ซีวิค06 2.0 กับ 1.8 เลือกตัวไหนดี

[อยากรู้]

พอดีกำลังจะซื้อแต่ยัตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอาตัวไหนดีคับ อยากให้ผู้ที่ใช้รถอยู่ตอนนี้ช่วยแนะนำหน่อยคับ ส่วนจะขับไปกรุงเทพ - ราชบุรี อยากให้เพื่อนช่วยวิจารณ์รถสองรุ่นนี้เป็นอย่างไรบ้าง จะได้ตัดสินใจได้คับ รบกวนหน่อยคับ 

[BillyTheKid]

ไม่น่าเลือกยากนะคร้าบท่าน ! ถ้าเอาเกียร์ธรรมดาก็มีแต่ 1.8 มีรุ่นถูกรุ่นแพงอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดมามากน้อยตามราคา .... ถ้าเอาเกียร์ออโต้ก็มีทั้ง 1.8 และ 2.0 ทีนี้ก็อยู่ที่กะตังค์ของท่านล่ะคร้าบ ! ถ้าเลือกตัว 1.8 ก็จะได้ตัวที่มีอุปกรณ์ติดรถมาเยอะหรือตัวท็อป ถ้าเลือกตัว 2.0 ก็อาจจะได้รุ่นต่ำ ๆ ที่ไม่ค่อยจะมีอะไร ! ท่านตัดสินใจไม่ได้ตรงนี้แหละใช่ไหม๊ล่ะคร้าบท่าน ! ตามความเห็นของกระผมนะคร้าบ 1.8 กับ 2.0 นี่ความแรงของเครื่องต่างกัน 15 แรงม้า 140 กับ 155 ไม่เท่าไหร่หรอกคร้าบ 2.0 อัตราเร่งกว่าหน่อยนึง ตีนปลายมากกว่าอีกนิด ถ้าเจอ 1.8 โมกล่อง กรองอากาศลื่น ๆ ท่อดี ๆ สักใบ 2.0 หนีไปไหนไม่ได้หรอกคร้าบ ! เลือกตัว 1.8 แล้วมีอุปกรณ์เยอะ ๆ มาใช้ดีกว่าเลือก 2.0 แล้วไม่ค่อยมีอะไร ลองค่อย ๆ พิจารณาเปรียบเทียบกันดูคร้าบ ! ถ้ากระผมจะซื้อละก็จะเลือกตัว 1.8 เกียร์ธรรมดาตัวท็อปคร้าบ ! เพราะชอบมีความสุขในการ เหยียบ เลีย เชนจ์ โยก ยัด ไม่สนใจในความสบายขาซ้ายคร้าบท่าน !

[G.OR]

ส่วนตัวผม ถ้าจะถามว่าต่างไหม ต่างกันแค่สิ่งที่มองเห็นครับเช่น ออฟชั่น สิ้นเปลืองต่างๆ

เครื่องเรียกได้ว่าแทบจะไม่ต่างกัน อาจจะมีบ้างในเรื่องอัตราเร่ง


คงต้องบอกว่าแล้วแต่ชอบครับ

[manop]

2.0 มี vsa ซึ่งถือว่าดีมากๆนะครับ นานๆอาจจะได้ใช้สักครั้ง แต่ครั้งที่ใช้อาจจะช่วยให้จากรถหมุน เป็นไม่หมุนไปนะครับ หรือหลุดโค้งเป็นไม่หลุดโค้ง และยังมีไฟซีนอล ระบบพวกมาลัยแบบมอเตอร์ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่เงินด้วยนะครับ 1.8ก็มีข้อดีที่เครื่องประหยัดกว่า แต่ด้วยราคาที่แตกต่างกันแค่ 138000 ทำให้ผมเลือก2.0 รุ่นท๊อป

[bob]

ford fucus ลด 60000 +ประกัน เบาะหนัง อื่นๆ เพียบ ได้ของแถมเยอะ ได้รถเร็วเร็ว

[Soviet Widebody]

