:::CIVIC CLUB THAILAND:::

ยิ่งตอนเช้าๆยังกะรถขายไก่ย่างยิ่งเร่งยิ่งออก ตอนสายๆแดดร้อนๆไม่เห็นควันออกแต่มองปลายท่อเหมือนมีไอน้ำออกมาเกาะที่ท่อตลอดเวลา น้ำในหม้อน้ำหาย แต่น้ำมันเครื่องไม่หาย

ไอน้ำเกาะที่ท่อไอเสียตอนเช้าๆนี่ ปกติครับ แสดงว่ารถท่านมีสภาพการเผาใหม้ที่เยี่ยมยอดครับ ส่วนผสมอากาศกับน้ำมันพอดี เผาไหม้เสร็จได้ H2O คือน้ำ ส่วนน้ำหายให้ไปดูตามข้อต่อ ท่อน้ำต่างๆว่ามันมีที่รั่วไหม อาจมีรู คราบ น้ำยาหล่อเย็นให้เห็นถ้าเติมน้ำยาหล่อเย็น อีกอย่างให้ดูว่าฝาหม้อน้ำว่ารักษาระดับแรงดันหม้อน้ำได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็เป็นสาเหตุให้น้ำหายได้แน่นอน

:-* :-* :-*

ไอน้ำจากท่อไอเสียตอนอากาศเย็น  ไม่ใช่ตัวบ่งบอกความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์นะครับ  อย่าเข้าใจผิด  เครื่องจะหลวมจะฟิต  ถ้าสตาร์ทมาเจออากาศเย็นๆ  ไอน้ำเกิดทุกคันครับ

เข้าใจครับ แต่ตามทฤษฎี การเผาใหม้ที่สมบูรณ์จะได้น้ำครับ ส่วนการที่อากาศเย็นแล้วมองเห็นมากขึ้นก็ไม่ผิดครับ ส่วนเมื่ออากาศมันร้อนมันมองไม่เห็นเพราะมันระเหยไปก่อน คำว่าไอ มันย่อมระเหยไปก่อนเมื่ออากาศร้อนครับ ตามหลักวิชาการการเผาใหม้ที่สมบูรณ์จะได้น้ำครับ

ในขณะที่อากาศร้อนเปลี้ยงๆนี่ เวลาผมจูนแก๊ส เมื่อได้ค่าที่เหมาะสม ไอน้ำออกท่อไอเสียให้เห็นเลย แต่การเผาใหม้ที่สมบูรณ์ มันจะไม่ค่อยมีกำลัง ถ้าต้องการกำลังจะต้องจูนให้มันเกินพอดีไปนิดหนึ่ง มันถึงจะเหยียบได้กำลังดี คือจูนแล้วต้องไม่ให้มีไอน้ำออกที่ท่อไอเสีย ให้มันเลยพอดีไปนิดหนึ่ง เมื่อต้องการกำลังในการเร่งแซง รถที่จะมีการจูนให้พอดีตามทฤษฎีจึงมีให้เห็นน้อยในความเป็นจริง ส่วนรถเจ้าของกระทู้ ถ้าไม่ควันดำ หรือควันขาวกลบตูดตอนวิ่งทั้งวัน ผมว่าก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไร ถือว่าเป็นปกติ ถ้ารถใช้น้ำมันนะ แต่ถ้ารถใช้แก๊สด้วยแล้วจะไม่มีควันดำให้เห็นเลยเพราะแก๊สมันเป็นพลังงานสะอาด ไม่มีควันดำ ส่วนถ้าเป็นควันสีขาวฟ้านี่ต่างหากที่ต้องนึกถึง เพราะอาจจะมีน้ำมันเครื่องเข้าไปเผาใหม้ด้วยเนื่องจากเครื่องหลวม แต่คนธรรมดาสามัญใช้รถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด ระบายความร้อนได้ดี โอกาสที่จะหลวมมันก็ยาก ยกเว้นใช้ไม่ดูแลเลย น้ำมันเครื่องเหนียวเป็นตังเมยังไม่ยอมเปลี่ยน แบบนั้นจบเห่ครับ

