ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
20 พฤษภาคม 2024, 21:13:51
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: คำถามที่พบบ่อยและวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับแอร์รถยนต์ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามที่พบบ่อยและวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับแอร์รถยนต์  (อ่าน 11209 ครั้ง)
chaowarat191
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 38



« เมื่อ: 22 มีนาคม 2012, 01:28:52 »



Q1: ปัญหาที่พบเมื่อแอร์รถยนต์มีเสียงดังเมื่อเปิดใช้งาน
A1:เมื่อพบว่าแอร์มีเสียงดังผิดปกติ ต้องพยายามหาจุดที่สร้างเสียงนี้ให้พบ เพื่อสามารถบ่งชี้ถึงต้นเหตุของปัญหาได้ถูกต้อง โดยปกติ สาเหตุที่เกิดเสียงจะมี 2 จุดใหญ่คือเสียงที่เกิดขึ้นจากระบบแอร์ในห้องผู้โดยสาร มักจะเกิดจากมอเตอร์แอร์ที่ทำหน้าที่เป่าลมเย็นออกมาจากช่องแอร์ ดังนั้นวิธีตรวจสอบง่ายๆคือ เมื่อทำการปิดแอร์หรือปรับสปีดความแรงลม สังเกตุว่าความดังของเสียงเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ถ้าเงียบลงหรือเปลี่ยนแปลงไป สันนิษฐานได้ว่า มอเตอร์แอร์มีปัญหาซึ่งต้องทำการเปลี่ยนมอเตอร์แอร์ใหม่ ราคาก็อยู่ระหว่างพันกว่าบาทถึงแปดเก้าพันบาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ ราคาแปดเก้าพันบาทส่วนใหญ่จะเป็นรถยุโรป เช่น เบนซ์ วอลโว่ ฯลฯ

สาเหตุที่สองเป็นเสียงที่ดังมาจากห้องเครื่องยนต์ ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเป็นปัญหาที่เครื่องยนต์หรือระบบแอร์ โดยการเปิดปิดแอร์รถยนต์ แล้วสังเกตุว่าเสียงได้เงียบหรือเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า การเปิดปิดแอร์รถยนต์เป็นการตรวจสอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ และพัดลมเป่าคอนเดนเซอร์ว่า เมื่อคอมเพรสเซอร์หรือพัดลมเป่าคอนเดนเซอร์ทำงาน มันได้สร้างเสียงดังผิดปกติหรือเปล่า ถ้าปิดแอร์แล้วยังมีเสียงอยู่ ก็แสดงว่าอาจจะเป็นปัญหาที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์ ไม่ใช่ระบบแอร์ ถ้าปัญหาเกิดจากคอมเพรสเซอร์ต้องให้ช่างตรวจเช็คว่าม คอมเพรสเซอร์มีการสึกหรอที่ส่วนใด สามารถซ่อมได้หรือเปล่า โดยปกติทางร้านจะเสอนทางเลือกให้ลูกค้าในกรณีที่คอมเพรสเซอร์เสีย คือ 1.เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่ของแท้ 100% (ราคาสูงหน่อยแต่ใช้คุม) 2. เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์มือสองที่ทางร้านทำการซ่อมด้วยอะไหล่มาตราฐานภายในพร้อมเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ใหม่ (ราคาถูกกว่าครึ่งแต่อายุการใช้งานสั้นกว่าของใหม่ โดยปกติเรารับประกันให้ 3 เดือน) 3. ซ่อมคอมเพรสเซอร์โดยปกติถ้าปัญหาเกิดจากคลัทช์ เราสามารถเปลี่ยนเฉพาะคลัทซ์ให้ได้

Q2: ควรเติมน้ำยาแอร์บ่อยแค่ไหน

A2: โดยปกติระบบแอร์รถยนต์เป็นระบบปิด ที่จะไม่มีการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ออกไปนอกระบบ (ยกเว้นมีการรั่วซึมของอุปกรณ์ต่างๆ) เพราะฉนั้นไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยๆ (ไม่เหมือนเติมน้ำมัน ที่ใช้แล้วจะหมดไปต้องเติมบ่อยๆ) ท่านผู้ใช้รถยนต์ควรจะสังเกตุเมื่อความเย็นของระบบแอร์ลดลง ท่านควรนำรถเข้าตรวจเช็คว่ามีอุปกรณ์ตัวใดที่เสื่อมสภาพเกิดรูรั่ว เพื่อทำการตรวจซ่อม ถ้าเป็นการพร่องของน้ำยาโดยไม่มีจุดรั่ว(โดยปกติประมาณ 8เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้รถยนต์) ก็สามารถเติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปเพื่อทำให้ระบบแอร์รถยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Q3: น้ำยาแอร์ R-12 และ 134A ต่างกันอย่างไร แล้วรถของท่านเป็นน้ำยาแอร์ตัวไหน


