สงกรานต์หลวงพระบาง 52 (day 5 "น้ำตกกวางสี - ซิตี้ทัวร์" 13 เมสา 2009)

[Uncle_T]

ทริปนี้เราออกเดินทางจากกรุงเทพคืนวันที่ 8 เมษายน 52 และเริ่มรีวิว ในวันที่ 9 จนถึงวันที่ 18 ครับ เชิญชมแต่ละวันได้ตาม URL ข้างล่างนะครับ

วันที่  9 เมสา 2009 ที่ http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,55189.0.html
วันที่ 10 เมสา 2009 ที่ http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,55625.0.html
วันที่ 11 เมสา 2009 ที่ http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,55917.0.html
วันที่ 12 เมสา 2009 ที่ http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,56229.0.html

ติดตามรีวิว Day 5  วันที่ 13 เมษายน 2552 (ยังไม่ใช่วันสงกรานต์ของลาวนะครับ) สปป.ลาวประกาศสงกรานต์ประจำปี 2552 คือวันที่ 15-17 เมษายน 2552 ครับ

[Uncle_T]

เช้านี้เรากว่าจะลุกจากที่นอนก็เกือบ 10 โมง  วันนี้คงไม่ไปกาแฟประชานิยมอีก เลยเดินขึ้นเหนือไปทางวัดเชียงทอง เพื่อหาอาหารเช้า และ ซิตี้ทัวร์ไปด้วย ผ่าน"ร้านตำหนักลาว" ร้านอาหารชื่อดังพอสมควร

[Uncle_T]

ผ่านร้านอาหาร " 3นาคา"  ก็ยังไม่แวะ เพราะไม่ถูกใจเรื่องราคา

[Uncle_T]

ถนนเส้นนี้ (ถนนสักกะลิน) ชื่อเหมือนที่พักเรา ต่อจากถนนสีสว่างวงษ์ ตรงแยกโรงเรียนอนุบาล มีทั้งร้านอาหาร ที่พัก ร้านค้าสวยงามถัดไปคือ "15นาคา แกลเลอรี่ สตูดิโอ"

[Uncle_T]

ถัดไปเป็น "โรงแรมช้าง" ราคาค่อนข้างแพงครับ

[Uncle_T]

"เฮือนพัก แสนสุข" เยื้อง ๆ โรงแรมช้าง แต่ราคาถูกกว่า

[Uncle_T]

ฝั่งเดียวกับโรงแรมช้างเป็นวัดเรียงกันไปถึง 3 วัดครับ  "วัดแสนสุขาราม"

[Uncle_T]

ดอกจำปา ดอกไม้ประจำชาติลาว บานสะพรั่งริมรั้ววัด

[Uncle_T]

"วัดสีบุนเรือง" บ้านโพนเรือง

[Uncle_T]

"วัดสบสิกขาราม"  พระและเณร ยกรางสรงน้ำพระ ประจำวัดออกมาทำความสะอาด เพื่อเตรียมสรงน้ำพระในวันที่ 17 นี้

[Uncle_T]

แถวนี้จะมีโรงแรมนี้ที่ค่อนข้างใหญ่หน่อย "โรงแรมสันติ"

[Uncle_T]

สุดท้ายเดินวนกลับมาสั่ง ข้าวผัด ที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมช้างไม่ทันได้ถ่ายรูปไว้ เพราะหิวมากแล้ว  โต๊ะว่างที่เห็นข้างหลังนั่นแหละ หลังอาหารเช้ากลับมาพักผ่อนที่พัก

[Uncle_T]

ตกเที่ยงวัน เดินออกมาที่ถนน หมู่เฮาเริ่มสาดน้ำกันแล้ว เราแว่บหลบเข้าซอยดีกว่ายังไม่อยากเจอน้ำ เพราะตกลงจะไปเที่ยวน้ำตกกวางสีบ่ายนี้

[Uncle_T]

เป็นซอยเล็ก ๆ ถัดจากเรือนพักสักกะลิน เข้าไปนิดเดียวก็เป็น "เฮือนพักทัดสะพอน" บรรยากาศเงียบสงบดี ในซอยไม่มีเสาไฟฟ้า กลางคืนจะมีไฟฟ้าติดที่เสาเล็ก ๆ ที่เห็นตรงขอบทางเดิน

[Uncle_T]

"เฮือนจัน" เรือนมรดกบ้านเชียงม่วน กำลังบูรณะโดยรัฐบาลลาวและยูเนสโก เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของพลวงพระบางสืบไป

[Uncle_T]

"เฮือนพักมาลา" เกสต์เฮ้าส์ราคาย่อมเยาว์ พร้อมร้านอาหารภายในตัว นับว่าสะดวกไม่น้อย

[Uncle_T]

เดินมาสุดซอยมีวัด  "จูมก้อง สุรินทราราม" อยู่ปลายซอย ต้องเดินทะลุวัดออกไปถนนสายกลาง

[Uncle_T]

เดินเข้าซอยอีกซอยเพื่อไปยังถนนเลียบลำน้ำโขง สภาพซอยสะอาดมาก มีเสาปักขวางไม่ให้รถยนต์วิ่งผ่าน แค่เสาต้นนี้ถ้าเทียบกับเสาเหล็กที่กรุงเทพเป็นไงครับ

[Uncle_T]

ถึงถนนเลียบแม่น้ำโขง ท่ารถไปน้ำตกกวางสี อยู่ตรงทางลงท่าเรือใหญ่ของหลวงพระบาง มีการเสนอขายอย่าเพิ่งรีบซื้อตั๋ว เราไปถึง 12.30 น. เขาบอกว่ารถเที่ยวถัดไปจะออก 13.30 น. พอเรายังไม่ซื้อราคาตั๋วมันก็ลงมาเรื่อย จนเหลือคนละ 40,000 กีบ(ประมาณ 160 บาท) เราถึงซื้อ

[Uncle_T]

ได้ตั๋วแล้วมานั่งอยู่ที่ท่าเรือรอเวลารถออกนั่นแหละ (วิวด้านหลังคือวัดจอมเพ็ดที่เมื่อวานไปมา)

[Uncle_T]

พอถึงเวลาขึ้นไปที่ท่ารถ ได้รถเกาหลี 7 ที่นั่งรูปร่างอย่างกะสเปซวากอน เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ แต่มีซันรู๊ฟด้วย  ออกจากท่าตรงเวลาเป๊ะ แอบดีใจ ที่มีเราเพียงสองคน คงนั่งสบายละวะ

[Uncle_T]

และแล้วปฏิบัติการวนรอบเมืองก็เกิดขึ้น โชเฟอร์วนรถไปรับนักท่องเที่ยวอีก 3 แห่งได้ผู้โดยสารมาอีก 5 คน รวมเรา+คนขับ เป็น 8 คน คนที่เกินมาอีก 1 แกก็มีที่นั่งให้คือหันหลังกับคนขับ และเบาะหน้า (มานบอกว่ารับผู้โดยสารได้เต็มที่ 9 คน)

แถมยังไปแวะที่บริษัททัวร์ รับขึ้นมาอีก 1 คน เท่านั้นแหละ ผู้โดยสารกรุ๊ปหนึ่งมากัน 3 คนไม่ยอม คนขับมานก็พาไปที่คิวรถริมน้ำ เจรจากับคิว แล้วลงไปทั้ง 3 คน

[Uncle_T]

เหลือผู้โดยสาร 6 คน ก็น่าจะออกได้ แต่...ยังไม่ไปหรอกครับ วนไปรับอีกที่ 2 คน มันก็เกินที่นั่งอยู่ดี เพราะไม่มีใครยอมนั่งหันหลัง

สุดท้ายมีนักท่องเที่ยวมาคนเดียว เดินลงหน้าบริษัททัวร์ ไปขอเงินคืน  คราวนี้ เหลือ 7 คน คนขับก็วนมาที่คิวรถอีก คุยกับคนคุมคิว  รวมเวลาวนไปมาแล้ว 1 ชั่วโมงพอดี

[Uncle_T]

ความอดทนผมเกือบสิ้นสุด ร้อนก็ร้อน เลยบอกคนคนขับว่า ถ้ายังจะไปรับคนเพิ่มอีก ผม 2 คนก็จะลงที่คิวรถนี้แหละ คราวนี้มันเลยตัดสินใจไปก็ไปวะ สรุปรถออกได้เกือบบ่ายสองครึ่ง

[Uncle_T]

ถนนที่ไปน้ำตก อย่างที่เห็นนี่ แต่ตอนข้ามสะพานต้องจอดรอหลีกกัน ข้ามได้ทีละ 1 คัน

ระยะทางจากตัวเมืองถึง น้ำตก 25 กม.2 ข้างทางมีหมู่บ้านประปราย

[Uncle_T]

- เหลืออีก 1 กม. จะถึงน้ำตก รถเริ่มติด คนขับบอกว่า วันนี้เป็นวันหยุด และสงกรานต์ด้วยเลยมีรถเยอะ

- สุดท้ายเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราเลยลงเดิน เพราะบ่าย 3 กว่าแล้ว นัดรถให้เข้าไปรับ 5 โมงเย็น

[Uncle_T]

หมู่บ้านระหว่างทางขึ้นน้ำตกกวางสี  มีหัตถกรรมแกะสลักช้างไม้ขายนักท่องเที่ยวด้วย

[Uncle_T]

- บริเวณหน้าทางเข้าน้ำตก ต้องเสียค่าเข้าชมอีก คนละ 20,000 กีบ คนลาว หมื่นเดียว   
- ป้ายทางเข้าหลังเก็บตั๋วแล้ว ต้องเดินเข้าไปอีกประมาณร้อยกว่าเมตร กว่าจะถึงตัวน้ำตก
- แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ น้ำตกตาดกวางสี

[Uncle_T]

คำว่า "ตาด" แปลว่าน้ำตก  บางที่ก็เขียนทั้งน้ำตก และตาด รวมกันไป มั่วดีเหมือนกัน

[Uncle_T]

เป็นน้ำตกที่มีสภาพร่มรื่นย์ ดีมากที่หนึ่ง ช่วงนี้น้ำพอประมาณ ใสจนเขียวมรกต แต่ถ้าเป็นฤดูฝน น้ำจะขุ่นจนแดง

[Uncle_T]

นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำกันเยอะ ทั้งลาว ไทย ฝรั่ง น่าสนุกสนานมาก โดยเฉพาะตาไก่เรา ก็ลงกับเขาด้วย

[Uncle_T]

ขาออกมีศูนย์อนุรักษ์หมี (BEAR RESCUE CENTER) ด้วย มีหลายตัวอยู่นะ แต่แม่ค้าขายของมีมากกว่า

[Uncle_T]

ลานจอดรถนักท่องเที่ยวหน้าทางเข้าน้ำตก เกือบ 5 โมงเย็น ทั้งรถและคน เริ่มน้อยลง

[Uncle_T]

- บ้านเรือน สองข้างทางขากลับ เหมือนชนบทในบ้านเรามั๊ยครับ

- รถบรรทุกเล็กยี่ห้อ KO LAO ผลิต/ประกอบในลาว ส่วนผมเรียกยี่ห้อ "โก๋ลาว"

[Uncle_T]

กลับถึงหลวงพระบาง เข้าที่พักอาบน้ำ ทานข้าวเย็นเรียบร้อย นั่งสามล้อไปวัดธาตุ

ดูงานบุญตรุษสงกรานต์ปีใหม่ลาว ประจำปี พ.ศ.2552 กัน  (คนลาวมักจะเรียกปีคริสตศักราชกัน เช่น สองพันเก้า / สองพันสิบ รู้สึกง่ายกว่า)

[Uncle_T]

ในงานมีการประกวดนางงามสงกรานต์หลวงพระบางด้วย ซึ่งชาวลาวจะเรียก "นางสังขาน" แทน

[Uncle_T]

ในงานมีทั้งการละเล่น (พนัน), บิงโก ,ปาลูกโป่ง ,ออกร้านค้า , ขายอาหาร ,สวนสนุก ผู้คนเยอะมาก ๆ

[Uncle_T]

ในภาพตาไก่ หิวหรืออยากลองไข่ต้ม ก็ไม่แน่ใจ  แกก็ลงทุนซื้อเสร็จนั่งกินตรงนั้น เหยาะซอสแม๊กกี้ ปั๊บ ก็ตักเข้าปาก ตอนถ่ายรูปยังยิ้มอยู่  พอสักพักแกก็ทำหน้าสงสัยแล้วถามผมว่า นอกจากไข่แล้วรู้สึกมีอะไรเป็นตัว  อยู่ในไข่ด้วยละ ผมเลยตอบไปว่า อ้าว นึกว่ารู้ว่าในนั้นก็เป็นลูกไก่ตาย (ไข่ข้าว) ไงล่ะ ........เป็นอันยุติการกิน

จบรีวิววันที่ 13 เมสา สองพันเก้านะครับ

[BEbenjamin]

อากาศร้อนอย่างนี้ คิดถึงเทศกาลสงกรานต์เป็นที่สูดดดดดด