ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
07 สิงหาคม 2025, 17:49:08
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น  |  หัวข้อ: เทคนิคการขับขี่รถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เทคนิคการขับขี่รถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน  (อ่าน 2155 ครั้ง)
m@houb
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,473


« เมื่อ: 22 กันยายน 2006, 16:35:34 »



เทคนิคการขับขี่รถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน
    เทคนิคในการขับขี่รถยนต์ของแต่ละบุคคล นั้นย่อมแตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างไรก็ตามก่อนที่จะเปิดประตู
รถยนต์เพื่อเข้าไปข้างในขอให้ใช้เวลาเพียงเล็กน้อยตรวจสอบความเรียบร้อยทั่วไปซึ่ง ได้แก่

          1. ตรวจสอบความสะอาดของกระจกมองข้าง กระจกหน้าต่าง กระจกหน้าและกระจกหลัง และไฟส่องสว่าง
              ทุกดวง
          2. ตรวจดูความดันของลมยาง แต่ถ้าสูบลมยางเป็นประจำก็จะช่วยให้หมดปัญหาเรื่องนี้  แต่ขอให้ตรวจดู
              โดยรอบว่ายางอ่อนมากหรือไม่ในบางล้อ เพราะบางล้ออาจมีการรั่วซึม ท่านจะตรวจพบก่อนที่จะนำ
              รถยนต์ออกไปใช้งาน
          3. ถ้าต้องการถอยหลังรถยนต์ ควรตรวจสอบบริเวณส่วนหลังของรถยนต์ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อถอยหลัง
              แล้วจะไม่มีสิ่งกีดขวาง หรือกระทบกับสิ่งของซึ่งอาจมองไม่เห็นในขณะที่นั่งอยู่ภายในรถยนต์

             

เมื่อเริ่มออกรถ
    เมื่อตรวจสอบภายนอกแล้วไม่มีปัญหา และผู้ขับขี่เข้าไปภายในรถยนต์เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ท่านจะหมุนสวิตช์
กุญแจเพื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ท่านควรปฏิบัติในสิ่งต่อไปนี้ก่อนให้เป็นนิสัย เพื่อความปลอดภัยและความสะดวก
สบายของท่าน นั่นคือ

          1. ต้องแน่ใจว่าประตูทุกบานของรถยนต์ปิดเข้าที่สนิทดีแล้ว
          2. ปรับเบาะนั่งให้เหมาะสมกับการขับขี่ แต่ถ้าท่านใช้รถยนต์เพียงคนเดียว ตำแหน่งของเบาะก็คงเหมาะสม
              อยู่แล้ว
          3. ปรับกระจกมองหลัง  และกระจกมองข้างให้เหมาะสมกับตำแหน่งขับขี่
          4. รัดเข็มขัดนิรภัย ควรใช้เข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่รถยนต์ และควรใช้ให้ติดเป็นนิสัย
          5. เมื่อหมุนสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่ง ON แล้วตรวจดูว่าไฟเตือนต่างๆ สว่างขึ้นตามปรกติทุกดวง

การสตาร์ตเครื่องยนต์
    ก่อนที่จะสตาร์ตเครื่องยนต์ ต้องใส่เบรกมือให้มั่นคง และจะปลดเบรกมือก็ต่อเมื่อท่านได้สตาร์ตเครื่องยนต์
แล้วและพร้อมที่จะขับเคลื่อนรถออกจากที่จอด
    ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาให้เหยียบแป้นคลัตช์ และโยกคันเกียร์ไปที่ ตำแหน่งเกียร์ว่าง แล้วยกเท้าออกจากแป้นคลัตช์ 
แล้วจึงสตาร์ตเครื่องยนต์ แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้โยกคัน เกียร์ไปที่ตำแหน่งจอด (P) หรือ ตำแหน่งเกียร์ว่าง (N)
ในกรณีของเกียร์อัตโนมัติท่านจะไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ได้ถ้าคันเกียร์อยู่ที่ตำแหน่งอื่นๆที่ไม่ใช่ (P)หรือ(N)
    หลังจากสตาร์ตเครื่องยนต์ติดแล้วไม่ควรเร่งเครื่องยนต์อย่างแรง หรือขับขี่ด้วยอัตราเร็วสูงทันทีเพราะจะทำให้
เครื่องยนต์สึกหรออย่างรวดเร็วและเสียหายได้ การสตาร์ตเครื่องยนต์ในรถแต่ละคันอาจใช้เทคนิคไม่เหมือนกัน
จึงควรดูคำแนะนำจากหนังสือคู่มือรถยนต์ประกอบ รถบางคันสตาร์ตโดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง บางคันอาจเหยียบ
เล็กน้อย บางคันอาจต้องเหยียบคันเร่ง 1-2 ครั้งก่อนเริ่มสตาร์ตถ้าไม่มีหนังสือคู่มือ ท่านอาจทดลองดูว่าการสตาร์ต
แบบไหนเหมาะกับรถยนต์ของท่าน โดยมีหลักอยู่ว่าสตาร์ตครั้งเดียวให้ติด
    การแคร้งก์เครื่องยนต์เป็นเวลานานโดยที่เครื่องยนต์ไม่สามารถสตาร์ตได้ อาจทำให้เกิดน้ำมันท่วมเครื่องยนต์ 
(น้ำมันเชื้อเพลิงถูกฉีดเข้ากระบอกสูบมากเกินไป) วิธีแก้ไขคือ ให้เหยียบคันเร่งจนมิดขณะสตาร์ต เมื่อสตาร์ตติด
แล้ว ค่อยๆ ผ่อนคันเร่งทีละน้อยๆ

