เจอแบบนี้ใครเป็นเจ้าของรถ เงิบไปล่ะสิ
สาวใหญ่อยุธยาพบรถฝาแฝด หวั่นถูกสวมทะเบียนปลอม
Fri, 19/09/2014 - 08:34
Printer-friendly version
Views: 710
ชาวบ้าน จ.พระนครศรีอยุธยา พบรถยนต์รุ่น, สี และเลขทะเบียนเดียวกัน ระหว่างนำไปต่อภาษีและ พ.ร.บ.ที่กรมขนส่งฯ คาดอาจถูกสวมทะเบียนปลอม
นางวรัทยา ตรีสินธุ์ เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาว่า หลังได้นำรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎศ 7222 กรุงเทพฯ เข้าต่อภาษี และ พ.ร.บ.ประจำปีที่กรมขนส่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 15 ก.ค.57 แต่ถูกปฎิเสธการต่อภาษี เพราะนางรื่นรมย์ ใสสด ชาว ต.วังคุ้ง จ.กาญจนบุรี ได้นำรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค รุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน และหมายเลขทะเบียนเดียวกัน เข้ามาต่อภาษี และ พ.ร.บ.เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.57 จึงได้เข้าแจ้งความที่กองปราบปรามไว้เพื่อเป็นหลักฐาน เพราะเชื่อว่ารถที่ใช้นั้นน่าจะถูกสวมทะเบียนปลอม จากนั้นได้นำรูปรถและทะเบียนเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก
ต่อมา เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่เป็นผู้จัดสินเชื่อให้กับนาง รื่นรมย์ ติดต่อเข้าขอตรวจสอบรถ และพบว่ารถทั้งสองคัน มีหมายเลขทะเบียนเดียวกัน สีเดียวกัน เลขตัวเครื่องและตัวถังเหมือนกันทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวที่แตกต่างกัน คือ ซีเรียลบาโค๊ด เท่านั้น
ส่วนนางวรัทยา เจ้าของรถเล่าว่า รถคันดังกล่าวตนเองและสามีได้ออกรถป้ายแดงมาจากศูนย์ฮอนด้าใน จ.สมุทรปราการ ในนาม พ.จ.อ.สมาน พางศิริ สามี แต่เมื่อสามีเสียชีวิต จึงเป็นมรดกตกทอด โดยทางธนาคารที่ทำสินเชื่อเป็นผู้โอนให้ และได้ต่อภาษีและ พ.ร.บ.มาตลอดทั้ง 2 ปี จนมาปีนี้ปีที่ 3 กลับพบว่าถูกปฎิเสธในการให้ต่อภาษี เนื่องจากมีผู้ได้นำรถสีและหมายเลขทะเบียนเดียวกันมาต่อภาษีไปแล้ว
ด้านนายสมจิตร เจ้าของเต็นท์รถแห่งหนึ่งใน จ.สุพรรณบุรี ที่นำรถฮอนด้าซีวิคอีกคันเข้ามาตรวจสอบ เปิดเผยว่า รถคันดังกล่าวน้องชายได้ติดต่อชื้อมาจากนายวัฒนพล เจริญภักดี ชาว จ.ราชบุรี ชึ่งก่อนที่จะตกลงซื้อขายกัน ก็ได้ตรวจสอบไปกรมขนส่งแล้วว่า รถคันดังกล่าวถูกต้องตามกฏหมาย โดยมีการเซ็นสัญญาโอนลอยกัน จนกระทั่งได้ขายไปให้กับนางรื่นรมย์ ซึ่งขั้นตอนในการต่อทะเบียนก็ไม่มีปัญหาอะไร จนกระทั่งได้มีการติดต่อจากบริษัทสินเชื่อว่า มีรถรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน และหมายเลขทะเบียนเดียวกันที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้นำรถเข้ามาตรวจสอบที่สถาตำรวจภูธรอุทัย เพราะกลัวว่าจะถูกหลอก
พ.ต.ต.มานพ ชาวไร่ สว.สส สภ.อุทัย เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า เบื้องต้นได้ทำการอายัดรถทั้ง 2 คันไว้ เนื่องจากยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่า รถคันใดเป็นรถที่ผิดกฎหมาย เพราะรถทั้ง 2 คัน มีความเหมือนกันมาก จึงต้องทำการส่งไปยังกรมพิสูจน์หลักฐาน ภาค 1 เพื่อตรวจสอบว่ารถทั้ง 2 คันนั้น คันใดถูกสวมทะเบียน หากมีก็จะเข้าสู่ขบวนการทางกฎหมาย และขยายผลไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิด หรือขบวนการปลอมแปลงเอกสา