:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: yam_nt ที่ 15 สิงหาคม 2009, 18:24:45



หัวข้อ: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: yam_nt ที่ 15 สิงหาคม 2009, 18:24:45
คือหนูขับซีวิค2007 1.8V-Tecค่ะ
อยากติดเกจ์วัดซัก 2-3อัน(แน่นอนว่าในรถมีมาตรวัดรอบ,มาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์อยู่แล้ว)
พี่ๆว่าหนูติดตัวไหนดีค่ะที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ได้โมฯเครื่องยนต์,ส่วนมากใช้งานในเมืองและก็ไปต่างจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราว..ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ :) :D :) :D :) :D :)


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: BillyTheKid ที่ 15 สิงหาคม 2009, 19:12:33
- Volt Meter
- Oil Eng. Pressure
บอกอะไรได้เยอะ ! ถ้าดูเป็นคร้าบพี่น้องคร้าบ !


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuLal2 ที่ 15 สิงหาคม 2009, 21:00:09
- Volt Meter
- Oil Eng. Pressure
บอกอะไรได้เยอะ ! ถ้าดูเป็นคร้าบพี่น้องคร้าบ !

ช่ายค้าบ ผมก็ ติด 2ตัวนี้เหมือนกันค้าบ+วัดรอบอีกตัว :-[
แค่นี้ก็โอเคแล้วคับ แต่ของผม มันเจ้านู๋EG นะ


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 15 สิงหาคม 2009, 21:06:07
- Volt Meter
- Oil Eng. Pressure
บอกอะไรได้เยอะ ! ถ้าดูเป็นคร้าบพี่น้องคร้าบ !


เก่งจัง         :-* :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: Marwin ที่ 15 สิงหาคม 2009, 21:57:47
มีมิเตอร์อีกหลายอย่างที่น่าติดครับ ลองดูครับว่าอยากเฝ้าติดตามอะไรบ้าง เช่น

water temp

oil pressure

Batt volt

Vacuum


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: yam_nt ที่ 17 สิงหาคม 2009, 08:09:47
ขอบพระคุณทุก ๆ คำแนะนำค่า :D
แต่ว่า...ยังเลือกไม่ถูกอยู่ดี น่าติดไปหมดเรย :'(


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: beer4353 ที่ 17 สิงหาคม 2009, 08:44:07
เกจวัดสำหรับเครื่อง NA หลักๆ จะนิยมใส่กันไม่กี่แบบหรอกครับ ที่มักจะใส่เพื่อใช้งานกันส่วนมากก็ประมาณ 3 ตัวกำลังดีครับ  แต่ถ้างบเหลือก็ใส่ๆไปให้หมดก็ได้ครับ   555
อีกจำพวกนึง คือใส่เพื่อสวยงาม ถ้าเป็นประเภทนี้ ก็ใส่พวกวัดค่า Temp จะประหยัดงบในกระเป๋าไปได้เยอะครับ  อีกอย่างคือ ถ้าต้องการไว้ใช้งานจริงๆ แนะนำให้ใช้เกจที่มีคุณภาพนิดนึง
เพื่อความแม่นยำ ในการรายงานค่าที่วัดออกมา  สำหรับยี่ห้อ และ ราคานั้น มันค่อนข้างหลากหลาย  ก็ลองศึกษาดูครับ แบรนด์ดังๆ สามารถสืบค้นข้อมูลได้ไม่ยากนัก    

