|
icy_engine
--[So_Lonely][GirL]--
ศิษย์พี่
  
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 209

.::อ้าย[ตั][ว]เล็ก::.
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 เมษายน 2007, 19:56:15 » |
|
รถ
รถขับเคลื่อนล้อหลังคันไหนก็ดริฟท์ได้ (แต่จะดีกว่าหากมี limited-slip differential) และรถขับเคลื่อสี่ล้อบางคันก็ดริฟท์ได้ โดยส่วนมากแล้ว จะดริฟท์ด้วยมุมที่น้อยกว่า แต่จะเข้าเร็วกว่า รถที่ใช้แข่งที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาได้แก่ Nissan 240SX (เป็นเวอร์ชั่นที่ใช้เรียกในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นก็คือ Nissan Silvia นั่นเอง), Nissan 350Z, Toyota Corolla GT-S, Mazda RX-7 และ Honda S2000 เมื่อเร็ว ๆ นี้ พวกที่ชอบรถผลิตภายในประเทศ (สหรัฐอเมริกา) ก็มาลงแข่งด้วยรถอย่าง Ford Mustang, Pontiac GTO และ Dodge Viper ในประเทศญี่ปุ่นนั้น รถดริฟท์ระดับท๊อปได้แก่พวก S13, S14 และ S15, Toyota AE86 Sprinter Trueno และ Corolla Levin, Nissan Skyline (ตัวขับเคลื่อนล้อหลังอย่าง ER34 ซึ่งเป็นรถ 4 ประตูและในรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง HCR32), Mazda RX-7 ทั้งตัว FC และ FD, Toyota Altezza, Toyota Aristo, Nissan Z33 Fairlady Z, Nissan Cefiro, Nissan Laurel, Toyota Soarer และเหล่ารถที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด
และก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ในเรื่องที่ว่ารถขับเคลื ่อนล้อหน้าดริฟท์ได้หรือไม่ โดยนิยามทางเทคนิคแล้ว (ล้อหลังลื่นไถลในมุมที่มากกว่าล้อหน้า) มันดริฟท์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หลายคนเห็นว่า รถขับเคลื่อนล้อหน้า เป็นตัวเลือกที่ไม่ดีสำหรับการดริฟท์ เพราะการที่ต้องใช้เบรกมือบ่อย (ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการจะดริฟท์รถขับเคลื่อนล ้อหน้า) ซึ่งทำให้มันวิ่งช้าลงและยากต่อการควบคุม รวมถึงเพราะการที่มันล้อหน้าเพื่อทั้งการเลี้ยวและขั บเคลื่อน การที่รถหลุดจากการควบคุมหลังจากการสไลด์เพียงครั้งเ ดียว ในขณะที่รถขับเคลื่อนล้อหลังสามารถที่จะดริฟท์ผ่านโค ้งที่ต่อเนื่องได้ หากมองกันในมุมนี้ และนี่คือนิยามของการดริฟท์แล้วล่ะก็ รถขับเคลื่อนล้อหน้าไม่สามารถที่จะดริฟท์ได้ ได้แค่การทำพาวเวอร์สไลด์ แต่อย่างไรก็ตาม นักดริฟท์บางคน เช่น Kyle Arai หรือ Keisuke Hatakeyama ใช้รถ Civic EF ในการดริฟท์ และก็ประสบความสำเร็จในการทำเช่นนั้นด้วย บางครั้งก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่เป็นรถขับเคลื่อนล้ อหลังด้วย
รถขับเคลื่อน 4 ล้อ เช่น Subaru Impreza WRX STi และ Mitsubishi Lancer Evolution นั้น ดริฟท์ด้วยมุมที่ต่างออกไป และโดยปกติจะทำโดยการ power-over เพราะการที่ล้อหน้าของมันเป็นล้อขับเคลื่อนด้วยในรถข ับเคลื่อน 4 ล้อ จึงเป็นที่สังเกตได้ง่ายว่า มันจะใช้การ counter steer น้อย การแข่ง D1 และ การแข่งระดับมืออาชีพรายการอื่น ๆ ไม่อนุญาตให้รถขับเคลื่อน 4 ล้อลงแข่ง แต่อย่างไรก็ตาม รถอย่าง Impreza และ Lancer ก็ถูกแปลงให้เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังและก็สามารถลงแข ่งในรายการที่ห้ามรถขับเคลื่อน 4 ล้อลงแข่งได้
การกีฬา
ของแต่งหลายชิ้นจากหลายสำนักแต่งที่มีขายนั้น ก็มีประเภทที่ว่าได้รับการออกแบบมาสำหรับการโมดิฟายร ถดริฟท์โดยเฉพาะเช่นกัน นักแข่งเกือบจะทั้งหมด อาศัยของแต่งเหล่านี้เพื่อปรับปรุงระบบช่วงล่าง ระบบขับเคลื่อน แชสซี และตัวถังรถของพวกเค้า
รายการแข่งดริฟท์ที่สำคัญมากที่สุดในโลกได้แก่รายการ Autobacs D1 Grand Prix ซึ่งมีต้นกำเนิดในประเทศญี่ปุ่น ณ สนามแข่ง Ebisu เมื่อขยายครอบคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว D1 Grand Prix ณ ตอนนี้ก็มีการจัดแข่งแมทช์แข่งระหว่าง ญี่ปุ่น ปะทะ สหรัฐอเมริกาขึ้นด้วยที่สนาม Irwindale Speedway ใน California และอีกรายการที่สนาม Silverstone Circuit และวางแผนที่จะบุกตลาดในส่วนอื่น ๆ ของทวีปเอเชียด้วย นิตรยสาร Option ร่วมกับแผนกวิดีโอ V-Option ได้ตัดสินใจสร้างการแข่ง D1 Grand Prix ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความคลั่งไคล้ในการดริฟท์ที่กำลัง ขยายตัว นำโดยประธาน CEO Daijiro Inada พวกเขาพยายามกันสุดความสามารถเพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด ในปี ค.ศ. 2006 ทาง D1 จะนำการแข่งเข้าสู่สหราชอาณาจักร ด้วยการให้โอกาสนำนักแข่ง 5 อันดับแรก มาแข่งทั้งในสหราชอาณาจักรและในญี่ปุ่น เทคนิคการดริฟท์
มันมีหลายวิธีเพื่อที่จะดริฟท์ ซึ่งได้แก่ (หมายเหตุ : ควรปิดระบบ ABS และ TCS ก่อน เพราะระบบเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อกันไม่ให้รถเกิดการ สไลด์)
-Braking Drift
การดริฟท์ชนิดนี้ทำได้โดยการ เหยียบเบรกอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่โค้ง เพื่อที่ว่าจะได้ทำให้รถนั้นสามารถถ่ายน้ำหนักและทำใ ห้ล้อหลังสูญเสียแรงยึดเกาะ จากนั้นก็ควบคุมการดริฟท์ด้วยพวงมาลัยและคันเร่ง การปรับอัตราการจับของเบรกก็ช่วยในการดริฟท์ได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับสไตล์การขับของแต่ล่ะคน โดยปกติแล้ว หากอัตราการจับของเบรกค่อนไปทางล้อหลังจะช่วยให้เกิด การดริฟท์ได้ดีกว่า
-Power Over Drift
การดริฟท์ชนิดนี้ทำได้โดยการ เข้าโค้งทั้ง ๆ ที่เหยียบคันเร่งเต็มที่ก่อให้เกิดการโอเวอร์สเตียร์ เมื่อถึงโค้ง มันเป็นวิธีดริฟท์โดยทั่วไปสำหรับพวกรถขับเคลื่อน 4 ล้อ (ได้ผลดีกว่ารถขับเคลื่อนล้อหลัง) Keiichi Tsuchiya เคยบอกว่าเค้าก็เคยใช้เทคนิคนี้เมื่อตอนที่เค้ายังหน ุ่ม และกลัวที่จะดริฟท์เมื่อถึงโค้ง แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้จะก่อให้เกิดอาการล้อฟรีทิ้งมากกว่าการดริฟ ท์หากเข้าด้วยมุมที่ผิด
-Inertia (Feint) Drift
เทคนิคนี้สามารถทำได้โดยการโยกรถไปในทิศทางตรงกันข้า มกับโค้งและหลังจากนั้นก็อาศัยแรงเฉื่อยของรถ เพื่อเหวี่ยงรถกลับมาในทิศทางของโค้ง จากการที่เราหักหัวออกนอกโค้ง และหักกลับมาอย่างเร็ว คุณก็จะได้มุมที่ดีกว่า ในบางครั้ง การเบรกระหว่างที่เหวี่ยงรถไปในทิศทางตรงกันข้ามกับโ ค้งนั้นก็ช่วยในเรื่องของการถ่ายเทน้ำหนักเช่นกัน และจะทำให้เข้าโค้งได้ดีกว่าเดิมอีก นักดริฟท์มืออาชีพหลายคนกล่าวไว้ว่า นี่เป็นหนึ่งในเทคนิคทำได้ยากที่สุด เนื่องจากมีโอกาสหมุนสูง
-Handbrake/ebrake Drift
เทคนิคนี้ค่อนข้างจะง่าย ดึงเบรกมือเพื่อให้ด้านหลังสูญเสียแรงยึดเกาะและควบค ุมการดริฟท์ด้วยพวงมาลัยและการเดินคันเร่ง มีบางคนถกเถียงกันในเรื่องนี้ว่าการใช้เบรกมือนั้น ก่อให้เกิดการดริฟท์ หรือเป็นเพียงแค่พาวเวอร์สไลด์ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว การใช้เบรกมือก็ไม่ต่างจากเทคนิคอื่น ๆ เพื่อดริฟท์ โดยทั่วไปแล้วนี่เป็นเทคนิคหลักสำหรับการดริฟท์รถขับ เคลื่อนล้อหน้า นี่เป็นเทคนิคแรกที่มือใหม่จะใช้หากรถของเค้าไม่มีแร งกำลังมากพอที่จะทำให้รถสูญเสียแรงยึดเกาะด้วยเทคนิค อื่น ๆ และเทคนิคนี้ก็ใช้กันอย่างมากในการแข่งดริฟท์เพื่อดร ิฟท์ในโค้งกว้าง
-Dirt Drop Drift
เทคนิคนี้ทำได้โดยการให้ล้อหลังของรถตกลงไปข้างทางที ่เป็นดินเพื่อรักษาหรือเพื่อให้ได้มุมการดริฟท์โดยไม ่สูญเสียกำลังหรือความเร็ว และเพื่อที่จะเตรียมสำหรับโค้งต่อไป เทคนิคนี้ใช้ได้เฉพาะกับถนนที่ไม่มีแผงกั้นและมีดินห รือฝุ่นหรืออะไรอย่างอื่นที่ทำให้สามารถสูญเสียแรงยึ ดเกาะได้ นี่เป็นเทคนิคที่ใช้กันโดยทั่วไปในการแข่งแรลลี่ WRC
-Clutch Kick
เทคนิคนี้ทำได้โดยการเบิ้ลคลัทช์ (การเหยียบและปล่อย ปกตจะกระทำมากกว่า 1 ครั้งในการดริฟท์เพื่อการแต่งโค้งด้วยความรวดเร็ว) เพื่อให้แรงขับเคลื่อนเกิดการสะดุด ทำให้รถเสียสมดุล มันทำให้ล้อหลังเกิดอาการลื่นไถลและทำให้คนขับสามารถ ก่ออาการโอเวอร์สเตียร์ได้
-Choku Dori
นี่เป็นเทคนิคขั้นสูงซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้หนี่งใน เทคนิคที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อเริ่มการดริฟท์ จากนั้นก็ใช้เบรกมือเพื่อการยืดการดริฟท์ในโค้ง
-Changing Side Swing
เทคนิคนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในการแข่ง D1 ในญี่ปุ่น และมีความคล้ายคลึงกับ Inertia (Feint) Drift เป็นอย่างมาก ส่วนมากมันจะถูกใช้ในตอนที่จะดริฟท์โค้งแรก ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นโค้ง Double Apex และอยู่ต่อจากทางตรงยาว หากทางตรงยาวที่อยู่ก่อนโค้ง Double Apex นั้นมีลักษณะเป็นทางลง นักขับจะขับชิดขอบสนามด้านในโค้ง จากนั้น ด้วยการกะจังหวะที่ถูกต้อง นักขับจะเหวี่ยงหักรถไปอีกด้านนึงทันที การทำแบบนี้ ทำให้โมเมนตัมของรถเปลี่ยนไป ทำให้ล้อหลังสูญเสียแรงยึดเกาะ ตอนนี้รถอยู่ในช่วงดริฟท์แล้ว หลังจากนั้นก็ดริฟท์อย่างต่อเนื่องไปจนผ่านโค้ง
-Manji Drift
เทคนิคนี้ใช้ตอนดริฟท์บนทางตรง ผู้ขับจะเหวี่ยงรถสลับข้างไปมาระหว่างดริฟท์ ซึ่งดูน่าทึ่งมาก มันสามารถใช้เป็นเทคนิคนำก่อนจะใช้เทคนิคต่อ ๆ ไปในข้างต้นก็ได้
-Dynamic Drift
เทคนิคนี้จะคล้าย ๆ กับ Choku Dori มันใช้รูปแบบของเทคนิคด้านบนทั้งหมด และไม่จำกัดเพียงแค่ 1 เทคนิค นำมารวมกันเพื่อให้ได้การดริฟท์ที่วางเอาไว้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
masaru
5555
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
    
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 18,253

マサロ Number 248
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 17 เมษายน 2007, 10:48:45 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
typhoon
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 17 เมษายน 2007, 15:09:29 » |
|
ข้อมูลแน่นมาก ขอบอก ขอบอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
daido_s
ข้าน้อยรอการลงทัณฑ์จากท่าน
Gold Member
อาจารย์ปู่
  
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 6,447

.............
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 18 เมษายน 2007, 09:02:21 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
icy_engine
--[So_Lonely][GirL]--
ศิษย์พี่
  
ออฟไลน์
เพศ: 
กระทู้: 209

.::อ้าย[ตั][ว]เล็ก::.
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 22 เมษายน 2007, 23:27:03 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|