ขอบคุณมากมาย สำหรับความรู้ครับ :-* :-*

ผมไม่ได้แย้งเรื่องทฤษฎีการเผาไหม้  แต่แย้งเรื่องไอน้ำที่บ่งบอกความสมบูรณ์ต่างหาก  ว่ามันไม่จริงครับ

ยิ่งตอนเช้าๆยังกะรถขายไก่ย่างยิ่งเร่งยิ่งออก ตอนสายๆแดดร้อนๆไม่เห็นควันออกแต่มองปลายท่อเหมือนมีไอน้ำออกมาเกาะที่ท่อตลอดเวลา  น้ำในหม้อน้ำหาย แต่น้ำมันเครื่องไม่หาย

อ่านให้ชัดก่อนครับ คือผมตอบกรณ๊ตัวสีแดงครับ

คือการเขียนของผมไม่ได้อธิบายว่าตอนเช้าเป็นแบบนี้ ตอนสายเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าใครจะมาคิดมากขนาดนั้น จึงได้ตอบรวมๆไปเลย เรื่องตอนเช้ามีหยดน้ำที่ท่อไอเสียผมว่าใครๆก็รู้นะ แต่ที่ตอบไปไม่ได้แยกว่าตอนเช้าเป็นแบบนั้น ตอนสายเป็นอีกแบบเพราะเข้าใจว่าเขารู้กันหมดทุกคนแล้ว

            อันที่จริงมีกระทู้แบบนี้น่ะดีแล้วครับ  จะได้เลิกความเชื่อผิดๆ  กันเสียทีว่า  สตาร์ทตอนเช้่าหรืออากาศเย็น เห็นไอน้ำ  หมายถึงเครื่องสมบูรณ์  มาดูว่ากันว่า  น้ำ หรือมีสมการทางเคมีว่า  H2O  เนี่ยมีจุดเดือดที่ 100 องศาC  นั่นหมายถึงถ้าน้ำได้รับความร้อน  100 องศาC  จะเริ่มละเหยกลายเป็นไอ   ในขณะที่อุณหภูมิในห้องเผาไหม้นั้นสูงถึง  5,000 - 8,000  องศาC  และคายเป็นไอเสียออกมาก็ยังมีอุณหภมูมากกว่า 500 องศาC จะให้เกิดไอน้ำจากการเผาไหม้นั่นหมายถึงต้องเหลือน้ำออกมาเป็นขันๆ  นั่นแแหละถึงจะมากพอให้เห็นไอน้ำ
           แล้วไอน้ำที่เห็นเกิดจากอะไร  ไอน้ำที่เราเห็นเกิดจากความร้อนจากไอเสีย  ที่มากระทบท่อไอเสียที่เป็นโลหะ ซึ่งมีอุณหภมิที่เย็น  จะเกิดการกลั่นตัวกลายหยดน้ำ  เมื่อได้รับความร้อนต่อเนื่องจึงระเหยกลายเป็นไอน้ำ  เมื่อท่อร้อนขึ้นจนอุณหภูมิเท่ากับไอเสีย  จึงไม่เกิดการกลั่นตัวอีกต่อไป  สรุปก็คือการเผาไหม้ได้น้ำจริง  แต่ไม่มากพอให้เกิดไอน้ำ  ส่วนไอน้ำที่เห็นก็เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างความร้อนจากไอเสียกับความเย็นของท่อ  จึงไม่สามารถเอามายืนยันได้ว่า  ไอน้ำเป็นตัวบ่งบอกความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์   อยากรู้ว่าเครื่องฟิตไม่ฟิต  ต้องวัดกำลังอัดเท่านั้นครับ

อ่านดีๆครับ มันมีตรงไหนที่เขียนบอกว่าเครื่องยนต์สมบูรณ์ ที่ผมเขียนคือคำว่าการเผาใหม้ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่สมบูรณ์นะ ผมว่าท่านกลับไปย้อนอ่านใหม่ดีกว่าครับ ชักจะไปกันใหญ่ สิ่งที่ผมหมายถึงคือส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศ มีสัดส่วนที่พอดีจึงเผาใหม้ออกมาได้น้ำ ผมว่าท่านควรไปแจ้งกระทรวงศึกษาธิการดีกว่าครับ ว่าคนที่เขียนตำรามาเขาเขียนผิด ผมจะได้เข้าใจตามนั้นครับ คือผมอ่านมาจากตำราน่ะครับ ไม่ได้คิดไปเองครับ

             ผมก็เพิ่งรู้วันนี้เองว่าการเผาไหม้ที่สมบูรณ์  ไม่ได้เกิดจากความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์  ถ้างั้นแสดงว่า  ถ้ารถมผมวาล์วรั่ว  วาล์วยัน  ก็จะยังสามารถเผาไหม้ได้สมบูรณ์ หรือแม้แต่แหวนหลวม  ก็จะสามารถเผาไหม้ได้สมบูรณ์อย่างนั้นเหรอครับ

การเผาใหม้ที่สมบูรณ์ไม่ได้เกิดขึ้นกับรถยนต์อย่างเดียวนะครับ การเผาใหม้ที่สมบูรณ์ใช้เรียกกับปฏิกิริยาการเผาใหม้ระหว่างเชื้อเพลิงกับอากาศ อะไรก็ตามแต่ที่เป็นเชื้อเพลิงผสมกับอากาศแล้วเกิดการลุกใหม้ได้อย่างหมดจด ก็ถือเป็นการเผาใหม้ที่สมบูรณ์ได้ ต่อให้รถท่านแหวนจะหลวม วาล์วจะยันหรือไม่ การจุดระเบิดมันไม่รู้กับรถท่านหรอกว่าจะเป็นยังไง จะสนิมกิน น๊อตขาด การระเบิดของเชื้อเพลิงมันไม่สนใจหรอกว่าอาการเหล่านี้จะมีอยู่หรือไม่ หน้าที่ของมันเมื่อมีประกายไฟ โดนเชื้อเพลิงกับอากาศมันก็เกิดการลุกไหม้ กล่องอีซียูมันไม่รู้หรอกว่าจะสนิมกินหรือแหวนหลวม มันมีหน้าที่ปรับลดการฉีดเชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับอากาศที่ตรวจจับได้ อุณหภูมิ ฯลฯ ยกเว้นตรวจจับแหวนหลวม วาล์วยันแบบที่ท่านว่า มันจะพยายามตรวจจับจากค่าเซนเซอร์ต่างๆแล้วส่งข้อมูลไปฉีดเชื้อเพลิง แต่ยังไงปริมาณที่มันสั่งฉีดก็ต้องสัมพันกับสิ่งที่มันตรวจจับได้ ตราบใดที่เซนเซอร์เหล่านี้ไม่ชำรุด อีกอย่างอยากให้ท่านมองออกมาภายนอกบ้าง คำว่าการเผาใหม้ที่สมบูรณ์ระหว่างเชื้อเพลิงกับอากาศเกิดขึ้นได้กับทุกอย่าง ไม่จำเป็นต้องเกิดแต่ในห้องเครื่องยนต์ ในลูกสูบหลวมๆหรอกครับ

          การจุดระเบิดภายใต้สภาวะที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์  โดยมีการชดเชยค่าต่าง ๆ  จาก ECU  นั่นคือความพยายามในการจุดระเบิด  นั่นแปลว่าเครื่องยนต์ไม่ได้เกิดการจุดระเบิดในภาวะปกติ  ซึ่งความผิดปกติจะแสดงออกมาในอาการต่าง ๆ  เช่น  สะดุด สำลัก  เบาดับ ซึ่งผลที่ตามมาคือการสึกหรอ  เค้าไม่ได้เรียกเผาไหม้สมบูรณ์ครับ  คุณเล่นเหมารวมว่าการจุดระเบิดติด  เป็นการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ผมว่าคุณน่ะมั่วแล้ว  การถกถึงเรื่องรถ  แต่ไปยกตัวอย่างที่ไม่เกี่ยวกันมารวมอีก  ยิ่งมั่วไปใหญ่  การยกตัวอย่างมันต้่องยกภายใต้สภาะแวดล้อม  และปัจจัยที่ใกล้เคียงกัน  ถึงใช้อ้างอิงได้  ไม่ใช่จับแพะชนแกะแบบนี้

ครับท่าน

ผมเคยเรียนวิชาช่างยนต์ เคยเรียนเคมี
แค่อยากสนับสนุนทฤษฎีการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ของคุณsitti2519
แต่ไม่ได้เหมารวมว่าเครื่องยนต์เครื่องนั้นสมบูรณ์นะครับ

http://student.nu.ac.th/jeab/lesson%205.htm

ถูกต้องแล้วครับ สิ่งที่ผมพยายามจะอธิบายคือการเผาใหม้ที่สมบูรณ์ครับ แม้เครื่องยนต์จะทำงานไม่สมบูรณ์ก็ตามแต่ มันเป็นคนละเรื่องกันครับ ระหว่างการเผาใหม้ที่สมบูรณ์กับการทำงานของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์ มันเป็นเรื่องทางวิชาเคมีครับ ผมก็เรียนจบชั้น ม 6 มาสายวิทย์-คณิตฯครับ แต่ไม่ค่อยชอบวิชา เคมี ฟิสิกส์ คณิตฯ เลย เอาดีไม่ได้เลย จบ ม 6 มาเลย มาต่อศิลปกรรมศาสตร์ ออกแบบพาณิชยศิลป์ ระดับ ปวส. ป.ตรี เพิ่งมาเรียนตอนทำงานแล้ว ก็พอๆจำเค้าลางวิชาเคมีได้อยู่ ส่วนเรื่องช่างยนต์นั้นผมมาเรียนหลักสูตร 150 ชั่วโมง ของโรงเรียนฝึกอาชีพดินแดงครับ ก็ต่อจนครบหลายหลักสูตรอยู่ รวมๆแล้วก็ปีกว่า น่าจะ 800-900 ชม พอเข้าใจทฤษฎีและพอปฏิบัติได้บ้างนิดหน่อยครับ

แวะมา ติดตาม  ;)

มันครับ แต่ผมว่าเรากำลังพูดเรื่องเดียวกัน ไม่มีใครมั่ว หรอกครับ

ลองดูรถผมครับ น้ำมันเครื่องหายนิดหน่อย น้ำในระบบหล่อเย็นคงที่ ขับ 3000 กิโลไม่ต้องเติมเพิ่ม  ใช้น้ำมัน E85 น้ำหยุดที่ปลายท่อ ตอนเช้าอากาศเย็นๆ ถ้าเร่งเครื่องแรงๆ จะเห็นน้ำกระเด็นออกจากปลายท่อแบบเอามือบังแล้วน้ำติดมือมาเลย

หัวเทียน สีขาวเกือบๆเหลือง รถผมเป็นอะไร???

ความรู้ทั้งนั้นเลย :-*

แน่นอนว่าผิดปกติที่น้ำมันเครื่องหายเกิดความบกพร่องของระบบเครื่องยนต์แน่นอน  แต่การเผาไหม้สมบูรณ์