A3: น้ำยาแอร์ คือ สารให้ความเย็น ซึ่งสารชนิดนี้มีคุณสมบัตในการ ดูดซับความร้อน รอบๆ ข้างเข้ามาอยู่ในตัวของมันแล้วทำให้อากาศบริเวณ รอบข้างมีอุณหภูมิต่ำลงน้ำยาแอร์ที่ใช้ในรถยนต์จะใช้สาร CFC-12
(โดยทั่วไปเรียก R-12 ใช้กับรถยนต์รุ่นเก่า) โดยสารชนิดนี้ เมื่อผ่านกระบวนการทำให้เป็น ของเหลวและทำให้ความดันต่ำแล้ว จะดูดซับความร้อนได้ดีต่อมามี การรณรงค์เรื่องการต่อต้านการใช้สาร CFCเพราะสาร CFCจะไปทำลายชั้น โอโซนของ โลก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อโลกในระยะยาว และน้ำยา CFC-12 ก็เป็นสารประเภทนี้ด้วย ดังนั้นต่อมาผู้ผลิตน้ำยาแอร์ส่วนใหญ่จึงหันมา ใช้น้ำยาสูตรใหม่ คือ HFC-134a (หรือทั่วไปเรียกว่า R-134a )โดยจะใช้
กับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ถูกผลิตออกมาเพราะจะไม่เป็นอันตรายต่อชั้น โอโซนของโลก โดยปกติรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่ปี 2538 ขึ้นไปจะใช้น้ำยา HFC-134a ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบข้อมูล ที่ห้องเครื่องของรถยนต์ ะระบุบชนิดของน้ำยาแอร์ที่รถท่านใช้

Q4: ทำไมแอร์มีกลิ่นอับ หรือกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ วิธีแก้ปัญหาควรทำอย่างไร

A4: โดยปรกติระบบการทำงานของแอร์รถยนต์จำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เช่นเดียวกับแอร์บ้าน โดยเฉพาะท่านที่ซื้อรถยนต์มือสอง เนื่องจากสภาพท้องถนนของกรุงเทพที่เต็มไปด้วยมลภาวะต่างๆ เช่น ฝุ่น และ ควันจากท่อไอเสีย   ซึ่งจะทำให้คอยล์เย็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ผลิตความเย็นในห้องผู้โดยสาร กลายเป็นแหล่งเก็บฝุ่นละออง และคราบสกปรกต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันจะเป็นที่ที่เพาะเชื้อราและแบคทีเรียหลายชนิดซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของ การไอ จาม และโรคภูมิแพ้ต่างๆได้

การทำความสะอาดระบบแอร์รถยนต์ช่วยขจัดกลิ่นอับ ด้วยน้ำยาล้างระบบแอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และกำจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นไม่พึงประสงค์ การทำความสะอาดระบบแอร์จะช่วยให้การหมุนเวียนของอากาศดีขึ้น และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเย็น ซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น

Q5: ทำไมแอร์ไม่มีความเย็น มีแต่ลมแต่ไม่มีความเย็น

A5: ปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจาก มีจุดรั่วซึมของน้ำยาแอร์ที่อุปกรณ์ต่างๆในระบบแอร์ ทำให้ไม่มีน้ำยาแอร์ในระบบ ซึ่งการหาจุดรั่วซึมเป็นความชำนาญของแต่ละร้าน เพราะถ้าหาจุดรั่วซึมไม่ถูกต้องหรือไม่ครบ (บางครั้งมีมากกว่าหนึ่งจุด) ลูกค้าก็จะพบปัญหาอีกหลังจากซ่อมไปไม่นาน

