เมื่อวันที่ 28 พ.ค. โดยเครือข่ายเฝ้าระวังทางศาสนา ได้ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม ว่า มีชาวต่างชาติไอเดียพิเรนทร์ นำเอาภาพพระพุทธรูปไปติดสินค้าที่ระลึกขายทางเว็บไซต์
http://www.cafepress.com/philosophy_shop/887007 
ขอให้ กระทรวงวัฒนธรรมตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว ที่กระทำการดูหมิ่นพุทธศาสนา ด้วยการนำพระพักตร์ของพระพุทธรูป มาสกรีนลงบนสินค้าต่างๆอย่างไม่เหมาะสม อาทิ กางเกงในสตรีแบบจีสตริง กางเกงในผู้ชาย เสื้อสำหรับสุนัข และเสื้อสายเดี่ยวของสตรี เป็นต้น เพื่อนำสินค้าเหล่านี้มาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของร้านค้ากิ๊ฟต์ช็อปพุทธศาสนาให้ชาวต่างชาติทั่วโลกซื้อ
ทั้งนี้ เครือข่ายเฝ้าระวังฯได้ระบุคำร้องเรียนว่า ได้ไปอ่านในเว็บต์เจอเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยความเป็นชาวพุทธ จึงรู้สึกร้อนใจมากที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อยากขอร้อง ให้กระทรวงวัฒนธรรมช่วยดูแลและจัดการโดยด่วน ไม่ทราบว่าปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ได้อย่างไร ไม่ว่าเรื่องที่ปล่อยให้มีการจัดงานรื่นเริงประเภทเต้นนุ่งน้อยห่มน้อยในวัด งานศพที่มีโคโยตี้มาเต้นในวัด เพราะชาวพุทธไม่เกิดความละอาย อย่างนี้ ต่างชาติจึงไม่มีความละอายในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่า อยากให้ทุกประเทศทราบว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ใครจะมาลบหลู่มิได้ หากใครนำสิ่งที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวของศาสนาพุทธ เช่น พระพุทธรูป หรือภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปใช้ตามที่ไม่สมควร รวมทั้งการกระทำอนาจารต่างๆในที่ศาสนสถาน ประเทศไทย ควรจะต้องมีบทลงโทษตามกฎหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้ชาวต่างชาติขอโทษก็ยอมอย่างนี้เรื่อยไป เหตุการณ์ อย่างนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกว่าชาวพุทธอ่อนแอเกินไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว พบว่า เป็นเว็บไซต์ขายสินค้าของขวัญและของฝากทางอินเตอร์เน็ต โดยระบุว่ามีของขวัญทุกประเภทที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า และของแต่ละชิ้นมีการสกรีนรูปพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า อาทิ เสื้อยืด หมวก เสื้อกล้าม เสื้อสายเดี่ยว กางเกงในบ๊อกเซอร์ กางเกงในจีสตริง ผ้ากันเปื้อน เข็มกลัด เสื้อสุนัข บอดี้สูท แก้วน้ำ กระเป๋า เป็นต้น โดยได้ ระบุราคาของสินค้าที่ต้องการ และผู้ซื้อสามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้
นายปรีชา กันธิยะ อธิดีกรมการศาสนา กล่าวว่า จะประสานงานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา องค์กรชาวพุทธศาสนาโลก และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ และการสื่อสารแห่งประเทศไทย เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจว่า เว็บไซต์นี้กระทำการไม่เหมาะสม ดูหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง และเรียกร้องให้แก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด เพราะการกระทำดังกล่าวกระทบต่อความรู้สึกของชาวพุทธทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง เพราะเกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่มีความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนที่นับถือศาสนาอื่นๆ หากมีการทำความเข้าใจ และตรวจสอบรายละเอียดของเนื้อหา ที่ผ่านการนำเสนอของเว็บไซต์แล้ว จะสามารถระงับเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เนื่องจากเข้าข่ายการนำเสนอที่ขัดต่อศีลธรรม และจริยธรรมอันดีของหลักพระพุทธศาสนา
?เรื่องดังกล่าวต้องทำความเข้าใจกับประชากรแต่ละศาสนา ทั่วโลกมีผู้นับถือศาสนาอื่นๆจำนวนกว่า พันล้านคน และมีชาวพุทธเพียง 300 ล้านคน เท่านั้น จึงทำให้คนที่ไม่เข้าใจในศาสนาพุทธ กระทำการลบหลู่ และดูหมิ่นศาสนาพุทธได้ ดังนั้น กรมการศาสนาจะนำเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่างเพื่อจัดทำแผนวิจัยเชิงรุก และเสนอต่อที่ประชุมนานาชาติของพุทธศาสนาโลก เพื่อขับเคลื่อนการออกมาตรการแก้ไขการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่อพระพุทธศาสนาดังกล่าว จากนั้นนำข้อสรุปมาตีพิมพ์ เป็นวารสารต่างประเทศเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจในการปฏิบัติที่เหมาะสมด้วย? นายปรีชากล่าว
ข้อมูลจาก
ผู้เขียน
