ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
30 เมษายน 2024, 00:27:12
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: การทำความสะอาดพัดลมแอร์(ด้วยโฟม)แบบว่าผลที่ได้ไม่น่าเชื่อและกรองแอร์แบบง่ายๆ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2 ลงล่าง พิมพ์
โพลล์
คำถาม: วันนี้คุณมีกรองแอร์แล้วหรือยัง
มี แบบทำเอง   -10 (24.4%)
มี แบบสำเร็จที่เขาขายกัน   -5 (12.2%)
มี แบบแถมมากับรถ   -4 (9.8%)
ไมมี   -22 (53.7%)
จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 40

ผู้เขียน หัวข้อ: การทำความสะอาดพัดลมแอร์(ด้วยโฟม)แบบว่าผลที่ได้ไม่น่าเชื่อและกรองแอร์แบบง่ายๆ  (อ่าน 71349 ครั้ง)
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« เมื่อ: 06 ตุลาคม 2007, 00:46:21 »



เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ  อายจัง  เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู

ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้



ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป



อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม



ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป)



อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ)



แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์

ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ



ซูมเข้าไปอีกนิด



หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย

คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน

- นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

การใช้งานจริง

สามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ

ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ

ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 ตุลาคม 2007, 01:48:05 โดย anodite_studbar » บันทึกการเข้า

anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #1 เมื่อ: 06 ตุลาคม 2007, 01:46:19 »

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พูดถึงเรื่องพัดลมแอร์แล้วคราวนี้ขอพูดอีกเรื่องนึงที่เกี่ยวกับระบบแอร์อีกหน่อย บางคันอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ อันนี้คือไส้กรองแอร์ ปกติถ้าเป็นESคงรู้อยู่แล้วว่าไม่ได้แถมมาให้ ถ้าซื้อก็เป็นพันอยู่เหมือนกัน(แต่ถ้ามีงบก็จัดไป เพราะว่าการกรองค่อนข้างจะละเอียดอยู่เหมือนกัน) ผมมันก็เป็นประเภทว่าอยากลองทำดู เพราะว่าจริงๆแล้วพวกนี้เป็นอะไรที่ง่ายๆไม่ยาก ผมก็ทำมาใส่รถผม จนผมลืมไปแล้วว่าในไปนานเท่าไร พอดีเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ได้มีโอกาสถอดกรองออกมา(ถ้าไม่ถอดก็ทำความสะอาดไม่ได้) ผมถึงได้รู้ถึงความสกปรกของแอร์ที่เราหายใจเข้าไปกันทุกวันครับ ลองดูจากรูปเอาแล้วกัน



จะเห็นได้ว่าดำมาก แลบลิ้น และที่สำคัญไม่รู้ว่าใส่มานานเท่าไร ขยิบตา นี่ถ้าไม่ใส่แล้วหายใจเข้าไป มันก็จะทำให้ร่างกายเราทรุดโทรมได้ครับ ลังเล

แล้วลองซูมเข้าไปใกล้ๆ



ก็จะเห็นได้ว่าค่อนข้างสกปรกมาก  แลบลิ้น ดีที่ว่าตัวกรองที่ทำเองกรองเอาไว้  :'( ไม่อย่างงั้นคงหายใจฝุ่นพวกนี้เข้าไปแน่ๆ ลังเล

คราวนี้ไหนๆก็ถอดออกมาแล้วผมก็เลยจัดการเปลี่ยนกรองใหม่ โดยกรองที่ผมใช้นี้เป็นกรองของ3M ที่เขาขายกันตามห้าง กรองนี้เขาไว้ใช้สำหรับกรองแอร์โดยเฉพาะครับ

คราวนี้มาดูรูปกันครับ



อันนี้คือแผ่นกรองอันใหม่ที่ใส่แทนกรองอันเก่า

เมื่อซูมใกล้ๆ จะเห็นได้ว่ากรองยังไม่ได้ใช้งาน(แต่อาจจะมีฝุ่นบ้างนิดหน่อย เกิดจากการเก็บไม่ค่อยดี)



แล้วคราวนี้ลองดูรูปสีกรองทั้งตัวเก่าและตัวใหม่จะเห็นได้ว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง

ครับจริงๆแล้วอันนี้ก็เป็นภัยต่อสุขภาพที่ใกล้ตัวเรามากๆแต่เราไม่ค่อยได้สนใจ นึกว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้หรือสุขภาพไม่ดีบ่อยๆ ฝุ่นสีดำนี้จะเป็นตัวทำลายให้สุขภาพของเราทรุดโทรมลง ถ้ามีโอกาสทำกรองเองก็ทำครับ ไม่ยากครับ และถ้าเกิดว่าขึ้เกียจทำ มีงบหน่อย ก็ซื้อเอา ราคาก็มีหลายราคาให้เลือก กรองพวกนี้จะกรองค่อนข้างละเอียดกว่ากรองที่ทำเอง ก็แล้วแต่ครับว่าอยากได้แบบไหน แต่ที่แน่ๆ ผมคงไม่ปล่อยให้กรองดำแบบนี้แน่นอนและที่สำคัญคงไม่ปล่อยให้สุขภาพตัวเองเสียไปโดยที่ไม่ทำอะไรแน่นอนครับ
บันทึกการเข้า

thee
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 72


« ตอบ #2 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2007, 15:42:31 »

ขอบคุณครับ
กำลังอยากล้างระบบแอร์อยู่พอดีเลยอ่ะ
พอจะแนะนำข้อมูลที่ไปทำ เพิ่มเติมโดยละเอียดได้ไหมครับ
เพิ่งถอดมาดู ไม่มีกรอง เอามือล้วงเข้าไปในพัดลม ฝุ่นเพียบเลยครับ 3 ปีแล้ว
ตอนนี้ผมลองใช้ แผ่นกรองทำเองอยู่ ใช้แบบชั่วคราวก่อน
โดยใช้ ที่กรองตู้ปลา ใส่เข้าไปในที่ใส่กรองครับ
ตอนแรกลองแบบหนาเต็มตลับ ปรากฏว่า ลมออกมาน้อยกว่าปกติ
เลยต้องฉีกออกครึ่งนึง ให้มันบางลง  ลมก้อออกมาใกล้เคียงของเดิม
เพิ่งใส่ไปชั่วคราว เมื่อวันอาทิตย์นี้เอง เดี๋ยวอาทิตย์หน้า จะถอดมาดูว่า พอจะกรองฝุ่นได้บ้างไหม
แล้วอนาคตค่อยไปหากรองที่ใช้โดยตรงใส่เอา
บันทึกการเข้า
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #3 เมื่อ: 08 ตุลาคม 2007, 21:41:25 »

