ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
01 พฤษภาคม 2024, 18:38:03
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: ข้อมูลซีวิค06 ละเอียดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนที่ 1 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อมูลซีวิค06 ละเอียดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนที่ 1  (อ่าน 21050 ครั้ง)
หนุ่ม
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: 16 กันยายน 2006, 21:32:04 »



เอาข้อมูลซีวิค06มาฝากกันเริ่มเลย
    
HONDA Civic 1.8 i ? VTEC เทคนิคใหม่ บ้วนทิ้ง เพื่อความประหยัด
     ในที่สุด HONDA Civic โฉมใหม่ยุคที่ 8 ก็เผยหน้าของหนุ่มใหญ่วัย 33 ปี ให้เห็นกันซะที จากการถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 1972 ผู้สร้างตำนานเครื่องยนต์มลพิษต่ำ CVCC ซึ่งไปสร้างชื่อโด่งดังอยู่ในสหรัฐอเมริกา และดูเหมือนว่าเรื่องเครื่องยนต์ลดมลภาวะนี้จะเป็นเจตนารมณ์ที่สืบทอดต่อกันมาของทาง HONDA จวบจนถึงเครื่อง VTEC LET และ HONDA e ? TECH ( Ecology Conscious Technology ) ในปัจจุบัน
     ถึงแม้ Civic จะจัดอยู่ในกลุ่มรถขนาดเล็กหรือพวกรถคอมแพ็คท์คาร์ แต่ก็ได้รับการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ให้ก้าวล้ำนำสมัยอยู่เสมอโดยเฉพาะ Civic ยุคที่ 8 นี้ค่อนข้างจะแปลกหูแปลกตากันมาก ทั้งหน้าตารูปร่าง เครื่องยนต์ หรือภายใน เที่ยวนี้ออกจะก้าวไกลเป็นพิเศษ รู้สึกว่าจะมีการโชว์อ๊อฟมากผิดปกติ ซึ่งผลที่ได้รับก็คือ ทำให้ Civic ใหม่เป็นเจ้าของรางวัลต่าง ๆ อย่างมากมาย
     สำหรับบ้านเรานั้น Civic ใหม่จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกอยู่ 2 ขนาด คือ เครื่องยนต์ SOHC 1.8 ลิตร i ? VTEC ที่ถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพระดับเครื่อง 2.0 ลิตร แต่สามารถมีอัตราการบริโภคในบางช่วง ประหยัดเท่ากับเครื่องขนาด 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์อีกตัวเป็นขนาด 2.0 ลิตร i-VIEC แบบ DOHC เจ้าเก่าที่คุ้นหน้ากันมาตั้งแต่สมัย CR ? V , Stream หรือ Civic 2.0 รุ่นก่อน ส่วนเครื่องมาตรฐาน 1.6 ลิตร เที่ยวนี้ไม่มีให้เห็นกันแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นการบ่งบอกให้ทราบว่า Civic กำลังจะก้าวขึ้นไปอีกระดับ โดยปล่อยตำแหน่งเดิมให้ City กับ Jazz รับภาระแทน...กระมัง ??!!

1.8 S เกียร์ธรรมดา 763,000 บาท
1.8 S เกียร์อัตโนมัติ 799,000 บาท
1.8 S (AS) เกียร์อัตโนมัติ 845,000 บาท
1.8 E (AS) เกียร์ธรรมดา 894,000 บาท
1.8 E (AS) เกียร์อัตโนมัติ 930,000 บาท
2.0 E (AS) เกียร์อัตโนมัติ 1,020,000 บาท
2.0 EL (AS) เกียร์อัตโนมัติ 1,068,000 บาท

     รถ HONDA Civic คันที่นำมาทดสอบนี้เป็นรุ่น 1.8 E (AS) เกียร์อัตโนมัติ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแพงสุดของรุ่นเครื่อง 1.8 ลิตร คราวนี้ก็ลองมาดูกันว่าหากควักกระเป่าจ่ายไป 930,000 บาทแล้ว จะได้อะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนบ้าง
     ทาง HONDA หมายมั่นปั่นมือกับ Civic รุ่นนี้มาก โดยมีส่วนในการกำหนด นิยามของ ความเป็น แบรนด์ HONDA และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม่ HONDA จึงได้ทุ่มเทพัฒนาเพื่อให้แน่ใจว่า Civic โฉมใหม่รุ่นนี้จะเป็นตัวแทนความก้าวล้ำของเทคโนโลยีในทุก ๆ ด้านที่ทำให้ Civic เป็นรถล้ำสมัย
    การออกแบบภายนอกโดยความของ Civic ทาง HONDA เน้นลักษณะเป็นแบบ Mono ? form ที่ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งตลอดทั้งคัน โฉบเฉียวแบบรถสปอร์ตด้วยการออกแบบด้านหน้าที่ลู่ต่ำในขณะที่ด้านท้ายยกสูง ให้ความรู้สึกที่พุงทะยาน ไฟหน้ารถดีไซน์ใหม่แบบ Kick ? up Eyes เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ HONDA Civic ใหม่ไฟหน้ารูปทรงโฉบเฉี่ยวแปลกตาเป็นพิเศษ ประกอบด้วยไฟเลี้ยว ไฟสูง ไฟหน้า และไฟต่ำเป็นชุดเดียวกัน มีไฟหน้าอยู่ดวงนอกสุด โคมตรงกลางเป็นไฟหรี่กับไฟสูง และดวงในสุดเป็นไฟเลี้ยวตัวโคมไฟหน้าหล่อเป็นชิ้นเดียว ฝาครอบไฟ เป็นพลาสติกใส พร้อมทั้งเพิ่มความสะดุดตาด้วยการเจียร์ระไนเหลี่ยมมุมที่ช่วยเน้นมิติและการกระจายแสง
     ไฟท้ายเป็นแบบ Graphic มีดวงไฟทรงกลมแทรกอยู่ในกรอบโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ บริเวณตัวถังและฝากระโปรง ดวงที่อยู่ด้านตัวถังส่วนสีแดงกลมเป็นไฟท้ายเลนส์สีขาวด้านล่างเป็นไฟเลี้ยวกับไฟถอย ส่วนไฟท้ายด้านฝากระโปรงจะเป็นทั้งไฟท้ายกับไฟเบรกในดวงเดียวกัน โดยการใช้หลอดไฟแบบ 2 ไส้
     โครงสร้างตัวถังถูกออกแบบมาให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรับแรงกระแทกและทนทานต่อการบิดตัวของตัวถัง ในขณะเดียวกันก็ลดน้ำหนักของตัวถัง โดยการใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งวัสดุซับเสียง โครงสร้างตัวถังถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องห้องโดยสาร ด้วยการควบคุมแรงปะทะจากการชนและดูดซับแรงกระแทก พร้อมทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย G ? Force Control อันเป็นผลที่พัฒนาจากวิธีทดสอบการชน รถกับรถ รถกับสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ตามขนาดและน้ำหนักแบบรอบทิศทาง ที่ทดสอบกันครั้งแล้วครั้งเล่าจากศูนย์ทดสอบการชนในร่มของ HONDA (Real World Crash Test Facility ) โดยผ่านมาตรฐานทดสอบการชนที่เข้มงวด
สมรรถนะ
     ตัวเครื่องยนต์ที่วางขวางหันขวาอยู่ในห้องเครื่อง เป็นเครื่องยนต์บล็อค R 18 A 1 ที่ทาง HONDA พัฒนาและปรับปรุงขึ้นมาด้วย เทคโนโลยี แบบใหม่ เพื่อให้มีทั้งสมรรถนะประสิทธิภาพ แถวด้วยประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก (ทำได้ไง...??!!) รูปแบบของตัวเครื่องเป็น SOHC แค็มแท่งเดียว ซึ่งดูแล้วออกจะน้อยหน้าพรรคพวกที่ใช้เครื่อง DOHC แค็มคู่ ถึงแม้บางคันจะเป็นแบบทวินแค็ม ?ไม่เต็มที่? นักก็ตาม แต่ก็ยังดีที่ HONDA ใช้ 4 วาล์ว ต่อสูบ ช่วยในการ สืด อากาศ ที่รอบเครื่องสูบ พร้อมระบบ i-VTEC รุ่นใหม่ ตัวเครื่องยนต์มีความจุ 1,799 ซีซี. จากลุกสูบกว้าง 81 มม. 4 ลูก ยืนเรียงกัน กับช่วงชักยาว 87.3 มม. ในลักษณะ อันเดอร์สแควร์ ที่ลูกสูบเล็กกว่ากำลังอัด ใช้อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 ต่อ 1 แม้จะค่อนข้างสูงแต่ก็สามารถคบกับน้ำมันเบ็นซินอ๊อคเทน 91 ได้สบาย ไม่มีอากาศน็อคหรือเป็นไข้ความร้อนขึ้นสูงในทุกรอบเครื่องทั้งรอบต่ำและรอบสูง และถึงแม้จะปรับอากาศระเบิดอัตโนมัติได้เพียง 2 องศาก็ตาม จากการฉีดน้ำมันของ PGM ? FI หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์แบบมัลติพอยท์ และระบบจุดระเบิดอิเล็คทรอนิคส์แบบไดเร็คท์คอยล์สามารถปล่อยฝูงม้าออกมาได้ 140 ps หรือ 103 kW ที่ 6,300 รอบต่อนาที ที่จัดว่ารอบเครื่องสูงมาก แบบนี้แสดงว่าองศาแค็มซาฟท์ย่อมไม่ธรรมดา สามารถให้ความจัดจ้านเร้าใจได้เยอะ ส่วนแรงบิดสูงสุดมีให้ใช้กัน 17.7 กก. ? เมตร หรือ 174 Nm ที่ 4,300 รอบต่อนาที
    ทาง HONDA ได้ออกแบบเครื่องยนต์ให้มีขนาดกะทัดรัดและมีน้ำหนักน้อยลง อย่างน้อยการที่ใช้แค็มแท่งเดียวแบบ SOHC มันก็เบากว่าเครื่องที่ใช้แค็ม 2 แท่ง DOHC อยู่ดี จากน้ำหนักของแค็มที่หายไปแท่งหนึ่ง และฝาสูบก็ไม่ต้องกางมากด้วย นากจากนี้ยังมีการใช้โซ่ราวลิ้นขนาดกะทัดระ ข้อโซ่เล็ก และมีลักษณะของข้อโซ่เป็นบล็อกสี่เหลี่ยมไม่เหมือนกับโซ่ทั่วไป เพื่อลดเสียงการทำงานและมีความแข็งแรงทนทาน ส่วนสายพานเครื่องยนต์ใช้แบบเส้นเดียวสำหรับขับเคลื่อนไดชาร์จ ปั๊มน้ำ และคอนเพรสเซอร์แอร์อีกทั้งเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เงียบขึ้น จึงมีการออกแบบให้โครงสร้างเสื้อสูบอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง พวงยางแท่งเครื่องและยางรองมีการออกแบบใหม่ สามารถลดความสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนลงได้มากกว่าเดิม
     สำหรับการลดน้ำหนักเครื่องยนต์มีการลงไม้ลงมือไม่น้อยอย่าง เช่น กระเดื่องวาล์วหันมาใช้พวกอลูมินั่มแทน ท่อร่วมไอเสียเป็นชิ้นเดียวกับฝาสูบ ตัวฝาครอบวาล์วกับท่อร่วมไอดี ก็ทำจากเรซิ่น และเพื่อลดความฝืดภายในเครื่องยนต์ เป็นการเพิ่มความจัดจ้าน และลดการสิ้นเปลืองฝูงม้าไม่ต้องออกแรงมาก ตัวลูกสูบจึงเคลือบด้วยสารโมลิบดินั่มและมีรูฉีดน้ำมันหล่อลื่นที่ลูกสูบ แหวนลูกสูบชุบไอออน และใช้ผิวกระบอกสูบแบบใหม่
     สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างอยู่ใต้เท้าขวา โดยทาง HONDA ใช้คันเร่งแบบ Organ ? Type ซึ่งขาคันเร่งแบบนี้เคยเจอใช้งานอยู่ในรถเยอรมัน มาตั้งแต่สมัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว โดยมีความแตกต่างกับคันเร่งทั่วไปตรงที่ปลายคันเหยียบด้านล่างจะยึดติดอยู่กับพื้นด้วย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้แป้นเหยียบไม่ถอยหนีออกไป ตำแหน่งส้นเท้าจะอยู่ที่เดิม ลดอาการเมื่อยล้าเวลาเหยียบคันเร่ง สามารถควบคุมน้ำหนักคันเร่งได้ง่าย และการขยับปลายเท้าเพื่อกดคันเร่ง สามารถควบคุมน้ำหนักคันเร่งได้ง่าย และการขยับปลายเท้าเพื่อกดคันเร่งสลับกับการเหยียบเบรคทำได้รวดเร็วคล่องตัวมากขึ้น
     การทำงานของเครื่องยนต์ในช่วงรอบเดินเบา ราบเรียบ และเงียบเสียง ซึ่งกว่าจะมีถึงระดับนี้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจาก HONDA ใช้ลิฟท์วาล์วสูงถึง 10 มม. ส่วนการควบคุมน้ำหล่อเย็นใช้พัดลมไฟฟ้า 2 ตัว ทางซ้ายเป็นมอเตอร์ธรรมดาใบพัด 5 ใบ ตัวพัดลมทางขวาใช้มอเตอร์แบนแบบ 7 ใบ สามารถควบคุมความร้อนให้อยู่ในอุณหภูมิทำงานได้อย่างดี
     แรงบิดของเครื่องยนต์ในช่วงรอบต่ำมีมากและมาเร็ว แค่ที่ 1,000 รอบต่อนาที ก็มีแรงบิดให้ใช้กันแล้ว 130 Nm ต่อจากนั้นแรงบิดก็จะพุ่งปรู๊ดสูงขึ้นอย่างรวดเร็วไปเป็น 160 Nm ที่ 2,300รอบต่อนาที ด้วยเหตุนี้การตอบสนองของเครื่องยนต์ 1,000 รอบต่อนาที ถึง 2,300 รอบต่อนาที จะให้การตอบสนองได้อย่างทันอกทันใจ ไม่มีอาการรอรอบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและมีความสำคัญมาก เนื่องจากรอบเครื่องระดับนี้เป็นรอบเครื่องที่เราใช้งานกันมากที่สุดยามขับขี่ในเมือง จึงช่วยให้การใช้รถเมืองมีความคล่องตัวสูงและขับง่ายขับสบายเป็นพิเศษ และพอมาถึงจุดนี้แรงบิดจะหยุดพักเหนื่อยนิดหน่อยแรงบิดจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนถึง 3,000รอบ ต่อนาที คราวนี้แรงบิด ก๊อกสอง ก็จะออกฤทธิ์ ต่อไปจนถึง 174 Nm ที่ 4,300 รอบต่อนาที จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดต่ำลง
     การ ขับ Civic ใช้งานในเมื่อถือว่ามีความคล่องตัวมากที่เดียว จากการตอบสนองของแรงบิด ที่ดีในช่วงรอบเครื่องต่ำย่าน 1,000 ? 2,300 รอบต่อนาที ไม่มีอาการรอรอบให้พบเห็น การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งหรือรอบเดินเบา แล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตัดเลนหรือเข้าร่วมขบวน และในกรณีที่ขับมาด้วยความเร็วต่ำแต่ไปเจอรถที่ช้ากว่าแล้วต้องการแซง เครื่องยนต์ก็สามารถให้การตอบสนองได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งผลงานเรื่องแรงบิดที่มาได้อย่างรวดเร็วนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการใช้ระบบควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อแบบอิเล็คทรอนิคส์ Drive ? by ? Wire ที่มีการทำงานต่างกับพรรคพวกที่ไม่ใช่สายคันเร่ง ซึ่งก็คือ Drive ? by ? Wire เหมือนกัน โดยในจังหวะที่ถอยคันเร่งนั้น ทั่วไปแล้วลิ้นปีกผีเสื้อจะปิดเพื่อลดอากาศ (และน้ำมัน) เข้าห้องเผาไหม้ เพราะเป็นตอนที่เราไม่ต้องการใช้กำลังเครื่องยนต์แล้วแต่คันเร่งอิเล็คทรอนิคส์ Drive ? by ? Wire ของ Civic ในจังหวะถอนคันเร่ง ลิ้นปีกผีเสื้อยังคงเปิดค้างอยู่ ทั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อลดสุญญากาศในท่อร่วมไอดี เพระเมื่อไม่มีสุญญากาศในท่อไอดีคอยต้านทานการไหลของไอดีแล้ว จะทำให้ไอดีเข้าห้องเผาไหม้ได้เร็วและเข้าได้เต็มที่ตามประจุของกระบอกสูบ จึงสามารถเพิ่มได้ทั้งอัตราเร่งและเรี่ยวแรง
    สำหรับการเดินทางนั้นไม่มีปัญหา แม้บางช่วงแรงบิดจะขอเวลาหยุดหอยหายใจบ้าง อย่างช่วง 2,300 ? 3,000 รอบต่อนาที เพราะแรงบิดยังมีให้ใช้กัน 160 ? 165 Nm เพียงแต่จะมีความรู้สึกว่าอัตราเร่งเพิ่มทีละน้อยไม่ฮวบฮาบแบบตอนแรกเท่านั้นเอง ถ้าอยากเห็นมาตรวัดความเร็วโชว์เลข 160 กม./ชม. อยู่ในระดับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นรอแป๊บเดียวก็ได้เห็นแล้ว หรือถ้าไม่ใจร้อนเกินไประดับ 185 กม./ชม. ก็เสียเวลากันไม่มากนัก ยกเว้นจะกดต่อไปคราวนี้ต้องรอกันหน่อยกว่ามาตรวัดความเร็วจะขึ้นตัวเลข 195 กม./ชม. จากนั้นแล้วก็ต้องร้องเพลงรอและอาศัยระยะทางยาวพอสมควรกว่าจะได้เห็น เลข 205 กม./ชม โชว์อยู่บนมาตรวัดความเร็ว แต่ความเร็วจริงอยู่ที่ 203 กม./ชม. และด้วยความเร็วระดับนี้สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1,800 ซีซี. กับตัวถังหนักเกือบ 1,500 กก. (ผู้โดยสาร 3 คน กับสัมภาระอีกหลายกระเป๋า) ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย
     อัตราเร่ง 0 ? 100 กม. ทำได้ในเวลา 10.56 วินาที เมื่อมองหน้าพรรคพวกในพิกัดเดียวกันตอนนี้แล้ว ถือว่า Civic เป็นมือวางอันดับสอง โดยไปแพ้เพื่อนที่อาศัยเกียร์ CVT เป็นตัวช่วยฉุดเท่านั้นเอง ส่วนอัตราเร่ง ¼ ไมล์ที่ใช้เวลาตะกาย 17.64 วินาที ที่ความเร็ว 132 กม./ชม. ก็ยังคงเป็นมือวางอันดับสองอีกเช่นเคย เป็นรองเจ้าเดิมที่ใช้เกียร์ CVT อยู่เพียงแค่ 0.22 วินาที สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นทำได้ 203 กม./ชม ในเกียร์ 4 ที่ 5,600 รอบต่อนาที ซึ่งตัวเลขบนมาตรวัดความเร็วโชว์ที่ 205 กม./ชม.ส่วนค่าคลาดเคลื่อนของมาตรวัดระยะทางมีเพียงนิดหน่อย ระยะทาง 10 กม. ตัวเลขระยะทางและยางติดล้อขนาด 205 / 55 R 16 จะมีเส้นรอบวงยาง 1.925 เมตร ก็บอกกันเอาไว้เผื่อเอาไปนั่งคำนวณอะไรเล่น
     พลังจากเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ตัว นี้ นับว่าจัดจ้านเกินตัวแม้จะเป็นเครื่องแบบ SOHC มีแค็มให้ใช้งานกันเพียงแท่งเดียวก็ตาม แต่สรรถนะและประสิทธิภาพเหลือกินเหลือใช้ ตอบสนองได้ดีทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทาง นับว่าเป็นเครื่องยนต์ที่น่าคบด้วยเป็นอย่างมาก

 HONDA Civic 1.8 i ? VTEC ตอนที่ 2  
  
     อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
     ด้านการจ่ายเชื้อเพลิงดูแล้วก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ยังคงใช้หัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์มัลติพอยท์สูบละตัวแบบ PGM ? FI ที่ทาง HONDA คบหามานาน ตัวควบคุมการทำงานก็เป็นกล่อง ECU ขนาด 16 บิท เท่านั้นเอง ขณะที่รถกระบะสมัยนี้หันมาใช้กล่อง ECU ขนาด 32 บิทกันแล้ว และถ้ามองกันเพียงแค่นี้ เครื่อง Civic ใหม่ก็ไม่มีอะไรน่า สนใจแต่ผลงานของเรื่องแรงเครื่องยนต์ที่มีอัตราเร่งในระดับหัวแถว จะเป็นสัญญาณเตือนให้ทราบว่า HONDA มีอะไรบางอย่างซุกอยู่ในเครื่องตัวนี้ โดยเฉพาะด้านอัตราการบริโภคที่มีราคาน้ำมันเป็นหนามตำใจคนใช้รถทุกวันนี้ ทาง HONDA ใช้เทคโนโลยี บ้วนทิ้ง มาช่วยบรรเทาภาระค่าเติมน้ำมันลงไปได้อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว
    ระบบ PGM ? FI เป็นระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ มัลติพอยท์ (MPI) ซึ่งประกอบด้วย 3 ระบบ นั่นคือระบบประจุอากาศ ระบบควบคุมเครื่องยนต์ และการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบหรือหน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECM) กับหน่วยควบคุมเกียร์ (PCM) ที่มีใช้เฉพาะรุ่นเกียร์อัตโนมัติใช้ตัวรับสัญญาณหลายตัว ในการกำหนดปริมาณอากาศเข้าเครื่องยนต์เช่น MAP , Airfolow และ IAT ที่บอกอุณหภูมิของอากาศ จากนั้นจึงควบคุมปริมาณการฉีดน้ำมันให้เป็นไปตามความต้องการในทุกสภาวะการทำงาน
     ระบบหัวฉีด MPI ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงภายใต้การควบคุมและสั่งงานของกล่อง ECU ขนาด 16 บิท ที่ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องทางฟากซ้ายตรงซอกแบตเตอรี่กับกล่องฟิวส์ ตัวแรงดันน้ำมันใช้ปั๊มไฟฟ้า แรงดันสูง มีแรงดันปั๊ม 6 -7 กก./ ตร.ซม. ตัวปั๊มอยู่ในถังน้ำมัน ส่วนตัว เรกกูเลเตอร์ ปรับแรงดันน้ำมันก็อยู่ในถังน้ำมันเชื้อเพลิง มีแรงดัน 3.4 -3.9 กก./ ตร.ซม. ดังนั้นแรงดันของหัวฉีดก็เลยมี 3.4 -3.9 กก./ตร.ซม. เท่ากับการกำหนดและควบคุมแรงดันของ เรกกูเลเตอร์ ตัวหัวฉีดเป็นแบบ 4 ร ปริมาณการฉีดน้ำมันของหัวฉีด 2.7 ms จังหวะการฉีดจะฉีดในจังหวะดูดตามลำดับการจุดระเบิด ในจังหวะสตาร์ทจะฉีดพร้อมกัน 1 ครั้ง ก่อน ถึงจะฉีดตามลำดับ ตอนเร่งเครื่องก็ฉีดพร้อมกันเพื่อให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้รวดเร็วทันใจ และช่วงตอนเครื่องยนต์มีปัญหา มันก็จะฉีดพร้อมกันทุกสูบอีกเหมือนกัน เพราะบางครั้งเกิดมีปัญหากับการกำหนดจังหวะฉีดน้ำมัน ไม่รู้ว่าจะฉีดที่สูบไหนหรือถึงคิวสูบไหนแล้วก็เลยฉีดพร้อมกันทุกสูบ ทำให้สามารถขับประคองเข้าศูนย์ได้
     ระบบจุดระเบิดเป็นแบบไดเร็คท์คอยล์แปะอยู่ที่หัวเทียนสูบละตัวโดยมีตัวควบคุมการจุดระเบิด ICM (Ignition Control Module) อยู่ตรงด้านบนของหัวเทียน คอยรับสัญญาณจากกล่อง ECU และควบคุมให้คอยล์จ่ายไฟแรงสูงให้แก่หัวเทียนเพื่อใช้ในการจุดระเบิด
     ความโดดเด่นอีกจุดหนึ่งของเครื่องยนต์ตัวนี้ เป็นเรื่องของความมักน้อยในการบริโภคเชื้อเพลิง ซึ่งทาง HONDA จะใช้ระบบ ควบคุม ระยะเวลา เปิดปิดของวาล์วหลัก โดยมีสิ่งสำคัญ คือ ระบบ บ้วนทิ้ง มาลดปริมาณไอดีกระบอกสูบ โดยส่วนผสมของไอดีที่ถูกสูบดูดเข้าไปในห้องเผาไหม้ ในจังหวะช่วงลูกสูบเลื่อนขั้นวาล์วไอดียังไม่เปิด ทำให้ไอดีถูกดันกลับหรือ บ้วนทิ้ง ออกมาส่วนหนึ่ง ไปค้างเอาไว้ในส่วนของท่อไอดีเพื่อรอการดูดกลับในรอบเครื่องต่อไป ซึ่งผลจากการปล่อยไอดีออกมาส่วนหนึ่ง ทำให้การบริโภคเชื้อเพลิงลดน้อยลงมาจากเครื่องขนาด 1,800 ซีซี. จะไปใช้เชื้อเพลิงเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี. เท่านั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะระบบนี้จะทำงานตลอดเวลา แต่มันจะเลือกช่วงเวลาที่พบว่าแรงบิดของเครื่องยนต์หรือรอบเครื่องคงที่ ซึ่งแสดงว่าไม่ต้องการพลังเพิ่ม อย่างเช่น ตอนขับแช่ด้วยความเร็วคงที่ ช่วงนี้มันจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเท่ากับเครื่อง 1,500 ซีซี. เท่านั้น ด้วยเหตุนี้หากใครนิยมความประหยัด เวลาเดินทางก็อย่าขยับคันเร่งมากนัก พยายามให้มันอยู่เฉยๆ รับรองว่าประหยัดเหลือเชื่อเลย ได้ทดลองขับด้วยความเร็ว 90 -100 กม. แล้วพยายามควบคุมความเร็วให้คงที่มากที่สุด ผลปรากฏว่าสามารถได้ถึง 21.04 กม./ลิตร เลยทีเดียว เพียงแต่ผลอันนี้นำมาอ้างและเปรียบเทียบไม่ได้ เนืองจากเป็นการขับขี่ที่เจตนามากไปหน่อย ต่างกับการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามปกติ ที่จะเป็นลักษณะของการขับใช้งานทั่วไป
     ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองออกจะหรูหราน่าคบหา การใช้งานในเมืองเฉลี่ยออกมาได้ 9.57 กม./ลิตร ซึ่งจุดนี้ยังไม่ถึงกับตื่นเต้นเท้าไหร่นัก เพราะพรรคพวกร่วมพิกัดเดียวกันส่วนใหญ่ก็สามารถทำได้ประมาณนี้แหละ แต่พอเป็นอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยามเดินทางด้วยความเร็วเฉลี่ย 100 กม./ชม. สามารถทำได้ถึง 18.21 กม./ลิตร จึงเป็นเหตุให้ให้ Civic โดดเด่น ขยับขึ้น มายืนอยู่หัวแถวทันที และอัตราสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงระดับนี้ ไม่ใช่ทำตัว ดีกว่ารุ่นเดียวกันเท่านั้น ยังท้า รบกับพวก เครื่อง 1,600 ซีซี. ได้อีกต่างหากเพราะตัวเลขขนาดนี้มันเป็นตัวเลขของรถประเภทคอมแพคท์เครื่อง 1,500 ซีซี. แสดงว่าระบบ บ้วนทิ้ง ของ HONDA ได้เรื่องดีทีเดียว...
     ระบบส่งกำลัง
    
การไล่ฝูงม้าในเครื่องผ่านล้อหน้าลงถนนเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ รุ่น MPMA พร้อมระบบบล็อกอัพที่เริ่มทำงานตั้งแต่เกียร์ 1 เกียร์ลูกนี้เป็นเกียร์รุ่นใหม่จากแนวความคิดของ HONDA ที่เน้น การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นที่สุดในรถระดับเดียวกันขนาดที่เล็กลง แต่ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น โดยมีจุดเด่นของระบบเกียร์อยู่ที่การทำงานร่วมกันกับ Drive by Wire และระบบควบคุมแบบ Grade Logic Control กับ Direct Control โดยใช้การควบคุมด้วยกล่อง ECU ตัวเดียวกันกับที่ใช้ควบคุมเครื่องยนต์
     เรื่องร่างของเกียร์มีขนาดกะทัดรัด มาก ขนาดเป็นเกียร์เดินหน้า 5 จังหวะ ตัวเรือนเกียร์มีความยาวเพียง 356 มม. เท่านั้นเอง พร้อมน้ำหนักตัว 80 กก. นิด ๆ จากการออกแบบเรือนเกียร์เป็น Ultra Flat และใช้ Torque Converter ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กเป็นพิเศษ
    คันเกียร์ติดตั้งอยู่ที่คอนโซลระหว่างเบาะในตำแหน่งที่ดีง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งดูแล้วก็อาจรู้สึกเฉย ๆ แต่อันที่ จริง ลุ้นแทบ แย่เหมือนกันว่า HONDA จะเอาคันเกียร์ไปอยู่ตรงไหน เพราะเกรงว่า HONDA จะเอาคันเกียร์ไปติดตั้งไว้ที่แผงมาตรวัด เพื่อให้มีเนื้อที่ว่างระหว่างเบาะคู่หน้า และไม่มีคอนโซลเกียร์มาเกะกะ ยิ่ง Civic รุ่นนี้ออกแบบมาจากสหรัฐซึ่งชินกับรถเกียร์อัตโนมัติแบบเกียร์มือมาก่อน เลยเกรงว่าจะทำตามความถนัดและความชอบของตัวเอง แต่แนวทางของ Civic รุ่นนี้อยู่ที่ความเป็นรถสปอร์ตก็เลยได้คันเกียร์มาอยู่ตรงนี้
     หัวเกียร์หุ้มด้วยยางกระชับจับได้ถนัด พร้อมประดับด้วยสีโลหะออกในแนวสปอร์ตมากกว่าความหรู ตำแหน่งคันเกียร์ขยับเลื่อนขึ้นลงตรงๆ มีปุ่มปลดล็อคทางด้านหน้าของหัวเกียร์ใช้งานง่ายและสะดวก การเลื่อนคันเกียร์ทำได้คล่องและเบามือ
     การทำงานของเกียร์ตรงตามวัตถุประสงค์ของ HONDA คือ ราบเรียบนุ่มนวลปราศจากอากาศกระตุกยามเกียร์เปลี่ยนจังหวะ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนระหว่างเกียร์ N กับเกียร์ D หรือการเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นก็ตามจนกระทั่งคนขับไม่รู้ตัวว่าเกียร์เปลี่ยนตอนไหนและกำลังขับอยู่ที่เกียร์อะไร หากไม่สังเกตจากมาตรวัดความเร็วกับมาตร วัดรอบ ผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้นิสัย ของเกียร์เปลี่ยนเป็นนุ่มนวลนั้น อยู่ที่ชุดควบคุมแรงดันน้ำมันเกียร์ จากที่เคยใช้แวคคั่มก็หันมาเป็นวาล์วแบบลีเนียร์ ที่น้ำมันเกียร์จะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วและแรงดันขึ้นตามลำดับ
     ผังการทำงานของเกียร์เป็น P-R-N-D-D3-2 และ 1 ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากเกียร์ D นั้นเมื่อเปลี่ยนกลับลงมาจะเป็นเกียร์ D 3 ดังนั้นหากขับด้วยเกียร์ 5 ในตำแหน่งเกียร์ D พอดึงคันเกียร์ลงมา D 3 ก็จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3 เลย แต่ในความเป็นจริงบางครั้งมันจะเปลี่ยนลงมาเป็นเกียร์ 4 ก่อนหากขับด้วยความเร็วสูง แล้วถึงเปลี่ยนกลับลงมาเป็นเกียร์ 3 ต่อจากนั้นจึงจะล็อคอยู่ในเกียร์ 3 ไม่ย่อมเปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 หรือเกียร์ 5 จนกว่า จะขยับคันเกียร์ไปที่ D ซึ่งเรื่องการทำงานของจังหวะเกียร์ 4 ในเกียร์ลูกนี้ค่อนข้างจะพิเศษหน่อยหากเป็นการขับขี่แบบปกติไปกันเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบเกียร์ 4 คล้ายกับทำหน้าที่ เป็นสะพานหรือทางผ่านเท่านั้น การทำงานในตำแหน่งเกียร์ 4 จะน้อยมากแล้วเครื่องยนต์จะรีบเปลี่ยนเป็นเกียร์ 5 เลย แต่ถ้ากดคันเร่งลึกแบบจมพื้นจะกลายเป็นตรงกันข้ามเกียร์จะไม่ยอมอยู่ในตำแหน่งเกียร์ 5 แต่จะกักตัวเองอยู่ในจังหวะเกียร์ 4 อันเป็นตำแหน่งที่ทำความเร็วได้สูงสุด
     จากระบบคิดได้เองของ Grade Logic Control การทำงานจะเปลี่ยนจังหวะเกียร์ให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทางอย่างอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการขับคลานในเมืองเดินทางด้วยความเร็วสูง การขับขี่ทางคดเคี้ยว หรือการขับขึ้นเขาลงเขาก็ตาม เข้าเพียงเกียร์ D ก็พอนอกนั้นมันคำนวณและจัดสรรตำแหน่งเกียร์ที่เหมาะสมให้เอง นอกจากนี้มันสามารถเรียนรู้นิสัยคนขับได้อีกต่างหาก ประเภทขับกินลมชมวิวไม่ค่อยจะกดคันเร่ง เพราะเกรงว่าจะเสียหลักถลาเลี้ยวซ้ายเข้าปั๊มน้ำมันบ่อยเกินไป แบบนี้เกียร์จะเปลี่ยนจังหวะเป็นเกียร์สูงเร็วหน่อย รอบเครื่องไม่เท่าไหร่เกียร์ก็เปลี่ยนแล้ว หรือหากเปลี่ยนใจเกิดสงสัยหญิงในรถคันข้างหน้าว่าใช่ กิ๊ก ของเราหรือเปล่า แล้วกดคันเร่งจมพื้นเพิ่มความเร็วเพื่อเร่งแซงไปดูหน้า แบบนี้จากตำแหน่งเกียร์ D ในเกียร์ 1 จะลากรอบเครื่องได้ 6,400 รอบต่อนาที ส่วนเกียร์ 2 ลากได้ยาวขึ้นอีกหน่อยเป็น 6,600 รอบต่อนาที และที่เกียร์ 3 ว่ากันเต็มแม็ก 7,000 รอบต่อนาที แต่ถ้าขับกันปร๊าดเพราะเผอิญมีญาติเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน คราวนี้เกียร์จะเปลี่ยนที่รอบเครื่องสูงกว่า เดิม เพื่อเพิ่มอัตราเร่งให้ทันอกทันใจมากขึ้น และหากกดคันเร่งจมพื้นในตำแหน่ง D หรือใช้วิธีกระชากคันเกียร์ไล่เกียร์เอง ที่เกียร์ 1 เกียร์ 2 และเกียร์3 คราวนี้จะหมดลมเอาที่ 7,000 รอบต่อนาที ทุกเกียร์ ส่วนการเปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดคันเร่ง จังหวะคิกดาวน์จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่หากขับเร็วก็ทำงานเร็วหน่อย กดคันเร่งลงไปไม่มากก็ยอมเปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำให้แล้ว จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ทำได้เร็ว และไม่ส่งเสียงครางยาวและเสียงไม่ดังมากนัก





 




 


 

 



บันทึกการเข้า
Chi-O
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,429

Chi-O Member No. 154


« ตอบ #1 เมื่อ: 17 กันยายน 2006, 23:17:46 »

HONDA Civic 1.8 i – VTEC ตอนที่ 3
    การบังคับควบคุม
ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท ตัวยึดด้านบนเอนเข้าทางด้านในของรถ คอยล์สปริงขดห่างวงไม่กว้างมากนักเส้นสปริงขนาด 12 มม. พร้อมยางรองทั้งบนและล่าง วางเยื้องศูนย์เล็กน้อยตัวตรัทยึดกับหน้าแปลนล้อด้านบน ตัวคอยล์สปริงเป็นแบบติดแรงด้านข้าง Lateral – force Conceling Spring (Optimized Rate) และมีการปรับองศามุมแคสเตอร์ให้สูงขึ้นกว่า Civic รุ่นก่อน + 4.8 องศาค่าแคสเตอร์เทรลสูงขึ้น + 20 มม. และปรับมุมโทของล้อให้มีความแข็งแกร่งขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
     ปีกนกล่างเป็นรูปตัว Y ทำด้วย เหล็กแผ่น หนา 2.5 มม. ปั๊มขึ้นรูป หางตัวY ยึดติดกับหน้าแปลนล้อทางด้านล่างส่วนหัวตัว Y ทั้งสอง อันหน้ายึดกับซับเฟรมด้วยโบลท์ร้อยจากล่างขึ้นบน ใช้ควบคุมมุมแค็มเบอร์ พร้อมกับควบคุมมุมแคสเตอร์ด้วย จุดยึดมีบู๊ชตัวโตสำหรับรองรับและลดอาการสะเทือนกับเสียงส่วนหัว ตัว Y อันหลัง ยึดกับซับเฟรมด้วยโบลท์ร้อยขนานกับตัวรถ มีหน้าที่ควบคุมมุมแค็มเบอร์เป็นหลัก และมีภาระควบคุมมุมแคสเตอร์เป็นหน้าที่รอง พร้อมกับมีเหล็กกับโคลงขนาด 2.5 มม. ยึดกับปีกนกลล่างด้วยลูกหมากตัวสั้น คอยกดเอาไว้ไม่ให้ลอยกันได้ง่ายจนเกินไป
     ทางด้านหลังใช้ระบบช่วงล่างแบบรีแอ็คทีฟลิ้งค์ ดับเบิ้ลวิชโบนที่มีการปรับมุมแค็มเบอร์ให้เหมาะสมมากขึ้น ปีกนกตัวบนทำด้วยเหล็ก แผ่นหน้า 2.5 มม. ประกบเกยกัน โดยปั๊มเป็นรูปโค้งหลบโครงสร้างตัวถังด้านหลัง ปลายด้านหนึ่งยึดกับทางด้านบนของหน้าแปลนล้อที่ HONDA ลงทุนทำจากอลูมิเนียม (Aluminum Rear Knuckles ) เพื่อลดน้ำหนักชิ้นส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสปริง เป็นการลดอาการสะเทือน เพื่อความนุ่มนวล และเสริมประสิทธิภาพในการทรงตัว ซึ่งงานนี้ทาง HONDA สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 5 กก. เลยทีเดียวส่วนปลายอีกด้านของตัวปีกนกบนยึดกับโครงสร้าง ตัวรถ ทางด้านล่างเป็นปีกนกเชื่อมต่อกับตัวสปริงอาร์ม เป็นชิ้นเดียวกัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เพราะช่วยให้มีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนสูงให้ผลดีในด้านการทรงตัว เนื่องจากมีการขยับเขยื้อนตัวน้อย สามารถลดอาการดีดดิ้นของชิ้นส่วนล่างได้มาก ตัวปีกนกล่างทำจากเหล็กแผ่นหนา 5 มม. ปั๊มขึ้นรูป สำหรับสวิงอาร์มทำจากเหล็กแผ่นหนา 3 มม. ยึดกับโครงตัวถังด้วยบู๊ชตัวโต หน้าที่รองรับน้ำหนักเป็นคอยลาสปริงขดเตี้ยสปริง 12 มม. วางตัวยันเอาไว้ระหว่างโครงสร้างตัวรถกับปีกนกล่าง โดยมียางรองทั้งด้านบนและด้านล่าง ตัวช็อคอับจะวางข้าง ๆ คอยล์สปริง ด้านบนยึดกับโครงตัวถัง ด้านล่างยึดตรงจุดเชื่อมระหว่าง ปีกนกล่างกับสวิงอาร์มที่ยึดกับหน้าแปลนล้ออลูมิเนียมทางด้านล่าง โดยปรับปรุง Lever Ration การทำงานของช็อคอับจาก Wheel / Damper Stroke Ratio 1.7 ไปเป็น 1.1 เพื่อให้มีความนุ่มนวลเพิ่มมากขึ้น และต่ำลงมาตรงจุดยึดช็อคอับด้านล่าง ทางด้านหลังของปีกนกล่างจะมีน็อตอยู่ ตัว ใช้สำหรับปรับมุมโทของล้อหลังได้ พร้อมกับมีเหล็กกันโคลงขนาด 12 มม. ยึด กับสวิงอาร์ม ด้วยลูกหมากตัวสั้น
     สัมผัสแรกที่ Civic มอบให้คือความนุ่มนวลจากการทำงานของระบบช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นถนนราบเรียบที่อุดมไปด้วยรอยต่อ ตามมาตรฐานของถนนบ้านเรา หรือถนนที่ตีเส้นขวางหนา ๆ ให้ส่งเสียงครืดคราดเวลาผ่าน ตลอดจนพวกเส้นทางหลุมบ่อที่ขาดการบำรุงรักษาหรือเส้นทางที่มีการซ่อมบำรุง แต่ใช้วิธีประกลบจนเป็นรอยปุปะและเส้นทางที่ขรุขระไม่รอบเรียบ แม้จะไม่ถึงกับนุ่มนวลชวนฝันเหมือนพาหญิงเที่ยวในวันวาเลนไทน์ ก็มีความรู้สึกกันได้ถึงความสบายกันจากการทำงานของช่วงล่าง สามารถเก็บเสียงและอาการสะเทือนได้ดีไม่น้อย
    การทรงตัวในทางโค้งยังคงความรู้สึกถึงอาการ อันเดอร์สเตียร์ เล็กๆ น้อย เพื่อยืนยันถึงระบบขับเคลื่อนล้อหน้าแต่ก็แสดงออกไม่มากเท่าไหร่นัก อยู่ในภาวะที่ง่ายต่อการควบคุมและแก้ไข อาการเอียงตัวยามเทโค้งมีกันพอประมาณไม่มาหรือรุนแรงอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นการยุบตัวลงไปมากกว่าการขับบนเส้นทางคดเคี้ยวมีความคล่องตัวสูง ระบบช่วงล่างกับพวงมาลัยที่กระชับ แม่นยำและตอบสนองการทำงานได้เร็วซึ่งจะช่วยสร้างความคล่องตัวความสบาย และความสนุกในการเล่นกับโค้ง ยกเว้นหากเล่นกันแรง ๆ จะเลยระดับชั้นของรถไปมาก เพราะลืมตัวคิดว่าขี่ F-1 อยู่ในสนามแข่งแบบนี้ก็ไปไม่รอดเหมือนกัน ดังนั้นถึงช่วงล่างจะไว้วางใจได้ต้องประมาณตัวด้วยเพราะลิขิตของรถนั้นมีจำกัดตามประสารถไม่ใช่แข่ง
     ช่วงเดินบนเส้นทางที่ราบเรียบและปลอดโปร่งสามารถใช้ความเร็วได้สูง ประสิทธิภาพของช่วงล่างให้ความมั่นใจได้ไม่น้อย อย่างระดับความเร็ว 160 กม./ชม.ก็ยัง ไม่ถึงกับสร้างความหวั่นไหวให้กับคนขับ ยังคงสามารถควบคุมรถได้อย่างสบาย จะต้องเพิ่มความตื่นเต้นตัวระมัดระวังบ้างก็ตรง 180 กม./ชม. แต่ก็ยังไม่รู้สึกเครียดกับการจับพวงมาลัย ความผ่อนคลายในการขับขี่ยังพอมีให้สัมผัสกันได้ส่วนจะมากน้อยขนาดไหน จะขึ้นอยู่กับสภาพของเส้นทางและความคั่งของถนนมากกว่าแต่จะพบว่าเจ้า Civic รุ่นนี้จะเป็นสหายร่วมทางที่ดีในการท่องเที่ยวเดินทาง
     พวงมาลัยเป็นแบบ แร็คแอนด์พิเนี่ยน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฮดรอลิค แปรผันตามความเร็วและความฝืดของล้อ น้ำหนักของพวงมาลัยในช่วงรอบเครื่องต่ำไม่ถึงเบามือมากนัก แต่จะสามารถให้ความสบายในการใช้งานโดยเฉพาะการจอดและขยับออกจากที่จอดทำง่ายไม่ถึงกับกินแรง โดยไม่เกี่ยงว่ามือที่จับพวงมาลัยจะเป็นมือเล็ก ๆ นิ่ม ๆ ของคุณสาวๆ ก็ตาม และในขณะเดียวกันการขับด้วยความเร็วสูง พวงมาลัยจะหน่วงมือเพิ่มขึ้นสามารถในความมั่นใจได้มากในการขับขี่ด้วยความเร็วระดับเจอใบสั่ง พวงมาลัยไม่เบามือจนเป็นปัญหาต่อการควบคุมทิศทาง
     อัตราทดของพวงมาลัยถูกปรับปรุงให้มีการตอบสนองเร็วขึ้น จากพวงมาลัยหมุนสุด (Lock to Lock) จากเดิม 2.79 เปลี่ยนมาเป็น 2.67 โดยมีอัตราทดพวงมาลัย 13.7 ต่อ 1 การหักเหลี่ยมทำได้เร็วแลล้อให้การตอบสนองที่รวดเร็วแม่นยำ ทั้งการเข้าโค้งและการวิ่งทางตรง (Line Tracing ) โดยมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.4 เมตร ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานบริเวณคับแคบจำกัด
     เบรก
      การทำงานของเบรกใช้แม่ปั๊มเบรกแบบ 2 วงจรไขว้ ขนาดแม่ปั๊มตัวเมน 7/8 นิ้ว พร้อมหม้อลมเบรคผ่อนแรงชั้นเดียวขนาด 9 นิ้ว และระบบเสริมแรงเบรค BA (Brake Assist) ช่วยเพิ่มแรงเบรคในการเบรคแบบฉุกเฉินโดยการใช้วาล์วแบบแปรผันที่หน้าสัมผัสสามารถปรับตัวมาเองได้ ร่วมด้วยระบบเบรค ABS แบบ 4 Channel 4 Sensor กับระบบกระจายแรงเบรค EBD (Electronic Brake Force Distribution) ที่ทำงานเสริมกันและกันอย่างอัตโนมัติ โดยช่วยกระจายแรง เบรคไปยังล้อทั้งสี่ ทำงานด้วยระบบอิเล็คทรอนิคส์ที่อยู่ในชุดเดียวกันกับชุดควบคุมเบรค ABS
     ทางด้านหน้าเป็นดิสค์เบรคแบบมีช่องระบายความร้อน จากเบรกหน้า 23 มม. ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 260 มม. คาลิเปอร์เบรคใช้ของ NISSIN แบบปั๊มเดี่ยว ทางด้านหน้าก็ใช้แบบ ดิสค์เบรค เช่นกัน เพื่อให้มีการทำงานที่รวดเร็ว และระบายความร้อนได้ดี แต่เป็นแบบ ดิสค์ธรรมดา ไม่มีช่องระบายความร้อน หนา 9 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 255 มม. คาลิปเบอร์เบรคแบบแม่ปั๊มเดี่ยวของ NISSIN
    น้ำหนักของคันเหยี่ยบเบรกอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างนิ่มเท้าซักหน่อย ตามนิสัยของเบรกญี่ปุ่นทั่วๆ ไป การทำงานของเบรค ถือว่าขยันตามประสารถที่ใช้ระบบดิสค์เบรคทั้ง 4 ล้อ การจับตัวของผ้าเบรกทำได้เร็วสามารถชะลอความเร็วและหน่วงความเร็วของรถลงได้ดีตั้งแต่แรกที่เริ่มเหยียบแป้นเบรคลงไป ให้ความมั่นใจในการขับขี่สูง สำหรับการเบรกของรถที่ความเร็วค่อนข้างมากหน่อย ยังให้ความรู้สึกที่ดีการลื่นไถลหนือช่วงฟรีขณะที่เหยียบเบรกช่วงแรกมีน้อย การเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถแบบกะทันหัน ทำได้รวดเร็วจากความช่วยเหลือของBA เปิดวาล์วเพิ่มแรงดันที่หม้อลมให้สูงขึ้น และการถ่ายน้ำมันตัวรถไปทางด้านหน้าเมื่อมีการใช้เบรกที่รุนแรงนั้นจะมีไม่มากนัก ระบบช่วงล่างสามารถต้นทานอาการหน้าทิ่มได้ดี พร้อมด้วยการทำงานของเบรค Abs ช่วยลดอาการล้อล็อค สามารถควบคุมทิศทางได้

HONDA Civic 1.8 i – VTEC ตอนจบ
       
เนื้อที่ภายในห้องโดยสาร
     จากการออกแบบให้ Civic มาในรูปทรงของรถ Mini MPV เสาหน้าให้ล้ำไปทางด้านหน้า และขอบประตูออกไปอีก เพื่อให้เนื้อที่ภายในโดยสารมีเพิ่มมากขั้น แต่ก็ช่วยได้เฉพาะทางด้านบนเท่านั้น ดูเหมือนเนื้อที่ส่วนวางเท้าจะเพิ่มไม่เท่าไหร่นัก ทั้งนี้เป็นเพราะติดเครื่องยนต์กับแร็ค พวงมาลัยและยังมีปัญหาเรื่องซุ้มล้อเกะกะเท้าอีกต่างหาก อย่างไรก็ตามทาง HONDA ได้บรรจงออกแบบอย่างสุดฝีมือ ทำให้ Civic มีเนื้อที่ภายในให้ใช้งานกันมากจากความยาว 1,900 มม. ความกว้าง 1,470 มม. และความสูง 1,170 มม. สามารถเพิ่มความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร ได้เยอะเลย นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของการออกแบบภายใน ที่มีการใช้สีอ่อน หลังคารถวางแนวสูง แผงข้างมีการปาดเหลี่ยมขอบบนให้บาง แม้กระทั่งพนักพิงศีรษะที่เจาะเป็นช่อง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยทำให้ภายในปลอดโปร่งโล่งตา เพิ่ม ความรู้สึกว่าห้องโดยสารกว้างขวางกว่าความเป็นจริง
     เนื้อที่ทางด้านหน้าส่วนบนนั้นไร้ปัญหา กระจกหน้าอยู่ห่าง และของกระจกด้านบนอยู่ไกลศีรษะมีที่ว่างให้ยืดคอเล่นได้เกือบคืบชนิดนั่งหวีผมได้สบาย ด้านคนขับมีเนื้อที่วางเท้าได้เยอะ ไม่จำเป็นต้องเลื่อนเบาะถอยหลังมาก แบบนี้เท่ากับว่าช่วยให้ผู้โดยสารตอนหลังมีเนื้อที่วางเข่ามากขึ้น ส่วนทางฟากผู้โดยสารตอนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาอยู่ 2 อย่าง อันแรกเป็นปัญหาเข่าทะเลาะกับแผงหน้าปัดหรือลิ้นชักเก็บของ ซึ่ง ข้อนี้ Civic ผ่านได้อย่างฉิวเฉียด โค้งแผงหน้าปัดด้านคอนโซลกลางยังไม่ถึงกับสร้างปัญหาให้กับเข่าขวาของคนนั่ง ส่วนปัญหาอีกประการเป็นเรื่องของโป่งล้อมีเบียดบังพื้นที่วางเท้าซึ่งเรื่องนี้แม้โป่งล้อยังจะมีอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีผลเท่าไหร่คนนั่งยังมีความสบายให้การเหยียดขาวางเท้าได้มาก
     เนื้อที่ทางด้านหลังจัดว่าเป็นมุมสบายได้เลย จากเนื้อที่วางเท้าที่มีให้ในระดับเหลือ ๆ นั่งแล้วหัวเข่ายังห่างจากพนักพิงเบาะหลัง เนื้อที่ว่างเหนือศีรษะมีให้ยืดคอได้อีก 1 ฝ่ามือ เสาหลังก็ไม่เอนเข้ามาให้เกะกะหัว แถมพื้นรถยังราบเรียบไม่มีสันกลางให้เกะกะเท้า (Rear Flat Floor) แบบนี้คนนั่งกลางที่เบาะหลังจะมีความสบายเพิ่ม ขึ้น
     ห้องเก็บของท้ายรถทาง HONDA ไม่ได้บอกว่ามีพื้นที่เท่าไหร่ แต่เท่าที่ประมาณด้วยสายตาน่าจะอยู่ระดับ 400 ลิตร กันเศษอีกนิดหน่อย ด้านความว้างและความเล็กมิให้ได้กันเยอะ โดยเฉพาะมีการเว้าแผงปิดทางด้านข้างให้หลบเข้าไป จึงเป็นการเพิ่มความกว้างให้มีมากขึ้น สามารถวางถุงกอล์ฟตามขวางได้อย่างสบาย พื้นห้องเก็บของค่อนข้างสูงเพราะมียางอะไหล่เก็บไว้ข้างใต้ ซึงการจะเอายางอะไหล่ออกมาจาก เพื่อความสะดวกควรจะมีมือซัก 3-4 มือก็จะสวย หรือมี 5 มือยิ่งดีใหญ่เลย โดยใช้มือซัก 3 ข้างสำหรับจัดการกับแผ่นปิด แล้วเหลือมืออีก 2 ข้างเอาไว้ไขและนำยางอะไหล่ออกมา... แบบนี้น่าจะมีการออกแบบแผงปิดกันใหม่ ให้ใช้งานได้ง่ายกว่านี้หน่อยนะ !!??
     หน้าปัดและอุปกรณ์     การออกแบบภายในเที่ยวนี้จัดว่าทำได้ดีมาก มีความใส่ใจและพิถีพิถันในเรื่องของรายละเอียดเยอะเลยสังเกตจากการออกแบบแผงข้างที่ขอบบนปาดเป็นมุมเฉียง ทำให้ดูบางกว่าความเป็นจริง พวกที่เท้าแขนก็มีการเล่นเหลี่ยมหักมุมรวมทั้งแนวโค้ง ไม่ใช่เล่นกันง่าย ๆ แบบสมัยก่อนแล้ว เป็นการยกระดับและรสนิยมของ Civic ให้ดูดีขึ้นกว่าการหาลายไม้มาแปะซะอีก
    ประตูรถเป็นแบบเซ็นทรัลล็อคเปิดล็อคด้วยรีโมทคอนโทรล ซึ่งเที่ยวนี้ HONDA ทำตัวกุญแจกับรีโมทเป็นชิ้นเดียวกันลดความเกะกะเวลาใส่กระเป๋า ดีกว่าสมัยแยกกุญแจกับรีโมทเป็นคนละอันเยอะ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้เวอร์ชั่นหน้าขอแบบกุญแจพับอยู่ในตัวรีโมทเลยนะจะได้กะทัดรัดเต็มที่สำหรับกุญแจรถเป็นแบบ Wave Key ฟันกุญแจปลอมกันยากหน่อย แต่เพื่อความแน่ใจก็เลยแถมระบบกันขโมยมาให้ด้วย ซึ่งการทำงานของระบบกันขโมยนี้จะเริ่มทำงามเมื่อล็อคประตูแล้ว 30 วินาที ไม่ใช่ล็อคปุ๊บทำงานปั๊บ นอกจากนี้ยังมีกุญแจสตาร์ทรถแบบ Immobilizer เอาไว้รับมือกับผู้ปรารถนารถแต่ไม่ปรารถนาดี ซึ่งเป็นกุญแจ Immobilizer แบบ Generation ที่ 4 มีความใหม่กว่า ทันสมัยกว่า และมีการทำงานต่างกับ Generation ที่ 3 ตรงระบบของ Generation ที่ 3 นั้นจะเป็นระบบตรวจจับสัญญาณกุญแจที่เสียบก่อน หากมีรหัสไม่ตรงเครื่องยนต์ก็ไม่ติด แต่สำหรับ Generation ที่ 4 นี้พวกไม่สนใจว่าจะเป็นกุญแจจริงหรือกุญแจปลอม หากฟันกุญแจสามารถหมันสวิทช์ได้ มันจะปล่อยให้เครื่องยนต์ติดก่อนประมาณ 2 วินาที ต่อจากนั้นค่อยตรวจรหัสว่าตรงหรือเปล่า หากไม่ตรงค่อยตัดระบบทำงานให้เครื่องยนต์ดับ ทั้งนี้เพราะป้องกันในกรณีแบตเตอรี่อ่อน ยังไงก็ให้เครื่องยนต์ติดไว้ก่อนอย่างอื่นค่อยพูดกันทีหลัง นอกจากนี้รหัสกุญแจจะเป็นแบบ Rolling Code หลังสตาร์ทเครื่องยนต์ติด ( และตรวจสอบแล้ว ) รหัสเปลี่ยนไป
     แผงหน้าปัดทำด้วยพลาสติคแข็งทำให้ดูหรูน้อยไปหน่อย ไม่เหมือนพวกโฟมอัดขึ้นรูปที่ดูดอัครฐานกว่า ระยะของแผงหน้าปัดจะลึกมากกว่าจะเข้าไปถึงใต้แนวของกระจก ดังนั้นจึงต้อมมีการออกแบบให้แผงปหน้าปัดเป็นหลายระดับเพื่อลดน้ำหนักสายตาดูแผงหน้าปัดลึกน้อยกว่าความเป็นจริง จุดเด่นของแผงหน้าปัดอยู่ตรงมาตรวัด 2 ชั้นแบบ Multiplex Meter อยู่ในตำแหน่งที่ชัดเจน อ่านง่าย ทำให้ผู้ขับขี่ทราบข้อมูลการขับขี่ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ตัวมาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางวันด้วยแสงสีฟ้า ( Self-illuminating Meters) โดยชั้นบนจะเป็นมาตราวัดความเร็วแบบตัวเลขดิจิตอล พร้อมมาตราวัดความร้อนที่อยู่ทางด้านซ้าย และมาตราวัดรับเชื้อเพลิงอยู่ทางขวา ต่ำลงมาจึงเป็นมาตราวัดรอบเครื่อง ตัวเลขบอกระยะทางรวม และระยะทางย่อย Trip A กับ B พร้อมไฟบอกตำแหน่งเกียร์และสัญญาณไฟเตือนต่างๆ สำหรับตัวปรับระยะทางย่อย ปุ่มปรับรับโหมด Sel กับปุ่ม Reset จะอยู่ที่แผงหน้าปัดทางด้านของคนขับ
     พางมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน หน้าสปอตร์เต็มตัว เส้นผ่าศูนย์กลางค่อนข้างเล็กดูทะมัดทะแมง ขอบวงมีการทำเป็นกริ๊ปหุ้มหนังจับได้ถนัดมือขอบวงยกสูงขึ้นเล็กน้อยอันเป็นรูปแบบที่นักขับดริฟท์ชอบนักหนา รูปลักษณ์ของพวงมาลัยจัดว่าทันสมัยแถมดูแปลกตาอีกต่างหาก โดยการออกแบบ เป็นพลาสติกสีโลหะรอบแป้นกดตรงกลาง และปิดช่องวางด้วยตาข่าย พลาสติกสีดำ บริเวณแป้นตรงกลางพวงมาลัยบรรจุถุงลมเอาไว้ด้วยตัวพวงมาลัย 4 ทิศทาง (Tilt Steering Wheel) ทั้งสูงต่ำและใกล้ไกล ที่คอพวงมาลัยทางด้านซ้ายเป็นก้านสวิทช์ควบคุมที่ปัดน้ำฝน ทางด้านขวาใช้เปิดปิดไฟหน้าและไฟเลี้ยว
     บริเวณคอนโซลกลางด้านบนสุดเป็นจอแสดงข้อมูลของการใช้เครื่องเสียง กับนาฬิกาแบบตัวเลขดิจิตอล ต่ำลงมาเป็นเครื่อง ล่นวิทยุเครื่องเล่นซีดีและ MP3 แบบ 6 แผ่น ตามด้วยชุดควบคุมเครื่องเล่นปรับอากาศอัตโนมัติแบบอิเล็คทรอนิคส์ ด้านล่างทำเป็นช่องวางของ ซึ่งทางด้านข้างจะมีช่องเสียบ AUX สำหรับอุปกรณ์ตัวพ่วง พร้อมที่เสียบเครื่องเล่น MP3 บริเวณหน้าคันเกียร์เป็นช่องเก็บของแบบมีฝาปิด ซึ่งตัวฝาทำเป็นลักษณะเหมือนบานเลื่อนดูดีทีเดียว ทางด้านข้อของคันเกียร์เป็นเบรกมือมีรูปลักษณะแปลกตาอยู่ซักหน่อย แต่ใช้งานได้ถนัด
     สรุป
      หลังจากควงคู่อยู่กับ Civic ใหม่คันนี้ไป 1000 ก็มีความมีความรู้สึกไม่แปลกใจเลย ที่ Civic ได้รับรางวัลอย่างมาก จากจุดเด่น ต่อหลายอย่างที่สามารถทำตัวได้ดีเกินความคาดหมาย

     เครื่องยนต์ใหม่ตัวนี้ถึงเป็นเครื่อง SOHC ที่ใช้แค็ม แท่งเดียว อาจจะน้อยหน้าพรรคพวกอยู่หน่อย แต่จาก ข้อมูลเครื่องยนต์ที่บ่งบอกว่ามี ฝูงม้าสูงสุดที่ 6300 รอบต่อนาที ซึ่งรอบเครื่องสูงขนาดนี้มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน และก็ไม่เป็นที่ผิดหวัง เมื่อพบว่าตัวเลขอัตราเร่ง กับการหมดลมหายใจที่ระดับ 200 กม. ช่วยให้สามารถขยับออกช่วยให้สามารถออกมายืนอยู่หน้าพวก DOHC ได้สบาย นอกจากนี้ยังมีอัตราเร่งที่ดี แต่ช่วงรอบเครื่องต่ำ พร้อม ทั้งปลายที่มีให้ใช้งานอีกต่างหาก และ ที่สำคัญด้วยเทคโนโลยี บ้วนทิ้ง ทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง ประหยัดพอ ๆ กันกับเครื่องขนาด 1500 ซีซี. การทำงานของเกียร์ราบเรื่อง นุ่มนวลไม่ปรากฏอาการกระตุก พร้อมกับมีการทำงานที่ต่อเนื่องและรวดเร็วทันใจ
     แม้ประสอทธิภาพในการยึดเกาะถนน จะไม่หนึบหนับระดับทากาวช้างไว้ที่ล้อ แต่ถ้าเทียบกับรถระดับเดียวกันถือว่าทำตัวได้ดีน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมือเทียบกับความนุ่มนวลที่มีให้สัมผัสได้ด้วย ต้องนับว่าทำตัวดีกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเยาะเลย สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ความง่ายในการบังคับควบคุมทิศทางขงรถ ที่ช่วยลดภาระในการขับขี่ทางกวนไปได้มาก หรือการขับซอกแซกไปตามถนนหรือซอกแคบๆ ดูจะคล่องและสบายกว่าปกติอุปกรณ์ภายในอาจจะไม่หรูหราเท่าไร่ อุปกรณ์ให้ใช้ก็มีไม่มากนักแต่มีการออกแบบที่พิถีพิถันเอาใจใส่ในรายละเอียดมาก เส้นสวยงามเฉียบคมพร้อมทั้งเนื้อที่ภายในระดับเหลือกินเหลือใช้ จึงเป็นรถขนาดเล็กที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปรวม ทั้งบริเวณครอบครัวด้วย
     ส่วนจุดด้อยของ Civic ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งถือว่าเป็นจุดด้อยในจุดเด่น เนื่องจากกาออกแบบเสาหน้าลาดเอียงมากแบบรถ Compact MPV ด้านหน้าเลยโล่งโจ้ง มุมมองเปิดกว้างซะจนหาจุดเล็งไม่เจอ การขับจึงอาจจะเคว้งคว้างอยู่บ้างในตอนแรก แต่พอคบกันได้พักใหญ่พอชินแล้วก็รู้สึกเฉยๆ นอกจากนี้ช่วงแรกๆ ของการเปิดแอร์จะพบว่ามีกลิ่นอยู่บ้างแม้จะเบาบางและได้กลิ่นไม่นาน อาศัยแอร์เย็นเร็วและเย็นจัดก็เลยไม่ค่อยอยากบ่นเท่าไหร่
     สิ่งสุดท้ายที่ฝากกับทาง HONDA คือเรื่อง คุณภาพ ของวัสดุและอุปกรณ์ ควรจะแข็งแรงทนทานเหมือนรถ HONDA รุ่นเก่าๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผลงานมาจากการลดต้นทุนหรือเรื่องของการ รีไซเคิ่ล ทำให้วัสดุอุปกรณ์ของรถยุคหลังดูอ่อนแอบอบบางไม่ทนทานเหมือนเมื่อก่อน อย่าลืมว่ารถบ้านเรามีราคาแพงและใช้รถกันนานกว่าในญี่ปุ่นเยาะ อีกทั้งเรื่องการเอาใจใส่และเห็นความสำคัญของลูกค้า ควรขยับระดับให้สูงขึ้นกว่านี้ ไม่ต้องเยาะหรอกขอเพียงแค่ครึ่งเดียวกับที่เคยเป็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนก็พอแล้ว.....??
บันทึกการเข้า

golffyll
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,398


ToTo The Hero


« ตอบ #2 เมื่อ: 17 กันยายน 2006, 23:22:21 »

ละเอียดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
บันทึกการเข้า
Chi-O
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,429

Chi-O Member No. 154


« ตอบ #3 เมื่อ: 17 กันยายน 2006, 23:32:33 »

ขอรวมกระทู้นะครับ
บันทึกการเข้า

neat_boy?
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14,994



« ตอบ #4 เมื่อ: 18 กันยายน 2006, 09:02:49 »

ขอบคุณมากๆเลยครับ ที่มาแบ่งปันกันอ่าน ขอ copy เก็บไว้นะครับ
บันทึกการเข้า

<a href="http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2DB07BPB0&amp;Autoplay=0" target="_blank">http://www.ijigg.com/jiggPlayer.swf?songID=V2DB07BPB0&amp;Autoplay=0</a>
kingkong88
ลิ่วล้อของ
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5,803



« ตอบ #5 เมื่อ: 18 กันยายน 2006, 13:44:37 »

ขอcopyไว้อ่านนะครับ
บันทึกการเข้า

Sushi
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 35



« ตอบ #6 เมื่อ: 18 กันยายน 2006, 13:49:23 »

แจ่มมั่ก ๆ.............ขอบคุงคร้าบบบบบบ
บันทึกการเข้า
tuckung
Gold Member
ศิษย์น้อง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 102


« ตอบ #7 เมื่อ: 18 กันยายน 2006, 15:23:33 »

ยอดเยี่ยม กระเทียมจอร์จ
บันทึกการเข้า

หนุ่ม
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: 19 กันยายน 2006, 20:06:53 »

ตามสบายเลยครับไม่หวงอยู่แล้วแบ่งกันๆ
บันทึกการเข้า
Linux_xp
CivicClub No.222
Gold Member
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 223


"No.222"


« ตอบ #9 เมื่อ: 26 กันยายน 2006, 15:57:53 »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า



หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: ข้อมูลซีวิค06 ละเอียดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนที่ 1
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2009, Simple Machines -->
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |