ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
19 กรกฎาคม 2025, 19:26:43
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: รู้เรื่องน้ำมันเครื่อง 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รู้เรื่องน้ำมันเครื่อง  (อ่าน 9491 ครั้ง)
ทอม_อีเค
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,810



« เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2006, 16:15:23 »



1."เวลาทำน้ำมันเครื่องนี่เขาทำกันยังไง"

ก็เอา base oil ผสม กับ Package Additives แล้ว blend (กวน) ให้เข้ากันแล้วเช็กให้ได้ตามสเป็ก แล้วส่งขาย

Base oil ย่อมาจาก Lubricant Base Oil คือน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานได้มาจากการกลั่น แบ่งย่อยได้เป็นสองประเภทคือ

Mineral Base Oil  กับ Synthetic Base Oil แล้ว Mineral Base Oil ยังแบ่งย่อยไปได้อีกสามกลุ่มคือ

Aromatic   Napthanic   และ  Paraffinic. 

สำหรับ Mineral Base Oil นั้น Paraffinic เหมาะสำหรับทำน้ำมันเครื่องมากที่สุด.

น้ำมันเครื่องธรรมดาที่ไม่ได้เขียนว่า Synthetic ก็คือ Paraffinic Base Oil + Package Additives

ส่วน Aromatic นั้นไม่นิยมใช้ทำน้ำมันเครื่องแต่ใช้ทำละลายพวกยางพาราได้ดี ส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตยางต่างๆ

ส่วน Napthenic ใช้ทำน้ำมันพวกน้ำมันหม้อแปลง(Transformer Oil)

Synthetic Base Oil ไม่ได้มาจากการกลั่นแต่สังเคราะห์ขึ้นมาโดยกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า Polymerization หรือ Hydro Crank เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ

สมมุติ Parafinic Base Oil มี โมเลกุล A ซึ่งมีคุณสมบัติการหล่อลื่นที่ดีอยู่ตามธรรมชาติแต่มันมีอยู่สัก 60% ที่เหลือเป็น Impurities เราสามารถจะใช้กระบวนการสัวเคราะห์ให้มีแต่

โมเลกุล A ทั้ง 100% เป็นที่มาว่าทำไม Synthetic ถึงดีกว่า.

ส่วนน้ำมันเครื่องที่เขียนว่า Semi-Synthetic ก็เอาสองอย่างผสมกัน แต่ส่วนใหญ่ทำเพื่อการค้ามากกว่า เพราะจะมี Synthetic ผสมอยู่ราวๆ 20% เท่านั้น เพราะฉะนั้น ใช้ Mineral

หรือ Fully Synthetic ไปเลยจะดีกว่า เพราะผสม Synthetic 20% แต่เพิ่มราคามากกว่านั้น Semi ในกรณีนี้ไม่ใช่ครึ่งนึงน่ะจะบอกให้

2.แล้ว Package Additives ล่ะคืออะไร

ก็คือสารเคมีต่างๆที่เติมลงใน Base Oil เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพให้ดีขึ้นไปอีก" มีพวกไหนบ้างละ"

หลัก ๆ ก็มี VII (Viscosity Index Improver) ช่วยปรับปรุงความหนืดที่อุณภูมิต่ำ น้ำมันนะต่างกับน้ำนะ ที่อุณภูมิต่ำๆน้ำมันจะหนืดมากซึ่งไม่เป็นผลดีกับการหล่อลื่นความหนืดของ

น้ำมันกับอุณภูมินะ

varies แบบ logarithm เลยนะ คือจาก 1->10->100 ไม่ใช่ 1->2->3  นะ 70%ของการสึกหรอเกิดขึ้นขณะเครื่องเย็นน่ะถึงได้บอกว่าอย่าเหยีบคันเร่งแบบแข่งรถเวลาสตารท ภาษา

เทคนิคเรียกว่า Boundary Lubrication ซึ่งในช่วงนี้การไหลของน้ำมันจะช้ากว่า โดยการเติม VII จะช่วยให้น้ำมันไหลเวียนดีแม้ขณะเครื่องเย็น อ้อ น้ำมันตัวไหนมี VII อยู่ก็จะได้รับ