- Water Temp  เนื่องจากของเดิมติดรถค่าที่วัดค่อนข้างหยาบ (ยกเว้นพวกรุ่นใหม่ๆ ที่วัดอุณหภูมิละเอียดเป็นดิจิตอล)  
- Oil Press  คร่าวๆ คือไว้เช็คสภาพความหนืด - ใส ของน้ำมันเครื่อง รวมทั้งแรงดันน้ำมันเครื่องภายในระบบ จำพวกปั้มน้ำมันเครื่อง  ฯลฯ  
- Oil Temp  เช็คอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง เพื่อป้องกันเครื่องยนต์กลับบ้านเก่าก่อนวัยอันควร ( ส่วนมากจะเลือกติดระหว่าง Oil Press หรือ Oil Temp อย่างใดอย่างหนึ่ง)
- Fule Press วัดแรงดัน น้ำมันเชื้อเพลิง  หรือไว้เช็คสุขภาพของ ปั้มติ๊กเรานั้นเอง
- Ex Temp  ไว้วัดอุณหภูมิค่าไอเสีย   หรือง่ายๆคือ ถ้าอุณหภูมิร้อนมาก แสดงว่า น้ำมันเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ จ่ายบางกว่าที่ควรจะเป็น  หรือ อุณหภูมิต่ำมาก แสดงว่าน้ำมันจ่ายหนา ฯลฯ
- Volt วัดไฟแบตเตอร์รี่  ส่วนมากหลายคนมักไม่ค่อยสนใจกับตรงนี้ ทั้งที่มันค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว ตัวนี้เป็นตัวบ่งบอกถึงสุขภาพ ระบบไฟจากไดชาจ รวมถึงแบตเตอร์รี่รถเราด้วยนะครับ



 :) :) :)

1. มาตรวัดบูสต์ (BOOTS METER)
         มาตรวัดตัวนี้จะเห็นในรถยนต์แทบทุกคันที่มีการติดตั้งเทอร์โบเข ้าไป รวมถึงรถยนต์ที่มีเทอร์โบมาจากโรงงานก็อาจจะมีตัวนี้มาให้
เนื่องจากมันเป็นตัวบ่งบอกสำคัญให้ผู้ขับขี่ทราบว่า มีแรงดันอากาศ หรือแรงบูสต์เข้ามายังเครื่องยนต์มากน้อยเพียงไร มาตรวัดตัวนี้โดยปกติบนหน้าปัด
จะมีค่าตัวเลขด้านล่างขึ้นมาที่ 0 ซึ่งเป็นค่าของ แวคคั่ม หรือ แรงดันลบ  และจาก 0 ขึ้นไป จะเป็นของเทอร์โบ หรือ แรงดันบวก และในส่วนของเทอร์โบนี่เอง
ที่จะเป็นส่วนบ่งบอกว่า เทอร์โบ กำลังทำงานอยู่สำหรับการดูค่าอัตราบูสต์เทอร์โบนั้น ถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดเดินช้ามาก เป็นตัวแสดงให้เห็นอย่างหนึ่งว่า
เทอร์โบมีขนาดใหญ่เกินไป ส่งผลให้ไอเสียที่ไปปั่นใบเทอร์โบไม่พอ การแก้ไขก็น่าจะเป็นการเปลี่ยนเป็นแคมฯ องศาสูง
รือไม่ก็เปลี่ยนจังหวะของวาล์วเป็นต้น นอกจากนี้หากบนมาตรวัดชี้ว่ามีแรงบูสต์สูงเกินไปจากที่มีการตั้ งค่าเอาไว้ ก็อาจจะสรุปได้ว่าเกิดปัญหาขึ้นที่สปริงวาล์ว
ของเวสต์เกต ที่เป็นตัวควบคุมแรงดันบูสต์ของเทอร์โบเป็นต้น สำหรับมาตรวัดอัตราการบูสต์นี้ อาจจะมีค่าการวัดไม่เหมือนกัน บางครั้งอาจบ่งบอกค่าการวัดเป็น
Bar (บาร์) หรือว่า psi (ปอนด์) อีกทั้งค่าสูงสุดของมาตรวัดบูสต์ ก็ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการ

     2. มาตรวัดอุณหภูมิเครื่องยนต์ (WATER TEMP METER)
         สำหรับมาตรวัดความร้อน ตามปกติในรถธรรมดาทั่วไป ก็จะมีติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
แต่ว่ารถยนต์ทั่วไปนั้นอาจไม่ได้อ่อนไหวในเรื่องของความร้อนมาก นัก ค่าแสดงให้เห็นจึงไม่ละเอียดมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะทางโรงงานตั้งใจทำมาอย่างนั้น
เพื่อคนขับจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก แต่ว่าเมื่อไหร่ที่เกจความร้อนขยับสูงขึ้น นั่นหมายความว่าความร้อนขึ้นค่อนข้างมาก ทว่าถ้าเป็นในรถธรรมดา
อาจจะยังไม่ก่อปัญหามากนัก ขณะที่รถยนต์ซึ่งใช้เครื่องยนต์เทอร์โบและมีการโมดิฟาย หรือปรับบูสต์ เรื่องปัญหาความร้อนมีความสำคัญมาก  
เพราะอาจหมายถึงความเสียหายที่เกิดกับเครื่องยนต์ได้เลยทีเดียว โดยปกติ เซ็นเซอร์ ที่ใช้วัดความร้อนของเครื่องยนต์จะติดตั้งอยู่ตรงท่อน้ำที่ออกจ ากเครื่อง
ซึ่งอุณหภูมิโดยปกติที่เครื่องยนต์ทำงานควรจะอยู่ที่ราว 90-100 องศาเซลเซียส และควรควบคุมไม่ให้สูงขึ้นเกินไปกว่า 120 องศาเซลเซียส
หากว่าอุณหภูมิยังสูงขึ้นก็พอมีวิธีแก้ไขคือ เพิ่มขนาดของหม้อน้ำให้ใหญ่ขึ้น เปิดกันชนหน้าให้ลมผ่านเข้าหม้อน้ำได้ง่ายขึ้น หรือไม่ก็เจาะสคูปดักลมบนฝากระโปรงหน้า
ให้ลมเข้ามาเป่าห้องเครื่อง วิธีการเหล่านี้พอจะสามารถทำให้เครื่องยนต์เย็นได้บ้างเหมือนกัน
  
   3. มาตรวัดรอบ (TACHO METER) RPM
         สำหรับมาตรวัดรอบ ก็เหมือนกับมาตรวัดความร้อน คือรถยนต์ส่วนใหญ่จะมีการติดตั้งมาให้จากโรงงานอยู่แล้ว  แต่สาเหตุที่มีบางคนต้องไปติดเพิ่มอาจจะมาจาก
เหตุผลต่างกันไป บางคนอาจคิดว่าเป็นอุปกรณ์ตกแต่งสร้างความสวยงาม  หรือความเท่ แต่กับบางคนอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ อย่างรถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายเปลี่ยน
ไปใช้แคมฯ องศาสูงมาก ๆ  จนทำให้สามารถเร่งรอบได้มากกว่าเดิม ซึ่งวัดรอบที่มีติดมากับรถ ไม่สามารถแสดงข้อมูลได้เพียงพอ จึงต้องหาอันใหม่มาติดเข้าไป
หรือในรถยนต์ที่ทำขึ้นมาสำหรับการแข่งขันควอเตอร์ไมล์ซึ่งจังหว ะการเปลี่ยนเกียร์ ถือเป็นสิ่งที่ต้องการให้ความสำคัญมาก การตัดสินแพ้ชนะอยู่ที่เวลาเพียงเศษเสี้ยว
วินาที ดังนั้นมาตรวัดรอบที่มาพร้อมไฟเตือน  จึงกลายเป็นอุปกรณ์ช่วยได้อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามการแพ้ชนะไม่ได้เพียงอุปกรณ์ที่ว่าเท่านั้น จังหวะฝีมือ สมาธิ
ในการเปลี่ยนเกียร์ของผู้ขับขี่เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า &n bsp;    

     4. มาตรวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง (OIL TEMP METER)
         อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง มีความสำคัญมากพอสมควร เพราะถือว่ามีผลกระทบกับเครื่องยนต์โดยตรง หากว่าอุณหภูมิของน้ำมันเครื่องสูงเกินไป เครื่องยนต์ก็
ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเ ครื่องที่ใช้  ซึ่งในตลาดน้ำมันเครื่องแยกเป็นหลายประเภท
มีทั้งแบบทนความร้อนสูงที่อุณหภูมิสูงถึง 120 องศาเซลเซียส ส่วนบางประเภทอุณหภูมิแค่ 110 องศาเซลเซียส ก็ทนไม่ไหวกลายสภาพเป็นน้ำก็มี
โดยปกติของอุณหภูมิน้ำมันเครื่องจะสูง-ต่ำ ไปในแนวทางเดียวกับอุณหภูมิของเครื่องยนต์หรืออุณหภูมิหม้อน้ำ ซึ่งถ้าความร้อนของน้ำขึ้น
อุณหภูมิของน้ำมันเครื่องก็จะขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ในสภาพการใช้งานเครื่องยนต์ควรรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเค รื่องให้อยู่ในช่วง 80-110 องศาเซลเซียส
ถ้าหากอุณหภูมิสูงขึ้นไปเกิน 120 องศาเซลเซียส ควรทำให้เย็นลงก่อนจึงใช้งานเครื่องยนต์ต่อไป สำหรับทางออกในการช่วยรักษาอุณหภูมิของน้ำมันเครื่อง
รถยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายมักมีการใส่ OIL COOLER เข้าไปช่วยก็ทำให้อุณหภูมิน้ำมันเครื่องไม่สูงเกินไป

     5. มาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง (OIL PRESSURE METER)        
มาตรวัดตัวนี้จะมีส่วนสำคัญในการแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ น้ำมันเครื่อง โดยค่าที่แสดงออกมาให้เห็นจะเป็นเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานในรอบส ูงๆ
หรือขณะที่เครื่องยนต์ มีอุณหภูมิในการทำงาน เพราะเมื่อน้ำมันเครื่องเจอเข้ากับความร้อนสูง ๆ จะถูกหลอมให้เหลวลง และถ้าน้ำมันเครื่องเหลวมากเท่าไหร่
ประสิทธิภาพความหล่อลื่นก็จะลดลงการสึกหรอ จนถึงการ ระบายความร้อนก็จะลดประสิทธิภาพลงตามไปด้วย ดังนั้นการตรวจสอบตรงจุดนี้จึงมีความสำคัญ
ซึ่งมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องจะเป็นตัวบ่งบอกข้อมูลนี้ได้ โดยในการแสดงข้อมูลให้เห็นนั้น หากว่ามีแรงดูดน้อย ที่เรียกว่า "แรงดันต่ำ" จะถือว่าการหล่อลื่นไม่ดี
เพราะแสดงถึงว่าน้ำมันเครื่องเหลวมาก ใช้แรงดูดน้อยก็ไหลเข้ามาแล้ว ในทางกลับกัน ถ้าน้ำมันเครื่องมีความหนืดมาก แรงดูดก็ต้องใช้แรงมาก  เรียกว่า "แรงดันสูง"
จะสังเกตได้ว่าเวลาที่น้ำมันเครื่องยังคงเย็น มาตรวัดจะแสดงว่ามีแรงดันสูง แต่เมื่อความร้อนเพิ่มขึ้น น้ำมันเครื่องคลายความหนืดลง ความดันก็จะเริ่มต่ำลงมา
สำหรับรถยนต์โดยทั่วไปในขณะวิ่ง แรงดันน้ำมันเครื่องควรอยู่ที่ประมาณ
3 - 4 kg/cm2 หรือหากสูงมากก็ไม่ควรจะเกิน 6 kg/cm2

     6. มาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสีย (EX. TEMP METER)
         อุณหภูมิของท่อไอเสีย หลายคนอาจจะมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับประสิทธิภาพ การทำงานของเครื่องยนต์ ทว่าในความเป็นจริงมันมีส่วนที่สัมพันธ์กับแรงดันน้ำมัน
หรือการไหลของอากาศสำหรับรถที่ผ่านการโมดิฟาย นอกจากน้ำมันเครื่องแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ ก็คือ ปริมาณการจ่ายน้ำมันเบนซิน ซึ่งปริมาณน้ำมันเบนซินจะมาก
จะน้อย ก็สามารถวัดได้จากมาตรวัดอุณหภูมิท่อไอเสียนี่เอง  ซึ่งหากมีการปรับน้ำมันให้อ่อนลง จะทำให้อุณหภูมิของท่อไอเสียเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นในทางตรงกันข้ามน้ำมัน
แก่ อุณหภูมิของท่อไอเสีย ก็จะต่ำลง ดังนั้นมาตรวัดอุณหภูมิไอเสีย จึงสามารถบอกข้อมูลของรถในขณะวิ่งได้ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไป มาตรวัดอากาศไหลเข้า  
หรือว่ามาตรวัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็ใช้บอกข้อมูลในทางเดียวกัน

     7. มาตรวัดแรงดันเชื้อเพลิง (FUEL PRESSURE METER)
         สำหรับมาตรวัดตัวนี้ใช้เป็นตัวเช็คแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ในขณะที่เหยียบคันเร่งแล้วน้ำมันขึ้นมาตามปริมาณที่เราออกแรงกด ลงไปบนคันเร่งหรือไม่
สำหรับคนที่ใช้รถแบบปรกติหรือใช้บนถนนทั่วไป มาตรวัดตัวนี้คงจะไม่จำเป็น อย่างไรก็ดีหากว่า ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดเกิดมีปัญหาขึ้นมา มาตรวัดที่บอกค่า
ของแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ก็สามารถเป็นตัวบอกความผิดปกติได้ วิธีดูมาตรวัดตัวนี้ จะใช้ดูค่าในขณะที่รถยนต์ติดเครื่องเดินเบาเป็นหลัก สำหรับรถยนต์ที่มีเทอร์โบ
ติดตั้งอยู่ด้วยค่าของแรงดันนี้จะขึ้น ไปตามอัตราการบูสต์ เช่น ค่าที่วัดได้ในขณะเดินเบามีค่าเป็น 3 บาร์ แต่เมื่อเทอร์โบบูสต์ไป 1 บาร์
ค่าบนของมาตรวัดจะชี้ไปที่ 4 บาร์ ซึ่งหากว่าแรงดันนี้ตกลง นั่นหมายถึงว่าขนาดของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือหัวฉีดที่ใช้ไม่ เพียงพอ เสียแล้ว
ดังนั้นมาตรวัดตัวนี้จึงมีความจำเป็นไม่น้อยสำหรับรถยนต์เทอร์โ บ ซึ่งผู้ขับขี่ความสังเกตค่าแรงดันในขณะที่เดินเบาเป็นหลัก และสังเกตว่าแรงดันน้ำมัน
นั้นขึ้นไปตามอัตราการบูสต์หรือไม่

     8. มาตรวัดส่วนผสมของอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง (A/F METER)
         มาตรวัดตัวนี้เป็นการเช็คความสมดุลระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเ พลิง สำหรับ A/F คืออัตราส่วนระหว่างอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง
ซึ่งโดยทั่วไปอัตราส่วนตามหลักการนี้จะต้องมีค่าเท่ากับ 14 ในขณะที่เครื่องเดินเบา เลข 14 ก็จะหมายถึงอากาศ 14 ส่วน/น้ำมัน 1 ส่วน  
ซึ่งจะผสมอยู่ในห้องเผาไหม้สำหรับจุดระเบิด และค่านี้จะต่ำลงไปในขณะที่มีการเร่งเนื่องจากปริมาณน้ำมันเพิ่ มขึ้น และค่า A/F นี้จะสูงขึ้นในขณะที่ทำการถอนคันเร่ง
โดยค่า A/F นี้จะถูกแบ่งออกเป็น "บาง" กับ "หนา" ซึ่งถ้าต้องการทำให้รถแรงขึ้น  ก็ต้องปรับให้ค่า A/F ให้มีค่าที่บางลง คือการปรับให้น้ำมัน
น้อยลง-อากาศมากขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับในลักษณะดังกล่าว ก็มีผลทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงขึ้นได้ จึงจำเป็นต้องมีการปรับอย่างระมัดระวัง
ทั้งนี้ค่า A/F ไม่ควรสูงเกินกว่า 12  เพราะนั่นหมายความว่าน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยเกินไป ซึ่งในรถที่มีการโมดิฟาย ควรจะให้มีค่า A/F ขณะเร่งอยู่ในช่วง
10.5- 11.5 ก็พอ

     9. แวคคั่ม มิเตอร์ (VACCUM METER)
         มาตรวัด VACCUM ตัวนี้ จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ในมาตรวัดตัวเดียวกับมาตรวัดอัตราบูสต์เทอร์โบ มาตรวัดตัวนี้จะตอบสนองกับ  อัตราการเหยียบคันเร่ง
ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการเช็คความสิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน สำหรับการดูค่าของมาตรวัดตัวนี้ต้องดูเวลา เครื่องเดินเบา ซึ่งจะดูได้จากค่าสุญญากาศ
ถ้าค่าสุญญากาศนี้มีมาก ก็จะถือได้ว่าเครื่องยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์ ไม่รั่วซึม แต่ถ้าค่านี้ลดลงไปมาก นั่นก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม มาตรวัดตัวนี้จึงเป็นมาตรวัด
ที่อาจมีไว้เช็คสภาพของเครื่องยนต์ ได้  ทั้งนี้ในขณะเครื่องยนต์เดินเบาถ้าเข็มบนมาตรวัดนี้บอกค่าไม่ถึ ง 300 cmHg นั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์
มีสภาพย่ำแย่ โดยเครื่องยนต์ใหม่ ๆ ที่มีความสมบูรณ์ค่าตัวนี้จะอยู่ที่ประมาณ 450 cmHg


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: yam_nt ที่ 17 สิงหาคม 2009, 19:01:59
ขอบพระคุณมั่ก ๆ ค่ะ แต่ว่า..ช่วยเลือกให้หนูซัก2-3 ตัวได้ม่ะอะคะ หนูมีงบ10,000 บาท :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: BillyTheKid ที่ 17 สิงหาคม 2009, 19:47:59
ของฮิต !
(http://super-autocar.com/files/images/items/20090113185512.jpg)

ของแพง !
(http://www.rhdjapan.com/images/product/53973/Image/Normal/Image1.jpg)

ของดี !
(http://www.stackltd.com/images/product_st700.png)


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: ping0168 ที่ 17 สิงหาคม 2009, 20:17:27
หลักๆก็จะมี
 
water temp
oil temp
oil press
อันอื่นก็ติดได้เลือกเอาครับ  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 18 สิงหาคม 2009, 07:47:37
หลักๆก็จะมี
 
water temp
oil temp
oil press
อันอื่นก็ติดได้เลือกเอาครับ  ;D ;D ;D


ติดเลยน้อง 3 ตัวนี้พี่ติดอยู่ ของ Defi' ง่ะ มือ 1 พร้อมกล่องก็ประมาณ 32.000 ง่ะ

แต่ถ้ามือ 2 พร้อมกล่องก็ 15.000 ง่า.......ติดแล้วใช้ไปได้นานเลย.......

ถ้าไปซื้อเกจ์คลองถมนะพังง่าย แถมขายต่อก้ไม่ได้ราคา...เอาของดีๆเหอะ

ของถูกและดีในโลกนี้มันหายาก...แต่ของแพงแต่ดีโลกนี้ มีเยอะแยะ          :-* :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: yam_nt ที่ 18 สิงหาคม 2009, 08:12:54
มือ 2  ราคา 15,000 พร้อมกล่องนี่ถ้าไม่เอากล่องลดได้อีกป่ะคะ?
อิอิ..ล้อเล่นค่า
น่าสนนะเนี่ย มือแรก 32,000 เกินงบ 3 เท่า ม่ายเอาอ่าส์
แล้วหนูจะซื้อได้ที่ไหนคะเฮียโก้


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: beer4353 ที่ 18 สิงหาคม 2009, 08:51:28
ของเกร็ดดีๆ พวกวัด TEMP ตัวนึงก็ควรจะเตรียมไว้ตัวนึงประมาณ  3000 - 5000 บ. แล้วครับ
ส่วนพวกวัดค่าแรงดัน PRESS ตัวนึงก็เตรียมไว้เลยประมาณ  4000 - 8000 บ.

ถ้างบประมาณนี้ แนะนำว่าให้ติด Oi Temp, Water Temp, Oil Press  ครับ   จะอยู่ประมาณงบนี้ หรือเกินนิดหน่อยเท่านั้น

อ้างอิงจากเกจยี่ห้อ Shadow นะครับ เกร็ดใช้ได้ เนื้องานดี กล้าแนะนำเพราะลองใช้อยู่      :-*


ปล. ตัวนี้เข็มมาตรวัด ทำงานด้วยระบบสเต๊ปมอเตอร์ไฟฟ้า + ตั้งค่าเตือน ไฟและเสียงได้ + เช็คการแสดงผลค่าสูงสุดได้ครับ      :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: Roddy ที่ 18 สิงหาคม 2009, 11:14:32
^
^

ราคาของ Shadow เป็นยังไงบ้างครับ สวยดี


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 18 สิงหาคม 2009, 14:44:01
มือ 2  ราคา 15,000 พร้อมกล่องนี่ถ้าไม่เอากล่องลดได้อีกป่ะคะ?
อิอิ..ล้อเล่นค่า
น่าสนนะเนี่ย มือแรก 32,000 เกินงบ 3 เท่า ม่ายเอาอ่าส์
แล้วหนูจะซื้อได้ที่ไหนคะเฮียโก้

ซื้อต่อพี่เบียร์ก็ได้ครับ

เขาจะขายไปเล่น Defi'   :-* :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: beer4353 ที่ 18 สิงหาคม 2009, 14:59:50
^
^

ราคาของ Shadow เป็นยังไงบ้างครับ สวยดี

วัด Water Temp / Oil Temp / Volt   ตกตัวล่ะ 2950 บ.ครับ
วัด Boot / แวคกัม  ตัวล่ะ  3500 บ. ครับ
วัด Oil Press  ตัวล่ะ 4900 บ.  

ลืมบอกว่า ปรับความสว่างได้ 7 ระดับด้วยนะครับ แต่ผมใช้สว่างน้อยสุด  ลองปรับ ที่สูงสุด สว่างมาก LED ชิดซ้าย      :o

ทั้งหมดพร้อม Sensor ครับ มีหน้าดำ สโมก แล้วก็หน้าขาว นี่แหละครับ      :) :) :)

พรีเซนต์เหมือนขายเองเลยนะเนี่ย                ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 18 สิงหาคม 2009, 15:06:28
วัด Water Temp / Oil Temp / Volt   ตกตัวล่ะ 2950 บ.ครับ
วัด Boot / แวคกัม  ตัวล่ะ  3500 บ. ครับ
วัด Oil Press  ตัวล่ะ 4900 บ. 

ทั้งหมดพร้อม Sensor ครับ มีหน้าดำ สโมก แล้วก็หน้าขาว นี่แหละครับ      :) :) :)

พรีเซนต์เหมือนขายเองเลยนะเนี่ย                ;D ;D ;D



ก็ขายไปเซ่ พ่อรูปหล่อ     :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: beer4353 ที่ 18 สิงหาคม 2009, 15:08:53
ซื้อต่อพี่เบียร์ก็ได้ครับ

เขาจะขายไปเล่น Defi'   :-* :-*



ก็ขายไปเซ่ พ่อรูปหล่อ      :-* :-* :-*

แลกกับ Defi โก้ละกัน             :-[

โก้เพิ่มตังค์ให้เราอีก  5000 บ. พอ กันเองๆ           :D

เป็นคนอื่นไม่ต้องเพิ่มให้นะเนี่ย             :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 18 สิงหาคม 2009, 15:11:03
แลกกับ Defi โก้ละกัน             :-[

โก้เพิ่มตังค์ให้เราอีก  5000 บ. พอ กันเองๆ           :D

เป็นคนอื่นไม่ต้องเพิ่มให้นะเนี่ย             :-*



แลก กะ B20 เอา...เพิ่มเงินให้ 1.500 นะเพื่อนร๊ากกกกกกกก            :-* :-*


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: yam_nt ที่ 19 สิงหาคม 2009, 19:22:30
ขอบพระคุณรุนช่องคุณพี่เบียร์ พี่โก้ แล้วก็พี่อีกคนนะคะ!!
ว่าแต่ ซื้อต่อพี่เบียร์ได้จริงป่ะคะ?
อิอิ


หัวข้อ: Re: ขอคำแนะนำเรื่องเกจ์วัดด้วยเจ้าค่ะ!!
เริ่มหัวข้อโดย: system-dj ที่ 20 สิงหาคม 2009, 08:20:31
ขอบพระคุณรุนช่องคุณพี่เบียร์ พี่โก้ แล้วก็พี่อีกคนนะคะ!!
ว่าแต่ ซื้อต่อพี่เบียร์ได้จริงป่ะคะ?
อิอิ

 ;D ;D ;D