เตือนภัยคน ที่ขับรถตอนกลางคืน MUST READ เมื่อเดือนที่แล้ว ( ดองเรื่องมานาน) ดิฉันและเพื่อนๆ นัดกันไปทานข้าวแถวสุขุมวิท
ตอนกลับบ้านดิฉันติดรถเพื่อนกลับบ้านด้วย บ้านดิฉันอยู่แถวหลานหลวงส่วนเพื่อนดิฉันอยู่
พุทธมลฑล เธอจึงอาสาขับไปส่งบ้านดิฉันเสมอเพราะเป็นทางผ่าน
ห้าทุ่มแล้ว ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านเราขับผ่านมาบุญครองและสนามกีฬาแห่งชาติ
โดยรถของเราวิ่งเลนส์ในที่เป็นเลนส์เดียว ฝั่งเดียวกับโลตัสพระราม 1 และช่างกลปทุมวัน
เส้นทางนั้นเป็นทางแคบและมืดเพราะไม่มีไฟทาง เนื่องจากเราวิ่งใต้รางรถไฟ
ไฟ้าตลอด (ถ้าคนไปแถบนั้นคงทราบดี) ในระยะสายตาดิฉันเหลือบเห็นคนยืนคนหนึ่ง
อยู่ริมฟุตบาท รอที่จะข้ามไปยังฝั่งช่างกลปทุมวัน เขาหันมามองขวาตามสัณชาติญาณคน
ข้ามถนน (ระยะรถกับที่เค้ายืนน่าจะห่างกันประมาณ 50 เมตร) รถเพื่อนดิฉันแล่นกำลังจะ
ผ่านป้ายรถเมล์หน้าช่างกลปทุมวัน ชายผู้นี้ก้าวลงมาที่ถนนอย่างไม่คาดฝัน เพื่อนดิฉัน
เหยียบแบรคทันที เค้าคนนั้นหันมาเห็นรถเราด้วยความตกใจ แต่รถเราก็ปะทะตัวเค้าเต็มๆ
ในจังหวะนั้นดิฉันหวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเพื่อนดิฉันขับรถไม่เร็วเลย ไม่
เกิน 50 ด้วยซ้ำ อย่างที่บอกว่าทางแคบ มืด และมีรถขับสวนตลอดไฟก็ส่องหน้าเต็มๆ จึงไม่ขับเร็ว..
เค้าคนนั้นล้มลงที่พื้นถนน ดิฉันได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากป้ายรถเมล์ ทุกคนคงตกใจ แต่
คงไม่มากกว่าดิฉันและเพื่อน เพื่อนพูดขึ้นมาทันที แกทำไงดีชั้นไม่เคยขับรถชนคน ดิฉันก็
เอ่อ ชั้นก็ไม่เคย ระหว่างนั้นเราก็งงว่าควรทำยังไงดี ดิฉันตัดสินใจเปิดกระจกไป ตะโกน
ถามว่าคุณจะไปโรงพยาบาลมั้ย ? แต่ได้ยินเสียงด่าสวนมา ดังมาก จากผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนแรกคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน แต่ไปๆมาๆเป็นใครไม่รู้ที่เจ็บร้อนแทนเท่านั้น คำด่าก็
ประมาณว่า ? เฮ้ย แม่งมีน้ำใจบ้างรึเปล่า เมิงลงมาดูเค้าสิวะ ? แล้วอยู่ดีๆชายคน
ที่เจ็บ ลุกขึ้นมาเดินกระเพลกๆ มาเคาะกระจกด้านเพื่อนดิฉัน จับใจความได้ว่า ? คุณ ขับ
รถชน คนอื่น ไม่คิดลงมาดูเลยใช่มั้ย ?
ไม่ได้แล้งน้ำใจ แต่ตกใจและนึกได้ว่า เป็นผู้หญิงไม่ควรลงไปจากรถยามค่ำคืนหาก
เกิดเหตุการณ์ใดใด เพราะเคยถูกเทรนมา ?.
