anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« เมื่อ: 06 ตุลาคม 2007, 00:46:21 » |
|
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้ ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป) อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ) แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์ ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ ซูมเข้าไปอีกนิด หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน - นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น การใช้งานจริงสามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ตุลาคม 2007, 01:48:05 โดย anodite_studbar »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
pReaw
Francesco Pevi.
Gold Member
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 519
http://parpreaw.multiply.com
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2007, 02:45:19 » |
|
ถ้าอยากได้แบบไม่แพงแล้วดี ก็ไปตามห้างแล้วซื้อกรองของ 3M ซองใสโลโก้แดง ราคาประมาณสองสามร้อยบาท ตัดได้ตั้งหลายครับ กรองก็ใช้ได้เหมือนกันนะครับ
ผมไปจัดมาแล้วครับ ที่คาร์ฟูร์ใกล้ๆตลาดสี่มุมเมือง ผมซื้อซองเล็กไม่เกิน200บาท ตอนนี้เค้าซื้อ1แถม1นะครับ ใส่จริงๆซองเดียวยังเหลือ(ขนาดใส่ไปสองชั้นนะเนี่ย)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--->civicclub no.204<---
|
|
|
|
|
|
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2007, 00:52:36 » |
|
หลังจากที่ได้เปลี่ยนกรองแอร์ไปได้สักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าเกิดใช้ไปเดือนกว่าๆแล้วสภาพของกรองจะเป็นยังไงบ้าง ผมก็เลยเปิดดูวันทื่เปลี่ยนกรองใหม่ อันนี้คือกรองที่เปลี่ยนไปเมื่อวันที่ 6/10/50 ซึ่งถ้าถึงวันนี้ก็ตกเดือนกว่าๆ จริงๆแล้วก็น่าจะยังสะอาดอยู่ แต่ผิดคาดครับ สกปรกเอาเรื่องเหมือนกัน สภาพกรอง สะอาดหรือสกปรก ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนแต่ละคันว่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน ด้านนี้เป็นด้านที่พัดลมพัดขึ้น ซูมเข้าไปอีกนิด จะเห็นได้ว่าค่อนข้างจะสกปรกพอสมควร และเมื่อผลิกอีกด้านนึงดู ก็สกปรกเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นผมก็ได้ไปซื้อกรองมา เป็นของ 3M ไซล์ขนาดกลาง ราคาก็อยู่ประมาณร้อยกลางๆ เพื่อทำการเปลี่ยนใหม่ อันนี้เป็นรูปขนาดของกรอง ถ้าสังเกตดีๆ แผ่นนี้จะแบ่งออกเป็นสี่ส่วนครับ ก่อนอื่นเอากรองเก่าออก แล้วทำความสะอาดก่อนที่จะติด หลังจากนั้นติดกาว โดยกาวที่ผมใช้เป็นของ 3M เช่นเดียวกัน ติดกาวเสร็จก็เอามาวางบนกรองเพื่อที่จะตัด กะดีๆจะได้พอดีอีกชุด ซึ่ง1ชุดของผมจะได้เป็น2แผ่นกรองครับ แล้วก็ตัดออก จะได้มาเป็นรูปนี้ หลังจากนั้นแกะกาวที่ติดไว้ออก แล้วก็เอากรองยัดลงไปตามรูป ให้กดจากด้านล่างลงไปก่อน แล้วค่อยไล่ขึ้นไปทางกาวที่ติดไว้ ก็จะออกมาตามรูปนี้ ต่อจากนั้นก็เล็มข้างๆเพื่อให้เกิดความสวยงาม เป็นอันเสร็จทั้งสองข้าง ก่อนใส่ ผมได้ติดวันที่ไว้ด้วย เพื่อที่จะได้ทราบว่าเปลี่ยนกรองไปเมื่อไร ก่อนใส่กรอง ผมได้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยา Threebone แบบตอนแรก ซึ่งเท่าที่สังเกต น้ำก็เป็นสีดำเหมือนตอนแรก แต่ดีกว่าครั้งแรกที่ทำ ไว้ผมจะลองหลังจากนี้อีกสามเดือนดูว่า หลังจากใช้ไปสามเดือนแล้ว กรองจะสกปรกมากกว่านี้หรือไม่อย่างไรครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ธันวาคม 2007, 00:55:14 โดย anodite_studbar »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Thoong_Bangna
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,144
หนุ่มหน้ามล คนเชียงราย
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: 21 มกราคม 2008, 21:56:38 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หมูอ้วนกทม
Gold Member
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 691
|
|
« ตอบ #32 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2008, 14:46:53 » |
|
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้ ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป) อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ) แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์ ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ ซูมเข้าไปอีกนิด หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน - นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น การใช้งานจริงสามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ สำหรับใครที่อยากจะล้างตู้แอร์เอง สามารถซื้อน้ำยาตัวนี้ได้ที่คุณโอ๊ต (ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เผอิญเป็นน้องที่รู้จักกันแต่ไม่เจอกันมานาน ) ผมเองก็กำลังจะใช้ดูหากสนใจผมจะบอกเบอร์ติดต่อให้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
kenshiro
ศิษย์น้อง
ออฟไลน์
กระทู้: 54
|
|
« ตอบ #35 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2008, 20:23:43 » |
|
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้ ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป) อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ) แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์ ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ ซูมเข้าไปอีกนิด หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน - นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น การใช้งานจริงสามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ สุดยอดเลย เยี่ยมจริงๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|