ขอบคุณครับ
กำลังอยากล้างระบบแอร์อยู่พอดีเลยอ่ะ
พอจะแนะนำข้อมูลที่ไปทำ เพิ่มเติมโดยละเอียดได้ไหมครับ
เพิ่งถอดมาดู ไม่มีกรอง เอามือล้วงเข้าไปในพัดลม ฝุ่นเพียบเลยครับ 3 ปีแล้ว
ตอนนี้ผมลองใช้ แผ่นกรองทำเองอยู่ ใช้แบบชั่วคราวก่อน
โดยใช้ ที่กรองตู้ปลา ใส่เข้าไปในที่ใส่กรองครับ
ตอนแรกลองแบบหนาเต็มตลับ ปรากฏว่า ลมออกมาน้อยกว่าปกติ
เลยต้องฉีกออกครึ่งนึง ให้มันบางลง  ลมก้อออกมาใกล้เคียงของเดิม
เพิ่งใส่ไปชั่วคราว เมื่อวันอาทิตย์นี้เอง เดี๋ยวอาทิตย์หน้า จะถอดมาดูว่า พอจะกรองฝุ่นได้บ้างไหม
แล้วอนาคตค่อยไปหากรองที่ใช้โดยตรงใส่เอา

ถ้าอยากได้แบบไม่แพงแล้วดี ก็ไปตามห้างแล้วซื้อกรองของ 3M ซองใสโลโก้แดง ราคาประมาณสองสามร้อยบาท ตัดได้ตั้งหลายครับ กรองก็ใช้ได้เหมือนกันนะครับ
บันทึกการเข้า

pReaw
Francesco Pevi.
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 519

http://parpreaw.multiply.com


« ตอบ #4 เมื่อ: 18 ตุลาคม 2007, 02:45:19 »

ถ้าอยากได้แบบไม่แพงแล้วดี ก็ไปตามห้างแล้วซื้อกรองของ 3M ซองใสโลโก้แดง ราคาประมาณสองสามร้อยบาท ตัดได้ตั้งหลายครับ กรองก็ใช้ได้เหมือนกันนะครับ

ผมไปจัดมาแล้วครับ ที่คาร์ฟูร์ใกล้ๆตลาดสี่มุมเมือง ผมซื้อซองเล็กไม่เกิน200บาท
 ตอนนี้เค้าซื้อ1แถม1นะครับ
ใส่จริงๆซองเดียวยังเหลือ(ขนาดใส่ไปสองชั้นนะเนี่ย)
บันทึกการเข้า

--->civicclub no.204<---
KLUI
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 63


« ตอบ #5 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2007, 17:45:06 »

ไอ้น้ำยาอันนี้หาซื้อที่ไหนอะครับ

สนใจอย่างแรงเลยอะ

จะเอาไปทำมั่งอะครับ

FD ผมเหม็นตั้งแต่ 2 เดือนแรกที่ซื้อมาแล้วอะ ตอนนี้จา 2 ปีแล้วอะ ยังอับเหมือนเดิมเลย
บันทึกการเข้า

anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #6 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2007, 23:14:17 »

ไอ้น้ำยาอันนี้หาซื้อที่ไหนอะครับ

สนใจอย่างแรงเลยอะ

จะเอาไปทำมั่งอะครับ

FD ผมเหม็นตั้งแต่ 2 เดือนแรกที่ซื้อมาแล้วอะ ตอนนี้จา 2 ปีแล้วอะ ยังอับเหมือนเดิมเลย

ไม่แน่ใจว่าที่ autobac มีหรือเปล่า ลองดูแล้วกันนะครับ
บันทึกการเข้า

NineKlao
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 60

I' m First Milano Red Coupe in Thailand


« ตอบ #7 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2007, 11:06:45 »

 ลังเล ทามมาย EK ไม่มีที่ใส่กรองแอร์บ้าง อ่ะ :'(
บันทึกการเข้า

First Drive in Thailand, Coupe Standard Edtion #1
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #8 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2007, 00:52:36 »

หลังจากที่ได้เปลี่ยนกรองแอร์ไปได้สักพัก ก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าเกิดใช้ไปเดือนกว่าๆแล้วสภาพของกรองจะเป็นยังไงบ้าง

ผมก็เลยเปิดดูวันทื่เปลี่ยนกรองใหม่



อันนี้คือกรองที่เปลี่ยนไปเมื่อวันที่ 6/10/50



ซึ่งถ้าถึงวันนี้ก็ตกเดือนกว่าๆ จริงๆแล้วก็น่าจะยังสะอาดอยู่ แต่ผิดคาดครับ สกปรกเอาเรื่องเหมือนกัน  แลบลิ้น

สภาพกรอง สะอาดหรือสกปรก ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนแต่ละคันว่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน



ด้านนี้เป็นด้านที่พัดลมพัดขึ้น ซูมเข้าไปอีกนิด จะเห็นได้ว่าค่อนข้างจะสกปรกพอสมควร



และเมื่อผลิกอีกด้านนึงดู ก็สกปรกเช่นเดียวกัน





หลังจากนั้นผมก็ได้ไปซื้อกรองมา เป็นของ 3M ไซล์ขนาดกลาง ราคาก็อยู่ประมาณร้อยกลางๆ เพื่อทำการเปลี่ยนใหม่



อันนี้เป็นรูปขนาดของกรอง ถ้าสังเกตดีๆ แผ่นนี้จะแบ่งออกเป็นสี่ส่วนครับ



ก่อนอื่นเอากรองเก่าออก แล้วทำความสะอาดก่อนที่จะติด



หลังจากนั้นติดกาว โดยกาวที่ผมใช้เป็นของ 3M เช่นเดียวกัน



ติดกาวเสร็จก็เอามาวางบนกรองเพื่อที่จะตัด กะดีๆจะได้พอดีอีกชุด ซึ่ง1ชุดของผมจะได้เป็น2แผ่นกรองครับ



แล้วก็ตัดออก



จะได้มาเป็นรูปนี้



หลังจากนั้นแกะกาวที่ติดไว้ออก แล้วก็เอากรองยัดลงไปตามรูป ให้กดจากด้านล่างลงไปก่อน แล้วค่อยไล่ขึ้นไปทางกาวที่ติดไว้ ก็จะออกมาตามรูปนี้



ต่อจากนั้นก็เล็มข้างๆเพื่อให้เกิดความสวยงาม



เป็นอันเสร็จทั้งสองข้าง



ก่อนใส่ ผมได้ติดวันที่ไว้ด้วย เพื่อที่จะได้ทราบว่าเปลี่ยนกรองไปเมื่อไร



ก่อนใส่กรอง ผมได้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยา Threebone แบบตอนแรก ซึ่งเท่าที่สังเกต น้ำก็เป็นสีดำเหมือนตอนแรก แต่ดีกว่าครั้งแรกที่ทำ