                   

การเปลี่ยนเกียร์ขณะขับขี่
    ถ้ารถยนต์ใช้เกียร์ธรรมดา ซึ่งอาจเป็นประเภทเดินหน้า 4 เกียร์ หรือเดินหน้า 5 เกียร์ ท่านจะต้องทราบตำแหน่ง
ของการโยกคันเกียร์ สำหรับเกียร์ 1, 2, 3, 4, 5  และเกียร์ถอยหลังโดยมากมักแสดงไว้บนปุ่มคันเกียร์
    การเปลี่ยนเกียร์ไปยังเกียร์ต่างๆ นั้น หนังสือคู่มือรถยนต์มักเขียนแนะนำไว้ หรือในรถยนต์บางคันอาจมีสติ๊กเกอร์
ปิดไว้ แต่โดยทั่วไปแล้วผู้ขับมักคุ้นเคย และใช้ความรู้สึกเข้าช่วยผู้ขับขี่อาจทราบได้ว่าที่เกียร์ต่างๆ นั้นเหมาะสม
หรือไม่ การใช้เกียร์ไม่เหมาะสมอาจทำให้เครื่องยนต์รอบจัดเกินไป  หรือรอบต่ำเกินไป คือไม่เหมาะสมกับภาระใน
ขณะนั้น ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อเครื่องยนต์ ตัวอย่างในการเปลี่ยนเกียร์ของรถยนต์บางคันอาจเป็นดังนี้
           เกียร์ 1                     เกียร์ 2                     ที่อัตราเร็ว 25 km/h
           เกียร์ 2                     เกียร์ 3                     ที่อัตราเร็ว 45 km/h
           เกียร์ 3                     เกียร์ 4                     ที่อัตราเร็ว 60 km/h
           เกียร์ 4                     เกียร์ 5                     ที่อัตราเร็ว 75 km/h
   อย่างไรก็ตามถ้าภาระบรรทุกเพิ่มขึ้นหรือวิ่งขึ้นทางชัน  หรือแซงรถยนต์คันหน้า การเปลี่ยนเกียร์จะเปลี่ยนที่อัตรา
เร็วสูงกว่าที่กำหนดตามปรกติ

ข้อสังเกต

          - เมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ใดเกียร์หนี่งไปยังเกียร์อื่นๆ ต้องแน่ใจว่าได้กดแป้นคลัตช์เต็มที่
             เพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกของเฟือง ซึ่งอาจก่อให้ฟันเฟืองเสียหายได้

          - อย่าเข้าเกียร์ถอยหลังถ้ารถยนต์ยังหยุดไม่สนิท ควรรอสักครู่ก่อนโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งถอยหลังเพื่อให้
            ชิ้นส่วนต่างๆ ที่หมุนหยุดเสียก่อน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เฟืองกระทบกัน เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังในขณะที่
            สวิตช์กุญแจอยู่ที่ตำแหน่ง ON ไฟถอยหลังจะสว่างขึ้น

          - การโยกคันเกียร์ควรกระทำอย่างนิ่มนวล เพื่อให้ชุดซินโครไนเซอร์ในห้องเกียร์มีเวลาทำงานอย่างเหมาะสม

          - เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คลัตช์เสียหาย อย่าวางเท้าบนแป้นคลัตช์ในขณะขับขี่

          - ในขณะหยุดรถบนทางชัน  อย่าใช้วิธีเลี้ยงคลัตช์เพื่อหยุดรถยนต์  ควรใช้เบรกมือหรือเหยียบแป้นเบรก

          - เมื่อขับขี่ขึ้นทางชัน ควรเปลี่ยนเกียร์ให้ต่ำลงก่อนที่เครื่องยนต์จะรับภาระเกินไป และเมื่อลงทางชันก็ควรใช้
            เกียร์ต่ำลงเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เบรกมากเกินไป  และไม่ให้เบรกสึกหรอหรือร้อนจัดเกินไป

          - อย่าให้เครื่องยนต์มีรอบสูงเกินไปเมื่อเปลี่ยนเกียร์ต่ำลง



   ในกรณีที่รถยนต์ใช้เกียร์อัตโนมัติ โดยทั่วไปมักจะสตาร์ตเครื่องยนต์ไม่ติด  ถ้าคันเกียร์ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ
N ซึ่งตำแหน่งต่างๆ ของเกียร์อัตโนมัติที่ควรทราบได้แก่ ตำแหน่ง P (จอด), N (ว่าง), R (ถอยหลัง), D (ขับเคลื่อน),
เกียร์ 1, 2
    P (จอด)ตำแหน่งนี้ทำให้ล้อหลังไม่สามารถหมุนได้ ควรโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P พร้อมกับใส่เบรกมือด้วยเมื่อ
ออกจากรถยนต์ และอย่าโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P ถ้ารถยนต์ยังหยุดไม่สนิท
    R (ถอยหลัง) อย่าโยกคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง R ถ้ารถยนต์ยังหยุดไม่สนิท ไฟถอยหลังจะสว่างขึ้นเมื่อโยกคันเกียร์
ไปที่ R และสวิตช์กุญแจอยู่ที่ ON หลังจากถอยหลังรถยนต์แล้วต้องรอให้รถยนต์หยุดสนิทก่อนที่จะใช้เกียร์เดินหน้า
    N (ว่าง) ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ท่านสามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ที่ดับได้อีกครั้งหนี่งในขณะที่รถยนต์
กำลังเคลื่อนที่
    D(ขับเคลื่อน) เป็นตำแหน่งเกียร์ที่ใช้ในการขับขี่ ห้องเกียร์จะเปลี่ยนเกียร์ได้เองโดยอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ ซึ่งรวมถึงภาระและอัตราเร็วของรถยนต์ในขณะนั้นๆ
    2 (เกียร์ 2 ) ตำแหน่งที่ใช้เมื่อขับขี่บงทางลาดที่มีความลาดปานกลาง ทำให้รถยนต์วิ่งช้าลงเล็กน้อย โดยไม่ต้อง
ใช้เบรก หือเกียร์จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 1 หรือ 2 ตามต้องการ
    1 (เกียร์ 1) ตำแหน่งนี้ใช้เมื่อต้องการผลการเบรกที่ค่อนข้างสูง ในขณะขับขี่ลงทางลาดที่มีความลาดสูง ห้อง
เกียร์เป็นเกียร์ 1 ตลอด
    หมายเหตุรถยนต์แต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างกันบ้าง แต่โดยทั่วไปจะคล้ายๆกัน



การรับอิน
   ในปัจจุบันนี้  อาจไม่จำเป็นต้องดำเนินตามรายการรันอินที่กำหนดไว้ตามปรกติ แต่อย่างไรก็ตามต้องระมัดระวัง
การขับขี่ในช่วง 1,500 กิโลเมตรแรก เพราะมีผลต่อสมรรถนะ และการประหยัดน้ำมันเชื้อพลิงในอนาคตของรถยนต์
ในช่วง 1,500 กิโลเมตร แรก อย่าขับขี่รถยนต์ด้วยอัตราเร็วเกิน 80 km/h พยายามหลีกเลี่ยงการขับขี่ที่อัตราเร็วใด
อัตราเร็วหนึ่งโดยเฉพาะ  ซึ่งอาจช้าหรือเร็วเป็นเวลานานๆ และหลีกเลี่ยงการใช้ระบบควบคุมอัตราเร็วในขณะรันอิน
ในช่วงกิโลเมตรดังกล่าวนี้ ควรขับขี่ที่อัตราเร็วปานกลาง จนกระทั่งเครื่องยนต์อุ่นเครื่องเต็มที่ ควรหลีกเลี่ยงการใช้
เบรกอย่างรุ่นแรง (ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน) เพราะการใช้เบรกไม่ถูกต้องในช่วงนี้จะมีผลเสียต่อประสิทธิภาพ การเบรก
ในอนาคต  ไม่ควรใช้รถยนต์ในการฉุดลาก  แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ไม่ควรใช้อัตราเร็วเกิน 80 km/h หลักเกณฑ์เดียว
กันนี้ก็ยังคงใช้กับเครื่องยนต์ห้องเกียร์ หรือเพลาท้ายที่เป็นของใหม่ หรือได้ผ่านการซ่อมใหญ่มาแล้ว

               

ปฏิบัติอย่างไรจึงประหยัดน้ำมัน
    เพื่อลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลงต้องให้ความสำคัญในขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
    บำรุงรักษารถยนต์  รักษารถยนต์ให้มีสภาพทางกลสูงสุดอยู่เสมอ โดยปฏิบัติตามรายการบริการอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อให้แน่ใจว่าชิ้นส่วนต่างๆ เช่น หัวเทียน กรองอากาศ รอบเดินเบาฯลฯ มีสภาพปรกติ เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ทำ
งานด้วยการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและสมรรถนะสูง
          ความดันลมของยาง รักษาความดันลมของยางให้มีค่าตามที่แนะนำ ถ้ายางรถยนต์มีความดันต่ำเกินไปจะ
ทำให้ความต้านทานการหมุนของล้อเพิ่มขึ้นซึ่งจะมีส่วนเพิ่มความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
          การตั้งศูนย์ล้อ  รักษาศูนย์ล้อหน้าให้ถูกต้องอยู่เสมอ ถ้าศูนย์ล้อหน้าไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดแรงฉุดที่ล้อ 
และเพิ่มความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
          การอุ่นเครื่องและการเดินเบา หลีกเลี่ยงการอุ่นเครื่องรถยนต์เป็นเวลายาวนานเกินไปเพราะไม่จำเป็น และ
สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องยนต์จะใช้เวลาอุ่นเครื่องประมาณ 5 นาที และดีที่สุดก็คือ อุ่นเครื่องโดยการขับขี่
ไปบนถนนด้วยอัตราเร็วปานกลาง  ไม่ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเบาเป็นเวลานานเกินกว่า 2 นาที
          การเร่ง การขับขี่ และการเบรก  ควรเร่งอย่างนิ่มนวล หลีกเลี่ยงการออกรถยนต์ หรือเร่งเครื่องยนต์อย่าง
ทันทีทันใดและเต็มที่ ซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ควรขับขี่รถยนต์ด้วยอัตราเร็วคงที่สม่ำเสมอถ้า
เป็นไปได้ (หลังรันอิน) และพยายามให้ได้ใช้เกียร์สูงสุดด้วยเวลาที่สั้นที่สุด
          ข้อสังเกต การวางเท้าบนแป้นเบรกอาจทำให้เกิดการเบรกโดยไม่ตั้งใจซึ่งจะทำให้ผ้าเบรกสึกหรอ เกิดความ
ร้อนและเสียหาย ตลอดจนสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
          คำเตือนหรือข้อควรรู้เกี่ยวกับการขับขี่รถยนต์ที่จะกล่าวถึงในที่นี้คือ คำเตือนเกี่ยวกับเบรก พวงมาลัย การเก็บ
สิ่งของภายในรถ การเกาะถนนของยาง และการจอดรถยนต์
          เบรก หม้อลมเบรกของรถยนต์ใช้สุญญากาศจากเครื่องยนต์ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน อย่าปล่อยให้
รถยนต์วิ่งไปด้วยความเฉื่อยของมันโดยการดับเครื่องยนต์

          - การขับขี่ผ่านแอ่งน้ำอาจมีผลต่อสมรรถนะของเบรก ลองเหยียบเบรกเบาๆ ดูว่ามีผลหรือไม่ การทำให้ผ้า
             เบรกแห้งได้เร็วขึ้นโดยการเหยียบเบรกเบาๆ ในขณะที่กำลังขับขี่ไปข้างหน้า ความร้อนจะช่วยให้ผ้าเบรก
             แห้งเร็วขึ้น และกลับคืนสู่สภาพปรกติ

          - แป้นเบรกจะต้องเคลื่อนที่ได้อย่างไม่มีสิ่งกีดขวาง หรือก่อให้เกิดความรำคาญในขณะเหยียบแป้นเบรก เบาะ
             นั่งก็ต้องอยู่ในตำแหน่งเหมาะสมกับการเหยียบเบรกในทุกสภาพ

          พวงมาลัย มีทั้งพวงมาลัยธรรมดา และพวงมาลัยพาวเวอร์ ซึ่งพวงมาลัยพาวเวอร์ที่ติดตั้งในรถยนต์ช่วยให้
เบาแรงในขณะหมุนพวงมาลัย โดยใช้ความดันไฮดรอลิก ถึงแม้ว่าจะเบาแรงแต่ก็ยังมีความดันในการทำงานภายใน
ระบบสูงเกินไปโดยไม่จำเป็น ถ้าพวงมาลัยพาวเวอร์ไม่ทำงานเนื่องจากเครื่องยนต์ดับสายพานขับปั๊มพวงมาลัย
ขาดหรือกระปุกน้ำมันพวงมาลัยไม่มีน้ำมันก็ยังคงสามารถบังคับรถยนต์ให้เลี้ยวได้ แต่ใช้แรงมากขึ้น ถ้ามีปัญหาควร
นำรถยนต์เข้าซ่อมทันที
          การเก็บสิ่งของ การเก็บสิ่งของไว้ในรถยนต์ ไม่ควรเก็บสิ่งของต่างๆ หรือกระเป๋าเดินทางในห้องผู้โดยสาร
โดยที่สิ่งของเหล่านั้นสามารถเคลื่อนที่ส่ายไปมาได้ ถ้าเป็นไปได้ควรเก็บสิ่งของต่างๆ ไว้ในห้องเก็บของใต้ฝากระ
โปรงหลัง  สำหรับรถยนต์วากอน สิ่งของต่างๆ ที่บรรจุอยู่ในบริเวณเก็บกระเป๋าเดินทางจะต้องยึดให้แน่น เพื่อไม่ให้
หลวมและส่ายไปมา
          การยึดเกาะถนนของยาง การยึดเกาะถนนของยาง เช่นในขณะเลี้ยวโค้ง และในขณะเบรกจะลดลงเมื่อผิว
ถนนเปียกน้ำ หรือมีวัสดุอื่นๆบนถนน ควรลดอัตราเร็วลง และปรับสภาพการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพของถนนใน
ขณะนั้น
          การจอด การจอดรถยนต์กรณีที่เป็นรถใช้เกียร์ธรรมดาให้ใส่เบรกมือ ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติให้โยกคันเกียร์ไป
ที่ตำแหน่งจอด(P)จากนั้นจึงปิดหน้าต่างทุกบาน หมุนสวิตช์กุญแจไปที่ตำแหน่ง LOCK แล้วดึงลูกกุญแจออก ล็อก
ประตูทั้งหมดเมื่อออกนอกรถยนต์
          ข้อควรระวัง อย่าจอดหรือขับขี่รถยนต์ในบริเวณที่มีวัตถุไวไฟ หรือสามารถลุกไหม้ได้ง่ายเพราะวัตถุเหล่านั้น
อาจสัมผัสกับความร้อนของท่อไอเสียและลุกไหม้ได้ ทั้งหมดเป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทุกท่านทำได้อย่างแน่นอน
ถ้าทุกท่านได้ติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ผมคิดว่าทุกท่านขับรถประหยัดน้ำมันได้อย่างแน่นอน  ถ้าปฏิบัติ
ตามที่แนะนำกันไป ช่วยชาติได้อีกทางหนึ่ง และที่สำคัญช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณอีกด้วย

ข้อมูล : หนังสือตลาดรถ ฉบับ 384
บันทึกการเข้า



ทอม_อีเค
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,810



« ตอบ #1 เมื่อ: 22 กันยายน 2006, 22:06:13 »

ขอบคุณครับ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

PATTAYARACING CLUB
CIVICCLUB no.131
ChonburiClub no.034

PareZa
ชาวยุทธ คอยรับใช้ท่าน
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,552

Civic Club No.175


« ตอบ #2 เมื่อ: 25 กันยายน 2006, 21:57:55 »

แล้วจะปฏิบัติตามค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น  |  หัวข้อ: เทคนิคการขับขี่รถยนต์ให้ประหยัดน้ำมัน
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |