มีทางใดบ้างครับที่จะให้รับวิทยุได้ชัดๆ

[apinont007]

คือตอนนี้ผมเปลี่ยนฟร้อนท์ไปละครับ รับได้ดีขึ้นบ้าง บางทีมีสัญญาณแทรกบ้าง คราวนี้ผมอยากลองเปลี่ยนเสาดู มีเสาแนะนำไหมครับ เอาแบบว่าที่เจาะตัวถังรถน้อยๆอ่ะครับ ขอบคุณครับ

[rummzink]

แหม่ปัญหาเดียวกันเลย
ปล. วันนี้เพิ่งรู้ว่าเสาอากาศรถตัวเองยืดได้อีกท่อนนึง 

[apinont007]

แหม่ปัญหาเดียวกันเลย
ปล. วันนี้เพิ่งรู้ว่าเสาอากาศรถตัวเองยืดได้อีกท่อนนึง 

ผมล่ะอยากยืดได้อีกท่อน เผื่อจะรับได้ดีขึ้น 5555

[dirtyshoes]

มันจะมีเสาที่คล้ายๆเสาวิทยุสื่อสาร มีเมาท์เกาะฝากระโปรง
แต่ว่ามันต้นใหญ่ แล้วก็ไม่สวย

[MANUTS]

เปลี่ยนเสาใหม่ครับ

[su_wit]

อยากชัดสุดต้องเปลี่ยนไปใช้เสา Half ครับ

[apinont007]

อยากชัดสุดต้องเปลี่ยนไปใช้เสา Half ครับ

แล้วพวกเสาครีบฉลาม มันชัดหรือเปล่าครับ ผมว่าติดแล้วก็น่าจะสวยดี ปล.เสาฮาฟตกต้นละเท่าไหร่ครับ 

[tea_auto1981]

แล้วพวกเสาครีบฉลาม มันชัดหรือเปล่าครับ ผมว่าติดแล้วก็น่าจะสวยดี ปล.เสาฮาฟตกต้นละเท่าไหร่ครับ 

1500-1800 พร้อมสวิตท์

[su_wit]

ผมใช้ของ 3M รุ่นที่คาดกับกระจกหน้าครับ ห้า-หกร้อยเอง

มันไม่ได้ชักขึ้น ชักลง อ่ะครับ

[tea_auto1981]

เสาฮาฟเท่ห์ดี ขึ้น- ลง อัตโนมัติด้วยนะ

[rummzink]

ครีบฉลามแบบพวกบีเอ็มก็ดูเท่ดีนะ ใส่กับ ek แพงมั้ยอะครับ

[srithanon]

เสาอากาศหรือสายอากาศสำหรับเครื่องรับวิทยุทั่วๆไป ย่านบอร์ดลาส FM/AM  ไม่ต้องไปเน้นเรื่อง Gain ของสายอากาศเท่าใดนัก  เพราะว่าการรับสัญญาณคลื่นวิทยุ  โดยมากแล้วเราจะทำการรับในเขตพื้นที่ในตัวเมือง  และในรัศมีความแรงของกำลังส่งออกอากาศจากสถานีวิทยุ     ที่เป็นสถานีหลักดังเดิม  ที่มีความถี่ลงท้ายด้วย .5 Mhz  เช่น 92.5 Mhz  เนื่องจากสถานีวิทยุดังกล่าวนี้   เมื่อก่อนหน้าที่ยังไม่มีคลื่นวิทยุชมชน  เขาจะมีกำลังlj'คลื่นวิทยุออกอากาศ ตั้งแต่ 10 Kw(กิโลวัตต์)  ถึง 20 Kw  ทำให้มีรัศมีการแผ่กระจายคลื่นวิทยุออกไปได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตร 

ดังนั้นหากเราอยู่ในเมืองและในรัศมี  เพียงแค่ใช้สายอากาศธรรมดาทั่วๆไปที่ติดมากับรถ ก็สามารถรับสวัญญาณคลื่นวิทยุได้ดีอยู่แล้ว   แต่เนื่องด้วยในปัจจุบันการส่งสัญญาณความถี่คลื่นวิทยุ ที่เป็นระบบ FM ถูกซอยความถี่หรือแบ่งความถี่เพิ่มช่องสถานีออกอากาศให้กับบรรดาวิทยุชมชนทั้งหลาย และมีกันมากมาย  โดยจำกัดกำลังเครื่องส่งสัญญาณวิทยุออกอากาศได้ไม่เกิน 20 Watt( 1000 watt= 1 Kw) เพื่อกำหนดพื้นที่ให้ครอบคลุมอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5-10 กิโลเมตร    ทำให้แต่ละพื้นที่  ที่มีสถานีวิทยุชุมชน มากมาย

ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดสัญญาณคลื่นวิทยุรบกวนกัน  เพราะเมื่อก่อนที่จะมีคลื่นวิทยุชมชน  ความถี่ของคลื่นวิทยุในระบบเอ็ฟเอ็ม  จะถูกกำหนดให้การ์ดแบน คือช่องว่างระหว่างความถี่คลื่นวิทยุถัดไป ที่ลงท้ายด้วย .5 Mhz เช่น 100  100.5 101 101.5 Mhz  ซึ่งตัวเลข .5 Mhz  เท่ากับ 500 Khz  ในหนึ่งสถานีที่ใช้ความถี่ออกอากาศ เช่นที่ 100.5 Mhz  ตัวที่เป็นความถี่เซ็นเตอร์ คือ100 Mhz ส่วนที่เป็น .5 Mhz จะถูกกำหนดให้เป็นช่วงความกว้างของสัญญาณเสียงหรือ Audio signal  ที่จะเอาความถี่ของเสียงม๊อดดูเลทรวมกับคลื่นสัญญาณวิทยุ ช่วงลบและช่วงบวก   คือเซ็นเตอร์ความถี่คลื่นวิทยุอยู่ที่ 100  ทางลบก็คือ 99.5 Mhz ทางบวกก็คือ 100.5 Mhz  จะเห็นว่า 99.5-100.5 Mhz   จะมีความกว้างของแบนความถี่ไว้สำหรับทำการ Modulate สัญญาณเสียงเพลง หรือสัญญาณ Audio signal   รวมเข้ากับคลื่นความถี่วิทยุ ( RF ) เท่ากับ 1 MHz  หรือ 1000Khz
แต่ต้องถูกข้อกำหนดในการส่งคลื่นวิทยุออกอากาศ กำหนดให้มีช่วงการ์ดแบนด์  คือช่องว่างระหว่างความถี่ถัดไป ให้มีช่วงว่างนี้ .5Mhz ( 500Khz)
โดยให้ความถี่ 100.5 Mhz สามารถ ม๊อดดูเลทได้ไม่เกิน  100.25 Mhz  ส่วนอีก .25 Mhz เอาไว้เป้นช่องว่างกันความถี่รบกวนกันรวมกับคลื่นความถี่ถัดไปอีก .25 MHz  รวมเป็น .5 Mhz

แต่เมื่อมีคลื่นวิทยุชุมชนเข้ามาภายหลัง   ทำให้ช่องว่างระหว่างความถี่ถูกแบ่งออกไปใช้อีก .25 Mhz  มันก็มีการรบกวนของความถี่ข้างเคียง  หากเครื่องส่งของสถานีนั้นๆ มีความถี่ไม่สเตเบิล  หรือมีการม๊อดดูเลทสัญญาณ เสียงที่ม๊อดเกินกำหนดหรือเรียกว่า Over modulate  มันก็จะเกิดการรบกวนกับช่องข้างเคียง
มันก็เป็นที่มาของความห่วยของระบบย่ายววิทยะกระจายเสียงของบ้านเรา   การรับคลื่นวิทยุที่ดีไม่ใช้อยู่ที่สายอากาศของเครื่องรับวิทยุอบ่างเดียวก็หาไม่  มันจะต้อมมีปัจจัยในเรื่องคุณสมบัติของภาครับของเครื่องวิทยุ  ว่ามี sensitive ความไวในการรับสัญญาณได้ดีและมากแค่ไหน และประการสำคัญจะต้องมี selective ในการเลือกรับสัญญาณได้ดีแค่ไหน  อันเป็นปัจจัยบอกถึงคุณสมบัติสำหรับเครื่องรับวิทยุชั้นดีด้วย
ก็เอามาเล่าแบบย่อๆ  พอได้เข้าใจ ว่าทำไมเครื่องรับวิทยุปัจจุบันนี้ มันแทรกและกวนกัน  แบบทูอินวัน ฟังพร้อมกันทีเดียวสองคลื่นความถี่  อาจจะผิดตัวเลขไปบ้างเพราะขี้เกียจจำและมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในระบบวิทยุกระจายเสียงในปัจจุบัน......srithanon

[joepao]

เสาอากาศหรือสายอากาศสำหรับเครื่องรับวิทยุทั่วๆไป ย่านบอร์ดลาส FM/AM  ไม่ต้องไปเน้นเรื่อง Gain ของสายอากาศเท่าใดนัก  เพราะว่าการรับสัญญาณคลื่นวิทยุ  โดยมากแล้วเราจะทำการรับในเขตพื้นที่ในตัวเมือง  และในรัศมีความแรงของกำลังส่งออกอากาศจากสถานีวิทยุ     ที่เป็นสถานีหลักดังเดิม  ที่มีความถี่ลงท้ายด้วย .5 Mhz  เช่น 92.5 Mhz  เนื่องจากสถานีวิทยุดังกล่าวนี้   เมื่อก่อนหน้าที่ยังไม่มีคลื่นวิทยุชมชน  เขาจะมีกำลังlj'คลื่นวิทยุออกอากาศ ตั้งแต่ 10 Kw(กิโลวัตต์)  ถึง 20 Kw  ทำให้มีรัศมีการแผ่กระจายคลื่นวิทยุออกไปได้ไกลมากกว่า 100 กิโลเมตร 

ดังนั้นหากเราอยู่ในเมืองและในรัศมี  เพียงแค่ใช้สายอากาศธรรมดาทั่วๆไปที่ติดมากับรถ ก็สามารถรับสวัญญาณคลื่นวิทยุได้ดีอยู่แล้ว   แต่เนื่องด้วยในปัจจุบันการส่งสัญญาณความถี่คลื่นวิทยุ ที่เป็นระบบ FM ถูกซอยความถี่หรือแบ่งความถี่เพิ่มช่องสถานีออกอากาศให้กับบรรดาวิทยุชมชนทั้งหลาย และมีกันมากมาย  โดยจำกัดกำลังเครื่องส่งสัญญาณวิทยุออกอากาศได้ไม่เกิน 20 Watt( 1000 watt= 1 Kw) เพื่อกำหนดพื้นที่ให้ครอบคลุมอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5-10 กิโลเมตร    ทำให้แต่ละพื้นที่  ที่มีสถานีวิทยุชุมชน มากมาย

ปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดสัญญาณคลื่นวิทยุรบกวนกัน  เพราะเมื่อก่อนที่จะมีคลื่นวิทยุชมชน  ความถี่ของคลื่นวิทยุในระบบเอ็ฟเอ็ม  จะถูกกำหนดให้การ์ดแบน คือช่องว่างระหว่างความถี่คลื่นวิทยุถัดไป ที่ลงท้ายด้วย .5 Mhz เช่น 100  100.5 101 101.5 Mhz  ซึ่งตัวเลข .5 Mhz  เท่ากับ 500 Khz  ในหนึ่งสถานีที่ใช้ความถี่ออกอากาศ เช่นที่ 100.5 Mhz  ตัวที่เป็นความถี่เซ็นเตอร์ คือ100 Mhz ส่วนที่เป็น .5 Mhz จะถูกกำหนดให้เป็นช่วงความกว้างของสัญญาณเสียงหรือ Audio signal  ที่จะเอาความถี่ของเสียงม๊อดดูเลทรวมกับคลื่นสัญญาณวิทยุ ช่วงลบและช่วงบวก   คือเซ็นเตอร์ความถี่คลื่นวิทยุอยู่ที่ 100  ทางลบก็คือ 99.5 Mhz ทางบวกก็คือ 100.5 Mhz  จะเห็นว่า 99.5-100.5 Mhz   จะมีความกว้างของแบนความถี่ไว้สำหรับทำการ Modulate สัญญาณเสียงเพลง หรือสัญญาณ Audio signal   รวมเข้ากับคลื่นความถี่วิทยุ ( RF ) เท่ากับ 1 MHz  หรือ 1000Khz
แต่ต้องถูกข้อกำหนดในการส่งคลื่นวิทยุออกอากาศ กำหนดให้มีช่วงการ์ดแบนด์  คือช่องว่างระหว่างความถี่ถัดไป ให้มีช่วงว่างนี้ .5Mhz ( 500Khz)
โดยให้ความถี่ 100.5 Mhz สามารถ ม๊อดดูเลทได้ไม่เกิน  100.25 Mhz  ส่วนอีก .25 Mhz เอาไว้เป้นช่องว่างกันความถี่รบกวนกันรวมกับคลื่นความถี่ถัดไปอีก .25 MHz  รวมเป็น .5 Mhz

แต่เมื่อมีคลื่นวิทยุชุมชนเข้ามาภายหลัง   ทำให้ช่องว่างระหว่างความถี่ถูกแบ่งออกไปใช้อีก .25 Mhz  มันก็มีการรบกวนของความถี่ข้างเคียง  หากเครื่องส่งของสถานีนั้นๆ มีความถี่ไม่สเตเบิล  หรือมีการม๊อดดูเลทสัญญาณ เสียงที่ม๊อดเกินกำหนดหรือเรียกว่า Over modulate  มันก็จะเกิดการรบกวนกับช่องข้างเคียง
มันก็เป็นที่มาของความห่วยของระบบย่ายววิทยะกระจายเสียงของบ้านเรา   การรับคลื่นวิทยุที่ดีไม่ใช้อยู่ที่สายอากาศของเครื่องรับวิทยุอบ่างเดียวก็หาไม่  มันจะต้อมมีปัจจัยในเรื่องคุณสมบัติของภาครับของเครื่องวิทยุ  ว่ามี sensitive ความไวในการรับสัญญาณได้ดีและมากแค่ไหน และประการสำคัญจะต้องมี selective ในการเลือกรับสัญญาณได้ดีแค่ไหน  อันเป็นปัจจัยบอกถึงคุณสมบัติสำหรับเครื่องรับวิทยุชั้นดีด้วย
ก็เอามาเล่าแบบย่อๆ  พอได้เข้าใจ ว่าทำไมเครื่องรับวิทยุปัจจุบันนี้ มันแทรกและกวนกัน  แบบทูอินวัน ฟังพร้อมกันทีเดียวสองคลื่นความถี่  อาจจะผิดตัวเลขไปบ้างเพราะขี้เกียจจำและมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในระบบวิทยุกระจายเสียงในปัจจุบัน......srithanon

ข้อมูลดีๆอีกแล้วครับ

[Winter]

ต้องหั้ยคนขึ้นไปนั่งจับเสาบนหลังคาไว้คับ  ชัดมากมาย (ล้อเล่นนะคับ)