:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:39:46



หัวข้อ: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:39:46
ตั้งใจจะเขียนนานแล้วครับ แต่ขี้เกียจ   :-[

เรื่องมีอยู่ว่า อยากจะมาแชร์ความรู้เรื่องแบตเตอรี่ครับ ข้อมูลทั่วไป จนถึงข้อมูลลึกๆหน่อย   :D

อาจจะรู้ไม่หมดนะครับ บางอย่างอาจจะเข้าใจผิดพลาดบ้าง มาแชร์กันได้นะครับ   :-[

ตั้งใจว่า อัพเดท ซักวันละ 1-2 โพส   :)

เอาเป็นว่า ขอแบบ ถามมา ตอบไปครับ รู้แค่ไหน ตอบแค่นั้น   ;)


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:40:00
1. แบตเตอรี่ รถยนต์ มีกี่แบบ

ที่เห็นกันบ่อยๆนะครับ จะเห็นกัน 3 แบบ คือ

- แบบเติมน้ำกลั่น
  มีขายทั่วไป ราคาถูกกว่าแบบอื่น
  แบตเตอรี่แบบนี้ต้องตรวจเช็คน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ ผมแนะนำอาทิตย์ละครั้ง
  อยู่ที่ยี่ห้อแบตเตอรี่ด้วย บางยี่ห้อหรือบางล็อตจะกินน้ำกลั่นมาก บางล็อตก็ดี แทบไม่ลด
  แต่อย่างไรก็ต้องตรวจเช็ค เพราะถ้าปริมาณน้ำกลั่นต่ำกว่าแผ่นธาตุเมื่อไหร่ แบตเตอรี่ก็จะยิ่งเสื่อมเร็วกว่าปกติ
  มีผลถึงแรงดันแบตเตอรี่ด้วยครับ

  ข้อเสียที่เห็นชัดเลย คือมีไอกรดสูงกว่าแบบอื่น อาจจะทำลายสีฝากระโปรงท่านได้ แต่ถูกนะ

- แบบ maintenance free (อาจจะต้องเติมน้ำกลั่นบ้าง)
  ที่ผมเคยเห็นก็พวก GS Super Diamond series
  แบตเตอรี่แบบนี้มีรูให้เติมน้ำกลั่น น้ำกลั่นจะระเหยช้ามาก ผมแนะนำให้เช็คเดือนละครั้งครับ
  อย่าเพิ่งชะล่าใจ ถ้าลืมเติมแบตก็เสื่อมเร็วได้เช่นกัน

- แบบ maintenance free (sealed ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น)
  ว่ากันไปแล้ว ภายในแบตเตอรี่แบบนี้ก็มีหลายชนิด แต่ผมจัดว่าเป็นแบบ sealed ไม่เติมน้ำกลั่นละกัน
  ส่วนเรื่องชนิดต่างๆ ผมจะอธิบายแบบข้อมูลละเอียดภายหลังละกัน
  ผมยกตัวอย่างเช่น Puma, Bosch
  แบตเตอรี่แบบนี้ มีการซีลปิดอย่างดี แทบไม่มีไอกรดระเหยออกมา
  ส่วนมาก คุณภาพและประสิทธิภาพจะสูงกว่ารุ่นอื่นๆด้วย อายุการใช้งานอาจจะมากกว่าเล็กน้อย เพราะว่ามันแพง


  ความจริงแล้วแบตเตอรี่ที่มีระบบปิดสมบูรณ์ ไม่มีความจำเป็นต้องเติมน้ำกลั่น เนื่องจาก ปริมาณน้ำกลั่นระเหยน้อยมาก
  แบบเช่น แบตเตอรี่แบบ maintenance free ครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:40:14
2. เลือก แบตเตอรี่ แบบไหนดีล่ะ

   ตอบง่ายๆครับ อยู่ที่การใช้งานและสตางค์ในกระเป๋าท่าน
   ซึ่งส่วนใหญ่ ยิ่งแพงก็ยิ่งดีครับ แต่ก็ไม่เสมอไปนะ ซื้อแบตเตอรี่ต้องมีดวงด้วย
   คำถามต่อมาคือว่า เงินที่ลงไป คุ้มกับคุณภาพหรือประสิทธิภาพที่ได้มาหรือไม่

   ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว รถบ้านๆจนถึงรถซิ่งที่ไม่มีของกินไฟเยอะๆ โหลดที่ใช้ไฟจากแบตเตอรี่ ถือว่าน้อย
   เพราะเขาออกแบบมาให้ใช้ไฟได้นานๆ จนถึงรถติดเครื่องเสียงหนักๆ ต้องใช้ขนาดแบตเตอรี่เพิ่ม หรือย้ายแบตเตอรี่ไว้กลางรถหลังรถ

   ขอพูดถึงเรื่องคุณภาพกับประสิทธิภาพนิดนึง
   คุณภาพของแบตเตอรี่ ผมหมายถึง ใช้ได้นาน ไม่บวมง่าย ไม่งอแง เปอร์เซนต์เครมน้อยๆ
   ประสิทธิภาพ ผมหมายถึง รับภาระโหลดมากได้ดี (กราฟ discharge) แรงดันไม่ตกมาก

   รถเดิมๆเนี่ย เลือกแบบไหนก็ได้ครับ อันนี้ผมเน้นคุณภาพ
   ผมแนะนำว่า แบบเติมน้ำกลั่น จะมีน้ำกรดระเหยบ้าง ต้องสม่ำเสมอเช็คน้ำกลั่น ตามที่บอกไปแล้วข้อ 1.
   ส่วนแบบ maintenance free อายุการใช้งาน มักจะไม่แตกต่างกัน สำหรับคนที่ขี้เกียจดูแล
   สำหรับแบบ maintenance free ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ส่วนมากจะราคาสูงกว่าแบบอื่นพอสมควร ผู้ผลิตมักจะตั้งใจทำ คุณภาพเลยสูงตาม สังเกตว่า ค่าเฉลี่ยของอายุการใช้งานจะมากกว่า

   อย่างที่บอกไปข้างบนนะ ส่วนมาก ยิ่งแพงก็ยิ่งดี อยู่ที่ว่า เงินที่ลงไปกับการใช้งาน จะคุ้มค่ากับคุณภาพหรือประสิทธิภาพที่ได้มาหรือไม่

   สำหรับรถติดเครื่องเสียง หรือใช้ไฟมากๆ อันนี้ควรจะใช้ประสิทธิภาพดีๆ
   หลายๆคน อาจจะเลือกถึงเปิด datasheet ดูสเปคกันเลยทีเดียว
   ต้องยอมรับว่า แบตเตอรี่เกรดสูงๆ มักจะมาจากฝั่งยุโรป แต่ราคาสูงเหลือเกิน
   แต่แบตเตอรี่ผลิตจากไทยหรือจีนหลายๆยี่ห้อ ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมาก
   ถ้าวางแบตเตอรี่ไว้ในรถแล้ว หากซื้อแบตเตอรี่ยุโรป ก็พอที่จะคุ้มค่าหน่อย
   เพราะอายุแบตเตอรี่ หลักๆเลย คืออุณหภูมิใช้งาน

   มาพูดถึงเรื่องดวงบ้าง
   หมายถึงคุณภาพที่พูดไปครับ แบตเตอรี่บางยี่ห้อ ก็ใช้งานดีแต่ราคาไม่แพง
   แต่ถ้าใครโชคดีได้แบตเตอรี่มีปัญหาขึ้นมา เสีย self แน่เลยครับ ยิ่งถ้าจ่ายเงินซื้อแบตเตอรี่เกรดสูงๆด้วย
   ซึ่งเป็นเรื่องปกติในการผลิด อาจจะมีซัก 1-2 % ที่เป็นแบตเตอรี่มีปัญหา เสีย หรืออายุการใช้งานสั้นผิดปกติ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็ตาม

   อย่าลืมนะครับ ว่า แบตเตอรี่ส่วนใหญ่ รับประกันประมาณ 1 ปี ถ้ามีปัญหา เครมกับร้านที่ซื้อได้เลย
   แต่ถ้าแบตเตอรี่บวม จะเครมยากครับ  

   ส่วนจะเลือกยี่ห้อไหนดี ติดตามตอนต่อไปนะจีะ

   :D
  


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:40:22
3. แบตเตอรี่ เสื่อม ดูกันยังไง part 1

  ส่วนใหญ่หลายท่านเข้าใจว่า แบตเตอรี่เสื่อม ดูได้จากแรงดัน DC ของแบตเตอรี่
  ความจริงแล้ว อาจจะต้องดูหลายอย่างประกอบด้วยกัน
  เช่น ค่า internal resistance / inductance, แรงดัน DC ตอน discharge, กระแส

  จากประสบการณ์ที่เคยพบ แบตเตอรี่ที่อยู่ในรถอายุงานจะสั้น คือ 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี ถ้าใช้ได้นานกว่านี้ ประสิทธิภาพมักจะต่ำมาก
  เหตุผลหลักคือ อุณหภูมิใช้งาน แต่ใช่ว่า คนที่ใช้รถมากกว่า แบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วกว่า คนที่ใช้รถน้อย ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย
  ...
 
  มาว่ากันถึงค่าแรงดัน DC
 
  วิธีเช็คสภาพของแบตเตอรี่แบบง่ายๆ ...

  to be continue


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:40:33
4. แบตเตอรี่ เสื่อม ดูกันยังไง part 2

  ว่ากันเชิงเทคนิคนิดนึงครับ เช่น ค่า ถ.พ., กระแส แรงดัน discharge, ค่า internal resistance / inductance
 
  to be continue


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 00:42:01
5. แบตเตอรี่ ยี่ห้อไหนดีครับ

  ผมไม่บอกหรอก เดี๋ยวโดนฟ้องเอา

  เอาเป็นว่า ผมจะ guideline การเลือกแบตเตอรี่ให้ก็แล้วกัน

to be continue


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 01:09:00
สอบถามได้นะครับ ถามมา-ตอบไป มาแชร์ความรู้กันครับ   :D

  นึกออกอีกข้อแล้ว

  6. ว่ากันด้วยข้อมูลเชิงเทคนิค เรื่องอายุของแบตเตอรี่

  อันนี้จะร่ายยาวหน่อย ว่ากันด้วยกราฟอายุของแบตเตอรี่, life cycle แล้วก็ อุณหภูมิคร้าบ

  
  to be continue


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: lighteningz ที่ 10 มีนาคม 2011, 01:12:57
รอเก็บความรู้ ๆ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 01:18:06
รอเก็บความรู้ ๆ

อยากให้เขียนแบบไหน แนะนำมาได้นะครับ

ยังนึกไม่ออก ว่าจะเขียนแบบไหนต่อดี


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: lighteningz ที่ 10 มีนาคม 2011, 01:18:50
อยากให้เขียนแบบไหน แนะนำมาได้นะครับ

ยังนึกไม่ออก ว่าจะเขียนแบบไหนต่อดี

เอาเต็บสูบ แบบ กระทู้ปักหมุด


555


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: nonglays ที่ 10 มีนาคม 2011, 06:07:30
รอเก็บความรู้ครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 10 มีนาคม 2011, 07:10:39
แล้วถ้ารถที่ติดเครื่องเสียงละครับ :-[

รถผม ek96 มันจะมีช่องแบ๊ตเล็กใช่มัยครับทำให้ไม่สามารถใส่แบ๊ตลูกใหญ่ได้เพื่อนๆทำยังไงกันครับ??  ::)

 :-[  ของผมใช่ 3K 75A ครับเอาถาดออกแล้วจะลงพอดี ดั่งภาพ   :-*



หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: thanawat6 ที่ 10 มีนาคม 2011, 07:58:28
แล้วถ้ารถที่ติดเครื่องเสียงละครับ :-[

รถผม ek96 มันจะมีช่องแบ๊ตเล็กใช่มัยครับทำให้ไม่สามารถใส่แบ๊ตลูกใหญ่ได้เพื่อนๆทำยังไงกันครับ??  ::)

 :-[  ของผมใช่ 3K 75A ครับเอาถาดออกแล้วจะลงพอดี ดั่งภาพ   :-*



ทำแบบเดียวกันครับ  ไม่ได้ยึดแบตฯ ไว้ด้วยครับ ใส่ลงช่องพอดิบพอดี  :-[


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: MANUTS ที่ 10 มีนาคม 2011, 08:12:41
ในกรณีที่จอรถดับเครื่องแล้วแต่ลืมปิอแอร์หรืออุปกรณ์ตัวอื่นแบตจะยังจ่ายไฟหรือไม่ครับ  :-*


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 10 มีนาคม 2011, 11:27:19
ในกรณีที่จอรถดับเครื่องแล้วแต่ลืมปิอแอร์หรืออุปกรณ์ตัวอื่นแบตจะยังจ่ายไฟหรือไม่ครับ  :-*

ถอดกุญแจแล้วไฟไม่จ่ายไปที่แอร์ครับ สิ่งที่ยังคงทำงานได้หลังจากถอดกุญแจแล้วก็จะมี
ไฟหน้า ไฟเลี้ยว แตร นาฬิกาบนคอนโซล ไฟเก๋ง ไฟฝากระโรงท้าย แล้วก็ ECU รวมไปถึง sensor บางตัว


ยกเว้นรถผม ถอดกุญแจแล้วเปิดแอร์ blower ยังหมุนได้อยู่ ตอนนั้นหาไม่เจอว่าไฟหายตรงไหน เลยจัดฟิวส์ไปอีกตัว
เปิดเมื่อไหร่ก็ติด ถ้าลืมปิดก็เศร้า... พ่วงแบตได้เลย


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 12:53:33
แล้วถ้ารถที่ติดเครื่องเสียงละครับ :-[

รถผม ek96 มันจะมีช่องแบ๊ตเล็กใช่มัยครับทำให้ไม่สามารถใส่แบ๊ตลูกใหญ่ได้เพื่อนๆทำยังไงกันครับ??  ::)

 :-[  ของผมใช่ 3K 75A ครับเอาถาดออกแล้วจะลงพอดี ดั่งภาพ   :-*



ถ้ามีช่อง ทำขายึดใหม่ หรือไม่ก็เดิน ไปเก็บหลังรถเลย

ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ เพราะว่า อุณหภูมิต่ำกว่าห้องโดยสาร แต่ต้องคำนึงถึงกระแส charge จากไดชาร์จด้วยนะครับ

ไม่ใช่ว่า ใส่ลูกใหญ่ๆเข้าว่า จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เพราะชาร์จไม่ค่อยเต็ม ไดชาร์จทำงานหนัก

 


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 10 มีนาคม 2011, 13:49:40
 ::)แบตแยกกันใช้ได้ใหมครับ ผมมีแบตสองลูกแล้วจะเพิ่มอีกลูกเอาสตาร์ตเครื่องรถอย่างเดียวแล้วอีกสองลูกเป็นแบตเครื่องเสียงจะแยกกันใช้ได้ใหมไดชาร์ตตัวเดียว


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 มีนาคม 2011, 14:47:19
::)แบตแยกกันใช้ได้ใหมครับ ผมมีแบตสองลูกแล้วจะเพิ่มอีกลูกเอาสตาร์ตเครื่องรถอย่างเดียวแล้วอีกสองลูกเป็นแบตเครื่องเสียงจะแยกกันใช้ได้ใหมไดชาร์ตตัวเดียว
น่าจะทำได้ครับ ผมมีวงจรอยู่ในหัวแต่ไม่เคยลองซักที ม่ะมาเชียงใหม่เดี๋ยวต่อลองให้ ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 18:37:08
::)แบตแยกกันใช้ได้ใหมครับ ผมมีแบตสองลูกแล้วจะเพิ่มอีกลูกเอาสตาร์ตเครื่องรถอย่างเดียวแล้วอีกสองลูกเป็นแบตเครื่องเสียงจะแยกกันใช้ได้ใหมไดชาร์ตตัวเดียว

แยกกันเพื่ออะไรอ่ะครับ ทั้งๆที่แบตเตอรี่ทำอยู่ในรถก็สามารถสตาร์ทเครื่องได้ กระแสไฟก็ใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องเสียง

แถมต้องแยกไฟเครื่องเสียงมาพ่วงกับแบตเตอรี่อีก เพิ่มแบตเตอรี่อีกลูกก็จะทำให้ไดชาร์จทำงานหนักขึ้นอีกครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 มีนาคม 2011, 18:56:12
แยกกันเพื่ออะไรอ่ะครับ ทั้งๆที่แบตเตอรี่ทำอยู่ในรถก็สามารถสตาร์ทเครื่องได้ กระแสไฟก็ใช้น้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องเสียง

แถมต้องแยกไฟเครื่องเสียงมาพ่วงกับแบตเตอรี่อีก เพิ่มแบตเตอรี่อีกลูกก็จะทำให้ไดชาร์จทำงานหนักขึ้นอีกครับ

อาจจะกลัวปัญหาเปิดเพลงโชว์แล้วสตาทไม่ติดมั้งครับ เห็นเป็นกันเยอะ หมดความเท่ตอนจะกลับบ้าน


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 19:07:28
อาจจะกลัวปัญหาเปิดเพลงโชว์แล้วสตาทไม่ติดมั้งครับ เห็นเป็นกันเยอะ หมดความเท่ตอนจะกลับบ้าน

555 ขอไปนั่งเทียนก่อน ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าแยกแบบไหนดี เพราะถ้าแยกแบตเตอรี่ ขนาดมันจะไม่เท่ากัน ดูไม่ดีเท่าไหร่

ตอนชาร์จ แบตเตอรี่ลูกเล็กก็จะเต็มเร็ว ส่วนลูกใหญ่ก็จะเต็มช้า

แต่ถ้าไดชาร์จใหญ่เกินไป แบตเตอรี่ลูกเล็ก ก็จะเสื่อมเร็วหน่อย

ผมมีไอเดียง่ายๆ ให้ใช้สวิตซ์แยก ตัดวงจรแบตเตอรี่ลูกเล็กออก อาจจะไม่เวิร์ค ต้องมานั่งเปิด-ปิด สวิตซ์

อาจจะติดวงจรจับแรงดันกับช่วงเวลาชาร์จ น่าจะช่วยได้


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 10 มีนาคม 2011, 19:12:50
น่าจะทำได้ครับ ผมมีวงจรอยู่ในหัวแต่ไม่เคยลองซักที ม่ะมาเชียงใหม่เดี๋ยวต่อลองให้ ;D ;D ;D

มีวงจรเด็ดๆ มาช่วยแชร์หน่อย เผื่อได้ไอเดีย แยกแบตเตอรี่เครื่องเสียง

ไม่ก็ DIY ทำขายเลย   ;)


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 10 มีนาคม 2011, 21:54:57
ที่ผมคิดนะ แต่ไม่รู้จะเป็นไปได้แค่ไหน เพิ่มแบตอีกลูกเอาไว้สตาร์ท ก็ต้องเพิ่มไดชาร์จอีกตัว
ต้องดูว่ามีพื้นที่เหลือให้ติดตั้งได้ไหม โยงสายพานเข้าไดชาร์จตัวเล็ก ชาร์จแบตลูกเล็กที่จะเอาไว้สตาร์ท
แค่คิดก็เรื่องใหญ่แล้ว แต่จะเอาไปต่อกับวงจรเดิมนี่ปวดหัวกว่า


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:05:20
มีวงจรเด็ดๆ มาช่วยแชร์หน่อย เผื่อได้ไอเดีย แยกแบตเตอรี่เครื่องเสียง

ไม่ก็ DIY ทำขายเลย   ;)

ขอเอาออกจากหัวลงกระดานหน่อยครับ ที่ผมคิดๆไว้ก็มีวงจรชาร์ทแบตลูกที่สตาทรถต่างหากโดยต่อมาจากไฟชาร์ทปกติ แล้วใช้ระบบตัดต่อวงจรเอง ล่ะก็วงจรตรวจจับแรงดันสั่งชาร์ทแบตสตาท แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ากระแสชาร์ทที่เหมาะควรเท่าไหร่
ไดร์ชาร์ทรถปกติถ้าใช้ไฟน้อยก็ชาร์ทน้อย ใช้มากชาร์ทมากใช่ไม๊ครับ ตรงนี้ถ้าแบตสองลูก ไดร์ชาร์ทก็คงทำงานหนักมากขึ้นแต่เท่าที่คำนวนเล่นๆก็คงไม่เสื่อมเร็วอะไรมาก จาก สิบปีอาจจะเหลือห้าปีอะไรแบบนี้อ่ะครับ แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นก็ดูมากหน่อย ถ้าทำดีๆตัวเลขตรงนี้คงน้อยลง ขอเวลาซักสองสามวันครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:05:24
ที่ผมคิดนะ แต่ไม่รู้จะเป็นไปได้แค่ไหน เพิ่มแบตอีกลูกเอาไว้สตาร์ท ก็ต้องเพิ่มไดชาร์จอีกตัว
ต้องดูว่ามีพื้นที่เหลือให้ติดตั้งได้ไหม โยงสายพานเข้าไดชาร์จตัวเล็ก ชาร์จแบตลูกเล็กที่จะเอาไว้สตาร์ท
แค่คิดก็เรื่องใหญ่แล้ว แต่จะเอาไปต่อกับวงจรเดิมนี่ปวดหัวกว่า
    มีแบต 2 ชุด ได 2 ชุด จะเอามาทำไมเยอะแยะนี่ ร้อน ฮีท ระเบิด กันพอดี ;D ;D
ตอนจอดรถเปิดโชว์ ก็ พ่วงเอากับไฟชาวบ้านทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครใช้ไฟรถตัวเองเลย ไม่ใช่เหรอ ;D ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:22:23
    มีแบต 2 ชุด ได 2 ชุด จะเอามาทำไมเยอะแยะนี่ ร้อน ฮีท ระเบิด กันพอดี ;D ;D
ตอนจอดรถเปิดโชว์ ก็ พ่วงเอากับไฟชาวบ้านทั้งนั้น ไม่เห็นมีใครใช้ไฟรถตัวเองเลย ไม่ใช่เหรอ ;D ;D
;Dที่พ่วงชาวบ้านนะสัญญาณเสียงครับไม่ไช่ไฟ ;D ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:26:47
;Dที่พ่วงชาวบ้านนะสัญญาณเสียงครับไม่ไช่ไฟ ;D ;D
    อ้าวเหรอ เห็นสายยาวๆ ไอ้เราก็ไม่เคย ;D ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:26:57
ขอตอบเอาฮาก่อนนะ ผมว่าคราวนี้ติดหูลากเครื่องปั่นไฟไปเลย ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:29:38
ขอเอาออกจากหัวลงกระดานหน่อยครับ ที่ผมคิดๆไว้ก็มีวงจรชาร์ทแบตลูกที่สตาทรถต่างหากโดยต่อมาจากไฟชาร์ทปกติ แล้วใช้ระบบตัดต่อวงจรเอง ล่ะก็วงจรตรวจจับแรงดันสั่งชาร์ทแบตสตาท แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ากระแสชาร์ทที่เหมาะควรเท่าไหร่
ไดร์ชาร์ทรถปกติถ้าใช้ไฟน้อยก็ชาร์ทน้อย ใช้มากชาร์ทมากใช่ไม๊ครับ ตรงนี้ถ้าแบตสองลูก ไดร์ชาร์ทก็คงทำงานหนักมากขึ้นแต่เท่าที่คำนวนเล่นๆก็คงไม่เสื่อมเร็วอะไรมาก จาก สิบปีอาจจะเหลือห้าปีอะไรแบบนี้อ่ะครับ แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นก็ดูมากหน่อย ถ้าทำดีๆตัวเลขตรงนี้คงน้อยลง ขอเวลาซักสองสามวันครับ
;)มีวงจรที่ชาร์ตแบตลูกสตาร์ตเต็มแล้วตัดไปชาร์ทลูกที่เหลือใหมครับจะไปเชียงใหม่รถไม่แรงขึ้นเขาไม่รอดหรอกครับ ;D ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:36:47
ขอตอบเอาฮาก่อนนะ ผมว่าคราวนี้ติดหูลากเครื่องปั่นไฟไปเลย ;D ;D ;D ;D
;Dลากไม่ใหวครับแค่นี้ก็ไม่วิ่งแล้ว ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:39:07
;)มีวงจรที่ชาร์ตแบตลูกสตาร์ตเต็มแล้วตัดไปชาร์ทลูกที่เหลือใหมครับจะไปเชียงใหม่รถไม่แรงขึ้นเขาไม่รอดหรอกครับ ;D ;D
    ขึ้นเขาใช้น้ำมัน เฮีย ไม่ได้ใช้ไฟแบต ;D ;D
MITSU CHAMP AUTO ยังขึ้น อินทนนท์ เป็นว่าเล่นเลย :-* :-*


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:39:52
;)มีวงจรที่ชาร์ตแบตลูกสตาร์ตเต็มแล้วตัดไปชาร์ทลูกที่เหลือใหมครับจะไปเชียงใหม่รถไม่แรงขึ้นเขาไม่รอดหรอกครับ ;D ;D
ผมคิดๆไว้แค่วงจรคอยชารืทแบตสตาทถ้าเต้มก็ตัดพอไฟเริ่มหมดก็ชาร์ทอะไรแนวๆนี้อ่ะครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:52:43
    ขึ้นเขาใช้น้ำมัน เฮีย ไม่ได้ใช้ไฟแบต ;D ;D
MITSU CHAMP AUTO ยังขึ้น อินทนนท์ เป็นว่าเล่นเลย :-* :-*
;)รอb 16 ก่อนค่อยไปขึ้นเขาครับ ;)


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 10 มีนาคม 2011, 22:56:23
ผมคิดๆไว้แค่วงจรคอยชารืทแบตสตาทถ้าเต้มก็ตัดพอไฟเริ่มหมดก็ชาร์ทอะไรแนวๆนี้อ่ะครับ
;Dขอบคุณครับสำหรับไอเดียต่างๆๆ ;D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Civic00Si ที่ 10 มีนาคม 2011, 23:20:00
 :D แอบมาดู


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 11 มีนาคม 2011, 00:01:58
;)รอb 16 ก่อนค่อยไปขึ้นเขาครับ ;)

ตอนขึ้นอุ้มผาง รอบป้วนเปี้ยนแถว 3-4 พันรอบ 3-4 ชั่วโมง โคตรสงสารรถเลย

แต่สนุกดีนะ   ;)


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 11 มีนาคม 2011, 02:14:36
ขอเอาออกจากหัวลงกระดานหน่อยครับ ที่ผมคิดๆไว้ก็มีวงจรชาร์ทแบตลูกที่สตาทรถต่างหากโดยต่อมาจากไฟชาร์ทปกติ แล้วใช้ระบบตัดต่อวงจรเอง ล่ะก็วงจรตรวจจับแรงดันสั่งชาร์ทแบตสตาท แต่ยังไม่มีข้อมูลว่ากระแสชาร์ทที่เหมาะควรเท่าไหร่
ไดร์ชาร์ทรถปกติถ้าใช้ไฟน้อยก็ชาร์ทน้อย ใช้มากชาร์ทมากใช่ไม๊ครับ ตรงนี้ถ้าแบตสองลูก ไดร์ชาร์ทก็คงทำงานหนักมากขึ้นแต่เท่าที่คำนวนเล่นๆก็คงไม่เสื่อมเร็วอะไรมาก จาก สิบปีอาจจะเหลือห้าปีอะไรแบบนี้อ่ะครับ แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นก็ดูมากหน่อย ถ้าทำดีๆตัวเลขตรงนี้คงน้อยลง ขอเวลาซักสองสามวันครับ

ไดชาร์จมันคงที่อ่ะครับ ถ้าไม่เกินซัก 0.2CA คงไม่มีปัญหา ลูกใหญ่ก็ชาร์จช้าหน่อย
 
เพราะถ้าตัดเต็มแล้ว ไดชาร์จก็หยุดทำงาน แต่ก็ไม่ควรเอามาขนานกัน เพราะขนาดไม่เท่ากัน


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: thanawat6 ที่ 11 มีนาคม 2011, 08:15:56
แบตฯ ลูกที่สอง เอาชาร์จแบบมือถือไม่ได้เหรอครับ    ;) ;) ;)

 ออกแบบวงจรชาร์จ แยกต่างหาก ใช้พวกอินเวอร์เตอร์ช่วยอะ
 โดยใช้ไฟจากรถ   ถ้าทำวงจรชาร์จแบบใช้ไฟถอด  เสียบได้
ก็จะได้ไม่ต้องยุ่งกับไดชาร์จ ไม่ต้องยุ่งเรื่องพ่วงสายพาน ให้เยอะ


 :-[


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 11 มีนาคม 2011, 08:53:05
เอาจริงๆนะครับ มันได้ใช้บ่อยแค่ไหน ถ้าไม่บ่อยนะ ปล่อยมันอย่างนั้นล่ะดีแล้ว
แต่สิ่งที่ต้องมีเพิ่มก็คือ แบตเตอรี่ใหม่ 1 ลูก, เครื่องชาร์จแบตแบบใช้ไฟบ้าน, แล้วก็สายพ่วงแบต
ไม่ต้องพกให้มันหนักรถด้วย ชาร์จแบตเอาไว้ที่บ้านนั้นล่ะ วันไหนที่คิดว่าจะจัดหนักค่อยยกแบตใส่รถไป


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: bangsaen6 ที่ 11 มีนาคม 2011, 22:13:57
ไอ้กรณีรถใส่เครืองเสียงนะรถคันเก่าผมเคยใส่สองลูกนะ....ไว้ที่เดิมลูกนึง แล้วไว้ข้างหลังลูกนึง120Aแบบแห้ง เดินสายแบ๊ตจากไดช๊าตมา(สายทองแดงใหญ่)แล้วใช้เฉพาะเครื่องเสียงเท่านั้นและทำการขยายไดให้สามารถปั่นไฟได้พอ  แก้ปัญหาเปิดเพลงแล้วแบ๊ตหมดได้ครับ เวลาเปิดเพลงก็สามารถสตาร์รถได้โดยไม่ต้องปิดเครื่องเสียงนะ และก็เหมาะกับรถautoนะครับ   :-[   แต่คันปัจจุบันใช้ลูกเดียวเนื่องจากเครื่องเสียงเหลือนิดเดียว    :-*


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 15 มีนาคม 2011, 14:04:38
ไปหาข้อมูลมาล่ะ เรื่องแบตสองลูก เว็บฝรั่งเข้าใช้สวิตตัดต่อเลือกแบตเอาครับ แต่สายสตาทก็ต่อลูกนึง เครื่องเสียงก็แบตอีกลูกนึง  ดูแล้วก็น่าดีนะครับ แต่เรื่องไดร์ชาร์ททำงานหนักนี่คงต้องแลกกันแล้วแหละครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 18 มีนาคม 2011, 22:37:55
ไปหาข้อมูลมาล่ะ เรื่องแบตสองลูก เว็บฝรั่งเข้าใช้สวิตตัดต่อเลือกแบตเอาครับ แต่สายสตาทก็ต่อลูกนึง เครื่องเสียงก็แบตอีกลูกนึง  ดูแล้วก็น่าดีนะครับ แต่เรื่องไดร์ชาร์ททำงานหนักนี่คงต้องแลกกันแล้วแหละครับ
:)ไม่น่ามีปัญหาผมไส่ไดร์เจลูกโตแล้วครับแต่ที่ไฟไม่ค่อยพอเพราะรถไม่ค่อยได้วิ่งพอเอาออกมาใช้ก็วิ่งไม่ไกลและเปิดเพลงบ่อยแต่เปิดไม่ดังโชว์ไฟเยอะไปหน่อยครับ :)


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 18 มีนาคม 2011, 22:58:01
:)ไม่น่ามีปัญหาผมไส่ไดร์เจลูกโตแล้วครับแต่ที่ไฟไม่ค่อยพอเพราะรถไม่ค่อยได้วิ่งพอเอาออกมาใช้ก็วิ่งไม่ไกลและเปิดเพลงบ่อยแต่เปิดไม่ดังโชว์ไฟเยอะไปหน่อยครับ :)
โอเคเดี๋ยวพรุ่งนี้จะเขียนฝังให้ดู ครับ :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 เมษายน 2011, 18:27:22
เอารูปวงจรแบบสองแบตง่ายๆมาให้ดู มีรีเลย์ตัวนึงคอบสลับแบต แบตลูกนึง ไว้สตาทรถ อีกลูกไว้ให้เครื่องเสียง จริงๆถ้ามีระบบตรวจจับแรงดันแล้ว คอยสวิตให้อัตโนมัติเลยก็ดี วงจรทำไม่ยาก
แต่หลักการแบบนี้จะใช้ได้ไม๊ครับ :-\ :-\
เขียนบนกระดาน มองไม่เข้าใจบอกนะครับ :-[ :-[


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 20:54:08
มีวงจรเด็ดๆ มาช่วยแชร์หน่อย เผื่อได้ไอเดีย แยกแบตเตอรี่เครื่องเสียง

ไม่ก็ DIY ทำขายเลย   ;)

ใช้วงจร อีเมอร์เจนซี่แลมพ์ แยกการชาร์จ ได้อยู่แล้ว..... :D
แต่ปัญหามันจะมาตกอยู่ที่ตัวตัดต่อเวลา เราสตาร์ทเครื่อง เพราะจังหวะนี้ใช้กระแสมาก
กลัวหน้าสัมผัส(contacter) จะรับไม่ไหว


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 20:58:32
เป็นคำถามนะครับ...
คนส่วนมาก มักจะบอกเสมอว่า แบตฯ ควรที่จะเต็มตลอดเวลา...จริงมั๊ย
แต่ในมุมของผม...มันต้องได้มีการคายประจุฯจนหมด บ้าง..........แล้วค่อย รีชาร์จ ใหม่...
อันไหน...ควรจะทำอย่างยิ่งครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:00:12
ใช้วงจร อีเมอร์เจนซี่แลมพ์ แยกการชาร์จ ได้อยู่แล้ว..... :D
แต่ปัญหามันจะมาตกอยู่ที่ตัวตัดต่อเวลา เราสตาร์ทเครื่อง เพราะจังหวะนี้ใช้กระแสมาก
กลัวหน้าสัมผัส(contacter) จะรับไม่ไหว
สายสตาทก็ไม่ต้องถอดสิครับ ตัวสั่งสตาทใช้ไฟใหม่เยอะอยู่แล้วนี่

เป็นคำถามนะครับ...
คนส่วนมาก มักจะบอกเสมอว่า แบตฯ ควรที่จะเต็มตลอดเวลา...จริงมั๊ย
แต่ในมุมของผม...มันต้องได้มีการคายประจุฯจนหมด บ้าง..........แล้วค่อย รีชาร์จ ใหม่...
อันไหน...ควรจะทำอย่างยิ่งครับ
แบตแบบกรดน้ำกลั่นนั้นหากไม่ได้ใช้เลยจำเป็นต้องมีไฟไว้บ้างครับให้ของเหลวภายในมันไม่เปลี่ยนแปลงสถานะมากไป
ถ้าใช้ชนหมดแล้วค่อยชาร์ทใหม่(หรือดิสชาร์ท)ของเหลวภายในอาจจะเสื่อสภาพได้ไวขึ้นครับ
ปล. ของเหลวท่ว่าคือน้ำกลั่นที่กลายเป็รกรด และน้ำกรดที่ใช้ๆไปเริ่มเจือจางลง


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 22:04:47
สายสตาทก็ไม่ต้องถอดสิครับ ตัวสั่งสตาทใช้ไฟใหม่เยอะอยู่แล้วนี่
แบตแบบกรดน้ำกลั่นนั้นหากไม่ได้ใช้เลยจำเป็นต้องมีไฟไว้บ้างครับให้ของเหลวภายในมันไม่เปลี่ยนแปลงสถานะมากไป
ถ้าใช้ชนหมดแล้วค่อยชาร์ทใหม่(หรือดิสชาร์ท)ของเหลวภายในอาจจะเสื่อสภาพได้ไวขึ้นครับ
ปล. ของเหลวท่ว่าคือน้ำกลั่นที่กลายเป็รกรด และน้ำกรดที่ใช้ๆไปเริ่มเจือจางลง
น่าจะใช้ได้นะ....ผมก็ลืมจุดนี้...
ใช้วงจรชาร์จของอีเมอร์เจนซี่แลมพ์ แยกการชาร์จ เวิร์คแน่นอน


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:17:30
น่าจะใช้ได้นะ....ผมก็ลืมจุดนี้...
ใช้วงจรชาร์จของอีเมอร์เจนซี่แลมพ์ แยกการชาร์จ เวิร์คแน่นอน
ถ้าใช้วงจรเพิ่ม ต้องหาจุดจ่ายไฟจากไดร์ชาร์ทที่ไม่ผ่านเรตกูเลตอันเดิม ไม่งั้นแรงดันไม่พอแน่ๆ :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 22:23:23
ถ้าใช้วงจรเพิ่ม ต้องหาจุดจ่ายไฟจากไดร์ชาร์ทที่ไม่ผ่านเรตกูเลตอันเดิม ไม่งั้นแรงดันไม่พอแน่ๆ :-\ :-\ :-\
แรงดันอ้างอิงและไฟเลี้ยงวงจร(วงจรใช้กระแสไม่เยอะ) ก็ใช้จากแบตฯลูกที่ใช้สตาร์ทอย่างเดียวไงท่าน
ส่วนลูกที่ใช้กับเครื่องเสียงก็ไม่ต้องใช้วงจรนี้อ้างอิง(ใช้คัตเอ้าท์ในตัวชาร์จเป็นตัวกำหนด)...เพราะลูกนี้ต้องโตกว่าเดิมอยู่แล้ว
**ไม่ต้องพะวงเรื่องแบตฯจะเสื่อมเร็ว**


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: 69HAM69 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:27:30
รถสตาร์ทไม่ติด พอไปพ่วงแบตกับรถอีกคันก็สตาร์ทติด

แต่พอดับเครื่อง  จะสตาร์ทใหม่ก็ไม่ติดอีก

แบตเพิ่งเปลี่ยนมา 10 เดือน  น้ำในแบตอยู่ในระดับปกติ

เกิดจากสาเหตุอะไรหรอคับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:28:19
แรงดันอ้างอิงและไฟเลี้ยงวงจร(วงจรใช้กระแสไม่เยอะ) ก็ใช้จากแบตฯลูกที่ใช้สตาร์ทอย่างเดียวไงท่าน
ส่วนลูกที่ใช้กับเครื่องเสียงก็ไม่ต้องใช้วงจรนี้อ้างอิง(ใช้คัตเอ้าท์ในตัวชาร์จเป็นตัวกำหนด)...เพราะลูกนี้ต้องโตกว่าเดิมอยู่แล้ว
**ไม่ต้องพะวงเรื่องแบตฯจะเสื่อมเร็ว**
เรื่องกระแสไม่เท่าไหร่หรอก แต่แรงดันไฟนี่สิ ปกติ ไฟชาร์ทแบต12V ปกติที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 13.5-14.5 และแรงดันตกคร่อมวงจรชาร์ทอีกอย่างน้อยๆก็ต้อง 1-2 V ดังนั้น แรงดันที่เราไปเอาไฟมาใช้ต้องมีอย่างน้อย 16V+++ ถ้าน้อยกว่านี้อาจจะชาร์ทไม่เข้าครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:32:20
รถสตาร์ทไม่ติด พอไปพ่วงแบตกับรถอีกคันก็สตาร์ทติด

แต่พอดับเครื่อง  จะสตาร์ทใหม่ก็ไม่ติดอีก

แบตเพิ่งเปลี่ยนมา 10 เดือน  น้ำในแบตอยู่ในระดับปกติ

เกิดจากสาเหตุอะไรหรอคับ
ถ้าจะให้ชัวต้องใช้ที่วัดความถ่วงจำเพาะวัดน้ำกลั่นในแบตดูครับ ถึงพอจะเดาได้ ก่อนหน้านี้ ระบบไฟเคยมีปัญหาไม๊ครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 22:40:20
รถสตาร์ทไม่ติด พอไปพ่วงแบตกับรถอีกคันก็สตาร์ทติด

แต่พอดับเครื่อง  จะสตาร์ทใหม่ก็ไม่ติดอีก

แบตเพิ่งเปลี่ยนมา 10 เดือน  น้ำในแบตอยู่ในระดับปกติ

เกิดจากสาเหตุอะไรหรอคับ
ถ้าถอดเอาแบตฯออกไปชาร์จแล้วมาใส่ สตาร์ทติดง่ายขึ้นแสดงว่าแบตฯหมดครับ
แล้วไฟรูปแบตฯโชว์ป่าวครับ ที่หน้าปัทม์เรือนไมล์(ถ้าโชว์ตลอด ก็ไดร์ชาร์จเสีย)
ถ้าไม่โชว์ตลอดเวลาแสดงว่ามีไฟรั่วที่ไหนสักแห่ง...ทำให้แบตฯจ่ายไฟตลอดเวลา
ถ้าไม่มีจุดนี้ก็เป็นที่ตัวแบตฯเองแหละ...ครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: 69HAM69 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:41:28
ถ้าจะให้ชัวต้องใช้ที่วัดความถ่วงจำเพาะวัดน้ำกลั่นในแบตดูครับ ถึงพอจะเดาได้ ก่อนหน้านี้ ระบบไฟเคยมีปัญหาไม๊ครับ

พอดีเป็นรถของเพื่อนฝากมาถามอะ
รถมันไม่เคยมีปัญหาระบบไฟนะ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 22:49:16
เรื่องกระแสไม่เท่าไหร่หรอก แต่แรงดันไฟนี่สิ ปกติ ไฟชาร์ทแบต12V ปกติที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 13.5-14.5 และแรงดันตกคร่อมวงจรชาร์ทอีกอย่างน้อยๆก็ต้อง 1-2 V ดังนั้น แรงดันที่เราไปเอาไฟมาใช้ต้องมีอย่างน้อย 16V+++ ถ้าน้อยกว่านี้อาจจะชาร์ทไม่เข้าครับ
วงจรมันปรับได้นะท่าน...ว่าเราจะใช้กับขนาดแบตฯ เท่าไหร่ เรื่องโวลท์ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะโวลท์มาขนาดไหนไฟเลี้ยงวงจรก็ไม่เกิน 12
แค่เราเอามันมาคุมรีเลย์อีกตัวเพื่อแยกการชาร์จเท่านั้น...


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 10 เมษายน 2011, 22:53:35
พอดีเป็นรถของเพื่อนฝากมาถามอะ
รถมันไม่เคยมีปัญหาระบบไฟนะ
ลองแบบ คุณเหน่งบอกข้างบนก็ได้ครับง่ายดี

วงจรมันปรับได้นะท่าน...ว่าเราจะใช้กับขนาดแบตฯ เท่าไหร่ เรื่องโวลท์ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะโวลท์มาขนาดไหนไฟเลี้ยงวงจรก็ไม่เกิน 12
แค่เราเอามันมาคุมรีเลย์อีกตัวเพื่อแยกการชาร์จเท่านั้น...
เรื่องปรับกระแสชาร์ท กับแรงดันมัน ดีไซค์ได้อยู๋แล้ว แต่แรงดันขาเข้าวงจรชาร์ทนั่นแหละครับต้องสูงพอ แรงดันไปชาร์ท
แบตต้องอยู่ในระดับที่บอกด้านบนถึงจะดีครับ
 


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 10 เมษายน 2011, 23:08:44
พอดีเป็นรถของเพื่อนฝากมาถามอะ
รถมันไม่เคยมีปัญหาระบบไฟนะ
คงเป้นที่ตัวแบตฯเอง ครับ...คงโชคร้ายเสื่อมเร็วเกิน...


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 11 เมษายน 2011, 20:02:41
ขอโทษทีครับ หายไปนาน ช่วงนี้เรื่องส่วนตั๊ว ส่วนตัว เยอะ   :-[

ใช้วงจร อีเมอร์เจนซี่แลมพ์ แยกการชาร์จ ได้อยู่แล้ว..... :D
แต่ปัญหามันจะมาตกอยู่ที่ตัวตัดต่อเวลา เราสตาร์ทเครื่อง เพราะจังหวะนี้ใช้กระแสมาก
กลัวหน้าสัมผัส(contacter) จะรับไม่ไหว

ไม่แน่ใจเหมือนกัน ไม่เคยเห็นวงจรอ่ะครับ   :-[

เป็นคำถามนะครับ...
คนส่วนมาก มักจะบอกเสมอว่า แบตฯ ควรที่จะเต็มตลอดเวลา...จริงมั๊ย
แต่ในมุมของผม...มันต้องได้มีการคายประจุฯจนหมด บ้าง..........แล้วค่อย รีชาร์จ ใหม่...
อันไหน...ควรจะทำอย่างยิ่งครับ

แบตเตอรี่เต็มไว้ก็ดีครับ มีไฟไว้ใช้ยามฉุกเฉิน แต่ถ้าไม่เต็ม ก็ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 3 เดือน

ถ้าใกล้หมดหรือหมดเลย ไม่ควรทิ้งไว้นาน แบตเตอรี่จะเสื่อมไวมากจ้ะ


รถสตาร์ทไม่ติด พอไปพ่วงแบตกับรถอีกคันก็สตาร์ทติด

แต่พอดับเครื่อง  จะสตาร์ทใหม่ก็ไม่ติดอีก

แบตเพิ่งเปลี่ยนมา 10 เดือน  น้ำในแบตอยู่ในระดับปกติ

เกิดจากสาเหตุอะไรหรอคับ

บางที แบตเตอรี่บางล็อตก็เสื่อมสภาพเร็วครับ บอกตรงๆว่าอยู่ทีดวงด้วย อาจจะเจอ 1-2% ที่เจอแบตเตอรี่มีปัญหา

เพราะแบบนี้ โรงงานถึงรับประกันให้ 1 ปีไงครับ เอาไปเครมได้จ้ะ




ขอบคุณสำหรับวงจรครับ   ;)



เดี๋ยวจะมาอัพเดทหน้า 1 ต่อให้นะครับ   :D


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 11 เมษายน 2011, 20:05:48
เรื่องกระแสไม่เท่าไหร่หรอก แต่แรงดันไฟนี่สิ ปกติ ไฟชาร์ทแบต12V ปกติที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 13.5-14.5 และแรงดันตกคร่อมวงจรชาร์ทอีกอย่างน้อยๆก็ต้อง 1-2 V ดังนั้น แรงดันที่เราไปเอาไฟมาใช้ต้องมีอย่างน้อย 16V+++ ถ้าน้อยกว่านี้อาจจะชาร์ทไม่เข้าครับ

ขอเพิ่มหน่อยว่า แรงดันชาร์จ อย่าเกิน 14-15 V นะครับ ซัก 16 V ขึ้นไป แบตเตอรี่ร้อนบวมแน่ๆครับ

เค้าเรียก overcharge


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 11 เมษายน 2011, 20:18:41
วงจรนี้จะอยู่ใน ไฟฉุกเฉินตามอาคาร ไงครับ...
ใช้ตรวจสอบเวลาแบตฯเต็ม....เพราะมี 2 สถานะ
เราเอามาใช้ควบคุมรีเลย์ แยกจ่ายการชาร์จอีกที...ตามลำดับในกรณีย์ที่ต้องใช้แบตฯหลายลูก
สำหรับรถที่ติดเครื่องเสียงเยอะๆ...


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 11 เมษายน 2011, 20:51:39
วงจรนี้จะอยู่ใน ไฟฉุกเฉินตามอาคาร ไงครับ...
ใช้ตรวจสอบเวลาแบตฯเต็ม....เพราะมี 2 สถานะ
เราเอามาใช้ควบคุมรีเลย์ แยกจ่ายการชาร์จอีกที...ตามลำดับในกรณีย์ที่ต้องใช้แบตฯหลายลูก
สำหรับรถที่ติดเครื่องเสียงเยอะๆ...

อ๋อ relay switching ตัวเดียวครับ

แต่ว่าไฟฉุกเฉินใช้กระแสนิดเดียว ไปใช้กับกระแสมากๆน่าจะพังครับ


อ่อ แก้ไขครับ วงจรที่ตรวจจับแรงดันอย่างเดียว เปลี่ยนรีเลย์ก็น่าจะใช้ได้ครับ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 11 เมษายน 2011, 21:42:54
พรุ่งนี้เดี๋ยวเขียนวงจรอีกที :-[ :-[


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: desperado ที่ 11 เมษายน 2011, 21:49:21
อ๋อ relay switching ตัวเดียวครับ

แต่ว่าไฟฉุกเฉินใช้กระแสนิดเดียว ไปใช้กับกระแสมากๆน่าจะพังครับ


อ่อ แก้ไขครับ วงจรที่ตรวจจับแรงดันอย่างเดียว เปลี่ยนรีเลย์ก็น่าจะใช้ได้ครับ
ก็เอาแค่มาสั่งตัดต่อ รีเลย์ ครับ...ไม่ได้ใช้ ตรงๆ


หัวข้อ: Re: กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่องของ แบตเตอรี่ (ถามมา-ตอบไป)
เริ่มหัวข้อโดย: maicivic ที่ 13 เมษายน 2011, 10:54:41
พรุ่งนี้เดี๋ยวเขียนวงจรอีกที :-[ :-[
;)จะรอดูครับ ;)