           นึกว่าจะเข้าใจกันได้  ยังมีคนไม่รู้เรื่องตามมาสมทบอีก  เอ้าอธิบายกันต่อ  การเผาไหม้ที่สมบูรณ์  กับ การเผาไหม้  แยกให้ออกนะครับ  การเผาไหม้ที่สมบูรณ์นั่นหมายถึงต้องการมีควบคุมปัจจัย  สิ่งแวดล้อม  ให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด  เหมาะสมที่สุด  เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาตามที่ได้มีการคำนวณไว้  ซึ่่งนั่นหมายถึง  ปัจจัยนำเข้า  กระบวนการ  รวมถึงเอาท์พุท  จะได้ผลออกมาเป็นค่าที่แน่นอน  ไม่มีการผิดเพี้ยน  ซึ่งนั่นคือปฏิกิริยาในอุดมคติ  และแทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ  เพราะเราไม่สามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ  ในชีวิตประจำวันได้  ส่วนการเผาไหม้ปกติ  ก็คือสิ่งที่เราเห็นได้ทั่วไป  นั่นหมายถึง  ไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งที่ดีที่สุดตามทฤษฎี  แต่ขอให้ได้ผลออกมาใกล้เคียงก็เป็นสิ่งที่รับได้  เพราะนั่นถือเป็นการเผาไหม้ที่ดีที่สุด  ซึ่งเราวัดกันเป็นประสิทธิภาพ โดยดูจาก output  เช่น  ของเหลว  ก๊าซ  ความร้อน  แล้วนำไปเทียบค่า ไม่ใช่เอาคำว่าสมบูรณ์มาอ้าง
           แค่คำว่าสมบูรณ์  ยังตีไม่แตกเลยว่า  มันสำคัญขนาดไหน  แล้วยังยกทฤษฎีมาอ้าง  นักวิทยาศาสตร์เค้าทดสอบกันในแลป นานแสนนาน กว่าจะสรุปทฤษฎีความสมบูรณ์ของการเผาไหม้  แล้วนี่เห็นแค่น้ำแล้วบอกเผาไหม้สมบูรณ์    อย่าลืมว่า  output  จากการเผาไหม้  ไม่่ได้มีแต่น้ำซักหน่อย  นี่ยังไม่นับปริมาณของ  output  แต่ละตัวอีก  ที่ต้องได้ค่ามาตรฐานจึงเรียกว่าสมบูรณ์  ก่อนจะอ้างทฤษฎีศึกษาก่อนครับ  ว่ามันมีที่มาอย่างไร  เกี่ยวข้องกับอะไร  แล้วปฏิกิริยา  เกิดที่ไหน  ควบคุมได้หรือไม่

ตอบเจ้าของกระทู้ครับ
มีไอน้ำออกที่ท่อตลอดเวลา กับฝาสูบโก่งมันไม่น่าจะเรื่องเดียวกัน

ผมว่าจบเรื่องทฤษฎี หลักการ และความเชื่อเรื่องน้ำออกท่อ แล้วคุยกันเรื่องอื่นดีกว่าครับ
ขอแค่ให้รถวิ่งดี ไม่ซดน้ำมัน/แก้ส แล้วอยู่กะเราไปนานๆก็พอเนาะ..
 :( :(   :'( :'(   :) :)

:) :) :) ;) ;) ;)

ไม่ได้อยากจะยาวหรอกครับ  แต่คนที่ทำมาหากินจากตำรา  ถูกไล่ให้ไปแก้ตำรา  นั่นถือเป็นการดูถูกอาชีพของผมที่สุด

อาชีพอะไรครับ ::)
อาจารณ์หรอครับ

ใช่ครับ

ใจเย็นๆ กันนะครับ ทั้งคุณ MrOneMan  และ คุณ Sitti2519 ผมติดตามอยู่นานแล้ว  :-[

เอาเป็นว่า ผมแนะนำเจ้าของกระทู้ เข้าอู่ วัดกำลังอัดไปเลยครับ มันตอบโจทย์ได้หมดว่าเครื่องยนต์ยังสมบูรณ์อยู่หรือไม่  :-*

ผมเย็นแล้วครับ ผมหยุดแล้ว คือผมก็รู้มาตามที่อาจารย์สอนมาน่ะครับ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยท่าน MrOneMan ด้วยครับ

ใจเย็นๆครับ ทุกท่านมีเจตนาดีกันทั้งนั้นครับ

:( :( :'( :'( :'(