พอดีตำรวจเดินมา ดิฉันดีใจมาก รีบตะโกนบอกไปว่า ? คุณตำรวจคะ คือเราขับรถชน
เค้า เราจะพาเค้าไปโรงพยาบาลช่วยพยุงเค้าหน่อยได้ไหมคะ ? ตำรวจก็ใจดีพาเค้าคน
นั้นขึ้นมา ในขณะที่เค้าแข็งขืน พูดตลอดว่า ? ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ไปโรงพยาบาลก็ได้ ?
ดิฉันกับเพื่อนก็งง อารายวะเมื่อกี้แทบจะกินกรูอยู่แล้ว แต่ดิฉันก็บอกว่าให้ขึ้นรถมา ?
เค้าขึ้นรถมาด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป เค้านอบน้อมมากบอกว่า
? ผมทำให้พี่เดือดร้อนเลยนะครับ บราๆๆๆๆ ?? และแล้วอยู่ดีๆเค้าก็ขอยืมโทรศัพท์เพื่อน
ดิฉันบอกว่าขอติกต่อเพื่อนที่ทำงานด้วยกันหน่อย โทรศัพท์เค้าโทรออกไม่ได้ เพื่อนก็ให้ยืม
แล้วเค้าก็โทรหาแฟนเป็นคนแรก ? ตัวเองเหรอ อือๆ เค้าโดนรถชน เค้าซุ่มซ่ามเอง
แหละ เนี่ยพี่เค้าพามาส่งโรงพยาบาล ?.? และก็กดหาเพื่อนอีกประมาณ สามคนได้
ดิฉันก็งงว่าปกติ ผู้ชายเค้าต้องพูดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ ดิฉันรู้สึกแปลกๆ แอบคิดว่าเค้า
จะ เอาเบอร์เพื่อนดิฉันยิงไปที่เบอร์เพื่อนเค้าเพื่อเก็บไ ว้เพื่อทำอะไรไม่ดี คิดอย่างนั้นจริงๆ นะคะ
ถึงโรงพยาบาลมิชชั่น บุรุษพยาบาลเข็นเค้าพาไปห้องฉุกเฉิน เพื่อนดิฉันให้เค้า
X-Ray ขาเพื่อให้แน่ใจว่าเค้าปลอดภัย ? ระหว่างนั้นเค้าพูดตลอดว่า
? เนี่ยผมทำให้พี่ลำบากแย่เลย.. ผมต้องแย่แน่ๆเพราะผมต้องไปทำงานต่อ ?
เพื่อนดิฉันถาม ? น้องทำงานอะไรคะ นี่จะเที่ยงคืนแล้ว ? ? คือ ผมเป็นแดนเซอร์ครับ
เนี่ยถ้าผมไปไม่ทันผมโดนปรับแน่ๆ สามพัน ?
ดิฉันสะดุดกึกทันที แปลกๆแล้วไง ดิฉันเลยโทรหาคุณแฟน
ฮีก็แนะนำให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและก็ให้เงินไปนิดหน่อยค่าทำขวัญ แล้วให้จบๆไป
เพราะเค้าก็รู้สึกว่า คนๆนี้เป็น ? มิจฉาชีพ ? เหมือนที่ดิฉันคิด
ค่าปรับสามพันที่ชายคนนั้นพูดทำให้หมอพยาบาลสะดุดกึกเหมือนกัน หมอบอกว่า
? โอ้โห รายได้คุณดีจังนะ มากกว่าผมมาเข้าเวรอีก ? แล้วผล X-Ray ก็ออกมา กระดูกไม่มี
ปัญหา พยาบาลจึงมานวดขาให้เค้า เค้าบอกว่าดีขึ้นแล้ว เราจึงเข็นเค้าไปห้องจ่าย
ยา ส่วนดิฉั นและเพื่อนไปจ่ายเงิน สรุปหนึ่งพันนิดๆ คุณหมอถามว่าเอาไบรับรองแพทย์มั้ย
เค้าบอกว่าไม่เอาครับเพราะผมใช้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว ดิฉันพูดโพล่งขึ้นไปว่าขอใบ
รับรอง แพทย์ด้วย แล้วหันไปบอกเค้าว่า
? คุณนำใบรับรองแพทย์ไปเป็นหลักฐานว่าคุณเจ็บจริงนะคะ นายจ้างคุณจะได้ไม่มาปรับ คุณ ?
เค้ารีบพูดว่า ? คืองานที่ผมทำมันไม่เป็นระบบ ทางนายจ้างเค้าไม่สนใจหรอก?
ดิฉันก็คิดว่าแปลกมาก ดิฉันไม่เชื่อสิ่งที่เค้าพูดเลย และประกอบกับทางโรงพยาบาล
บอกว่าเราสามารถเรียกเอาประกันได้ถ้ามี ได้โดยเอา สำเนาบัตรประชาชนของเค้า
และทะเบียนบ้าน แต่นาทีนั้นใครจะพกทะเบียนบ้านมา ดิฉันจึงขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชน
เค้าไว้ เพื่อเป็นหลักฐานการยื่นขอเอาประกันที่สถานีตำรวจ ดิฉันกับเพื่อนนับว่ามีโชคอยู่บ้าง
ที่มีเอกสารของเค้าทุกอย่างอยู่กับตัว โอ้ขอบคุณโรงพยาบาลที่เตือนสติ ?
และก็เป็นไปตามคาดคือ ก่อนที่เราจะส่งเค้าขึ้นแท็กซี่ที่เราเรียกให้ เพื่อนอีชั้นยื่นเงิน
สดให้เค้า หนึ่งพันบาท บอกว่าเป็นค่าตกใจ โดยมีบุรุษพยาบาลเป็นพยานในการส่งรับนั้น
( ดิชั้นกระซิบบอกเพื่อนก่อนหน้านี้ว่าให้พูดดังๆตอนจ่ายตังค์ จะได้มีพยานรู้เห็น) ตามคาด
คือเรื่องไม่จบง่ายๆ ?. เค้าทำหน้าน่าสงสารและพูดว่า ? คุณครับ ผมต้องเอาเงิน
ไปจ่ายค่าปรับสามพัน ?..? นั่นไงกรูเห็นลิ้นไก่เมิงทันที ดิฉันจึงพูดว่า
? น้องค่ะพี่ว่าน้องลองยื่นให้หัวหน้าน้องดูก่อนดีกว่าค่ะ แล้วค่อยมาว่ากันว่าเค้าว่ายังไง
พี่ว่าน้องเจ็บขนาดนี้เค้าจะไม่เห็นใจเลยเหรอคะ ? เค้าก็อึ้งไปแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะ
โทรมา
ตามคาดอีกแล้ว เค้าโทรมาหาเพื่อนดิฉัน แหมแอบเอาเบอร์ไปเมมไว้ตั้งแต่ต้น ฉลาด
จังพ่อคุ๊ณ แต่ด้วยความที่ดิฉันกับเพื่อนเตี๊ยมกันไว้แต่ต้นว่าจะพูดยังไงกับเค้าดี บทสนทนา
จึงเป็นอย่างนี้
เค้า: พี่ครับผมต้องจ่ายสามพันแน่ เดี๋ยวผมเมสเสสเลขบัญชีมาให้พี่โอนพรุ่งนี้นะครับ
เพื่อน: เอ่อ น้องคะพี่ว่าอย่างนี้ดีมั้ย น้องบอกเบอร์หัวหน้าน้องมาดีกว่า พี่จะโทรไปคุย
กับ เค ้าโดยตรงว่าเค้าจะผ่อนปรนได้มั้ย แต่ถ้าไม่ได้จริงก็ไม่เป็นไรพี่จะจ่ายให้เค้าเอง
โดยตรง น้องไม่ต้องกลุ้มนะ พี่จัดการเอง ขอเบอร์หัวหน้าน้องด้วยจ่ะ
เค้า: เอ่อ ไม่มีครับพี่
เพื่อน: อ้าว งั้นน้องเมสเสสมาบอกพี่พรุ่งนี้นะ บ้ายบาย
เอตอนแรกบอกว่ามือถือโทรออกไม่ได้ ตอนนี้โทรได้ซะแล้ว อืม น่าคิด
แต่เรื่องยังไม่จบ ตอนเช้าเพื่อนรีบไปดำเนินเรื่องแจ้งความที่ สนปทุมวัน ตำรวจบอกว่า
โอ้ยอีหนูตรงนั้นโดนกันประจำ คือมีแก็งค์มิจฉาชีพอ่ะค่ะ สรุปหญิงสาวที่ร้องโหวกเหวก
โวยวายด่าทอเราที่ป้ายรถเมล์ ก็พวกเดียวกันแน่ๆ เค้ามากันเป็นทีม คือจะให้เราอาย
ตอนนั้นบอกตรงๆว่าหน้าชาเลยเหมือนเรากับเพื่อนเป็นอาชญากรสังคมและเค้าต้อง
การให้เราจ่ายเงินให้เค้าไปตรงนั้น ว่าแล้วเค้าไม่ยอมมาโรงพยาบาลในตอนแรกเพราะ
ต้องการให้เรื่องจบตอนนั้น
และแล้วก็ติดต่อประกันให้ดำเนินการต่อ เค้าคนนั้นยังคงโทรมาในช่วงแรกๆ โทรมา
โวยวาย เพื่อนพูดอย่า งเดียวว่าไปคุยกับประกัน เค้าจึงพูดขู่ว่า
? นี่ผมประณีประนอมมากแล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าถึงตำรวจแล้ว ? เพื่อนเราเลยบอกว่า
? อ่อ เรื่องถึงตำรวจอยู่แล้วค่ะเพราะพี่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว ตำรวจรู้
เรื่องแล้วค่ะ ? เค้าเห็นว่าไม่ได้ผลจึงวางสายไปและ สุดท้ายเค้าส่งเมสเสสมาหามีใจ
ความว่า ? คุณระวังตัวไว้ให้ดี บาปกรรมมีจริง ขอให้คุณเจออุบัติเหตุที่หนักกว่า
ผม



?..
เค้าคนนั้นจริงๆแล้วมีวิธีที่เนียนมากในการทำครั้งนี้ บางคนอาจสงสัยว่ามีคนกล้าเสี่ยง
ตัวเองเพื่อเงินขนาดนี้เลยเหรอ ขอบอกว่ามีจริงๆค่ะ เค้ารู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองเจ็บน้อย
ยังไง เค้ากระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถ ตอนที่รถพุ่งเค้าใกล้ตัวเค้า ถ้าเป็นคนปกติยืนนิ่ง
โดนเสยกระเด็นไปแน่นอนแม้จะขับไม่เร็วก็เหอะ
ขอเตือนเพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงนะคะ เพราะเราชอบกลัวและใจอ่อนกับอะไร
ง่ายๆ ต้องมีสติให้ดีค่ะ
หวังว่าที่โพสจะเป็นประโยชน์ต่อหลายๆคนนะคะ
เค้าคนนี้ชื่อ ? ตู่ ?
บ้านอยู่แถวรามอินทรา
ผิวคล้ำ สูง ผอม
อายุ 26 ปี
( จริงๆมีบัตรประชาชนเค้าด้วย แค่เดี๋ยวตำรวจเสียรูปคดี)
โดย : เอวโม่ (Guest !)
อีเมล์ :
xxx@hotmail.com วันที่ : 2007-01-12 09:38:48
http://webboard.mthai.com/7/2007-01-12/295177.html 
จากweb mthai