เกียรติให้ใช้คำว่า Multi grade  โดยหลักการแล้วมันดีกว่า แต่สำหรับประเทศไทยแล้วมีผลน้อยมาก ต้องอย่าง เมืองนอก ที่เวลาหนาว หนาวมาก องศาติดลบถึงจะจำเป็นจริงๆ ไม่มีเดี๋ยว

น้ำมันแข็งตัว" VII จริง ๆ แล้วก็คือ Polymer หรือ พลาสติกนั่นเอง พวกที่นิยมใช้ก็มี Star Polymer, OCP (Olefin Co Polymer), PMA (Poly Meta Acrylate), PIB

(Poly Iso Butelene) อ้อ PIB นอกจากใช้เติมเป็น VII แล้วยังใช้เป็นสารลดควันขาวของ 2T ด้วย แต่จริงๆแล้วไม่ลดหรอกแค่ทำให้มองไม่เห็นนะ

งั้นบ้านเราใช้ Single grade ก็เหลือเฟือแล้วซิ"

ก็ไม่เชิง เคยถามหมอว่า DHA ARA ในนมลูกนี่จำเป็นหรือเปล่า แล้วหมอบอกว่าไม่เลย มันมีอยู่ในอาหารแล้ว แล้วเราแกล้งถามว่าถ้าหมอมีลูกจะซื้อแบบไหนให้กิน หมอตอบว่าแบบมีซิ

น้ำมันก็เหมือนกัน Paraffinnic Base Oil มี VII ตามธรรมชาติอยู่แล้ว จะใช้แบบเติมเพิ่ม(Multi grade)หรือเปล่าก็เป็น Personal Preference"

สารอื่นที่เติมก็มี

Anti Oxidant ทำหน้าที่ลดปติกริยา Oxidation ทำให้น้ำมันเสื่อมช้าลง

Anti Foam ลดการเกิดฟอง เวลาน้ำมันถูกตีโดยเครื่องยนตร์ จะมีฟองเกิดขึ้นในเนื้อน้ำมันทำให้สูญเสียประสิทธิภาพการหล่อลื่น Anti Foam ช่วยยับยั้งการเกิดฟอง

Detergent สารชะล้างครบสกปรก ซึ่งสิงสกปรกก็จะถูกกรองเก็บไว้ที่ไส้กรองน้ำมันเครื่อง รอเวลาเปลี่ยน

Anti-wear สารลดการสึกหรอโดยการลดการสัมผัสกันของพื้นผิวชิ้ส่วนต่างๆ

Corrosion Inhibitor สารกันสนิม

Molybmenum เพื่อลดแรงเสียดทาน เป็น Friction Modifier

Alkaline เป็นด่างช่วยลดกรด จะเติมมากในน้ำมันเครื่องเรือ(Marine Oil)เพราะเรือบ้านเราใช้ดีเซลเกรดต่ำซึ่งมี Sulfer อยู่มากทำให้เกิดกรด Sulfuric

สารอื่นๆ แล้วแต่ยี่ห้อ

3.แล้วเวลาเลือกซื้อน้ำมันต้องดูอะไรบ้าง

อย่างแรกต้องดูความหนืดให้เหมาะสม ความหนืดดูได้ที่เบอร์ SAE/API (Society of Automotive Engineer)ข้างกระป๋อง ยิ่งเบอร์สูงยิ่งหนืดมาก ฟิลมน้ำมันก็จะหนาตามความ

หนืด รถใหม่ ๆ กลไกต่าง ๆ ยังอยู่ชิดติดกันก็ให้ใช้เบอร์ต่ำ ๆ เช่น 5 หรือ10 เพราะฟิลมจะบางพอดี ถ้าเก่าแล้วก็ใช้เบอร์สูงฟิลมจะหนาพอดีเช่นเบอร 40

แล้วน้ำมันที่เขียนว่า 5W15 หรือ 20W50 อะไรอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร

อย่างแรกก็คือเป็นน้ำมัน Multigrade ที่มีการเติม VII ตัวใดตัวนึงลงไปส่วน Singlegrade จะมีแค่เลขตัวเดียว เช่น SAE 40

อย่างที่สองก็คือสมมุติ SAE 5W15 ในการทดสอบที่อุณภูมิต่ำ ความหนืดของน้ำมันตัวนี้เท่ากับเบอร์ 5 single grade,

W ย่อมาจาก Winter และการทดสอบที่อุณภูมิสูง(100 C) ได้ความหนืดเท่ากับเบอร์ 15  ตัว W จะคู่กับเลขตัวหน้าเท่านั้น

