ผมมีบทความมาให้อ่านกัน ไม่ทราบว่าสมาชิกรู้สึกกันแบบนี้หรือป่าว ส่วนผมทำใจทุกนัดที่ลงเล่น ต้องลุ้นจนนาทีสุดท้ายประจำ แต่อย่างไรผมก็เด็กหงส์แดง
ทันทีที่อ่านหัวข้อ หลายคนอาจจะคิดขึ้นมาทันทีว่าผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เวลาทีมเล่นไม่ดีแล้วก็ออกมาพูดกดดันราฟา แต่เชื่อหรือไม่ ว่านี้เป็นครั้งแรกในรอบห้าปีที่ผมรู้สึกแบบนี้กับผู้จัดการทีมของเรา
ผมรักและชอบเขาเหมือนอย่างที่ใครหลายๆคนเป็น ด้วยเหตุผลหลักๆสองประการ
หนึ่ง อาจเป็นเพราะการที่เขาพาทีมเป็นแชมป์เปี้ยนลีกทันทีในปีแรก และเข้าชิงอีกในอีกสองปีถัดมา เรารอคอยสิ่งนี้กันมานาน และคงไม่ปฏิเสธว่ามันทำให้แฟนลิเวอร์พูลทั่วโลกพอจะยืดได้บ้างเวลาเจอแฟนแมนยู เพราะเราแทบจะเทียบแมนยูไม่ติดเลยในเรื่องของความสำเร็จในช่วงสิบกว่าปีหลัง และมันเป็นปมที่อยู่ในใจทุกคนไม่มากก็น้อย จากการที่เคยเป็นทีมที่ใหญ่คับเกาะอังกฤษและคับยุโรบ ต้องกลายมาเป็นลูกไล่(ห่างๆ)ของแมนยูมาอย่างยาวนาน ความสำเร็จห้าแชมป์ของอุลริเย่เป็นเหมือนละอองน้ำที่กระเซ็นมาประพรมใบหน้า แต่ความสำเร็จในเวทีที่ใหญ่ที่สุดอย่างแชมป์เปี้ยนลีกของราฟามากกว่า ที่เป็นดั่งธารน้ำเย็นของน้ำตกที่รดหัวใจของเดอะค็อปให้ชุ่มช่ำกันจริงๆ ดูจากปฏิกิริยาของทั้งแฟนบอลและนักบอล(โดยเฉพราะพวกลูกหม้อ)ในแอนฟิลในวันแดงเดือดปีถัดมา มันบอกได้ว่าพวกเขารู้สึกสะใจขนาดไหนกับการเป็นแชมป์ห้าสมัยในยุโรบของทีมรัก และทั้งหมดนี่เอง สิ่งที่ราฟามอบให้กับเรานี่เอง ทำให้เรารักและแน่นอน หวงแหน คนที่ได้ยุติการรอคอยแชมป์ระดับเมเจอร์อันยาวนานของเรา และมันก็มาพร้อมการคาดหวังว่าเขาจะเป็น ?เดอะ วัน (the one)? ผู้ที่จะพาทีมกลับไปเป็นเบอร์หนึ่งของเกาะอังกฤษอีกครั้ง
สอง มันอาจจะมาจากบุคคลิกส่วนตัวของเขา ที่ดูอ่อนน้อมและเป็นคนน่ารักอย่างที่ผู้จัดการทีมของ ?ลิเวอร์พูล? ควรจะเป็น ซึ่งผมก็นึกภาพไม่ออกจริงๆว่าถ้าห้าปีที่แล้วเราได้มูรินโญ่มาแทนอย่างที่เป็นข่าวคู่กันมากับราฟาตอนนั้น ภาพพจน์ของลิเวอร์พูลจะเป็นยังไง บางคนอาจจะแย้งว่า ภาพพจน์นั้นจับต้องไม่ได้ ขอแชมป์ดีกว่า ผมก็เข้าใจที่จะรู้สึกกันแบบนั้น แต่สำหรับผมที่อย่างแรกเลย ลิเวอร์พูล เป็นทีมฟุตบอลทีมเดียวที่เชียร์มาตั้งแต่เกิด ก็ซักยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ผมไม่คิดว่าผมอยากได้แชมป์น้อยไปกว่าใคร แต่อย่างที่สองที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการเป็นแชมป์เปี้ยนสำหรับผมก็คือ ความเป็น ?ลิเวอร์พูล? ซึ่งก็มีคำจัดกัดความที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน แต่ลิเวอร์พูลสำหรับผม คำๆนี้ เป็นมากยิ่งกว่าชื่อของทีมฟุตบอลหนึ่งทีม และนั้นก็คือคำตอบว่าทำไมผมถึงรักลิเวอร์พูล แต่แล้วนั่นคืออะไร คงขอยังไม่บรรยายอะไรกันมากในวันนี้ละครับ เพราะที่ตั้งใจเขียนมาวันนี้ก็คือจะพูดถึงราฟา การทำทีมที่อาจเป็นปีสุดท้ายของเขากับเรา
หลังเกมกับสโต๊ค ไม่ใช่เพียงผลการแข่งขัน แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจที่สุด คือฟอร์มการเล่นของทีม
ผมไม่โทษกรรมการ มีเหตุการณ์ที่กรรมการตัดสินได้น่าเกลียดกว่านี้ตั้งอีกมากมาย แต่นั้นคือฟุตบอล ที่เป็นมาทั้งในอดีต เป็นอยู่ตอนนี้ และก็คงจะเป็นกันอย่างนี้ต่อไปอีกเรี่อยๆถ้ายังไม่เปลี่ยนระบบการตัดสินไปพึ่งพิงเทคโนโลยีกันเสียก่อน ซึ่งการตัดสินของกรรมการ มันก็จะมีทีมที่ได้ประโยชน์และทีมที่เสียประโยชน์ ในกรณีเมื่อคืน พูดกลางๆแล้ว จริงๆมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรขนาดนั้น เอามาบ่นๆกันได้ แต่ในกรณีนี้ไม่ควรเอามาเป็นเหตุผลหลัก จนมองข้ามฟอร์มการเล่นของทีมเราเอง
ขอย้อนกลับไปอีกครั้งกับการเลือกผู้จัดการทีมเมื่อห้าปีที่แล้ว ทำไมผู้บริหารในขณะนั้นถึงเล็งไปที่ราฟาและมูรินโญ่ ง่ายๆครับ เพราะบอร์ดรู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้มีเงินถุงในคลังเหมือนแมนยูหรือเชลซี เขาจึงมองหาผู้จัดการทีมฝีมือดีที่จะสามารถทำทีมที่มีทุนไม่มากให้ดีได้ ในช่วงนั้นคงไม่มีใครเด่นไปกว่าเอล ราฟา เจ้าพ่อแห่งวังค้างคาว ผู้พาบาเลนเซียปาดทั้งมาดริดและบาซ่าคว้าแชมป์ในสเปนไปครองอย่างยิ่งใหญ่ และ มูรินโญ่ที่พาปอร์โต้โค่นแมนยูอย่างอาจหาญและไปถึงแชมป์เปี้ยนลีกในที่สุด ถ้าถามว่าผลงานในตอนนั้นใครเด่นกว่ากัน ผมยังมองว่าปอร์โต้ของมูรินโญ่ที่มาจากลีกที่เกรดต่ำกว่าสเปนแต่ดันคว้าแชมป์เปี้ยนลีกไปครองดูมีภาษีกว่านิดๆ ไม่ได้ชัดเจน แต่นิดๆ
ไม่ได้หมายความว่าฝีมือของมูรินโญ่ดีกว่า ผู้จัดการทีมหนึ่งคนที่จะประสบความสำเร็จได้ นอกจากฝีมือแล้วยังประกอบด้วยปัจจัยรอบข้างอื่นๆด้วย แต่หากวัดกันที่ความสำเร็จในประเทศอังกฤษหลังจากที่ราฟามาคุมลิเวอร์พูลและน้ามูไปเชลซี แน่นอนว่าเชลซีของน้ามูเราดีกว่า ทำไม? อย่างที่รู้กันว่าด้วยระบบและรูปแบบการแข่งขันที่แตกต่างกันของแต่ละ Competition อย่างเช่นแชมป์เปี้ยนลีกและพรีเมียร์ลีกนั้น require หรือต้องการรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกัน ทำไมราฟาถึงถูกขนานนามว่าจอมแท็กติก ในขณะที่ท่านเซอร์และเวนเกอร์ไม่ นั้นก็เพราะแม้ทีมจะเล่นด้วยฟอร์มที่ไม่ดีนัก แต่ทีมก็ชนะได้ด้วยการแก้เกมและการวางแทกติกของโค้จ ที่ทุกคนเห็นกันได้ชัดมากๆก็ตอนถอยเจอร์ราดมาเป็นแบ็กในช่วงท้ายเกมในรอบชิงปีแรกกับมิลาน และอีกหลายๆครั้ง ผมมองว่าตรงนี้ราฟาค่อนข้างเด่นทีเดียว นั่นก็เพราะราฟาโตมากับลีกที่เป็นเจ้าแห่งแท็กติกอย่างสเปน หลายคนทีเดียวที่ยอบรับกันว่า บิ๊กโฟร์ของพรีเมียร์ลีกเก่งจริง แต่ระดับกลางถึงล่างลงไป ทีมจากสเปนและอิตาลียังดูดีกว่า (แม้ไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง แต่นั้นก็ต้องขอบคุณเม็ดเงินมหาศาลที่เจ้าของทีมทั้งสี่เทลงไปให้กับผู้เล่นระดับท็อป ถ้าไม่ทุ่มเงินกันขนาดนี้ ผมว่าลีกอังกฤษก็ยังอาจจะตามหลังลีกสเปนและอิตาลีในเวทีระดับยุโรบอยู่ดี) ดูได้จากบอลถ้วยยุโรบระดับต่ำลงมา สเปนแทบจะชิงกันเองตลอด
ดังนั้นถ้าจะบอกว่าปรัญญาการทำทีมของเอล ราฟา เหมาะกับการแข่งขันในระบบน็อกเอาต์อย่างถ้วยยุโรบ ที่การแข่งขันแต่ละนัดทุกทีมต้องการคะแนน มีโอกาสให้ดึงเพื่อผลเสมอบ้างแต่ก็น้อย เพราะแม้ในเกมที่สามารถหวังผลเสมออย่างเดียวแต่เมื่อมีโอกาสลุยก็ยังต้องเปิดเกมลุย เพราะระบบการแข่งขันที่จำนวนเกมเตะกันไม่มากอย่างในลีกที่เตะกันทั้งปีแบบนั้น ขืนมัวแต่อุด เกิดโดนเข้าไปสักเม็ดตอนท้ายเกมก็จบกัน เพราะไม่ได้มีโอกาสให้แก้ตัวมากเหมือนระบบเหย้าเยือนและยังมีโอกาสเก็บแต้มจากทีมอื่นๆได้อีกตั้งมากมายอย่างลีกภายในประเทศ และนี้คือปัญหาข้อแรกของราฟาเราจริงๆ คือเมื่อเจอทีมอย่างสโต๊คหรืออีกหลายๆทีมในพรีเมียร์ ที่ถึงแพ้ก็ไม่ได้เสียหาย โดยเฉพาะเมื่อยังไม่ถึงช่วงท้ายฤดูกาลที่ต้องเตะหนีตกชั้น ก็เลยมาอุดกันได้อย่างเต็มรูปแบบ และยิ่งถ้าเจอทีมที่บังเอิญฟอร์มเกมรับท็อปอย่างเมื่อคืนด้วย แท็กติกที่เป็นอาวุธเด็ดในเวทียุโรบหรือโค่นทีมที่แลกด้วยอย่างแมนยูและเชลซีก็ไม่สามารถใช้ได้เลย
อย่างที่สองที่ผมมองก็คือราฟาไม่ใช่คนเก่งในการเค้นความสามารถของผู้เล่น นักเตะที่ฝีเท้าระดับกลางๆค่อนดีอยู่แล้วที่เราซื้อมา อย่างเพนแนน เบลามี รวมถึงเบนายูน และอาจจะรวมถึงฟูลแบ็กสองข้างที่เพิ่งซื้อมาด้วย พวกเขาอาจจะพีคตั้งแต่ก่อนมาอยู่กับลิเวอร์พูลอยู่แล้ว ย้ายมาจึงไม่เห็นพัฒนาการกันเท่าไหร่ ซึ่งผมก็เชื่อว่างบประมาณในการซื้อทำให้เรามีตัวเลือกไม่มากนัก ถ้าลิเวอร์พูลมีเงินมากกว่านี้อาจเลือกคนอื่นไปแล้ว แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้จากงบที่จำกัด
เจอร์ราดละ? อย่าลืมว่าเขาเริ่มมีบทบาทกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ก่อนราฟาจะเข้ามาแล้วครับ คือถึงราฟาไม่เข้ามา ผมว่าเจอร์ราดก็ขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับทีมอยู่แล้ว ทั้งจากอายุที่ได้จังหวะ ความสามารถที่พัฒนาได้เรื่อยๆ และความเป็นเด็กท้องถิ่น แต่ขึ้นมาแล้วจะโดดเด่นเท่านี้ มากกว่านี้ หรือน้อยกว่านี้ คงขึ้นอยู่กับระบบการเล่นของทีมและตำแหน่งที่ได้รับด้วย สรุปก็คือผมให้เครดิตจากความสำเร็จของกัปตันจีของเราในวันนี้ ราฟาห้าสิบ และตัวของนักเตะเองอีกห้าสิบ ส่วนตอเรส เขาดังในสเปนอยู่แล้วครับ กัปตันทีมตั้งแต่อายุสิปเก้านะครับ มีการคาดหมายกันว่าเขาจะขึ้นมาแทนราอูในระดับชาติมาตั้งนานแล้วด้วย เพียงแต่อย่างที่บอกไป ทีมในลีกสเปนทั้งเทคนิกส่วนตัวของนักเตะและแทกติกของทีมโดยรวมนั้นแข็งกว่าพรีเมียร์ลีกครับ แล้วองค์ประกอบของแอตแลติโกเองก็ไม่ได้สุดยอดขนาดมาดริดและบาซ่า จึงไม่มีทางที่ตอเรสอยู่ที่สเปนแล้วจะทำผลงานได้โดดเด่นเหมือนอย่างที่ลิเวอร์พูล บวกกับไม่ต้องแบกรับความกดดันของการเป็นกัปตันทีมอีกต่อไป กองหลังในพรีเมียร์ยังไม่รู้สไตล์เขา และตอเรสเองก็ชอบการเล่นที่ใช้ความเร็วและแท็กติกน้อยลงกว่าในสเปน ทั้งหมดนี้ตอเรสจึงเล่นได้ดีขึ้น เป็นอีกครั้งที่ผมขอให้เครดิตกันไปคนละครึ่งๆ ทั้งราฟาและตัวนักเตะ
สรุปคือราฟายังไม่สามารถพิสูจน์ตัวได้ว่าเขาสามารถเค้นศักยภาพหรือยกระดับการเล่นของผู้เล่นดาวรุ่งที่เรากว้านซื้อกันมามากมายได้ ทั้งที่อยู่ในชุดใหญ่อยู่แล้วอย่างบาเบิลและที่ยังขึ้นมาไม่ได้อย่างปาเชนโก้ เอลปิซาส์ และอีกหลายคน ผมว่าตรงนี้ท่านเซอร์และแน่นอนอาเซนเวนเกอร์ทำได้ดีกว่ามาก เห็นบาเบิลเล่นที่ผ่านๆมาแล้ว แอบคิดว่าถ้าอาเซนอลได้ไปก่อนลิเวอร์พูลตอนนั้น อาจจะเล่นแล้วมันส์กว่านี้ ส่วนแอ็กเกอร์กันสเคอเทลนั้นเล่นดีครับ แต่ผมมองว่าขึ้นมาได้เร็วไม่ใช่เพราะฝีเท้าที่โดดเด่นจนต้องดันขึ้นมา แต่เพราะตำแหน่งของสองคนนี้อยู่ในช่วงผลัดใบจากฮูเปียพอดี คือยังไงใครสักคนก็ต้องขึ้นมาอยู่ดีเพื่อช่วยคาร่า และเมื่อเทียบสัดส่วนกับดาวรุ่งที่มีแล้ว ก็ยังถือว่าน้อยมากครับ
จากเหตุผลหลักๆทั้งสองประการ คือปรัญญาการทำทีมของราฟา ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยน(ซึ่งผมว่ายาก)อาจจะไม่เหมาะกับการแข่งขันในพรีเมียร์ลีก และบวกกับงบประมาณการทำทีมที่สู้แมนยูและเชลซีและอาจรวมแมนซิตี้ไปด้วยไม่ได้ เวลาเทียบกันตัวต่อตัวเราก็ยังดูเป็นรอง ใช่ครับ เงินเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราทำผลงานได้ไม่ดีนักเวลาเจอกับพวกเขา แต่นั้น ก็คือเงื่อนไขว่าทำไมเราถึงเลือกราฟามาทำทีม และผมมั่นใจว่าราฟาเองก็รับรู้เงื่อนไขตรงนี้ตั้งแต่ตอนก่อนจะเข้ามาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าลิเวอร์พูลยังไม่ได้ DIC หรือเจ้าซัวคนไหนเข้ามาแทนสองอเมริกันนี้แล้ว ลิเวอร์พูลก็ยังต้องมองหานักเตะเกรดที่ต่ำลงมาหรือดาวรุ่งแทน ซึ่งก็คือปัญหาประการที่สองที่ตัวราฟาเองยังเทียบไม่ได้ในเรื่องการเค้นศักยภาพของนักเตะและพัฒนาฝีเท้าบรรดาดาวรุ่งทั้งหลาย เมื่อเทียบกับขงเบ้งอย่างอาแซนและท่านเซอร์
ผมรักราฟาเบนิเตซนะครับ และผมก็รู้ว่าเขาลิเวอร์พูล แต่เราคงไม่ได้ตัดสินว่าผู้จัดการทีมคนไหนควรอยู่ต่อเพียงเพราะความรักมากหรือน้อยที่เขามีให้กับทีมของเรา ฤดูกาลนี้ ถ้าทีมได้แชมป์ใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีกหรือแชมป์เปี้ยนลีก หรือถึงแม้ไม่ได้แชมป์อะไร แต่ทีมเล่นดีขึ้นจนดูดีมีอนาคตและลิเวอร์พูลได้เจ้าของใหม่ที่พร้อมทุ่มทุนกับทีม เราก็คงได้เห็นราฟากับลิเวอร์พูลกันต่อไป แต่ถ้าไม่ ผมว่านี่น่าจะเป็นปีสุดท้ายของเอล ราฟาครับ
เครดิตเว็บ
http://www.soccersuck.com