แนะนำให้ไปเรียนรู้งานจากร้านเพื่อนของคุณ Commoner ครับ
ทำได้ไง 8 เดือน คืนทุน 2 ล้าน... กำไรเดือนละ 2.5 แสน...
อยากขอเข้าไปเรียนรู้จริงๆ ครับ... นับถือ...
ผมเข้าใจว่า ที่เขาเล่าให้ฟังไม่น่าจะเป็นกำไร น่าจะหมายถึงรายได้โดยรวม
ตัวเราก็ไม่ใช่คนได้ตังค์เองซะด้วย
จริงเท็จไม่ทราบ แต่คะเนด้วยสายตา ก็น่าจะเป็นไปได้
เพราะมีรถเข้าโปรแกรม ขัด ทุกวัน วันนึงก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 2 คัน
ไม่รู้ลูกค้ามาจากไหน
คันนึงขนาดกลางอย่างซีวิก ก็ตกห้าพันกว่าบาท ราคากันเองนะเนี่ย
2 คันก็หมื่นนึง 30 วันก็ 3 แสน
นี่ยังไม่รวมล้างรถเคลือบสีทั่วไปอีกนะครับ
ก็เป็นไปได้ที่จะคิดเอาค่าล้างรถ เคลือบสีทั่วไป หักกลบเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน
เราก็ไม่ได้ไปนั่งเฝ้าร้านเขา ก็ไม่รู้เป็นยังไง
แต่ไปทีไร ไม่ว่าจะวันธรรมดา หรือเสาร์อาทิตย์ ก็มีรถขัดในโปรแกรมทุกครั้งไป
เขาบอกผมว่า 8 เดือน ผมก็เชื่อมากกว่าไม่เชื่อ
ปกติลูกค้าเก่า ล้างธรรมดา เขาจะคิด 120 แต่บางวันผมเห็นทำไมเอาป้าย 150 ลากมาไว้หน้าร้าน
ก็เลยถาม ได้ความว่า เป็นป้ายไล่ลูกค้า -- ไล่ลูกค้า จริงๆ นะครับ
คือ วันนั้นมีรถเข้าโปรแกรมขัด หลายคัน จึงไม่อยากรับล้างรถ
ประสบการณ์เขามีคือ เวลาเอาป้ายนี้มาวาง ลูกค้ามักไม่ค่อยเข้าร้าน
ดังนั้นถ้าเห็นป้ายนี้ แปลว่า ไม่รับล้างรถนะครับตอนนี้
สามอาทิตย์ก่อน ตอนฝนตกเนี่ยแหละครับ ผมเอารถไปขัด เพราะเดาว่าคงไม่มีรถแน่ๆ
ยังเจอคนเอารถไปขัดอีก 2 คัน คันนึง อยู่ในโปรแกรมเหมือนผม อีกคันขัดเฉพาะกิจครั้งละ 3000
มันจะบ้า หรือเปล่าวะเนี่ย
คิดอีกที เขาก็คงบ้าเหมือนเรา ขัดรถตอนฝนตก
8 เดือน มันก็เป็นไปได้ ถ้าหาคนเข้าโปรแกรมได้
แต่จะว่ากำไรก็ไม่ใช่ เพราะต้องมีหนี้ล้างรถเคลือบสีให้อีก 10 ครั้งใน 1 ปี
ถ้ากิจการดำเนินไปไม่สะดุด มันก็จะเป็นวัฏจักรรอบละ 1 ปี
เขาบอกผมว่าตอนเปิด นึกว่า 3 เดือนคงจะเจ๊ง
แต่ปรากฏว่าเดือนแรก ก็ผ่านแล้ว ขนาดล้างเคลือบฟรีเพื่อดึงลูกค้า หลายสิบคัน
ผมเองยังพาเพื่อนชมรมอื่นไปล้างเคลือบ cleaner wax ฟรี 10 กว่าคันมาแล้ว
จริงๆ แล้ว ถ้าไม่เข้าโปรแกรม แต่เคลือบสีอื่นๆ มันก็ยังกำไรเยอะพอควร
ผมซื้อเทคเวกทิ้งไว้ ขวดละประมาณ 1200 เคลือบได้ น่าจะสัก 30 หรือ 40 ครั้ง
ตอนนี้ใช้ไปประมาณสิบกว่าครั้ง หมดไปเกิน 1 ส่วน 4 นิดเดียว
คิดแล้วต่อครั้ง ค่าน้ำยา 30 บาท + ค่าแรงล้างรถ
แต่ถ้าเราใช้น้ำยาเขา ก็ 750
บางร้าน ไม่มีลดเลยนะครับ แต่บางร้านก็ลดให้ เลือดออกซิบๆ
ตอนนี้เจอที่ไรก็พูดแต่จะเปิดร้านเปิดอยู่ร่ำไป
เขาอาจจะมีจิตใจผู้ประกอบการอยู่มาก
จึงฝันไกลตั้งเป้าจะเป็นเบอร์หนึ่งในเมืองไทยให้ได้
ผมก็ยินดีด้วย ที่เขาเป็นเช่นนี้ เพราะผมเชื่อว่าถ้าผู้ประกอบการคิดเช่นนี้
เขาต้องพัฒนาการบริการของเขาอยู่เสมอ สมประโยชน์ทุกฝ่าย
ผมเล่าตามที่เห็น และได้คุยกับเจ้าของร้านแห่งหนึ่ง
จริงเท็จหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ตังค์เอง มีแต่จะเสียตังค์
เขาอาจจะโม้ก็ได้ แต่เท่าที่เห็นคะเนดูก็น่าจะเป็นไปได้สำหรับร้านนี้
ส่วนร้านอื่นๆ ผมไม่ทราบนะครับ ไม่สนิท ไม่กล้าถามมาก
โดยส่วนตัวก็คิดว่าเข้า carcare ล้างเคลือบก็ไม่ได้แพงอะไร
เทียบกับสระผม โดยเฉพาะร้านผู้หญิง ยังร้อย สองร้อยเลย ใช้น้ำใช้ครีมนิดเดียว
คิดยังงี้ก็เลยลองใช้บริการหลายแห่งเหมือนกัน
แห่งแรกที่เริ่มไปคือ washmania แล้วก็ติดเชื้อบ้าล้างรถมาด้วย
สวิสซอก็ลองมาแล้ว PSone (เรียกไม่ถูก) ก็ลองแล้ว
เห็นที่ไหนก็ลองไปทั่ว แมกไกวหลายที่ ลองเกือบจะทุกน้ำยาตั้งแต่ cleaner
gold techwax sealant polymer อะไรก็ไม่รู้ ลองหมด
ออโต้จิมก็เคยแต่ไม่ค่อยชอบ ที่อยู่ตามห้างก็หลายที่ (แพงเกินควร)
pinacle ก็ดี eagle one ก็ดี เงางามทั้งนั้น ซื้อน้ำยามาเคลือบเองก็ทำ
เขาแต่ละทีก็ต้องมีคุยกับที่ร้านอยู่บ้าง
ดูโปรแกรมของเขาไปเรื่อย ดูช่าง ดูการทำงานที่ต่างกันไปบ้างของแต่ละแห่ง
ยังไงแต่ละแห่งก็ไม่มีทางเหมือนกัน ซึ่งจุดนี้แหละคือตัววัดว่าไปรอดหรือเปล่า
ส่วนตัวชอบร้าน washmania กับร้านของเพื่อนผม อาจจะเพราะเจ้าของรู้เรื่อง
และดูแลลูกน้องดี ผมจำได้ช่างกบของ washmania ขัดรถผม ยังกับทำงานศิลป
ผมก็ถามว่ามีความสุขมั๊ยที่ขัดรถ เขายิ้ม แล้วก็บอกว่ายิ่งรถสกปรกมาแล้วเขาขัดให้ใหม่
เขาจะดีใจมาก ลูกน้องอย่างนี้หายาก มีแต่จะขี้เกียจทำงาน นี่มีความสุขในการทำงาน
ถ้าผมไปที่ร้านนี้ ผมก็ต้องอยากให้ช่างคนนี้ทำรถผมเป็นธรรมดา ตอนหลังไม่ได้ไปที่นี่เป็นปีแล้ว
ส่วนร้าน carlack นั้น ยังไม่เคยไปเลยครับ เนื่องด้วยเคยซื้อน้ำยายี่ห้อนี้มาใช้นานมาแล้ว
แล้วรู้สึกเฉยๆ ก็เลยไม่ได้ไปลอง แต่ดูจากการที่คุณ Car-Lack 68 ติดตามเอาใจใส่ลูกค้า
ก็คิดว่าร้านจะมีอนาคตไกล
มีอีกเรื่อง ลืมไป ที่ว่า 8 เดือนมันเร็วไป
เพื่อนผมเคยบอกว่ามีร้านเมกไกว ในเมืองแห่งหนึ่ง ได้ข่าวว่า 3 หรือ 4 เดือนเท่านั้น
จริงหรือเปล่าไม่ทราบ ผมอยู่นอกวงการครับ ได้ยินมาอย่างนี้ ก็เล่าต่อ
ขอให้โชคดีทุกท่านนะครับ
ผมก็พูดยาวไปเรื่อย ขอโทษด้วยนะครับ
