ยาวมากครับ แต่อย่าเพิ่งท้อ เพราะเรากำลังจะซื้อรถคันละเกือบล้าน อ่านอย่างตั้งใจสักนิด+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
HONDA Civic 1.8 i ? VTEC
ในที่สุด HONDA Civic โฉมใหม่ยุคที่ 8 ก็เผยหน้าของหนุ่มใหญ่วัย 33 ปี ให้เห็นกันซะที จากการถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 1972 ผู้สร้างตำนานเครื่องยนต์มลพิษต่ำ CVCC ซึ่งไปสร้างชื่อโด่งดังอยู่ในสหรัฐอเมริกา และดูเหมือนว่าเรื่องเครื่องยนต์ลดมลภาวะนี้จะเป็นเจตนารมณ์ที่สืบทอดต่อกันมาของทาง HONDA จวบจนถึงเครื่อง VTEC LET และ HONDA e ? TECH ( Ecology Conscious Technology ) ในปัจจุบัน
ถึงแม้ Civic จะจัดอยู่ในกลุ่มรถขนาดเล็กหรือพวกรถคอมแพ็คท์คาร์ แต่ก็ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวล้ำนำสมัยอยู่เสมอโดยเฉพาะ Civic ยุคที่ 8 นี้ค่อนข้างจะแปลกหูแปลกตากันมาก ทั้งหน้าตารูปร่าง เครื่องยนต์ หรือภายใน เที่ยวนี้ออกจะก้าวไกลเป็นพิเศษ รู้สึกว่าจะมีการโชว์อ๊อฟมากผิดปกติ ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ ทำให้ Civic ใหม่เป็นเจ้าของรางวัลต่าง ๆ อย่างมากมาย
สำหรับบ้านเรานั้น Civic ใหม่จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกอยู่ 2 ขนาด คือ เครื่องยนต์ SOHC 1.8 ลิตร i ? VTEC ที่ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพระดับเครื่อง 2.0 ลิตร แต่สามารถมีอัตราการบริโภคในบางช่วง ประหยัดเท่ากับเครื่องขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์อีกตัวเป็นขนาด 2.0 ลิตร i-VIEC แบบ DOHC เจ้าเก่าที่คุ้นหน้ากันมาตั้งแต่สมัย CR ? V , Stream หรือ Civic 2.0 รุ่นก่อน ส่วนเครื่องมาตรฐาน 1.6 ลิตร เที่ยวนี้ไม่มีให้เห็นกันแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นการบ่งบอกให้ทราบว่า Civic กำลังจะก้าวขึ้นไปอีกระดับ โดยปล่อยตำแหน่งเดิมให้ City กับ Jazz รับภาระแทน...กระมัง ??!!
รถ HONDA Civic คันที่นำมาทดสอบนี้เป็นรุ่น 1.8 E (AS) เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแพงสุดของรุ่นเครื่อง 1.8 ลิตร คราวนี้ก็ลองมาดูกันว่าหากควักกระเป่าจ่ายไป 930,000 บาทแล้ว จะได้อะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนบ้าง
ทาง HONDA หมายมั่นปั่นมือกับ Civic รุ่นนี้มาก โดยมีส่วนในการกำหนด นิยามของ ความเป็น แบรนด์ HONDA และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม่ HONDA จึงได้ทุ่มเทพัฒนาเพื่อให้แน่ใจว่า Civic โฉมใหม่รุ่นนี้จะเป็นตัวแทนความก้าวล้ำของเทคโนโลยีในทุก ๆ ด้านที่ทำให้ Civic เป็นรถล้ำสมัย
การออกแบบภายนอกโดยความของ Civic ทาง HONDA เน้นลักษณะเป็นแบบ Mono ? form ที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งตลอดทั้งคัน โฉบเฉียวแบบรถสปอร์ตด้วยการออกแบบด้านหน้าที่ลู่ต่ำในขณะที่ด้านท้ายยกสูง ให้ความรู้สึกที่พุงทะยาน ไฟหน้ารถดีไซน์ใหม่แบบ Kick ? up Eyes เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ HONDA Civic ใหม่ไฟหน้ารูปทรงโฉบเฉี่ยวแปลกตาเป็นพิเศษ ประกอบด้วยไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟหน้า และไฟต่ำเป็นชุดเดียวกัน มีไฟหน้าอยู่ดวงนอกสุด โคมตรงกลางเป็นไฟหรี่กับไฟสูง และดวงในสุดเป็นไฟเลี้ยวตัวโคมไฟหน้าหล่อเป็นชิ้นเดียว ฝาครอบไฟ เป็นพลาสติกใส พร้อมทั้งเพิ่มความสะดุดตาด้วยการเจียร์ระไนเหลี่ยมมุมที่ช่วยเน้นมิติและการกระจายแสง
ไฟท้ายเป็นแบบ Graphic มีดวงไฟทรงกลมแทรกอยู่ในกรอบโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ บริเวณตัวถังและฝากระโปรง ดวงที่อยู่ด้านตัวถังส่วนสีแดงกลมเป็นไฟท้ายเลนส์สีขาวด้านล่างเป็นไฟเลี้ยวกับไฟถอย ส่วนไฟท้ายด้านฝากระโปรงจะเป็นทั้งไฟท้ายกับไฟเบรกในดวงเดียวกัน โดยการใช้หลอดไฟแบบ 2 ไส้
โครงสร้างตัวถังถูกออกแบบมาให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรับแรงกระแทกและทนทานต่อการบิดตัวของตัวถัง ในขณะเดียวกันก็ลดน้ำหนักของตัวถัง โดยการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งวัสดุซับเสียง โครงสร้างตัวถังถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องโดยสาร ด้วยการควบคุมแรงปะทะจากการชนและดูดซับแรงกระแทก พร้อมทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย G ? Force Control อันเป็นผลที่พัฒนาจากวิธีทดสอบการชน รถกับรถ รถกับสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ตามขนาดและน้ำหนักแบบรอบทิศทาง ที่ทดสอบกันครั้งแล้วครั้งเล่าจากศูนย์ทดสอบการชนในร่มของ HONDA (Real World Crash Test Facility ) โดยผ่านมาตรฐานทดสอบการชนที่เข้มงวด
สมรรถนะ
ตัวเครื่องยนต์ที่วางขวางหันขวาอยู่ในห้องเครื่อง เป็นเครื่องยนต์บล็อค R 18 A 1 ที่ทาง HONDA พัฒนาและปรับปรุงขึ้นมาด้วย เทคโนโลยี แบบใหม่ เพื่อให้มีทั้งสมรรถนะประสิทธิภาพ แถวด้วยประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก (ทำได้ไง...??!!) รูปแบบของตัวเครื่องเป็น SOHC แค็มแท่งเดียว ซึ่งดูแล้วออกจะน้อยหน้าพรรคพวกที่ใช้เครื่อง DOHC แค็มคู่ ถึงแม้บางคันจะเป็นแบบทวินแค็ม ?ไม่เต็มที่? นักก็ตาม แต่ก็ยังดีที่ HONDA ใช้ 4 วาล์ว ต่อสูบ ช่วยในการ สืด อากาศ ที่รอบเครื่องสูบ พร้อมระบบ i-VTEC รุ่นใหม่ ตัวเครื่องยนต์มีความจุ 1,799 ซีซี. จากลุกสูบกว้าง 81 มม. 4 ลูก ยืนเรียงกัน กับช่วงชักยาว 87.3 มม. ในลักษณะ อันเดอร์สแควร์ ที่ลูกสูบเล็กกว่ากำลังอัด ใช้อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 ต่อ 1 แม้จะค่อนข้างสูงแต่ก็สามารถคบกับน้ำมันเบ็นซินอ๊อคเทน 91 ได้สบาย ไม่มีอากาศน็อคหรือเป็นไข้ความร้อนขึ้นสูงในทุกรอบเครื่องทั้งรอบต่ำและรอบสูง และถึงแม้จะปรับอากาศระเบิดอัตโนมัติได้เพียง 2 องศาก็ตาม จากการฉีดน้ำมันของ PGM ? FI หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์แบบมัลติพอยท์ และระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์แบบไดเร็คท์คอยล์สามารถปล่อยฝูงม้าออกมาได้ 140 ps หรือ 103 kW ที่ 6,300 รอบต่อนาที ที่จัดว่ารอบเครื่องสูงมาก แบบนี้แสดงว่าองศาแค็มซาฟท์ย่อมไม่ธรรมดา สามารถให้ความจัดจ้านเร้าใจได้เยอะ ส่วนแรงบิดสูงสุดมีให้ใช้กัน 17.7 กก. ? เมตร หรือ 174 Nm ที่ 4,300 รอบต่อนาที
ทาง HONDA ได้ออกแบบเครื่องยนต์ให้มีขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักน้อยลง อย่างน้อยการที่ใช้แค็มแท่งเดียวแบบ SOHC มันก็เบากว่าเครื่องที่ใช้แค็ม 2 แท่ง DOHC อยู่ดี จากน้ำหนักของแค็มที่หายไปแท่งหนึ่ง และฝาสูบก็ไม่ต้องกางมากด้วย นากจากนี้ยังมีการใช้โซ่ราวลิ้นขนาดกะทัดระ ข้อโซ่เล็ก และมีลักษณะของข้อโซ่เป็นบล็อกสี่เหลี่ยมไม่เหมือนกับโซ่ทั่วไป เพื่อลดเสียงการทำงานและมีความแข็งแรงทนทาน ส่วนสายพานเครื่องยนต์ใช้แบบเส้นเดียวสำหรับขับเคลื่อนไดชาร์จ ปั๊มน้ำ และคอนเพรสเซอร์แอร์อีกทั้งเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เงียบขึ้น จึงมีการออกแบบให้โครงสร้างเสื้อสูบอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง พวงยางแท่งเครื่องและยางรองมีการออกแบบใหม่ สามารถลดความสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนลงได้มากกว่าเดิม
สำหรับการลดน้ำหนักเครื่องยนต์มีการลงไม้ลงมือไม่น้อยอย่าง เช่น กระเดื่องวาล์วหันมาใช้พวกอลูมินั่มแทน ท่อร่วมไอเสียเป็นชิ้นเดียวกับฝาสูบ ตัวฝาครอบวาล์วกับท่อร่วมไอดี ก็ทำจากเรซิ่น และเพื่อลดความฝืดภายในเครื่องยนต์ เป็นการเพิ่มความจัดจ้าน และลดการสิ้นเปลืองฝูงม้าไม่ต้องออกแรงมาก ตัวลูกสูบจึงเคลือบด้วยสารโมลิบดินั่มและมีรูฉีดน้ำมันหล่อลื่นที่ลูกสูบ แหวนลูกสูบชุบไอออน และใช้ผิวกระบอกสูบแบบใหม่
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างอยู่ใต้เท้าขวา โดยทาง HONDA ใช้คันเร่งแบบ Organ ? Type ซึ่งขาคันเร่งแบบนี้เคยเจอใช้งานอยู่ในรถเยอรมัน มาตั้งแต่สมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว โดยมีความแตกต่างกับคันเร่งทั่วไปตรงที่ปลายคันเหยียบด้านล่างจะยึดติดอยู่กับพื้นด้วย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้แป้นเหยียบไม่ถอยหนีออกไป ตำแหน่งส้นเท้าจะอยู่ที่เดิม ลดอาการเมื่อยล้าเวลาเหยียบคันเร่ง สามารถควบคุมน้ำหนักคันเร่งได้ง่าย และการขยับปลายเท้าเพื่อกดคันเร่ง สามารถควบคุมน้ำหนักคันเร่งได้ง่าย และการขยับปลายเท้าเพื่อกดคันเร่งสลับกับการเหยียบเบรคทำได้รวดเร็วคล่องตัวมากขึ้น
การทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงรอบเดินเบา ราบเรียบ และเงียบเสียง ซึ่งกว่าจะมีถึงระดับนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจาก HONDA ใช้ลิฟท์วาล์วสูงถึง 10 มม. ส่วนการควบคุมน้ำหล่อเย็นใช้พัดลมไฟฟ้า 2 ตัว ทางซ้ายเป็นมอเตอร์ธรรมดาใบพัด 5 ใบ ตัวพัดลมทางขวาใช้มอเตอร์แบนแบบ 7 ใบ สามารถควบคุมความร้อนให้อยู่ในอุณหภูมิทำงานได้อย่างดี
แรงบิดของเครื่องยนต์ในช่วงรอบต่ำมีมากและมาเร็ว แค่ที่ 1,000 รอบต่อนาที ก็มีแรงบิดให้ใช้กันแล้ว 130 Nm ต่อจากนั้นแรงบิดก็จะพุ่งปรู๊ดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไปเป็น 160 Nm ที่ 2,300รอบต่อนาที ด้วยเหตุนี้การตอบสนองของเครื่องยนต์ 1,000 รอบต่อนาที ถึง 2,300 รอบต่อนาที จะให้การตอบสนองได้อย่างทันอกทันใจ ไม่มีอาการรอรอบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและมีความสำคัญมาก เนื่องจากรอบเครื่องระดับนี้เป็นรอบเครื่องที่เราใช้งานกันมากที่สุดยามขับขี่ในเมือง จึงช่วยให้การใช้รถเมืองมีความคล่องตัวสูงและขับง่ายขับสบายเป็นพิเศษ และพอมาถึงจุดนี้แรงบิดจะหยุดพักเหนื่อยนิดหน่อยแรงบิดจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนถึง 3,000รอบ ต่อนาที คราวนี้แรงบิด ก๊อกสอง ก็จะออกฤทธิ์ ต่อไปจนถึง 174 Nm ที่ 4,300 รอบต่อนาที จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดต่ำลง
การ ขับ Civic ใช้งานในเมื่อถือว่ามีความคล่องตัวมากที่เดียว จากการตอบสนองของแรงบิด ที่ดีในช่วงรอบเครื่องต่ำย่าน 1,000 ? 2,300 รอบต่อนาที ไม่มีอาการรอรอบให้พบเห็น การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งหรือรอบเดินเบา แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตัดเลนหรือเข้าร่วมขบวน และในกรณีที่ขับมาด้วยความเร็วต่ำแต่ไปเจอรถที่ช้ากว่าแล้วต้องการแซง เครื่องยนต์ก็สามารถให้การตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งผลงานเรื่องแรงบิดที่มาได้อย่างรวดเร็วนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้ระบบควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็คทรอนิคส์ Drive ? by ? Wire ที่มีการทำงานต่างกับพรรคพวกที่ไม่ใช่สายคันเร่ง ซึ่งก็คือ Drive ? by ? Wire เหมือนกัน โดยในจังหวะที่ถอยคันเร่งนั้น ทั่วไปแล้วลิ้นปีกผีเสื้อจะปิดเพื่อลดอากาศ (และน้ำมัน) เข้าห้องเผาไหม้ เพราะเป็นตอนที่เราไม่ต้องการใช้กำลังเครื่องยนต์แล้วแต่คันเร่งอิเล็คทรอนิคส์ Drive ? by ? Wire ของ Civic ในจังหวะถอนคันเร่ง ลิ้นปีกผีเสื้อยังคงเปิดค้างอยู่ ทั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดสุญญากาศในท่อร่วมไอดี เพระเมื่อไม่มีสุญญากาศในท่อไอดีคอยต้านทานการไหลของไอดีแล้ว จะทำให้ไอดีเข้าห้องเผาไหม้ได้เร็วและเข้าได้เต็มที่ตามประจุของกระบอกสูบ จึงสามารถเพิ่มได้ทั้งอัตราเร่งและเรี่ยวแรง
สำหรับการเดินทางนั้นไม่มีปัญหา แม้บางช่วงแรงบิดจะขอเวลาหยุดหอยหายใจบ้าง อย่างช่วง 2,300 ? 3,000 รอบต่อนาที เพราะแรงบิดยังมีให้ใช้กัน 160 ? 165 Nm เพียงแต่จะมีความรู้สึกว่าอัตราเร่งเพิ่มทีละน้อยไม่ฮวบฮาบแบบตอนแรกเท่านั้นเอง ถ้าอยากเห็นมาตรวัดความเร็วโชว์เลข 160 กม./ชม. อยู่ในระดับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นรอแป๊บเดียวก็ได้เห็นแล้ว หรือถ้าไม่ใจร้อนเกินไประดับ 185 กม./ชม. ก็เสียเวลากันไม่มากนัก ยกเว้นจะกดต่อไปคราวนี้ต้องรอกันหน่อยกว่ามาตรวัดความเร็วจะขึ้นตัวเลข 195 กม./ชม. จากนั้นแล้วก็ต้องร้องเพลงรอและอาศัยระยะทางยาวพอสมควรกว่าจะได้เห็น เลข 205 กม./ชม โชว์อยู่บนมาตรวัดความเร็ว แต่ความเร็วจริงอยู่ที่ 203 กม./ชม. และด้วยความเร็วระดับนี้สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี. กับตัวถังหนักเกือบ 1,500 กก. (ผู้โดยสาร 3 คน กับสัมภาระอีกหลายกระเป๋า) ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย
อัตราเร่ง 0 ? 100 กม. ทำได้ในเวลา 10.56 วินาที เมื่อมองหน้าพรรคพวกในพิกัดเดียวกันตอนนี้แล้ว ถือว่า Civic เป็นมือวางอันดับสอง โดยไปแพ้เพื่อนที่อาศัยเกียร์ CVT เป็นตัวช่วยฉุดเท่านั้นเอง ส่วนอัตราเร่ง ¼ ไมล์ที่ใช้เวลาตะกาย 17.64 วินาที ที่ความเร็ว 132 กม./ชม. ก็ยังคงเป็นมือวางอันดับสองอีกเช่นเคย เป็นรองเจ้าเดิมที่ใช้เกียร์ CVT อยู่เพียงแค่ 0.22 วินาที สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นทำได้ 203 กม./ชม ในเกียร์ 4 ที่ 5,600 รอบต่อนาที ซึ่งตัวเลขบนมาตรวัดความเร็วโชว์ที่ 205 กม./ชม.ส่วนค่าคลาดเคลื่อนของมาตรวัดระยะทางมีเพียงนิดหน่อย ระยะทาง 10 กม. ตัวเลขระยะทางและยางติดล้อขนาด 205 / 55 R 16 จะมีเส้นรอบวงยาง 1.925 เมตร ก็บอกกันเอาไว้เผื่อเอาไปนั่งคำนวณอะไรเล่น
พลังจากเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ตัว นี้ นับว่าจัดจ้านเกินตัวแม้จะเป็นเครื่องแบบ SOHC มีแค็มให้ใช้งานกันเพียงแท่งเดียวก็ตาม แต่สรรถนะและประสิทธิภาพเหลือกินเหลือใช้ ตอบสนองได้ดีทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทาง นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่น่าคบด้วยเป็นอย่างมาก