ในกรณีที่ขับต่างจังหวัด ผมว่าเกียร์ธรรมดาก็น่าสนครับ gap ราคาตรงนี้จะกว้างขึ้นพอสมควร

คุณสามารถมองได้สองแง่ครับว่า 1) เอาสิ่งที่ต้องการให้ได้ครบ ในงบที่น้อยที่สุด หรือ 2) เพิ่มเงินอีกประมาณ12%และเอาให้ครบสุดขีดไปเลย ถึงแม้ของบางอย่างไม่มีผลต่อความปลอดภัยและอาจไม่ได้ใช้จริงก็ตาม

ถ้าให้ซอยรุ่นจริงๆ ผมมีความเห็นแบบนี้ครับ

ถ้าคุณต้องการซีวิค คือขอให้เป็นซีวิค คุณขอเครื่องดี ประหยัดน้ำมัน ขับสบาย ใช้ในเมือง-->1.8S AT ABS SRS
ถ้าขับใช้งานในเมือง มีงบเหลือพอเอาความคุ้มค่าได้นิดหน่อย ได้แพ็คเกจหารค่าตัวคุ้มสุด-->1.8E ABS SRS
ถ้าเน้นสมรรถณะอัตราเร่ง ขับทางไกลบ่อย แต่ยอมเหนื่อยขาซ้ายเวลารถติด-->1.8 เกียร์ธรรมดา
ถ้าจะเอาสมรรถณะเท่าๆกันกับ1.8เกียร์ธรรมดา แต่อยากสบายกับเกียร์ออโต้ที่มีลูกเล่นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
และได้ออพชั่นเยอะกว่า แต่ราคาขึ้นล้าน-->2.0

ถ้าคุณคิดเลือก 2.0 ก็ควรดูว่าถ้าจะเพิ่มเงินส่วนต่างเข้ามาตรงนี้แล้วจะลำบากคุณไหม เพราะบางคนพูดถึงเงินแสน เค้าบอกสบาย แต่ถ้ามาพูดกับผม แสนบาทนี่หากันตายชักกว่าจะได้

เหมือนกับว่าคุณต้องการอะไรสักอย่างมาตัดกระดาษและไขน็อต การซื้อ2.0ก็เหมือนซื้อมีดSwiss Army Vitorinox ซื้อมีดเดียวมีทุกอย่างในตัว แต่ของบางอย่างในนั้นเช่นปากคีบหรือที่เปิดจุกไวน์คุณก็ไม่ได้ใช้

แน่นอนว่าถ้าคุณรู้สึกว่ามันไม่แพง การซื้อมันมาใช้นับว่าเป็นเรื่องที่นับว่าคุ้มค่า แต่ถ้าไม่ใช่ บางที คัตเตอร์ด้ามนึงกับไขควงอันนึงอาจจะทำงานที่คุณต้องการได้หมดในแบบที่ประหยัดกว่า แต่ไม่หรูเท่า ไม่เท่ห์เท่า

choiceของแต่ละคนแตกต่างตามความต้องการและกำลังทรัพย์ครับ ผมไม่ได้บอกว่าการซื้อ2.0เป็นเรื่องฟุ่มเฟือยนะ ถ้าผมมีเงินล้านสาม แน่นอน 2.0มาจอดเลยดีกว่า แต่ถ้ามีเงิน9แสน ผมอาจจะต้องคิดว่าซื้อ1.8แล้วจบเลย หรือว่าไปยืมแม่มีอีกแสนนิดๆ ถอย 2.0 แล้วค่อยผ่อนคืนแม่เอา

[teelex123]

ผมว่าถ้างบถึง นะส่วนตัวผม ผมว่า 2.0 EL ครับ
ลองสมุติว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจริงๆๆ เกิดมีรถพุ่งเข้ามาชนด้านข้างตัวรถ ถุงลมด้านข้างเบาะ ช่วยได้นะครับ  แต่อาจไม่มาก แต่ดีกว่าไม่มีใช่ไหมครับ
ถ้าเทียบกับค่ารักษาพยาบาล ที่เกิดกับคนขับ และคนที่เรารัก ผมว่า เงินค่าเปลี่ยนถุงลมด้านข้าง คุ้มเกินคุ้มครับ ถุงลม เปลี่ยนได้ แต่อวัยวะ เปลี่ยนไม่ได้นะครับ ให้ มี 10 ล้าน เปลี่ยนอวัยวะมาได้ ก็ไม่สามารถใช้งานได้เหมือนเดิมนะครับ ไม่เหมือนถุงลมเปลี่ยนมาแล้ว  ใช้ได้ 100% เหมือนเดิม ครับ
อีกอัน นึ่ง ระบบ ASV ช่วยเรื่องความปลอดภัย ในการเข้าโค้ง ถึงไม่เยอะ แต่ถ้าเกิดว่า เรามีเหตุการกะทันหันขึ้นมาจริงๆๆ (อะไรก็เกิดขึ้นได้ บนท้องถนน) เช่นต้องหักหลบอย่างแรง ในทางโค้ง มันช่วยเซฟ ชีวิต ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ  อย่างน้อย ก็ดีกว่าไม่มี ครับ แต่ถ้าไม่มีระบบนี้ แล้วเกิด รถแหกโค้ง ขึ้นมาแล้ว ค่าซ่อมรถ กับ ชีวิตเรา กับชีวิตคนที่เรารัก  เทียบกับค่ารักษาพยาบาล ผมยอมแลก กับเงินแสนกว่าบาทครับ แบบไหน คุ้มกว่ากันครับ ค่าซ่อมรถ เทียบกับ ระบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เราและครอบครัวเรา ที่พูดมานี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ  (นี่เป็น 1  ในเหตุผล ที่ตัดสินใจ ซื้อตัว 2.0 EL) 
อย่าลืมนะครับ ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิด กับหัวหน้าครอบครัว ครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่ง  หัวหน้าครอบครัว ต้องหยุดทำงานขึ้นมาเพื่อ รักษาตัว ช่วงที่หยุดพักรักษาตัว นี้ ไม่สมารถทำงานได้ ก็ไม่มีรายได้ เข้ามา  มีแต่รายจ่าย (ค่ารักษาตัว) คุณอย่าลืมว่า คุณหยุดทำงาน แต่ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ ไม่ได้หยุดหมุนไปกับคุณด้วย นะครับ มันยังคงหมุนต่อไป แต่ถ้ามีระบบ ที่ว่า มันช่วยให้ จากหนักให้กลายเป็นเบาลง ผมว่าคุ้มดีครับ
ถึงตรงนี้ ถ้ามีอะไร ที่มาช่วยเรา ป้องกันเหตุการณืที่เราเรียกว่า เหตุการณืไม่คาดฝันได้  คุณยังคิดว่า  เงินแสนกว่าๆๆ มันยังแพงอีกหรือป่าวครับ กับระบบ ที่หลายๆๆคนมอง ข้ามไป นี้คงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเวลาเราออกรถใหม่ ทางบริษัท เขาถึงบังคับ เน้นนะครับ  บังคับเราทำประกัน แถมต้องเป็นชั้น 1  ด้วยซิ ครับ 555
ระบบที่หลายคนมอง ข้าม เปรียบเทียบได้กับประกันรถยนต์ไงครับ มีไว้แต่ไม่อยากใช้ แต่ถ้าเกิดขึ้นมาจริงๆ  มันยังบรรเทาหนักให้เป็นเบาได้ ครับ ไม่มากก็น้อย ครับ อย่างไงซะ กันไว้ดีกว่าแก้ ครับ 
ระบบ  ABS เหมือนกัน ครับ จะมีกี่ครั้ง ที่ได้ใช้มัน แล้วถ้าเกิดได้ใช้มัน เกิดมีรถตัดหน้าเราจริงๆๆ ทันทีที่ได้ใช้มัน หลายคนบอกว่าดีนะที่มี  ABS ไม่งั้น.................... ไปแล้ว  ฝนตกถนนลื่น มันช่วยเราได้เยอะ ครับ คนที่ได้ใช้ มัน( ABS )  ก็บอกว่าดี แต่คนที่ไม่ได้ใช้มันก็บอกว่า เป็นอะไรที่สิ้นเปลี้องโดยใช่เหตุ 

คำถามครับ

ถ้าเกิดเหตุการณ์ ที่เรียกว่า ไม่คาดฝันขึ้นมา   ระหว่างชีวิตกับเงิน ถ้าเลือกได้ จะเลือกอะไร ครับ














1. เงิน














2. ชีวิต กับ ครอบครัวที่เรารัก















3. ทุกวันนี้ทำงานเพื่ออะไรครับ














ผมมั่นใจนะครับ ว่าทุกคนมีคำตอบให้ตัวเอง









สรุปนะครับ ผมว่า อยู่ที่ตัวเรามากกว่า

ถ้าเราเป็นคน ขับรถไม่เร็ว วิ่งในเมืองซะส่วนใหญ่ โดยส่วนตัวผมยังเห็นด้วยว่า ตัว 1.8 คุ้มดีครับ อย่างน้อยก็ไม่ต้องแบกรับกับค่าน้ำมันที่ กินมากกว่า พอควรเลยครับ เวลารถติดหนักๆๆ นี้ หายที 1-2 ขีดเลยนะครับ  (ในเมืองอุบัติเหตุไม่รุนแรงเท่านอกเมือง ส่วนตัวใช้นอกเมืองเป็นหลัก ครับ)

ถ้าเลือก 2.0 ผมแถม อัตราสิ้นเปลื้องโดยประมาณให้ นะครับ

ในเมือง ประมาณ 8-9  ก.ม/ลิตร ( รถติด )  1 ถังได้ประมาณ 350--450 ก.ม/ถัง 50ลิตร

นอกเมือง 9-10  ก.ม/ลิตร ครับ (นอกเมือง วิ่ง 120-140 ก.ม/ช.ม)  1 ถังได้ประมาณ 450-500 ก.ม/ถัง 50 ลิตร

หรือมากว่านี้ครับ ไม่เคยวิ่งจนหมดเกลี้ยงถังครับ


ดูที่ว่าเราใช้งานรูปแบบใดมากกว่า กันครับ


โห ดูเครียดไปไหมครับ นี่ ไม่มีเจตนา ขู่แต่อย่างใดนะครับ

ส่วนตัว ห่วงเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ครับ เพราะแฟน ขับรถเป็นส่วนใหญ่ครับ

[jew]

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยให้คำแนะนำคับจะนำมาคิดอีกทีว่าจะเอาตัวไหนคับ  ขอบคุณคับ

[piboon_lim]

เห็นว่ารุ่น 1.8 จะปรับราคาขึ้น 2 หมื่น แลกกับได้ไฟตัดหมอก แล้วก็แม็กซ์ลายใหม่ ส่วน 2.0 ยังราคาเดิม ลองพิจารณาดูนะครับ

[cu42clm]

ขับรุ่น 2.0 ก็น่ารำคาญนะครับ มีพวกอยากลองกะเราอยู่เรื่อยครับ

[teelex123]

คุณ cu42clm

ตอนผมออกรถมาใหม่ๆ ใครมาลองของกับผม ผมเล่นด้วยครับ แต่เล่นไปเล่นมา พอเราชนะ ก็ไม่ภูมิใจเท่าไร ครับ เพราะเครื่องเราใหญ่กว่า แถมน้ำมันหายไป 1-2 ขีดอีกต่างหาก เดี๋ยวนี้ ใครมาปาดหน้าผม ผม เฉยๆๆ ครับ แต่ขับจี้ติดๆๆ เลย ครับ อิอิ
หนุกกว่าเยอะ