ไว้ผมจะลองหลังจากนี้อีกสามเดือนดูว่า หลังจากใช้ไปสามเดือนแล้ว กรองจะสกปรกมากกว่านี้หรือไม่อย่างไรครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ธันวาคม 2007, 00:55:14 โดย anodite_studbar » บันทึกการเข้า

Lotus
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65


« ตอบ #9 เมื่อ: 25 ธันวาคม 2007, 16:26:05 »

สงสัยแล้วต้องใส่หลอดที่ฉีดให้ยาวไปถึงตู้แอร์เลยเหรอครับ แล้วถ้ามันหยดตามท่อทางเดินลมมันจะเป็นไรมั๋ยครับ
บันทึกการเข้า
thee
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 72


« ตอบ #10 เมื่อ: 09 มกราคม 2008, 13:20:15 »

 ยิ้ม
หลังจากพยายามหาน้ำยามาหลายเดือน
ผมเจอแล้วคับ Threebond 6721 เจอที่ Home Pro บางนา-ตราด กม.12 คร๊าบ
ใครอยากได้ อยู่แถวบางนา ไปหาซื้อเอาเองได้คับ อยู่ชั้น1
จะซื้อมาลองใช้บ้างแล้ว
 ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #11 เมื่อ: 09 มกราคม 2008, 16:32:38 »

ยิ้ม
หลังจากพยายามหาน้ำยามาหลายเดือน
ผมเจอแล้วคับ Threebond 6721 เจอที่ Home Pro บางนา-ตราด กม.12 คร๊าบ
ใครอยากได้ อยู่แถวบางนา ไปหาซื้อเอาเองได้คับ อยู่ชั้น1
จะซื้อมาลองใช้บ้างแล้ว
 ยิ้มเท่ห์

ครับ ของแบบนี้ต้องลองครับ ไม่ลองไม่รู้ครับป๋ม ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

thee
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 72


« ตอบ #12 เมื่อ: 14 มกราคม 2008, 15:21:56 »

เพิ่งล้างมา ดำปี๋ 3 ปี เพิ่งได้ล้าง
ก่อนหน้านี้ เริ่มมีอาการเหม็นหลังจาก ปิดคอมเพรสเซอร์สักพักก่อนเข้าจอดรถที่บ้าน
ขนาดว่า ต้องเปิดกระจกให้ลมเข้าแทน ไม่งั้นเหม็นมากๆ
บันทึกการเข้า
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #13 เมื่อ: 16 มกราคม 2008, 00:34:21 »

เพิ่งล้างมา ดำปี๋ 3 ปี เพิ่งได้ล้าง
ก่อนหน้านี้ เริ่มมีอาการเหม็นหลังจาก ปิดคอมเพรสเซอร์สักพักก่อนเข้าจอดรถที่บ้าน
ขนาดว่า ต้องเปิดกระจกให้ลมเข้าแทน ไม่งั้นเหม็นมากๆ

ครับ รถผมก็เคยเป็นเหมือนกัน ตอนนี้ล้างไปก็ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะเลยครับ และก็ทำแบบนี้เหมือนกันคือปิดคอมเพรสเซอร์สักพักก่อนเข้าจอดรถที่บ้าน

บันทึกการเข้า

Thoong_Bangna
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,144


หนุ่มหน้ามล คนเชียงราย


« ตอบ #14 เมื่อ: 18 มกราคม 2008, 20:00:41 »

 อายจัง แล้วฉีดโฟมเข้าไปในตู้แอร์ที่มีพัดลมหมุนๆนั่นเลยหรือครับแล้วพัดลมไม่ช๊อตหรือครับ หรือว่าต้องฉีดเข้าไปในช่องที่อยู่ในตู้แอร์อีกทีนึง แล้วรูมันอยู่ตรงไหนครับ  :'(
บันทึกการเข้า

Thoong_Bangna
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,144


หนุ่มหน้ามล คนเชียงราย


« ตอบ #15 เมื่อ: 21 มกราคม 2008, 21:56:38 »

อายจัง แล้วฉีดโฟมเข้าไปในตู้แอร์ที่มีพัดลมหมุนๆนั่นเลยหรือครับแล้วพัดลมไม่ช๊อตหรือครับ หรือว่าต้องฉีดเข้าไปในช่องที่อยู่ในตู้แอร์อีกทีนึง แล้วรูมันอยู่ตรงไหนครับ  :'(

 ลังเล ลังเล รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก รูดซิบปาก ลังเล ลังเล
บันทึกการเข้า

asdf
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245


« ตอบ #16 เมื่อ: 24 มกราคม 2008, 14:25:18 »

โทรถามแล้วได้ความว่า ฉีดเข้าไปตรงพัดลมเลยครับ วันนี้จะไปเดินฟอร์จูน ถ้ามีก็ว่าจะซื้อมาเลย
+++ ขอบคุณ คุณ อโนไดซ์ ด้วยครับ +++ ยิ้มเท่ห์

มาแจ้งว่า กรอง แบบ 3 เอ็ม ตอนนี้ ซื้อ 1 ถม 1 นะครับ 189 บาท .....ที่โลตัส ฟอร์จูน
ส่วน น้ำยา ราคา 650 ครับ ที่เซ็นทรัล 25/01/08
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 มกราคม 2008, 15:28:05 โดย asdf » บันทึกการเข้า
หมูอ้วนกทม
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 691



« ตอบ #17 เมื่อ: 08 กุมภาพันธ์ 2008, 15:27:52 »

เซ็นทรัลสาขาไหนครับ วันหยุดนี้จะได้ไปซื้อมาลองทำดูครับ ส่วนกรองแอร์ผมซื้อที่ออโต้แบคส์มาใส่ มี2ราคา ประมาณ1400.-กับ500.- ผมเคยใช้ของแพง ปรากฎว่าใช้นานๆแล้วจะมีกลิ่น แล้วก็ลมอ่อนลงด้วย ก็เลยลองซื้ออีกราคามาลองใช้ดู
ก่อน ลมก็แรงดี เป็นยังไงแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
บันทึกการเข้า
asdf
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 245


« ตอบ #18 เมื่อ: 09 กุมภาพันธ์ 2008, 13:03:34 »

เซ็นทรัลสาขาไหนครับ วันหยุดนี้จะได้ไปซื้อมาลองทำดูครับ ส่วนกรองแอร์ผมซื้อที่ออโต้แบคส์มาใส่ มี2ราคา ประมาณ1400.-กับ500.- ผมเคยใช้ของแพง ปรากฎว่าใช้นานๆแล้วจะมีกลิ่น แล้วก็ลมอ่อนลงด้วย ก็เลยลองซื้ออีกราคามาลองใช้ดู
ก่อน ลมก็แรงดี เป็นยังไงแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะครับ
เซ็นทรัล ฟิวเจอร์รังสิตครับ ชั้นล่างสุด เซ็นทรัลอื่นน่าจะมีนะครับ  ป๋องละ 650 (ลดแล้ว)
บันทึกการเข้า
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #19 เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2008, 01:13:23 »

ครับ วันนี้มารายงานผลการใช้กรองแบบทำเอง คราวที่แล้วผมได้โพสไปว่าหลังจากใช้ไปหนึ่งเดือน สภาพกรองของเราจะเป็นยังไงบ้าง มาวันนี้ครับ เกือบครบสามเดือน ก็เอาผลการรายงานมาให้ชมกัน

อันนี้คือรูปกรองที่ใส่ไปก่อนหน้านี้





อันนี้คือกรองที่ถอดออกมาหลังจากใช้ไปสามเดือน



ซูมเข้าไป เห็นถึงความสกปรกที่เราหายใจเข้าไปกันทุกวันครับ



ซึ่งสภาพที่ได้ก็คือดำมากขึ้นเมื่อเทียบกับรูปข้างล่างนี้ที่ใช้กรองไปแล้วหนึ่งเดือน



จะเห็นได้ว่าดำพอสมควร และเมื่อผลิกอีกด้านนึงก็ดำมากเช่นกันครับ





นี่แค่สามเดือนเอง สกปรกถึงขนาดนี้ ซึ่งการใช้งานของผมก็มีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในกรุงเทพซะมากกว่า ซึ่งผมเองแค่เห็นยังนึกกลัวเลยว่าเวลาที่เราหายใจเข้าไป อย่าว่าแต่อยู่ในรถเลยครับ นอกรถที่เรายืนหรือเดินจะทำให้สุขภาพเราเสียขนาดไหน ก็อย่างว่านะครับ มลพิษเยอะก็คงต้องทำใจ ถ้าเทียบอากาศกรุงเทพกับต่างจังหวัดต่างกันเยอะครับ ถ้าคุณลองสังเกตดีๆง่ายๆ เวลานอนที่เท่ากันเช่น8ชั่วโมง ในกรุงเทพกับต่างจังหวัด เวลาตื่นขึ้นมาเมื่ออยู่กรุงเทพเหมือนกับนอนไม่ค่อยอิ่ม แต่ถ้าอยู่ต่างจังหวัด เวลาตื่นนอนก็จะรู้สึกสดชื่นเหมือนนอนได้เต็มอิ่ม ก็เป็นภัยทีใกล้ตัวเรามากๆแต่เราไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญสักเท่าไร

หลังจากนั้นผมได้ทำการเปลี่ยนกรองออกแล้วเอากรองใหม่ใส่เข้าไปพร้อมติดวันที่ไว้





คราวนี้หลังจากนี้อีกหกเดือน เราจะมาดูกันว่าสภาพกรองนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง ก็เอามาฝากกันครับป๋ม
บันทึกการเข้า

NineKlao
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 60

I' m First Milano Red Coupe in Thailand


« ตอบ #20 เมื่อ: 01 มีนาคม 2008, 08:14:16 »

กระทู้นี้ดีจัง ยาวดี
ผมก็เอาแบบที่สำเร็จรูปเข้าไป ยังไม่ได้ดูเลยว่าเป็นยังไง เจ๋ง
บันทึกการเข้า

First Drive in Thailand, Coupe Standard Edtion #1
หมูอ้วนกทม
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 691



« ตอบ #21 เมื่อ: 02 มีนาคม 2008, 00:56:42 »

เซ็นทรัล ฟิวเจอร์รังสิตครับ ชั้นล่างสุด เซ็นทรัลอื่นน่าจะมีนะครับ  ป๋องละ 650 (ลดแล้ว)
เพิ่งไปดูที่เซ็นทรัลพระราม3 กับชิดลมไม่มีขาย ไปเจอที่โฮมโปรสาขาคาร์ฟูลาดพร้าว แต่ว่าราคากระป๋อง1,039 บาทแนะ แพงกว่าเยอะเลย
บันทึกการเข้า
หมูอ้วนกทม
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 691



« ตอบ #22 เมื่อ: 02 มีนาคม 2008, 01:30:52 »

ครับ วันนี้มารายงานผลการใช้กรองแบบทำเอง คราวที่แล้วผมได้โพสไปว่าหลังจากใช้ไปหนึ่งเดือน สภาพกรองของเราจะเป็นยังไงบ้าง มาวันนี้ครับ เกือบครบสามเดือน ก็เอาผลการรายงานมาให้ชมกัน

อันนี้คือรูปกรองที่ใส่ไปก่อนหน้านี้





อันนี้คือกรองที่ถอดออกมาหลังจากใช้ไปสามเดือน


ซูมเข้าไป เห็นถึงความสกปรกที่เราหายใจเข้าไปกันทุกวันครับ



ซึ่งสภาพที่ได้ก็คือดำมากขึ้นเมื่อเทียบกับรูปข้างล่างนี้ที่ใช้กรองไปแล้วหนึ่งเดือน



จะเห็นได้ว่าดำพอสมควร และเมื่อผลิกอีกด้านนึงก็ดำมากเช่นกันครับ





นี่แค่สามเดือนเอง สกปรกถึงขนาดนี้ ซึ่งการใช้งานของผมก็มีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นในกรุงเทพซะมากกว่า ซึ่งผมเองแค่เห็นยังนึกกลัวเลยว่าเวลาที่เราหายใจเข้าไป อย่าว่าแต่อยู่ในรถเลยครับ นอกรถที่เรายืนหรือเดินจะทำให้สุขภาพเราเสียขนาดไหน ก็อย่างว่านะครับ มลพิษเยอะก็คงต้องทำใจ ถ้าเทียบอากาศกรุงเทพกับต่างจังหวัดต่างกันเยอะครับ ถ้าคุณลองสังเกตดีๆง่ายๆ เวลานอนที่เท่ากันเช่น8ชั่วโมง ในกรุงเทพกับต่างจังหวัด เวลาตื่นขึ้นมาเมื่ออยู่กรุงเทพเหมือนกับนอนไม่ค่อยอิ่ม แต่ถ้าอยู่ต่างจังหวัด เวลาตื่นนอนก็จะรู้สึกสดชื่นเหมือนนอนได้เต็มอิ่ม ก็เป็นภัยทีใกล้ตัวเรามากๆแต่เราไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญสักเท่าไร