การเลือกใช้ก็เหมือนกัน 5W15 ฟิลมบางกว่า 20W50

อย่างที่สามก็ให้เลือกว่าจะใช้ Mineral, Semi-Synthetic หรือ Fully Synthetic ซึ่งอธิบายไว้ข้างบนแล้ว เพิ่มเติมนิดนึงคือ

Synthetic จะทนทานกว่าเพราะฉะนั้นเปลี่ยนถ่ายน้อยกว่า

ดู API  Grade (American Petroleum Institute) เป็นเกรดของ Product อันนี้ดูง่าย ยิ่งห่างจาก A ก็ยิ่งดี API แบ่งตาม class เช่น S class ย่อมาจาก Service Class

(เครื่องเบนซิน) หรือ C ย่อมาจาก Commercial (เครื่อง ดีเซล) CH ดีกว่า CF  SJ ดีกว่า SFอะไรอย่างงี้เป็นต้น น้ำมันเดี๋ยวนี้ทำมาให้ใช้ได้ทั้งดีเซลและเบนซินก็จะเขียนว่า SJ/CH

เป็นต้น

อันสุดท้ายและสำคัญสุดก็คือราคา Fully Synthetic Multi grade 20W50 ดีกว่า Single Grade SAE 50 แน่นอน แต่ราคาก็สูงตามไปด้วย You got what you pay for

4.กี่ กิโลเมตรถึงควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

ไม่มีหลักการตายตัว เราไม่มีทางรู้ได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าน้ำมันเครื่องรถเราเสื่อมสภาพแล้วหรือยังดีอยู่

วิธีเดียวที่จะรู้คือส่งเช็ค Lab ซึ่งค่าเช็กเป็นหมื่น เวลาเช็ก Lab จะดูปริมาณ Metal ต่างๆในน้ำมันเพื่อดูว่ามีการสึกหรอ หรือ ปริมาณ additives เหลือผ่าน Spec หรือไม่

ทั้งนี้อายุน้ำมันยังขึ้นอยู่กับ การออกแบบเครื่องยนตร์ ลักษณะการขับขี่ สภาพอากาศ (ความชื้น) อื่น ๆ วิธีที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนตามกำหนดเวลา

5.API เกรดเดียวกัน Brand นี้ดีกว่า Brand นี้หรือไม่

ต่างแบรนดต่างคุณภาพจริงหรือ

จริง ราคาวัตถุดิบเป็นตัวแปรสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น Mobil1 5W15 Fully Synthetic เท่าที่รู้ใช้ Synthetic Base Oil 3 ชนิดผสมกัน ผลทดสอบ Four Ball Wear และ EP ออก

มาแทบจะดีที่สุดที่เคยเห็น แต่ราคาก็สุดๆเหมือนกัน รู้สึก 4 ลิตร 1700 บาทประมาณนี้

** 4 ball เป็นการทดสอบโดยเอาลูกเหล็กกลม 4 ลูกวางเป็นรูปปิรามิดแล้วเลี้ยงด้วยน้ำมันที่จะทดสอบ หมุนบอลพร้อมกับเพิ่มน้ำหน้ก(Load)ไปเรื่อยๆพรอมหยุดวัดขนาดรอยข่วนบนลูก

เหล็ก ทำจนเกิดจุดเชื่อม (welding point) คือ Load มากจนลูกเหล็ดติดกัน

จากคุณ : bendigo  pantip
บันทึกการเข้า

PATTAYARACING CLUB
CIVICCLUB no.131
ChonburiClub no.034

RaphaeL
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 11 กรกฎาคม 2006, 18:46:44 »

ขอฝากน้ำมันเครื่องSuper Syntheticซักตัวนะครับ API SM/0W-40

ราคา1450บาท

ถ้าว่างก้อขอความเห็นด้วยครับสำหรับตัวนี้^^"
http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=25.0

ขอบคุณครับ
Mr.Lube
บันทึกการเข้า
JOBBY
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 121



« ตอบ #2 เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2007, 11:40:35 »

ขอบคุณครับ++++ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า



+++++ Sale Honda Civic EK (ตาโต) บ้านๆ แจ่มๆ สักคันคับ ++++++
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,124407.0.html
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: รู้เรื่องน้ำมันเครื่อง
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2009, Simple Machines -->
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |