ประเด็นเพี้ยนแล้ว

1.เรื่องการใช้ในปัจจุบันให้ถูกตามกาละเทศะ นั่นน่ะ ไม่ได้ว่าอะไรเลย และเป็นสิ่งที่ดี แต่..........
2.ผมหมายถึงว่า คำว่า กู มึง หากจะใช้ในหมู่พวกเรากันเอง แล้วพวกอื่นๆ ทำไมต้องเหยียดหยาม เหยียบย่ำ เย้ยหยัน ว่าเป็นคำหยาบคาย เป็นภาษาพ่อขุนฯด้วย กลายเป็นประเด็นว่าพ่อขุนผิดหรือ ที่สร้างคำนี้ขึ้นมา
โดยรากศัพท์ มันไม่ได้หยาบคายเลย
กู ก็คือ I ภาษาบาลี ก็คือ อหํ (เอกพจน์) มยํ โน(พหูพจน์ (อะหัง มะยัง โน) นี่ แจกศัพท์ตามแบบภาษาบาลี มาตรา ปฐมาวิภัติ์ให้ด้วย
มึง ก็คือ You ภาษาบาลี ก็คือ ตํ ตวํ(เอกพจน์) ตุมฺเห โว (พหูพจน์) ( ตัง ตะวัง ตุมเห โว)
เห็นไหม ภาษาอื่นๆ เขาไม่มีคำแต่งเติมมากมายแบบของเรา ส่วนภาษาบาลี ที่มีหลายแบบ ก็เพราะ เป็นการแยกแยะ ตามการใช้ให้ถูก ว่าเป็น บุรุษที่1 คนเดียว กู (อหํ)หรือบุรุษที่1 หลายคน พวกกู (มยํ หรือ โน) เท่านั้น ซึ่งมีความจำเป็น ในการต้องใช้แยกอยู่แล้ว ไม่ได้มีเพื่อความแบ่งชั้น วรรณะ หรือให้หรูหรา ซึ่ง ไม่จำเป็นเลย
แต่เอาละ การสร้างคำใหม่ๆขึ้นมา ให้มันดู แยกแยะ หลากหลาย หรูหรา มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย เป็นสิ่งที่ดี แต่ อย่าใช้คำเหยียบย่ำ คำว่า กู มึง ว่าเป็นคำหยาบคาย เป็นการยำยีบรรพบุรุษของเราครับ
ถ้าเราไม่นึกถึงการแต่งเติม การสร้างคำในสมัยใหม่ให้ดูหรูหรา เอาแบบดั้งเดิม มันเป็นภาษาที่เรียบ ง่าย ไม่ได้ดูรุนแรง ไม่ได้น่าเกลียดเลย แต่ คนสมัยใหม่ ไปทำให้มันดูหยาบคายเอง ต่างหาก
555 อย่าซีเรียสครับ พูดเล่น ๆ เอา ฮา แบบจริงจังครับ ไม่ถือสานะ กาษอื่น ๆ อาจจะมีหลากหลายกว่านี้ก็ได้ ผมเองก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกภษา หรอก