หลังจากนั้นผมได้ทำการเปลี่ยนกรองออกแล้วเอากรองใหม่ใส่เข้าไปพร้อมติดวันที่ไว้





คราวนี้หลังจากนี้อีกหกเดือน เราจะมาดูกันว่าสภาพกรองนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง ก็เอามาฝากกันครับป๋ม
วิธีที่ใส่ที่ถูกต้องจะต้องตัดแผ่นสามเหลี่ยมที่กันถาดออกก่อนนะครับ
บันทึกการเข้า
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #23 เมื่อ: 03 มีนาคม 2008, 00:13:18 »

วิธีที่ใส่ที่ถูกต้องจะต้องตัดแผ่นสามเหลี่ยมที่กันถาดออกก่อนนะครับ

ผมคงไม่เอาออกอ่ะครับ เพราะว่าเป็นกรองที่ทำเองมีน้ำหนักเบา เวลาลมเป่า อย่างๆน้อยๆตัวนี้จะรั้งเอาไว้ไม่ให้กรอง(ที่ทำเอง)หลุด

แต่ถ้าเป็นกรองแบบที่ขายกัน ตรงนี้ควรที่จะต้องตัดออกครับ และอีกอย่างนึง ผมยังอยากคงของเดิมไว้ครับ 

สำหรับคนที่สนใจและจะทำกรองเอง ก็ตามคำแนะนำข้างบนนี้ได้เลยครับ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ  ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 มีนาคม 2008, 00:15:42 โดย anodite_studbar » บันทึกการเข้า

maxy_sky
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5

น้องมีนา


« ตอบ #24 เมื่อ: 11 มีนาคม 2008, 13:31:00 »

หวัดดีครับ ผมสมาชิกใหม่ครับ ใช้รถคันนี้มาตั้งนานแต่ไม่ค่อยได้เปิดอ่าน CLUB กะเค้าเลย
มาวันนี้เจอกระทู้นี้ ดีจริงๆครับ เลยต้องสมัครสมาชิกซะเลย

คืองี้ครับ พอได้อ่านทั้งหม ก็ลงมือแกะ ถอดเลยครับกะว่าจะล้างซะหน่อย
แต่มาเจอนี่ครับ   รังหนู  (รถผมไม่ค่อยได้ใช้อาครับ จอดไว้ที่บ้าน)
ผมละเซ็งเลยครับ  คงต้องล้างกันยกใหญ่เลยครับ


ขอบคุณคุณ    anodite_studbar   เจ้าของกระทู้มากเลยครับ   ไม่งั้นไม่รู้แน่ๆ

อืมแล้วควรล้างที่ไหนดีครับ   


* CIMG8748.JPG (73.05 KB, 768x576 - ดู 26470 ครั้ง.)

* CIMG8749.JPG (77.21 KB, 768x576 - ดู 26018 ครั้ง.)

* CIMG8750.JPG (63.87 KB, 768x576 - ดู 25506 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #25 เมื่อ: 13 มีนาคม 2008, 00:44:25 »

หวัดดีครับ ผมสมาชิกใหม่ครับ ใช้รถคันนี้มาตั้งนานแต่ไม่ค่อยได้เปิดอ่าน CLUB กะเค้าเลย
มาวันนี้เจอกระทู้นี้ ดีจริงๆครับ เลยต้องสมัครสมาชิกซะเลย

คืองี้ครับ พอได้อ่านทั้งหม ก็ลงมือแกะ ถอดเลยครับกะว่าจะล้างซะหน่อย
แต่มาเจอนี่ครับ   รังหนู  (รถผมไม่ค่อยได้ใช้อาครับ จอดไว้ที่บ้าน)
ผมละเซ็งเลยครับ  คงต้องล้างกันยกใหญ่เลยครับ


ขอบคุณคุณ    anodite_studbar   เจ้าของกระทู้มากเลยครับ   ไม่งั้นไม่รู้แน่ๆ

อืมแล้วควรล้างที่ไหนดีครับ  


ก่อนอื่นคงต้องเอารังหนูออกก่อนแล้วลองหาน้ำยาที่ผมเคยโพสไว้ตอนแรกลองทำความสะอาดดู แต่ผมว่าถ้าหนูเข้ามาได้ขนาดนี้ อาจจะมีเศษอย่างอื่นปะปนมาด้วย และอีกสิ่งนึงที่น่ากลัวก็คือมูลของมันนั่นเอง แลบลิ้น  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอาไปให้ร้านแอร์เขาถอดออกมาล้างเลยจะดีกว่า  อายจัง แต่ถ้าเกิดไม่สะดวกก็ลองทำอย่างที่ผมเคยโพสไว้ตอนแรกนะครับ

ยังไงต้องขอบคุณมากที่เอาเรื่องนี้มาโพส เพราะว่าไม่ใช่ว่าเราจะไม่เจอเรื่องแบบนี้ ถ้าคุณไม่เอามาบอกผมอละอีกหลายๆคงไม่ทราบเช่นกัน

ขอบคุณอีกครั้งครับป๋ม  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

KANE
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #26 เมื่อ: 31 มีนาคม 2008, 14:37:26 »

เซ็นทรัล ฟิวเจอร์รังสิตครับ ชั้นล่างสุด เซ็นทรัลอื่นน่าจะมีนะครับ  ป๋องละ 650 (ลดแล้ว)
ผมไปดูที่ โฮมโปร พงเพชร มา มีครับ คิดว่านี่จะมีทุกโฮมโปรนะครับ ตอนนี้ลดอยู่ เหลือ 650 จาก 1039
บันทึกการเข้า
KANE
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #27 เมื่อ: 31 มีนาคม 2008, 14:44:33 »

ผมสมาชิกใหม่ครับ อยากถามว่า civic FD อ่ะครับ ต้องถอดอะไรตรงไหน ถึงจะเจอตู้แอร์ครับ  คือซื้อน้ำยามาแล้ว กะว่าว่างๆจะลองทำดู ใครรู้รบกวนช่วยบอกหน่อยนะครับ ลังเล อายจัง
บันทึกการเข้า
boyzza
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21


« ตอบ #28 เมื่อ: 07 เมษายน 2008, 17:47:36 »

เคยเห็นอีกยี่ห้อ ที่คาร์ฟูลาดพร้าวครับเป็นของญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่ไว้ฉีดกับแผงแอร์บ้าน
ใครอยากเอามาลองแล้วได้ผลยังบอกด้วยเน้อ 160 กว่าบาทครับ
บันทึกการเข้า
KANE
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #29 เมื่อ: 13 เมษายน 2008, 20:49:47 »

