่ที่ค่ากลางคือ 35 ปอนด์ (แรงดันด้านโลว์) ส่วนแรงดันด้านไฮจะอยู่ประมาณ 200 ปอนด์ ถ้าแรงดันเกินกว่านี้แสดงว่าระบบตัน (250 ขึ้นไป) ถ้าแรงดันต่ำกว่า 200 ปอนด์ แสดงว่าคอมฯแอร์ไม่มีกำลังอัดแล้ว ประมาณนี้ครับ 

ขอบคุณสำหรับความรู้ ที่มาแชร์กันครับ

ขอถามเพิ่มเติม เป็นข้อ ๆ นะครับ  พอดีสงสัย ที่รู้มาคือ ครูพักลักจำ

แรงดันน้ำยาทั้งด้าน HI และ Low คือวัดที่รอบเดินเบาใช่ไหมครับ

การเติมน้ำยาแอร์ ต้องเร่งเครื่องหรือไม่ หรือปล่อยไปเรื่อย ๆ จนได้แรงดันน้ำยาตามที่บอกครับ

และจำเป็นไหมที่การเติมน้ำยาแอร์ จะต้องวัดด้าน HI  ด้วย

การราดน้ำที่แผงคอยร้อนมีความจำเป็นไหมครับ เพราะรู้สึกว่าน้ำยาเข้าเร็ว

ขอบคุณครับ

[Sitti2519]

ขอบคุณสำหรับความรู้ ที่มาแชร์กันครับ

ขอถามเพิ่มเติม เป็นข้อ ๆ นะครับ  พอดีสงสัย ที่รู้มาคือ ครูพักลักจำ

แรงดันน้ำยาทั้งด้าน HI และ Low คือวัดที่รอบเดินเบาใช่ไหมครับ

การเติมน้ำยาแอร์ ต้องเร่งเครื่องหรือไม่ หรือปล่อยไปเรื่อย ๆ จนได้แรงดันน้ำยาตามที่บอกครับ

และจำเป็นไหมที่การเติมน้ำยาแอร์ จะต้องวัดด้าน HI  ด้วย

การราดน้ำที่แผงคอยร้อนมีความจำเป็นไหมครับ เพราะรู้สึกว่าน้ำยาเข้าเร็ว

ขอบคุณครับ 1.แรงดันน้ำยาวัดรอบเดินเครื่องเปิดแอร์ปกติครับ 2.การเติมน้ำยาเร่งเครื่องด้วยจะทำให้น้ำยาไหลเข้าได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น 3.ถ้าทำแบบถูกต้องก็ต้องใส่เพื่อวัดแรงดันด้านไฮดูว่ามีกำลังอัดดีไหม แต่ช่างตามร้านแอร์ทั่วไปมักไม่ต่อสายนี้ 4.แผงคอยด์ร้อนมีหน้าที่นำความร้อนออกจากน้ำยาถ้าเราราดน้ำไปด้วยมันจะลดอุณหภูมิน้ำยาลงได้ มันก็จะดูดน้ำยาได้ดีขึ้น ผิดถูกประการใดก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ (ผมคิดว่าไม่ผิดจากนี้แน่ครับ) ต้องบอกไว้ก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่ช่างแอร์ และไม่ใช่ช่างยนต์ อาชีพของผมแค่คนทำงานหน้าจอคอมฯคนหนึ่ง รอท่านผู้รู้ท่านอื่นช่วยเสริมให้อีกครับ

[patpat]

    ขอบคุณ สำหรับการนำเสนอสิ่งดีดี... ครับ

[O-RI-NGA-KI]

เยี่ยมเลยครับ

[tomjung]

 

[Buranasak]

 

[Sitti2519]

ท่าน Amic ดูภาพที่ 3 ตรงท่อถ่ายน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ครับ ถอดท่อนี้ครับ อุดรูที่กระปุกไว้ หาขวดน้ำมารองน้ำมันเก่าที่ปลายสายท่อน้ำมัน แล้วสตาร์ทรถครั้งละ 5 วินาที แล้วหยุด คอยไปเติมน้ำมันใหม่เข้าไปที่กระปุก ทำซ้ำไปมาจนน้ำมันที่ไหลออกจากท่อไหลกลับเป็นสีแดงใส ตามสีของน้ำมันใหม่ ก็ใช้ได้ครับ 1 ลิตร ก็พอ แต่จะให้สะอาดเอี่ยม ลิตรครึ่งถึงสองลิตรเอี่ยมเลยครับ

[Ko Bangplee]

up 

[Sitti2519]

เมื่อเช็คระบบแล้วตามนี้ในเบื้องต้น ไม่เป็นไปตามที่กล่าวไว้ ความเย็นไม่พออาจเกิดจากระบบรั่ว คอยล์เย็นสกปรก คลัชท์แม่เหล็กไม่ทำงาน ให้ไปตรวจซ่อมตามกระทู้นี้ต่อ
http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=191651.0

[mighe]

แล้วถ้าตู้แอร์รั่วล่ะครับ สาเหตุเกิดจากอะไร ของผมรั่วไปสองใบล่ะ 

[Sitti2519]

แล้วถ้าตู้แอร์รั่วล่ะครับ สาเหตุเกิดจากอะไร ของผมรั่วไปสองใบล่ะ 

ความสกปรกที่เกาะ ฝุ่น บวกความชื้นของความเย็น ทำให้น้ำเกาะแช่ขังที่คอยด์เย็น สาเหตุของการผุ รวมทั้งตอนไปล้างแอร์ เขาล้างโดยใช้เวลานานเกินไป น้ำยามันกัดตู้ ยิ่งถ้าล้างน้ำยาออกไม่หมดมันก็กัดไปเรื่อยจนตู้ผุได้ ลองดูว่าจากกรณีไหนเจ้าของรถจะรู้ดีที่สุดว่าได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว