> > >ในวันพฤหัสที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา แฟนของผม ยืนรอรถเมล์อยู่บริเวณสำโรง
> > >เวลาประมาณบ่าย 5 โมงเย็น มีรถบรรทุกหมูที่จะไปส่งโรงฆ่าสัตว์แล่นผ่านมา
> > >ได้มีหมูตัวหนึ่ง ดิ้นรนหลุดออกจากกรง ตกลงมาจากรถกระบะ
> ลงมาอยู่ที่ริมฟุตบาท
> > >ตรงหน้าแฟนผม เกิดความสงสารสัตว์ที่จะถูกนำไปโรงฆ่า เธอโทรศัพท์หาผม
> > >เราตกลงกันว่าจะติดต่อขอซื้อหมูตัวนั้น ในราคา 6000 บาท
> แล้วให้นำไปส่งที่บ้าน
> > >ใน จ. สมุทรปราการ ที่อยู่ห่างไปประมาณ 10 กม. มาวันแรกเค้ายังเดินไม่ได้
> > >เนื่องจากเจ็บที่ขาหลังด้านขวา อีกทั้งน้ำหนักมากถึง 107 กิโล
> > >ร่วมกับเพลียจากการเดินทาง วันแรกจึงให้น้ำ ให้อาหาร แล้วมันก็นอนพัก
> > >เราก็เป็นห่วง กลัวมันจะไม่สบาย
> > >
> > >เราได้ตั้งชื่อมันว่า เจ้าสำโรง ตามสถานที่ที่พบมัน
> > >
> > >เช้าวันต่อมา อาการมันดีขึ้น สดใสขึ้น กินน้ำได้มาก
> > >เราได้ไปพาสัตวแพทย์ที่หน้าซอยบ้านมาตรวจ 2 ครั้ง
> > >แพทย์บอกว่าเจ้าสำโรงอ่อนเพลีย และเจ็บที่ขา ตรวจแล้วกระดูกไม่หัก
> > >แต่กล้ามเนื้ออักเสบ ให้นอนพักผ่อน
> > >เนื่องจากเกรงใจเพื่อนบ้านที่ติดกันเนื่องจากหมูร้องเสียงดัง
> > >จึงได้โทรศัพท์ติดต่อไปที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี
> > >เนื่องจากเคยได้ยินว่ามีรับสัตว์ที่ไถ่ชีวิต
> > >ทางวัดบอกว่ามีการรับเลี้ยงสัตว์ที่ไถ่ชิวิตจริงๆ แต่ที่นนทบุรีเต็มแล้ว
> > >ทางวัดมีสาขาที่ อ. กบิณทร์บุรี จ. ปราจีนบุรี ชื่อมูลนิธิร่มโพธิ์แก้ว 2
> > >รับเลี้ยงสัตว์ที่ถูกไถ่ชีวิตทางวัดที่นนทบุรี ส่งวัว ควาย
> > >ไปไว้ที่นั่นแล้วสิบกว่าตัว รับเลี้ยงได้ จึงติดต่อให้ทางวัดนำรถมารับ
> > >โดยจ่ายค่าขนส่ง 1000 บาท ตกลงให้มารับในวันเสาร์
> > >
> > >
> > >ในวันเสาร์ วันนี้เป็นวันที่รถของทางวัดจะมารับเจ้าสำโรง
วันนี้มันดีขึ้นมาก
> > >พยายามลุกเดิน 3 ขา แต่ยังไม่ค่อยไหว กินอาหารได้ดีขึ้นมาก
> > >เราเลี้ยงเจ้าสำโรงด้วยข้าว กล้วย ผักกาด ผักบุ้ง
> > >วันนี้เราเลยได้รู้ว่าเจ้าสำโรงชอบกินผักบุ้งมาก นึกแล้วก็ใจหายเหมือนกัน
> > >เพราะวันนี้รถจะมารับมันไปแล้ว
วันนี้เจ้าของเขียงหมูที่เราซื้อเจ้าสำโรงมา
> > >แวะมาเยี่ยมที่บ้านด้วย แล้วก็ให้คำแนะนำในการเลี้ยง
> > >รวมทั้งถามอาการเจ็บขาของมัน
> (เราเองก็คาดไม่ถึงว่าเจ้าของเขียงหมูจะเป็นห่วง
> > >ตามมาเยี่ยมถึงบ้านด้วย เค้าบอกว่าพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก
> > >เราบอกเค้าว่าวันนี้ทางวัดจะมารับมันไปเลี้ยงแล้ว ไม่ต้องมาแล้วก็ได้ครับ
> > >ขอบคุณมากๆ )
> > >
> > >
> > >ประมาณ บ่าย 3 โมง รถของทางวัดก็มารับ
> > >เราช่วยกันอุ้มเจ้าสำโรงขึ้นรถอย่างทุลักทุเล วันนี้เจ้าสำโรงร้องดังมากๆ
> > >เหมือนมันไม่อยากไป เราเองก็คิดถึงมัน เลยขอแผนที่ทางวัดไว้
> > >เผื่อวันหลังจะตามไปเยี่ยม
> > >ตกเย็น ไปงานรับปริญญาน้องชายแฟน กลับมานอนที่บ้าน นอนไม่ค่อยหลับ
> > >เพราะคิดถึงเจ้าสำโรง มันรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
> > >น่าแปลกที่แฟนก็คิดเหมือนกัน วันรุ่งขึ้นจึงตัดสินใจไปเยี่ยมมันที่โน่นเลย
> > >เผื่อขาดเหลือค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจะได้ช่วยกัน
> > >
> > >
> > >ไปถึงวัดตอนบ่ายๆ บริเวณมูลนิธิร่มโพธิ์แก้ว
> > >จะมีลักษณะเป็นโรงจำหน่ายของที่รับบริจาคมา ละมีการทำสวนพืชไร่หลายชนิด
> > >จึงไปติดต่อกับพระที่ดูแลที่นี่
> > >บอกท่านว่ามาเยี่ยมเจ้าสำโรงที่รถนำมาส่งเมื่อวาน
> > >ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่วัด และพระรูปอื่น ทำหน้าแปลกๆ และซุบซิบกันไปมา
> > >และได้เรียกพระท่านนี้เข้าห้องไปคุย ปิดประตูอยู่พักหนึ่ง ท่านก็ออกมา
> > >ผมเลยบอกว่ารบกวนท่านบอกทางไปที่เลี้ยงสัตว์
> > >เพราะว่าวันนี้ไปแวะซื้อผักบุ้งจากห้างมาหอบใหญ่ เพราะรู้ว่าเจ้าสำโรงชอบ
> > >พระท่านบอกว่าเดี๋ยวพาไปเอง ท่านพาเดินดูที่นั่น ที่นี่ พาไปดูสวน
> > >ผมก็บอกท่านว่าขอไปดูหมู ท่านก็บอกว่าทางนี้ พอไปถึงก็ไม่มี
> > >ท่านก็บอกว่าอยู่อีกที่หนึ่ง วนไปวนมานานถึง 2 ชั่วโมง ก็ยังไม่พบ
> > >ระหว่างนั้นพระท่านนี้ก็เล่าว่า วัวที่นี่ไม่มีแล้ว
> > >เนื่องจากนำไปจ่ายเป็นค่าตอบแทนชาวบ้านที่มาช่วยงานแทนเงินเดือน(
> > >แล้วถ้าหากชาวบ้านที่ได้นำไปขายหรือฆ่าล่ะ)
> > >
> > >ระหว่างเดินอยู่ พบคอกเลี้ยงลูกหมูป่าคอกเล็ก ๆ ประมาณ 10 ตัว
> ไม่พบวัวซักตัว
> > >หลังจากเดินมานานก็ยังไม่พบ จึงถามพระ ท่านก็บอกว่าหมูเมื่อวานป่วย
> > >นำไปส่งที่ปศุสัตว์แล้ว ผมเลยถามท่านว่าปศุสัตว์ไปทางไหน จะตามไปเยี่ยม
> > >ท่านก็บอกว่าวันหยุดราชการไม่เปิด
> > >ผมก็ถามท่านว่าแล้วเมื่อวานวันหยุดราชการปศุสัตว์มาตรวจได้ยังไง
> > >ท่านก็เงียบไปบ่ายเบี่ยงต่างๆ แล้วบอกผมว่าเดี๋ยวต้องถามคนดูแลสัตว์อีกที
> > >ผมก็บอกว่างั้นขอพบ พระบอกว่าคนนี้ไม่อยู่ กลับกรุงเทพ ผมบอกว่างั้นจะรอพบ
> > >สุดท้ายคนๆนี้ก็มา หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง
> > >มันบอกผมว่าหมูเมื่อวานป่วย เลยให้สัตวแพทย์มาดู
และนำไปส่งที่ปศุสัตว์แล้ว
> > >ผมบอกจะตามไปดู ก็บอกว่าปิดราชการ ไปไม่ได้
ผมถามว่าวั้นสัตวแพทย์มาได้ยังไง
> > >มันตอบว่าสัตวแพทย์มาดูแล้ว บอกว่าอาการมันหนัก เลยจัดการไปแล้ว!!!
> > >
> > >
> > >ผมตกใจมากถามว่าสัตวแพทย์ที่มาดูชื่ออะไร จะตามไปถาม ถามไปถามมา
> > >สุดท้ายมันบอกผมว่ามันตัดสินใจฆ่าเอง โดยเชือดแบ่งเนื้อแจกจ่ายไปแล้ว
> > >และมันบอกว่าขอรับผิดเอง มันอ้างว่าคาดไม่ถึงว่าผมจะตามไปดู
> > >มันบอกว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีคนที่ไถ่ชิวิตสัตว์ตามไปดู มีผมเป็นคนแรก
> > >ถ้ามันรู้ว่าผมมามันคงไม่ฆ่าหรอก
> > >ทั้งผม และแฟนผมเสียใจมาก นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ในวัด
> > >กับสัตว์ที่ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่า คิดไม่ถึงว่ามาถึงที่นี่
> > >มันไม่ให้เค้ากินน้ำกินอาหารด้วยซ้ำ กลับฆ่ามันเหมือนถูกส่งโรงฆ่าสัตว์
> > >ผมและแฟนผมเสียใจมาก เธอร้องไห้ตลอดเกือบทั้งวันหลังจากนนั้น
> > >ผมจึงคิดว่าอย่างน้อยต้องประกาศให้สังคมรับรู้ ถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้น
> > >และคงต้องพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
> > >ขอความเห็นใจจากสังคมด้วยครับ
> > >
> > >จากคุณ : นพ. ภูริภัทร ภูริพันธุ์ภิญโญ - [ 23 ม.ค. 49 22:44:19 ]