ใช้เรียบร้อยครับ threebond 6721 หลังจากมีกลิ่นในรถมานาน  เจ๋ง แต่กลิ่นดันไม่หายครับ :'( เลยควานหาสาเหตุอยู่นานปรากฎว่า มาจากกรองแอร์ครับ ของที่ติดมากับรถ  รถผม civic FD 2006 มีกลิ่นมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆที่ซื้อมาเลย ผมเลยถอดกรองแอร์ไปล้าง ตากแดดอยู่ประมาณ สามวันกลิ่นก็ยังไม่หายเลยตัดสินใจไปซื้อ กรอง 3M มาทำเองตามที่คุณ anodite โพสไว้หลังจากเปลี่ยนกรอง กลิ่นหายทันทีเลยครับ ต้องขอขอบคุณ anodite มากๆสำหรับความรู้ดีๆ

อีกอย่างครับ มีหลายคนบอกว่า civic FD มีกลิ่นตั้งแต่เดือนแรกที่ซื้อมา อาจเพราะเจ้าตัวกรองนี่แหละครับ โกรธ ยังไงก็ลองเปลียนกรองแอร์ดูนะครับ ทำไม่ยากเลย ผมเพิ่งเคยแกะรถครั้งแรกในชีวิตยังทำได้เลยครับ เจ๋ง
บันทึกการเข้า
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #30 เมื่อ: 18 เมษายน 2008, 16:22:28 »

ใช้เรียบร้อยครับ threebond 6721 หลังจากมีกลิ่นในรถมานาน  เจ๋ง แต่กลิ่นดันไม่หายครับ :'( เลยควานหาสาเหตุอยู่นานปรากฎว่า มาจากกรองแอร์ครับ ของที่ติดมากับรถ  รถผม civic FD 2006 มีกลิ่นมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆที่ซื้อมาเลย ผมเลยถอดกรองแอร์ไปล้าง ตากแดดอยู่ประมาณ สามวันกลิ่นก็ยังไม่หายเลยตัดสินใจไปซื้อ กรอง 3M มาทำเองตามที่คุณ anodite โพสไว้หลังจากเปลี่ยนกรอง กลิ่นหายทันทีเลยครับ ต้องขอขอบคุณ anodite มากๆสำหรับความรู้ดีๆ

อีกอย่างครับ มีหลายคนบอกว่า civic FD มีกลิ่นตั้งแต่เดือนแรกที่ซื้อมา อาจเพราะเจ้าตัวกรองนี่แหละครับ โกรธ ยังไงก็ลองเปลียนกรองแอร์ดูนะครับ ทำไม่ยากเลย ผมเพิ่งเคยแกะรถครั้งแรกในชีวิตยังทำได้เลยครับ เจ๋ง

ยินดีด้วยที่กลิ่นหายครับ สำหรับท่านใดที่ใช้ FD แล้วเป็นแบบนี้ ก็ลองทำดูได้ครับป๋ม  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #31 เมื่อ: 18 เมษายน 2008, 16:35:40 »

วันนี้ผมมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพัดลมแอร์มาฝากกันเล็กน้อย เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าเมื่อวันที่ 12เมษายน2008 ผมจะไปธุระข้างนอกกับเพื่อนผม ซึ่งตอนแรกแอร์ก็เป็นปกติ ใช้มาทั้งวันก็ไม่มีปัญหาอะไร อยู่ดีๆลมแอร์ก็หาย แต่ไฟa/c ยังติดอยู่ ตอนแรกก็นึกว่าฟิวล์ขาด ผมก็ลองไล่ดู แต่ก็ไม่มีตัวไหนขาด เอาละซิ ทำไงดี ไม่มีแอร์ตอนสงกรานต์ ร้อนนรกแน่ แถมดันมาเสียตอนสองทุ่มกว่าๆ ทำไงดีละ ผมก็นึกขึ้นได้ เลยโทรไปหาพี่พากษ์(ร้าน Highway ที่ผมเอาไปติดแก็ส) ถามว่าร้านเขาปิดหรือยัง จะได้ให้เขาดูให้ เขาบอกว่าปิดแล้ว ผมก็เลยถามว่าอาการที่ผมเป็นคือไฟa/cทำงาน แต่ลมไม่พัดออกมาเกิดจากอะไร พี่เขาบอกว่าถ้าไม่ฟิวล์ขาด ก็ตัวResistance(อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า)เสีย ให้ไปที่ร้านแอร์ให้เขาเช็คดู  บังเอิญว่าแถวบ้านผมมีอยู่ร้านนึงเขาเปิดอยู่ ก็เลยให้เขาดู เขาเช็คแล้วฟิวล์ก้ไม่ขาด ผมก็เลยบอกเขาว่าให้ดูตัว Resistance ทีสิว่าเสียหรือเปล่า เป็นไปตามคาดครับ ตัว Resistance เสีย หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ







แล้วตัวนี้หน้าที่ของมันคืออะไร หน้าที่ของมันก็คือทำให้พัดลมหมุน(และไม่แน่ใจว่าน่าจะเป็นตัวปรับความเร็วของพัดลมแอร์ที่อยู่ในตู้แอร์ครับ)  และยิ่งรถสมัยใหม่นี้ โดยเฉพาะฮอนด้าเกือบทุกรุ่น ตัวนี้จะเสียบ่อย(อันนี้ร้านแอร์เขาเป็นคนยืนยัน เพราะว่าเขาเห็นรถผม เขาก็ยังบอกเลยว่าก่อนหน้านี้หลายคันที่ทำไปรุ่นนี้ ตัวนี้จะเสียครับ) ตัวนี้จะอยู่ใต้ตู้แอร์หลังเก๋ใส่ของ มันจะมีสายเสียบอยู่ เขาดึงตัวเสียออกมา แล้วใส่ตัวใหม่เข้าไป เชื่อไมครับ ตอนแรกที่ไม่มีลมแอร์ กลับมาเย็นเหมือนเดิม

ผมเองก็เพิ่งได้เจอกับตัวว่าตัวนี้คือตัวอะไร ทั้งๆที่จริงๆแล้วก่อนหน้านี้ผมเคยอ่านเจอในเวป(แต่นานแล้ว) ก็ไม่ได้สนใจ เพราะว่าของผมไม่ได้เสีย

ก็เลยเอามาฝากกัน เพื่อว่าเพื่อนๆหรือท่านใดเจออาการแบบผม จะได้หาทางแก้ได้ไม่ยากครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

หมูอ้วนกทม
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 691



« ตอบ #32 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2008, 14:46:53 »

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ  อายจัง  เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู

ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้



ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป



อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม



ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป)



อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ)



แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์

ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ



ซูมเข้าไปอีกนิด



หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย

คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน

- นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

การใช้งานจริง

สามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ

ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ

ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ
สำหรับใครที่อยากจะล้างตู้แอร์เอง สามารถซื้อน้ำยาตัวนี้ได้ที่คุณโอ๊ต (ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เผอิญเป็นน้องที่รู้จักกันแต่ไม่เจอกันมานาน ) ผมเองก็กำลังจะใช้ดูหากสนใจผมจะบอกเบอร์ติดต่อให้ครับ
บันทึกการเข้า
civic2003
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 128


« ตอบ #33 เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2008, 15:26:32 »

 อายจัง  สนใจครับหาซื้อมาสองอาทิตย์และไม่ได้ซ๊ากที อายจัง
บันทึกการเข้า

ขับรถดีๆ มีน้ำใจ มีเรื่องไป ไม่ตายก็ติดคุก

ใจเยน ใจเยน ใจเยนนนนนๆๆๆๆๆ
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 902

I love my CIVIC.


« ตอบ #34 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2008, 00:36:32 »

หลังจากที่ได้ทำการเปลี่ยนกรองไปเมื่อวันที่ 25/2/51 จริงๆแล้วผมอยากพิสูจน์ว่าเมื่อหกเดือนไปแล้วเป็นยังไงบ้าง แต่ว่าอดไม่ไหว พอดีวันนี้ว่างๆ ก็เลยถือโอกาสทำความสะอาดภายในรถ และไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็เอากรองแอร์ที่ได้ออกมาดู





และรูปต่อไปนี้คือสภาพหลังจากที่เปลี่ยนกรองไปครับ









ขอบอกเลยว่า ไม่กี่เดือนสกปรกได้ขนาดนี้เลยครับ อาจจะเป็นไปได้ว่าบางครั้งที่เราวิ่งบนท้องถนน ตามรถที่มีควันดำออกบ้าง ไหนจะอากาศข้างนอกอีกละครับ นี่ถ้าไม่ได้ทำความสะอาดภายใน ก็ไม่รู้ว่าจะดำไปขนาดไหน และที่สำคัญก็คือสุขภาพของเราเองนั้นแหละครับ และไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมก็ถือโอกาสเอาน้ำยา Threebone ฉีดทำความสะอาดพัดลมแอร์เลย วิธีก็อย่างที่เคยบอก คราวนี้ลองเอาถาดลองอยู่ใต้ท้องรถเพื่อที่จะดูน้ำว่าดำขนาดไหน



ซึ่งผลออกมาก็คือสีน้ำค่อนข้างดำ(ในรูปอาจจะดูไม่ค่อยดำ แต่ว่าจริงๆแล้วจะดำกว่าในรูป)



หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จผมก็เอากรองใหม่ที่ทำเสร็จแล้วใส่กลับเข้าไปเหมือนเดิม



และเมื่อลองสตาร์ทรถแล้วเปิดแอร์ดู สิ่งที่รู้สึกได้อย่างแรกก็คือแอร์เย็นขึ้น สิ่งที่ได้ต่อมาก็คือเรื่องกลิ่นที่สะอาดขึ้นจากเดิม ตอนแรกก็นึกว่าคงคิดมากไปเอง แต่ก็นั่งดูสักพัก รู้สึกจริงๆว่าดีกว่าตอนเช้าที่ผมไปทำธุระมา

จริงๆแล้วเรื่องนี้อาจจะเป็นอะไรที่เรามองข้ามไป ให้ความสำคัญกับอย่างอื่นมากกว่า แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่าสุขภาพของเราจะเสียแค่ไหนเมื่อไม่มีกรองแอร์ ผมคิดว่าถ้าเป็นกรองแอร์ที่ทำเอง อย่างมากสุดไม่ควรเกินสามเดือนเปลี่ยนที(ในกรณีที่รถอยู่ในเมืองมากกว่านอกเมือง)  สำหรับกรองที่สำเร็จรูปผมยังไม่เคยลอง ถ้าใครมีโอกาสได้ลองก็มาเล่าสู่กันฟังได้ครับ และถ้าผมมีโอกาสได้ใช้กรองสำเร็จ ผมจะเอาผลการใช้งานมาฝากกันอีกทีครับ  ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มิถุนายน 2008, 00:38:13 โดย anodite_studbar » บันทึกการเข้า

kenshiro
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #35 เมื่อ: 11 มิถุนายน 2008, 20:23:43 »

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า ไม่สองสามวันที่ผ่านมาผมไปหาลูกค้าเพื่อที่จะทำรถให้เขา ซึ่งหลังจากทำรถเขาเสร็จก็คุยกันถึงว่าหน้าที่การงานของเขาทำอะไร ซึ่งจริงๆแล้วเขาเป็นพนักงานประจำ แต่ว่าด้วยความสามารถของเขางานพิเศษก็อยู่เกี่ยวกับการตกแต่งรถเช่นกัน(ไว้มีโอกาสเอามาเล่าให้ฟังว่าเป็นอะไร แต่ขอบอกว่าเยี่ยมครับ) คราวนี้คุยไปคุยมาเจ้าของรถเขาก็ถามว่าเคยตู้แอร์มาล้างบ้างหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่จำได้ ผมเองไม่เคยถอดออกมาสักครับ  อายจัง  เขาบอกว่าสนใจไหนเดี่ยวเขาจะเอาน้ำยามาให้ผมใช้ ตอนแรกผมถามเขาว่าเท่าไร เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่คิดเงิน ซึ่งจริงๆแล้วก็เกรงใจ ของซื้อของขายมาให้กันฟรีๆ เขาบอกว่าลองแล้วจะรู้ ผมก็เลยลองดู

ก่อนอื่นเขาก็เปิดเกะออกมา ถ้าคันไหนมีกรองแอร์ก็ต้องเอาออกมา เพราะไม่งั้นจะฉีดน้ำยาลงไปในพัดลมแอร์ไม่ได้



ต่อมาเปิดสวิทช์กุญแจไปที่ตำแหน่งON แล้วเปิดพัดลมเบอร์แรงสุด(ต้องปิดสวิทช์ A/C ทิ้ง)ตามรูป



อันนี้คือน้ำยาทำความสะอาดแอร์ที่บอก ทำความสะอาดโดยไม่ต้องถอดตู้ ใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายครับป๋ม



ต่อมาก็เขย่ากระป๋องก่อนฉีด แล้วนำปลายท่อด้านหนึงเสียบเข้ากับหัวฉีดกระป๋อง อีกด้านหนึงสอดเข้าไปทางช่องทางเดินพัดลม(ตามรูป)



อันนี้ใกล้หมดเลยตะแขงหน่อย(ในรูปคือเจ้าของผลิตภัณท์ที่อนุเคราะห์น้ำยาตัวนี้ให้ครับ)



แล้วหลังจากฉีดเสร็จแล้วให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อีกประมาณ10-20นาที เพื่อกำจัดเขื้อแบคทีเรียในระบบแอร์

ต่อมาสิ่งสกปรกจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง ให้สังเกตที่สีของน้ำยาที่เปลี่ยนไป ตอนแรกสีที่อยู่ในขวด(เวลาน้ำยาผ่านหลอดก็จะเห็นครับ)จะเป็นสีขาว แต่ว่าจากรูปจะเห็นได้ว่าสีออกมาค่อนข้างขุ่นพอสมควรครับ



ซูมเข้าไปอีกนิด



หลังจากเห็นสีแล้วนึกในใจเลยว่า โห! นี่สามสีปีหลังนี้ฝุ่นมันเยอ ผมคงหายใจเข้าไปไม่น้อย

คราวนี้มาพูดถึงคุณสมบัติของน้ำยาตัวนี้ก่อน

- นอกจากกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่แผงค่อยเย็นแล้ว ยังชะล้างคราบสิ่งสกปรก ไขมันและฝุ่นละอองที่สะสมออกจากระบบแอร์รถยนต์ แล้วหลังจากที่สะอาดแล้วทำให้อากาศที่ถูกเป่าออกมาจากระบบแอรบริสุทธิ์ และมความเย็นเพิ่มขึ้น และไม่ใช่แค่นั้น ยังกำจัดกลิ่นเหม็นและอับชื้นในระบบไม่ให้รบกวนจมูกเรา และที่สำคัญเมื่อพัดลมถูกทำความสะอาด ประสิทธิภาพของการทำงานก็เพิ่มขึ้นและยังยืดอายุการทำงานของระบบแอร์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

การใช้งานจริง

สามวันที่ผ่านมา วันแรกตอนที่เสร็จก็เปิดแอร์ สังเกตได้ว่าลมที่ออกมาจากข่องแอร์แรงขึ้น แล้วแอร์ก็เย็นขึ้นด้วย แล้วเท่าที่สังเกตคือเรื่องกลิ่น ตอนแรกจำได้ว่ายังมีกลิ่นอับๆอยู่เหมือนกัน แต่เชื่อไหมครับ ไม่มีจริงๆ(อันนี้บอกไปก็เท่านั้น ไม่เท่ากับลองเองครับ) แล้วกลิ่นที่ออกมาค่อนข้างหอมพอสมควร ผมก็ดูอุณหภมืที่ตั้งไว้ อยู่ที่ 25องศา ซึ่งปกติอากาศช่วงนี้ร้อน ผมต้องตั้งไว้ประมาณ24หรือต่ำกว่านั้นเพื่อให้มันเย็น คราวนี้วันแรกผ่านไป ก็นึกในใจว่าเราจะเห่อของใหม่หรือเปล่า หรือว่าอุปทานไปเอง คราวนี้มาวันที่สอง วันนี้ทั้งอากาศร้อนทั้งฝนตกเลยครับ ช่วงอากาศร้อนก็ตั้งไว้ที่อุณหภูมิเท่าเดิมคือ 25 แต่เชื่อไหมครับ ฝนตกอากาศเย็นแอร์ก็เย็นตาม เย็นถึงขึ้นหนาวเลยครับ ทำไงดีละก็เปิดขึ้นไปที่ 26องศา ซึ่งก็ไม่หนาวเกิดไป(อันนี้แล้วแต่คนนะครับ) คราวนี้สองวันไปแล้ว มันจะจริงหรือว่าเรายังคิดมากไปเอง วันนี้ครับผมก็ไปทำธุระและก็หาลูกค้าตามปกติ วันนี้เช่นกันตั้งไว้ที่ 25 เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องลดลงมาเลยครับ และวันนี้กลับค่อนข้างดึกทำให้ได้ทดสอบการใช้งานในช่วงกลางคืน ผลที่ได้คือเย็นขึ้นครับ เนื่องจากกลางคืนอากาศเย็นลง แอร์ก็เลยเย็นตาม ผมเองเป็นคนไม่ชอบหนาวสักเท่าไร ก็เลยปรับไปที่26อ่ะครับ

ครับที่เอามาเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเคยเห็นกระทู้ต่างๆที่เกี่ยวกับแอร์ว่ามีกลิ่นบ้างอะไรบ้าง ถ้าเป็นES ยังบอกได้ว่าใช้มาแล้วสัก สองถึงสีปี อาจจะเป็นไปได้ แต่ว่า Civic 06-07 นี่เป็นรถใหม่มาก ซึ่งเท่าที่อ่าน ตัวใหม่ก็เจอกับปัญหากลิ่นอับเหมือนกัน ถ้ารถเก่าถอดตู้ออกมาก็คงไม่เสียดาย แต่ว่าคงไม่มีใครอยากถอดออกมา เพราะว่ามันค่อนข้างจะยุ่งยาก และยิ่งรถใหม่ๆปีสองปีหรือป้ายแดงแล้วเจอปัญหานี้ รับรองเลยว่าไม่มีทางถอดตู้ออกมาแน่นอน ซึ่งผมก็เห็นว่าตัวนี้ค่อนข้างเป็นประโยขน์ดีก็เลยเอามาฝากเพื่อนๆกันครับ

ต้องขอขอบคุณ คุณโอ๊ต (Three Bone) ที่อนุเคราะห์น้ำยาและบอกวิธีการทำความสะอาดแบบง่ายๆมา ณ, ที่นี้ด้วยครับ

สุดยอดเลย  เยี่ยมจริงๆ
บันทึกการเข้า
Lotus
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65


« ตอบ #36 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2008, 18:17:31 »

หาซื้อน้ำยาที่ใหนครับ ยังหาไม่เจอเลย
บันทึกการเข้า
joe2522
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9,474

MoJoeMoJo


« ตอบ #37 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2008, 08:33:19 »

หาซื้อน้ำยาที่ใหนครับ ยังหาไม่เจอเลย

เคยเจออยู่ที่ Home Pro ครับ
บันทึกการเข้า

kenshiro
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 54


« ตอบ #38 เมื่อ: 16 มิถุนายน 2008, 12:36:05 »

หาซื้อน้ำยาที่ใหนครับ ยังหาไม่เจอเลย

วันนี้ไปซื้อมาแล้วครับ ที่ HOME PRO ประชาชื่น 650 บาท กรอง 3 M ที่โลตัสหลักสี่ 185 บาท ซื้อ1 แถม 1 ครับ  ไปก่อนนะครับจะรีบไปลองทำดู แล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อไป
              kenshiro 0812695247
บันทึกการเข้า
Lotus
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 65


« ตอบ #39 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2008, 08:44:12 »

เคยเจออยู่ที่ Home Pro ครับ
ผมไปที่ Home Pro แฟชั่นไม่เห็นมีเลยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: การทำความสะอาดพัดลมแอร์(ด้วยโฟม)แบบว่าผลที่ได้ไม่น่าเชื่อและกรองแอร์แบบง่ายๆ
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |