ผมเติมน้ำมันเกียร์ของเกียร์ออโต้ อ่ะครับเพราะพี่บอกว่าใช้ได้เหมือนกันรถทั้งบ้านผม ฮอนด้าหมด
อันนี้จะมีผลหรือป่าวครับ
ระบบการทำงานของเกียร์อัตโนมัติที่แตกต่างจากเกียร์ธรรมดาตรงที่ใช้ตัว “ทอร์คคอนเวอร์เตอร์” ในการตัดต่อการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปที่เกียร์แทนชุดคลัทซ์ หลักการก็เหมือนกับมีพัดลม 2 อัน อันหนึ่งเปิดไว้เอามาเป่าให้อีกอันหนึ่งหมุนตามทำให้เกิดการส่งกำลังได้ทำให้สามารถเข้าเกียร์ได้โดยเครื่องไม่ดับขณะเครื่องเดินเบาและรถจอดนิ่งเหยียบเบรคไว้ โดยใช้ของเหลวเป็นตัวส่งกำลังด้วยความหนืด
น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ นั้น จะทำหน้าที่
ส่งถ่ายกำลังในระบบ Torque converter
หล่อลื่นป้องกันการสึกหรอในชุดเกียร์
หล่อลื่นระบบคลัชต์เปียก
เป็นน้ำมันไฮโดรลิกในระบบสมองกลควบคุมการทำงานของเกียร์
ระบายความร้อนในเรือนเกียร์
คุณสมบัติที่ควรมีก็คือ
มีความหนืดเหมาะสม
ทนทานต่อแรงเฉือน
ทนความร้อนและปฏิกิริยาอ็อกซิเดชัน
ป้องกันการเกิดฟอง
ต้านความฝืดได้อย่างเหมาะสม
มาตรฐานน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ Dexron
Dexron IID ,Dexron IIE (พัฒนาขึ้นจาก IID เพิ่มการต้านทานความฝืด ป้องกันการสึกหรอได้ดีขึ้น)
Dexron III
นอกจากนี้ยังมีของฟอร์ด 13 2 C-33 C/D , 33F, 33G Alison C3 , C4 และแม้แต่ Caterpillar TO-2 , TO-4
หน้าที่ของน้ำมันเกียร์ธรรมดา(รวมถึงน้ำมันเฟืองท้ายด้วย) คือ
ลดแรงเสียดทานและสึกหรอ
ลดเสียงดังและการสั่นสะเทือนในเรือนเกียร์
ชะล้างเศษโลหะจากหน้าฟันเกียร์ที่เกิดจากการกระเทือน และเสียดสี
ป้องกันสนิม และการกัดกร่อน
คุณสมบัติของน้ำมันเกียร์ธรรมดาและเฟืองท้าย
ควรจะมีสารรับแรงกดสูง Additive เคลือบผิวฟันเกียร์
ทนความร้อนและปฏิกิริยาอ็อกซิเดชัน
ไม่กัดกร่อนวัสดุในเรือนเกียร์
มาตรฐานน้ำมันเกียร์
มาตรฐานด้านความหนืด SAE
แบบเกรดเดี่ยว #90, #140
และมัลติเกรด # 80W-90, #80W140
มาตรฐานสมรรถนะ API
GL1 = รถที่ใช้ Spiral bevel & worm gear axles (เฟืองตัวหนอน) ใช้งานเบา เป็นน้ำมันแร่ อาจเติมสารกันฟอง
GL-2 = ใช้กับเฟืองตัวหนอน ทำงานรับน้ำหนักและความร้อนสูงกว่า GL-1
GL-3 = เกียร์ธรรมดา และ Spiral bevel axles
GL-4 = ไฮปอยด์เกียร์ ทำงานใต้สภาวะ ความเร็วสูง แรงบิดต่ำ หรือ ความเร็วต่ำแต่แรงบิดสูง
GL-5 = ไฮปอยด์เกียร์ ทำงานใต้สภาวะ ความเร็วต่ำ แต่มีการกดดันสูง แรงบิดสูง หรือ ความเร็วสูง แรงบิดต่ำ