โรแยลแอร์มีประสบการ์ณซ่อมมากกว่า 30 ปี มีเครื่องมือมาตราฐานในการหาจุดรั่วซึม เช่น แก๊สเช็ครั่ว สารเรืองแสงพร้อมหลอดแสง UV เพื่อหารอยรั่ว น้ำยาเช็ครอยรั่ว ซึ่งทำให้มั่นใจว่าเราสามารถแก้ปัญหาเรื่องรอยรั้วซึมภายในการซ่อมครั้งเดียว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจุกจิก และเสียเวลาของลูกค้าที่มาใช้บริการจากโรแยลแอร์

Q6: ทำไมแอร์ไม่มีควมเย็นเมื่อจอดติดไฟแดง แต่เมื่อเร่งเครื่องหรือวิ่งจะมีความเย็นปกติ

A:6 ปัญหาที่พบส่วนใหญ่เกิดจากคอมเพรสเซอร์เสื่อมสภาพ ไม่สามารถสร้างกำลังอัดได้เพียงพอกับระบบแอร์รถยนต์ ดังนั้นเมื่อรถยนต์จอด เครื่องยนต์ทำงานในรอบเดินเบา คอมเพรสเซอร์ไม่สามารถสร้างแรงอัดแรงดูด ที่จะสูบฉีดน้ำยาแอร์ให้ไหลวนในระบบแอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อรถยนต์วิ่งหรือทำการเร่งเครื่อง ก็เป็นการเพิ่มแรงให้คอมเพรสเซอร์หมุนเร็วมากขึ้น สร้างแรงอัดแรงดูดในการสูบฉีดน้ำยาแอร์ให้ไหลวนในระบบแอร์ได้อย่างปกติ ท่านผู้ขับขี่ควรนำรถยนต์เข้าตรวจเช็คเพื่อสภาพของคอมเพรสเซอร์แอร์ เพราะเป็นสัญญาณเตือนของการเสื่อมสภาพของคอมเพรสเซอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาลูกสูบหรืออุปกรณ์ภายในคอมเพรสเซอร์แอร์แตก ซึ่งจะทำให้เศษเหล็กไปอุดตันส่วนต่างๆในระบบแอร์ได้

Q7: เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์เสีย มีทางเลือกอะไรบ้าง

A7: โดยปกติทางร้านจะเสอนทางเลือกให้ลูกค้าในกรณีที่คอมเพรสเซอร์เสีย คือ 1.เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ลูกใหม่ของแท้ 100% (ราคาสูงหน่อยแต่ใช้คุม) 2. เปลี่ยนคอมเพรสเซอร์มือสอง ที่ทางร้านทำการซ่อมด้วยอะไหล่มาตราฐานภายใน พร้อมเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ใหม่ (ราคาถูกกว่าครึ่งแต่อายุการใช้งานสั้นกว่าของใหม่ โดยปกติเรารับประกันให้ 3 เดือน) 3. ซ่อมคอมเพรสเซอร์โดยปกติถ้าปัญหาเกิดจากคลัทช์ เราสามารถเปลี่ยนเฉพาะคลัทซ์ให้ได้

Q8: เมื่อคอลย์เย็นหรือตู้แอร์รั่ว ควรจะทำอย่างไร


A8: คอลย์เย็นหรือตู้แอร์ (Evaporator) ทำหน้าที่ดูดซับความร้อนของอากาศในห้องผู้โดยสาร ความร้อนนี้จะถูกถ่ายไปสู่น้ำยาแอร์อีกทีหนึ่ง โดยปกติเมื่อคอล์ยเย็นหรือตู้แอร์รั่ว ต้องทำการเปลี่ยนตู้แอร์ใหม่ ไม่สามารถทำการซ่อมได้ (ตู้แอร์บางอย่างอาจจะทำการเชื่อมรอยรั่วได้ แต่จะไม่ทนทาน) ตู้แอร์มีหลายเกรดหลายชนิดขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำตู้แอร์ เพราะฉนั้นท่านเจ้าของรถยนต์ไม่สามารถที่จะเทียบราคาที่แตกต่างกันตามร้านแอร์ต่างๆได้ ท่านควรเลือกร้านแอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ และประสบการ์ณเพื่อจะได้รับการบริการที่มีคุณภาพ และได้รับอะไหล่ที่มีคุณภาพด้วย โดยปกติราคาการเปลี่ยนตู้แอร์ใหม่จะเริ่มต้นที่สองพันกว่าบาทสำหรับรถญี่ปุ่นทั่วไป

Q9: ทำไมเมื่อซ่อมแอร์รถยนต์ ช่างแนะนำให้เปลี่ยนรีซีฟเวอร์ดรายเออร์หรือกรองน้ำยาแอร์

A9: ระบบแอร์รถยนต์เป็นระบบปิด ซึ่งสารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์จะไหลวนอยู่ในระบบเพื่อนำความร้อนจากห้องโดยสารไปถ่ายเทข้างนอกตัวรถยนต์ กรองน้ำยาแอร์หรือรีซีฟเวอร์ดรายเออร์ (Receiver Drier) เป็นตัวเก็บน้ำยาแอร์และกรองสิ่งเจือปนต่างๆออกจากน้ำยาแอร์ และยังมีสารดูดความชื้นเพื่อดูดความชื้นในระบบออก เป็นการป้องกันการจับตัวเป็นน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความเย็นลดลง การถอดเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆของระบบแอร์ จะทำให้ระบบที่ปิดสนิทเปิดออก อากาศภายนอก็จะสามารถเข้าไปในกรองน้ำยานี้ได้ซึ่งจะทำให้สารดูดความชื้นมีประสิทธิภาพน้อยลง เพราะฉนั้นช่างควรแนะนำให้เปลี่ยนกรองน้ำยาแอร์ร่วมกับการเปลี่ยนอะไหล่อื่นๆที่เสีย เพื่อเป็นการรักษาประสิทธิภาพการทำความเย็น โดยปกติกรองน้ำยาแอร์ราคาประมาณ สามร้อยถึงสองพันกว่าบาท

Q10: รถกระบะที่มีแอร์ 2 ตู้ทำไมถึงแอร์เย็นไม่ฉ่ำ

A10: สำหรับรถกระบะสองตอน เมื่อทำการติดตั้งแอร์ตู้หลังเพิ่ม มีข้อแนะนำให้ติดคอนเดนเซอร์หรือรังผึ้งแอร์เพิ่มอีกหนึ่งตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ดีขึ้น การติดตั้งแอร์ตู้หลังเพิ่มโดยไม่เพิ่มคอนเดนเซอร์ อาจจะทำให้ความร้อนสะสมไม่สามารถระบายความร้อนด้วยคอนเดนเซอร์ตัวเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุให้แอร์ไม่เย็นช่ำเท่าที่ควรจะเป็น

Q11: ทำไมรถตู้แอร์สำหรับคนนั่งแถวหลังไม่ค่อยเย็นเท่าที่ควร

A11: มีข้อแนะนำสำหรับปัญหาแอร์รถตู้ที่ไม่เย็นฉ่ำ 1.ให้ติดคอนเดนเซอร์หรือรังผึ้งแอร์เพิ่มอีกหนึ่งตัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนให้ดีขึ้น การติดตั้งแอร์ตู้หลังเพิ่มโดยไม่เพิ่มคอนเดนเซอร์ อาจจะทำให้ความร้อนสะสมไม่สามารถระบายความร้อนด้วยคอนเดนเซอร์ตัวเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุให้แอร์ไม่เย็นช่ำเท่าที่ควรจะเป็น 2. เพิ่มกำลังมอเตอร์โบเวอร์ที่ทำหน้าที่เป่าลมเย็น เพื่อให้มีกำลังลมมากพอที่จะเป่าลมไปที่ที่นั่งแถวหลัง 3.ทำความสะอาดตู้แอร์และระบบแอร์รถยนต์เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นเพิ่มขึ้น 4. ติดฟิลม์กรองแสงให้ทึบขึ้น

Q12: ทำไมราคาค่าซ่อมแอร์และอะไหล่จึงแตกต่างกันมากในบางร้าน และข้อแนะนำสำหรับการเลื่อกร้านแอร์ในการซ่อมรถยนต์ของท่าน

A12: อะไหล่แอร์รถยนต์หรือเรียกว่า "After Maker Part" ผลิตขึ้นมาโดยหลายบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน และ สิงค์โปร ซึ่งมีการใช้วัสดุที่มีคุณภาพต่างกัน อีกทั้งยังมีอะไหล่ที่เรียกว่า รีบิวท หรือ บิวท ซึ่งเป็นอะไหล่เก่าเอามาซ่อมและทำให้ดูเหมือนใหม่ ซึ่งราคาถูกกว่าอะไหล่แท้หลายเท่า ดังนั้นท่านเจ้าของรถยนต์อาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบราคา ในการตัดสินใจเลือกร้านซ่อมแอร์รถยนต์ ข้อแนะนำคือท่านควรจะนำรถยนต์ของท่านไปซ่อมในร้านที่รู้จัก มีขนาดใหญ่สักหน่อย และมีความน่าเชื่อถือเพื่อให้แน่ใจว่า รถยนต์ของท่านจะได้รับการซ่อมด้วยอะไหล่ที่มีคุณภาพ

สำหรับโรแยลแอร์จะประเมินราคาค่าซ่อมให้แก่ลูกค้าทุกครั้ง เมื่อลูกค้าตัดสินใจใช้บริการเราจึงจะเริ่มซ่อมรถยนต์ของท่าน ทางบริษัทใช้อะไหล่ใหม่ที่มีคุณภาพทุกชิ้น ซึ่งราคาของการซ่อมที่ทางร้านเสนอจะสูงกว่าร้านแอร์เล็กๆทั่วไป แต่จะถูกกว่าศูนย์ซ่อมรถยนต์มาตรฐาน สำหรับลูกค้าที่มีงบจำกัด เราสามารถเสนอทางเลือกของอะไหล่มือสองโดยเฉพาะคอมเพรสเซอร์ ซึ่งผ่านการซ่อม ทำความสะอาดและเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ใหม่ โดยราคาเริ่มต้นที่ 2,900 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของคอมเพรสเซอร์และรถยนต์ของท่าน

Q13: ปัญหามีน้ำหยดตรงที่วางเท้าด้านหน้าในห้องผู้โดยสาร

A13: ปัญหานี้ เกิดจากท่อน้ำทิ้ง ที่ต่อจากตู้แอร์เพื่อให้ระบายลงสู่พื้นนอกตัวรถยนต์อาจจะหลุดออกจากตู้แอร์ หรือมีสิ่งสกปรกอุดตันท่อระบายน้ำทิ้ง ท่านต้องนำรถยนต์เข้าตรวจเช็คเพื่อทำการใส่ท่อน้ำให้แน่หนา และควรจะให้ช่างทำความสะอาดตู้แอร์เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่อาจจะอุดตันท่อน้ำ นอกจากนี้ท่านควรทำความสะอาดพรมที่วางเท้า เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นอับที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะกลิ่นเหล่านี้อาจจะถูกดูดกลับเข้าไปในตู้แอร์ ซึ่งจะเป็นบ่อเกิดของกลิ่นอันไม่พึ่งประสงค์

Q14: แอร์มีความเย็นน้อย ลมที่เป่าออกมาจากช่องแอร์เบา บางทีมีกลิ่นอับหรือมีเศษฟองน้ำ หรือเศษสิ่งสกปรกสีดำๆ ถูกเป่าออกมาทางช่องแอร์

A14: ปัญหานี้ อาจจะเกิดจากสิ่งสกปรกอุดตันตู้แอร์ ซึ่งจะทำให้ลมไหลผ่านตู้แอร์ได้น้อยลง และยังนำพาสิ่งสกปรก กลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาทางช่องแอร์ ข้อแนะนำท่านควรจะนำรถยนต์ของท่านไปทำการล้างตู้แอร์ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกเหล่านั้น สำหรับการล้างแอร์ที่โรแยลแอร์ เราจะทำการถอดล้างชิ้นต่อชิ้นด้วยมือ ล้างด้วยน้ำยาล้างตู้แอร์โดยเฉพาะ ล้างครั้งที่สองด้วยเดทตอลเพื่อฆ่าเชื้อโรค ล้างครั้งที่สามพร้อมทำการเป่าให้แห้ง และทำความสะอาดช่องระบายลมในห้องผู้โดยสาร จึงมั่นใจได้ว่าการล้างแอร์กับเรา ท่านจะได้แอร์ที่ได้ทำความสะอาดจริงๆ


จาก  บริษัท โรแยลแอร์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด   ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: คำถามที่พบบ่อยและวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับแอร์รถยนต์
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |