จอดรถทิ้งใว้นานสตาทติดยากทำไงดีครับ???จ

[THANUT]

พอดีไม่ค่อยได้อยู่บ้านหลังนั้นครับเลยจอดรถทิ้งใว้คันนึงegครับ พอกลับมาสัก2-อาทิตย์สตาทยากแต่ก้พอติด...แต่เครื่องเดินแบบเหมือนไม่มีแรงส่งเลยครับ...ต้องคอยเบิลคันเร่งแรงๆไม่ไห้รอบตกจนดับนะครับ...แล้วตอนนี้ก้ต้องออมาจากบ้านนั้นอีกผมเลยถอดขั่วแบทออก..รออีกอาทิดกว่าแล้วจะกลับไปจัดการนะครับ....ไม่ทราบว่าท่านใดพอจะทราบสาเหตุบ้างครับ...ช่วยผมทีว่าต้องทำยังไงบ้าง :'( :'( :'( :'( :'( :'(

[panukij]

อาการของรถสตาร์ทติดยาก หรือไม่ค่อยจะติดเนี่ย..ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีคนตอบกระทู้ให้ติดได้ง่ายๆ สาเหตุที่ติดยากหรือไม่ติด มันมีปัจจัยและสาเหตุหลายอย่าง เช่น แบตเตอรี่ น้ำมัน  ตรงโน้น. จุดนี้  แต่ถ้าช่างเขาอยู่กับรถ เขาจะไล่ตามระบบไปเรื่อยๆ
จนพบสาเหตุ  แล้วแก้ไขให้เป็นปกติได้   ลองไล่ระบบ และหลักการทำงานของเครื่องยนต์ แล้วแก้ไขไปทีละอย่าง แต่ถ้าไม่รู้ระบบ
ของเครื่องยนต์  หาช่างมาช่วยที่รถก็คง โอเค   บางครั้งเรื่องเล็กน้อยหรือไม่เข้าใจ ก็เป็นปัญหาใหญ่ได้ เช่น แบตเตอรี่ ไฟอ่อน
เวลาสตาร์ท ( ดูเหมือนมีไฟ ) สตาร์ทอย่างไรก็ไม่ติด  พอเพิ่มไฟให้กับแบตฯ  รถก็ติดได้ง่าย  ตรงนี้ไงจุดเล็กๆที่เราไม่เข้าใจมัน
คิดว่า รถปกติหรือแบตมีไฟ  ครับพิจารณาดู

[THANUT]

ขอบคุณมากครับพี่ที่ไห้ความรู้  คือผมต้องถอดแบทไปให้ร้านเค้าชารต์ไฟไหม่ใช่มั้ยครับ,,แล้วตรงเรื่องที่พอติดแล้วมันเหมือนไม่มีแรงส่งนี่ต้องลงไปดูตรงคอยด์ไฟป่าวครับพี่

[panukij]

ขอบคุณมากครับพี่ที่ไห้ความรู้  คือผมต้องถอดแบทไปให้ร้านเค้าชารต์ไฟไหม่ใช่มั้ยครับ,,แล้วตรงเรื่องที่พอติดแล้วมันเหมือนไม่มีแรงส่งนี่ต้องลงไปดูตรงคอยด์ไฟป่าวครับพี่

รถถ้าได้เปิดกุญแจแล้ว สตาร์ทติด ๆ ทุกครั้งไป ก็ถือว่า โอเคแล้ว  ส่วนเรื่องแรงไม่มี แรงน้อยเราก็ค่อยๆมาไล่กันดู เช่น อายุการใช้งานของรถ กรองอากาศสภาพเป็นอย่างไร  วาล์วตั้งแต่ใช้มามีการตั้งไหม.. ท่อทางเดินเชื้อเพลิงเป็นไงส่งผ่านดีไหม..อะไรประมาณนั้น  พิจารณาตามหลักวัตถุธาตเหมือนคนก็ได้  คือ ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ   ถ้าเปรียบ ดินก็เป็นเครื่องยนต์  น้ำก็เป็นเชื้อเพลิง
ลม ก็เป็นอากาศที่เข้าไปผสม  ไฟ. ก็หัวใจคือแบตเตอรี่   ถ้าสิ่งเหล่านี้สภาพครบ ผมเชื่อว่ารถส่วนใหญ่ใช้การได้ดี  ส่วนปัจจัยอื่นๆ
เวลาเลี้ยวแล้วมีเสียงดัง  วิ่งไปบนทางไม่เรียบมีเสียงกุกกัก  วิ่งผ่าฝนน้ำเข้าเก๋ง สีถลอก  ตรงนั้นบุบปี้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาภายนอก สร้างความรำคาญใจกับการใช้รถเท่านั้น  ก็หาวิธีแก้ไขกันไป   คือเกิดจุดตรงไหนก็หาวิธีแก้ไขตรงจุดนั้น  แล้วรถจะมีสภาพสมบูรณ์ สามารถใช้มันได้อย่างมั่นใจ   บางคนใช้อย่างเดียว ขับไปไหนต่อไหน กลับถึงบ้าน..เสียบโรงๆ  ไม่มีการเปิดโน่นนี่ดูบ้างว่ามีอะไรถึงสภาพเปลี่ยนแล้วบ้าง  ถ้ามัวรอให้มันเป็น มันจะลามไปถึงจุดอื่นๆด้วย   ลองเปรียบสภาพรถตามเต้นท์ที่ขายดูซิ
ว่าทำไมสภาพถึงต่างกัน  ทั้งที่เป็นรถยี่ฮ้อเดียวกัน  นั่นเป็นเพราะอุปนิสัยของผู้ใช้  เวลาเราไปซื้อเราถึงเลือกสภาพกันไง
....นอกจากเราจะใช้รถแล้ว  เราก็ต้องหัดเป็นช่างด้วย  อย่างน้อยช่างสังเกตก็ยังดี  ดูช่างเขาทำอ้ายโน่นไอ้นี่ แล้วก็จดจำมาทำกับรถเราบ้าง บางอย่างไม่จำเป็นต้องไปเสียค่าใช้จ่ายแพงๆ ไง  บางครั้งเราก็สงสารคนที่เขาไม่เป็นช่าง น๊อะ..เวลารถเสียเอาไปซ่อม
เขาบอกเท่าไหร่ก็เท่านั้น  หรือช่างมันแหกตาบอกว่าต้องเปลี่ยนตรงนั้นตรงนี้ คนไม่รู้ดูไม่เป็นก็ต้องเสียรู้เขาไป  เขาเลยถอดเอาของดีของเราไป เพื่อจะไปเคมให้กับรถคันอื่นต่อๆไป  ดูซิดู  ก็สารบทกันยาวหน่อย อะไรที่เป็นความรู้ก็นำไปใช้ก็แล้วกัน ผมก็แนะนำแต่สิ่งที่รู้รู้ได้แค่นี้แหละ ไม่ใช่คนเก่งหรอก แต่ชอบทำเองมากกว่า

[beer4353]

อย่างที่พี่ข้างบนว่าเลยครับ จอดไว้นาน สิ่งแรกที่มักจะไปก่อนใคร คือ แบตเตอร์รี่เสื่อม ครับ

สิ่งที่ตามมา ก็คือ ปั้มติ๊ก นั่นเอง ยังไงก็ค่อยๆ ไล่เช็คดูครับ

 

[THANUT]

ขอบคุณครับ......ปั๊มติ๊กนี่มีหน้าที่สูบฉีดน้ำมันข้นมาป่าวคับ...แล้วอาการที่พอติดแล้วเหมือนไม่มีแรงส่งนี่เป็นเพาะอรายหรอคับ....

[broom]

รถถ้าได้เปิดกุญแจแล้ว สตาร์ทติด ๆ ทุกครั้งไป ก็ถือว่า โอเคแล้ว  ส่วนเรื่องแรงไม่มี แรงน้อยเราก็ค่อยๆมาไล่กันดู เช่น อายุการใช้งานของรถ กรองอากาศสภาพเป็นอย่างไร  วาล์วตั้งแต่ใช้มามีการตั้งไหม.. ท่อทางเดินเชื้อเพลิงเป็นไงส่งผ่านดีไหม..อะไรประมาณนั้น  พิจารณาตามหลักวัตถุธาตเหมือนคนก็ได้  คือ ดิน  น้ำ  ลม  ไฟ   ถ้าเปรียบ ดินก็เป็นเครื่องยนต์  น้ำก็เป็นเชื้อเพลิง
ลม ก็เป็นอากาศที่เข้าไปผสม  ไฟ. ก็หัวใจคือแบตเตอรี่   ถ้าสิ่งเหล่านี้สภาพครบ ผมเชื่อว่ารถส่วนใหญ่ใช้การได้ดี  ส่วนปัจจัยอื่นๆ
เวลาเลี้ยวแล้วมีเสียงดัง  วิ่งไปบนทางไม่เรียบมีเสียงกุกกัก  วิ่งผ่าฝนน้ำเข้าเก๋ง สีถลอก  ตรงนั้นบุบปี้ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาภายนอก สร้างความรำคาญใจกับการใช้รถเท่านั้น  ก็หาวิธีแก้ไขกันไป   คือเกิดจุดตรงไหนก็หาวิธีแก้ไขตรงจุดนั้น  แล้วรถจะมีสภาพสมบูรณ์ สามารถใช้มันได้อย่างมั่นใจ   บางคนใช้อย่างเดียว ขับไปไหนต่อไหน กลับถึงบ้าน..เสียบโรงๆ  ไม่มีการเปิดโน่นนี่ดูบ้างว่ามีอะไรถึงสภาพเปลี่ยนแล้วบ้าง  ถ้ามัวรอให้มันเป็น มันจะลามไปถึงจุดอื่นๆด้วย   ลองเปรียบสภาพรถตามเต้นท์ที่ขายดูซิ
ว่าทำไมสภาพถึงต่างกัน  ทั้งที่เป็นรถยี่ฮ้อเดียวกัน  นั่นเป็นเพราะอุปนิสัยของผู้ใช้  เวลาเราไปซื้อเราถึงเลือกสภาพกันไง
....นอกจากเราจะใช้รถแล้ว  เราก็ต้องหัดเป็นช่างด้วย  อย่างน้อยช่างสังเกตก็ยังดี  ดูช่างเขาทำอ้ายโน่นไอ้นี่ แล้วก็จดจำมาทำกับรถเราบ้าง บางอย่างไม่จำเป็นต้องไปเสียค่าใช้จ่ายแพงๆ ไง  บางครั้งเราก็สงสารคนที่เขาไม่เป็นช่าง น๊อะ..เวลารถเสียเอาไปซ่อม
เขาบอกเท่าไหร่ก็เท่านั้น  หรือช่างมันแหกตาบอกว่าต้องเปลี่ยนตรงนั้นตรงนี้ คนไม่รู้ดูไม่เป็นก็ต้องเสียรู้เขาไป  เขาเลยถอดเอาของดีของเราไป เพื่อจะไปเคมให้กับรถคันอื่นต่อๆไป  ดูซิดู  ก็สารบทกันยาวหน่อย อะไรที่เป็นความรู้ก็นำไปใช้ก็แล้วกัน ผมก็แนะนำแต่สิ่งที่รู้รู้ได้แค่นี้แหละ ไม่ใช่คนเก่งหรอก แต่ชอบทำเองมากกว่า

เป็นนักเขียนหรือเปล่าครับ สไตล์เดียวกับนักเขียนนิตยสารเลยครับ...

[panukij]

เป็นนักเขียนหรือเปล่าครับ สไตล์เดียวกับนักเขียนนิตยสารเลยครับ...

..แหม..ขอบคุณที่ชม  อย่างนี้ต้องลองไปสมัครกับนิตยสารรถซะแล้ว ..อิอิ
ก็เพียงแต่พูดออกจากใจ จริงๆ เท่านั้นเองครับ

[THANUT]

ขอยคุนพวกพี่ๆมากครับ