[Dionysus]

ส่วนตัวแล้วใช้1.8 ตัว 8แสน9อยู่ ก็ดีค่ะ แต่ถ้าจะเทียบระหว่าง1.8 หรือ 2.0 ดี ส่วนตัวแล้วถ้าจะออก 2.0 คุณเพิ่มเงินอีกนิดหน่อยแล้วเอาไปออก Accord จะดีกว่ามั้ยค่ะ

[teelex123]

คุณ Dionysus ถ้าจะขยับไปเล่น Accord  ก็เล่นตัว 2.4 หรือ 3.0 ไปเลยครับ  เพราะว่า
 Accord 2.0   น้ำหนัก หนักกว่า  civic 2.0   ต้อง 155 กิโลกรัม นะครับ  แต่เท่กว่า ช่วงล่างดีกว่า ครับ
แถมเครื่องยนต์ แรงม้าน้อยกว่า อีก 5 แรงม้า กินกว่าเยอะทีเดียว ถ้าพูดถึงเรื่องอัตราสิ้นเปลื้องน้ำมัน
Accord 2.0  150 แรงม้า
civic 2.0      155 แรงม้า
ตอนแรกผมก็มองอยู่ แต่กลัวผ่อนไม่ไหม ครับ  ตอนแรกดู Jazz  ตัวท็อปไว้   เห็น ต้อง 715000 จะซื้อตัวท๊อป พี่สาวว่าว่า ทำไมไม่ขยับอีก แสนนิดๆๆ ไปดู civic ตัว 845000  ล่ะอืม จริงมีเหตุผลครับ แถมมีบอกด้วยนะครับว่า  ช่วงล่างดีกว่ากันเยอะ แน่ะ!!! (สงสัย ได้ %  จากน้อง sale อิอิ) 
พอเดินไปดู civic ตัว 845000  เห็นภายในแล้ว กิเลสหนา !!! ครับ   
แต่ครับ ยังมีแต่
มันไม่มี ถุงลม ไม่มี ABS  เลยขยับ อีกครับ คราวนี้ ไปที่ ตัว 930000 ครับ อิอิ ใช่เลย ครับ เหมาะกับผมมาก เลย เลยขอ ลองขับเลย ซะงั้น
พอได้ลองขับ ยิ่งใช่ครับ ลองขับเสร็จ ก็เดินเขามาพร้อม sale จะทำสัญญาจองครับ ก็เดินไปดูรถตัวอย่างอีกรอบ ครับ
แต่ครับ มีแต่อีก
ทำไมรุ่นที่จองไม่มี ที่ ควบคุมเพลง บนพวงลัย อ่ะ sale บอกว่ามีแต่ตัว 2.0 ค่ะ !!! 
สองจิตสองใจอีกแล้วครับ แต่ถามราคา แพงกว่า แสนกว่า ๆ เลยไม่ได้สนใจเท่าไร
แต่ครับ ยังมีแต่
sale บอกว่าพี่ไม่ดูตัว 2.0 ไปเลยค่ะ ดีกว่าเยอะ จะลองขับก็ได้นะค่ะ 
(เหอะๆๆ ( ผมคิดในใจ) ) สงสัยได้ ค่าคอมเยอะล่ะสิ ถึงเชียร์เรา คิดว่าเราไม่รู้หรือเหอะๆ  ไม่มีทางได้เงินผม เพิ่งหรอก น้อง sale เอ๋ย) ผมเลยรีบถามไปว่า แล้วมีรถให้ลองไหมล่ะ (มีค่ะ ทันทีทันใด) จอดรออยู่แล้ว ค่ะ
ที่เหลือคงไม่ต้องเล่านะครับ ว่าทำไม ถึงได้ civic 2.0  มา