::)เรื่องมันสืบเนื่องมาจากมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่กดดันราคาน้ำมันในตลาดโลกให้พุ่งสูงทำสถิติครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น ความต้องการใช้พลังงานโดยเฉพาะจากประเทศ
ที่กำลังปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่างจีนและอินเดีย การเก็งกำไรระยะสั้นของกลุ่มทุนต่างๆ การปั่นราคา การจำกัดปริมาณการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระทรวงพลังงานเห็นว่าวิกฤตนี้จะเป็นไปในช่วงสั้นๆ (เมื่อเศรษฐกิจโลกพังพาบแล้วราคาน้ำมันจะปรับลดลงมาเอง...

) จึงกำหนดมาตรการ
ระยะสั้น 6 เดือน - 1 ปี เพื่อชะลอการปรับขึ้นราคาของน้ำมันดีเซล และผลักดันนโยบายการใช้ NGV ในภาคการขนส่งและการบริการแทนดีเซล เพราะ 80 % ของเชื้อเพลิงที่บริโภคเป็นน้ำมันดีเซล โดยอุดหนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงาน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยลดการเก็บเงินเข้ากองทุนในน้ำมันดีเซลเป็น
0 สตางค์ และนำเงินที่เก็บเข้ากองทุนน้ำมันในส่วนของน้ำมันเบนซินไปอุดหนุนดีเซลอีกลิตรละ 30 สตางค์
คำถามที่ 1 ท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อเจอรถกระบะบ้าพลัง (บางคัน) กระทืบคันเร่งอย่างไม่บันยะบันยัง แล้วยังขับปาดหน้าปาดหลังรบกวนแนวสายตา ทั้งที่เป็นหนี้บุญคุณคนใช้เบนซิน
คำถามที่ 2 แม้รัฐจะเพิ่มทางเลือกให้คนใช้เบนซินเป็นแก๊สโซฮอล์ E10 , E20 แต่ไม่ใช่ทุกคนหรือทุกคันที่สามารถใช้ทางเลือกนั้นได้ เรายังต้องจ่าย
สมทบเข้ากองทุนน้ำมันสูงสุดลิตรละ 3.50 บาท เราในฐานะกลุ่มผู้ใช้เบนซินในสัดส่วน 20% หลัง เห็นว่ามาตรการเช่นนี้เป็นธรรมหรือไม่ ถ้าไม่..อยากให้รัฐ
ชดเชยอะไรบ้าง
คำถามที่ 3 ในฐานะที่บ้านเราเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลก เป็นผู้ส่งออกข้าวและอาหารรายใหญ่ เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะร่วมกับกลุ่มประเทศร่วมภูมิภาค
เพื่อร่วมกันกำหนดราคา หรือจำกัดการส่งออกไปยังกลุ่มโอเปคเป็นกรณีพิเศษเพื่อตอบโต้ทางการค้ากับกลุ่มประเทศผู้เป็นตัวเร่งให้เกิดสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
ไปทั่วโลกในขณะที่ตนเองกอบโกยกำไรจากวิกฤตพลังงาน