ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
19 กรกฎาคม 2025, 04:56:13
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น  |  หัวข้อ: เปิดบ้านพิษณุโลกครั้งที่ 4 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดบ้านพิษณุโลกครั้งที่ 4  (อ่าน 1473 ครั้ง)
KING 99
We Will Returns
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,076



« เมื่อ: 05 มิถุนายน 2007, 10:27:18 »



วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2550
นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนเคารพในคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ

 วันนี้ เวลา 08.00 น. ณ บ้านพิษณุโลก พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ใน รายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ เป็นครั้งที่สี่ โดยมีนายอดิศักดิ์ ศรีสม เป็นผู้ดำเนินรายการ


พิธีกร สวัสดีครับ ท่านผู้ชม นี่คือรายการ "เปิดบ้านพิษณุโลก" พบกันเป็นประจำทุกเช้าวันเสาร์ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11และถ่ายทอดเสียงผ่านสถานีวิทยุกระจายแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ด้วย คุณผู้ชมครับ รูปแบบของรายการนี้คงไม่ต้องทบทวนกันแล้ว เพราะออกอากาศมาสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 รูปแบบของรายการคือ ผู้ดำเนินรายการอย่างผม หรือเสาร์ที่แล้ว คุณสัญญา คุณากร คุณสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ล้วนแล้วแต่เป็นแขกรับเชิญของบ้านนี้ทั้งสิ้น ได้รับความกรุณาท่านเจ้าของบ้านให้เข้ามาพูดคุยกันในเรื่องราวต่าง ๆ เรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชน เรื่องการทำงานบริหารบ้านเมือง ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่พี่น้องประชาชนจะได้รับทราบเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้ด้วย และแน่นอนครับ เราต้องไปทักทายกับเจ้าของบ้านก่อนครับ ท่านพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี สวัสดีครับ
นายกรัฐมนตรี สวัสดีครับ

ประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ


พิธีกร ก่อนอื่นต้องเรียนท่านผู้ชมก่อนว่าวันที่เราบันทึกเทปตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคม 2550 เป็น 1 วันหลังจากที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับคดียุบพรรคการเมือง และผลก็ออกมาอย่างที่ทราบกันอยู่ เพราะฉะนั้นแน่นอนหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คงจะต้องเปิดเรื่องกัน พูดคุยกันในเรื่องรางเหล่านี้ ท่านนายกรัฐมนตรีได้มีโอกาสติดตามการวินิจฉัยของตุลาการ รัฐธรรมนูญทั้งวันเมื่อวานนี้ไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามส่วนใหญ่ ก็คิดว่า 3 ใน 4 ของการอ่านคำวินิจฉัยนั้น ผมได้มีโอกาส ฟังอยู่ตลอด มีบางช่วงได้ไปเยี่ยมหน่วยงาน และมีการหารือกัน ก็ไม่ได้ฟัง ช่วงเดินทางกลับบ้านยังเปิดวิทยุฟัง คงติดตามอย่างใกล้ชิดก็ว่าได้


พิธีกร นานพอสมควร เป็นคำวินิจฉัยที่ยาวที่สุดในโลก ไม่ทราบจริงหรือเปล่า
นายกรัฐมนตรี ผมไม่ทราบ แต่ว่าคำวินิจฉัยถ้าได้พิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะเห็นว่า ได้กระทำอย่างละเอียด ประเด็นย่อย ๆ ต่างๆ ผมว่าถ้าเราได้ติดตามคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญแล้ว จะเป็นประโยชน์เป็นบทเรียนที่จะนำไปศึกษาได้ ทั้งในด้านทางกฎหมายเอง และในด้านทางการเมือง


พิธีกร ก่อนหน้านั้นหลายคนกังวล ๆ ว่าจะไม่สงบ จะมีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แม้กระทั่งวันนี้ซึ่งต่อเนื่องจากการอ่านคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญเมื่อคืนนี้ ตอนนี้ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ช่วง 2-3 วันนี้ นอนหลับไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ ไม่มีความกังวล เพราะว่าได้ติดตามสถานการณ์อย่างที่กล่าวไปแล้ว และได้มีการเตรียมการในเรื่องของการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนมาล่วงหน้าพอสมควร เราไม่ได้ทำเช้าวันที่ 30 พฤษภาคม เราทำมาล่วงหน้าพอ สมควรแล้ว จะเห็นได้ว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจ แล้วรับฟังคำวินิจฉัย ส่วนมากอยู่ที่บ้านหรือไม่ก็อยู่ที่ทำงาน ไม่ได้ออกมาแสดงความเคลื่อนไหวในด้านการเมืองต่าง ๆ

บันทึกการเข้า



 รูปตา neat_boy แบบตัวจริงชัดเจนต้องรูปนี้นะ เด็กๆ
KING 99
We Will Returns
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,076



« ตอบ #1 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2007, 10:28:30 »


ควรนำคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญมาเป็นกรณีศึกษา


พิธีกร ท่านนายกรัฐมนตรีเห็นอย่างไรกับคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญที่ออกมา ยุบพรรคไทยรักไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ไม่ถูกยุบ พรรคอื่น ๆ ก็ถูกยุบไป และกรรมการบริหารพรรค ไทยรักไทย 111 คน ก็ถูกตัดสิทธิในเรื่องการเมือง กับมุมมองของสิ่งที่ออกมาวันนี้ ท่านมีความเห็นอย่างไรนายกรัฐมนตรี ในความเห็นของผมได้กล่าวไว้นานแล้วคือว่าเป็นเรื่องที่เราจะต้องเคารพในคำวินิจฉัยของศาล ในขณะนี้หมายถึงว่าเมื่อตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยไปแล้ว อย่างที่ผมเรียนไปตอนต้นว่า ถ้าศึกษาให้ดีก็จะเป็นบทเรียน บทเรียนที่ว่านี้มีทั้งสองด้านคือสิ่งที่น่าจะได้นำไปเป็นแนวทางในอนาคตข้างหน้า และสิ่งที่ควรจะแก้ไข ไม่ควรจะทำอีก ในสิ่งนี้ถ้าจะพูดกันว่าในบ้านเมืองของเราประกอบด้วยอำนาจ 3 ส่วน อำนาจบริหาร อำนาจในการออกกฎหมาย และอำนาจตุลาการ ผมซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารอยู่ในปัจจุบันนี้ ต้องเคารพในอำนาจของฝ่ายตุลาการ คือเราจะต้องมีอะไรซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในบ้านเมืองของเรา


พิธีกร หมายความว่าเราต้องเคารพสิ่งที่ออกมา จริง ๆ คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญก็วิพากษ์วิจารณ์ได้อยู่ แต่ถือว่าให้สังคมสงบก็ไม่ควรจะไม่ยอมรับ แต่ประเด็นคือในทางการเมือง หลายคนถามครับท่านนายกรัฐมนตรี ยุบพรรคไทยรักไทยแรงไปไหมในทางการเมือง
นายกรัฐมนตรี ในส่วนที่ว่าจะแรงหรือไม่แรง ผมคิดว่าคำวินิจฉัยได้ชี้ให้เห็นชัดเจน ถ้าลงไปศึกษารายละเอียดอย่างที่ผมว่า ผมคงไม่ไปวิจารณ์ว่าแรงหรือไม่แรง เพราะถ้าเผื่อเราไปพูดอย่างนั้นหมายถึงว่าเราไปแย้งคำวินิจฉัยของศาล


พิธีกร คนแย้งมีครับ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศก็รายงาน เพราะเขาไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศ บอกไม่คาดคิดเหมือนกัน แรงเกินไป
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่ผู้ที่รับผลกระทบโดยตรงจะมีความรู้สึกอย่างนั้นเป็นธรรมดา และเราในฐานะที่เป็นประชาชนที่ฟังอยู่ ผมก็คิดว่าเราต้องดูด้วยความยับยั้งและดูเหตุดูผลทั้งสองด้าน คำว่าแรงเกินไป ก็เป็นส่วนที่ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ คุณทักษิณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผมคิดว่าในทุกครั้งที่ศาลตัดสิน คนที่ได้รับผลกระทบเสียใจทุกคน ไม่ว่าจะคดีใด ๆ ก็ตาม ผมก็เคยถูกศาลตัดสิน เพราะฉะนั้นก็มีความรู้สึกว่าเสียใจ แต่เมื่อเรามองย้อนกลับมาว่าเราได้ทำอะไรผิดไหม เราควรจะปรับปรุงตัวไหม เราต้องยอมรับว่าเราทำผิดจริง


พิธีกร พ.ต.ท.ทักษิณฯ ก็ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ก็ส่วนกรรมการบริหารพรรค แต่กับคนที่สนับสนุนน่าห่วงไหม ประชาชนที่พรรคไทยรักไทยเคยบอกว่ามีเป็น 10 กว่าล้านคนที่สนับสนุนอยู่ อันนี้แรงสำหรับเขาไหม
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าคนไทยทั้งหมด คงจะฟังได้จากคำวินิจฉัย ผมถึงบอกว่าควรจะนำคำวินิจฉัยมาศึกษาให้ละเอียด อย่าไปบอกว่าแรงหรือไม่แรง เพราะว่าถ้าเราศึกษาโดยละเอียดแล้ว จะเห็นว่าแต่ละประเด็นที่ตุลาการรัฐธรรมนูญได้มาวิเคราะห์มาดูและวินิจฉัยออกมา เป็นสิ่งที่น่าจะได้ศึกษา เรามักจะไปมองว่าผลออกมาเป็นอย่างไร นับว่าเป็นเอกฉันท์หรือไม่เอกฉันท์ ซึ่งผมคิดว่าตรงนั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่สำคัญคือคำวินิจฉัย ตรงนี้จะบอกถึงที่มาที่ไปของความเป็นมาของเรื่องราวคือเหตุไปสู่ผล เรามักจะไปดูผล โดยที่ไม่ดูเลยว่าเหตุที่มาเป็นอย่างไร

บันทึกการเข้า



 รูปตา neat_boy แบบตัวจริงชัดเจนต้องรูปนี้นะ เด็กๆ
KING 99
We Will Returns
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,076



« ตอบ #2 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2007, 10:29:18 »

รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี


พิธีกร ท่านกำลังจะบอกว่าถ้าจะดูเหตุให้ดูในคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญว่าเป็นเหตุจริง ๆ จึงนำไปสู่การยุบพรรค ไม่ใช่ตั้งธงยุบพรรคไว้ก่อน แล้วไปหาเหตุมาใช่
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ


พิธีกร เพราะฉะนั้นคำวินิจฉัยที่ยืดยาวอย่างนี้ ประชาชนต้องศึกษาว่าอะไรคือข้อเท็จจริง
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นส่วนที่ผมคิดว่าตรงนี้ ทางตุลาการรัฐธรรมนูญก็ต้องการให้เกิดความ ชัดเจน ต้องการที่จะให้เห็นว่ารายละเอียดต่าง ๆ เป็นอย่างไร ผมคิดว่าเจตนาของท่านคือต้องการให้ผู้คนได้ศึกษาและนำไปปรับปรุงแก้ไข


พิธีกร ระยะนี้ต้องติดตามอะไรเป็นพิเศษไหม เพราะว่าหลายคนมองว่ายุบพรรคเสร็จแล้วอาจจะไม่จบ จะเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสความขัดแย้งอะไรตามมา เพราะยุบพรรคไม่ใช้สาระ แต่สาระจริง ๆ คือ แนวคิดที่เห็นขัดแย้งกัน เป็นขั้วเป็นอะไรต่าง ๆ ยังคงอยู่ สิ่งเหล่านี้ท่านนายกรัฐมนตรีมองอย่างไร และจะต้องเร่งประสานให้เกิดความเข้าใจอย่างไร
นายกรัฐมนตรี อย่างที่เรียนแล้วว่าสาระในความขัดแย้งที่ว่านั้นคืออะไร ต้องมองถึงเหตุที่มาของความขัดแย้ง ถ้าเราจะบอกว่ากลุ่มคนสองกลุ่มขัดแย้ง ต้องถามว่าเหตุที่มาของความขัดแย้งคืออะไร และศึกษาว่าถ้าเราจะอยู่กันอย่างนี้ จะดีสำหรับบ้านเมืองของเราไหม นั่นคือคำถามที่สอง ถ้าไม่มีใครที่จะหาทางแก้ไข ไม่มีใครที่จะหาทางออมชอมกัน ผมคิดว่านั่นคงไม่ใช่สังคม คงเป็นสภาพอย่างนี้ จะบอกว่ารัฐบาลจะหาทางแก้ไขอย่างไร รัฐบาลก็พยายามอยู่แล้วที่จะให้มีการพูดคุยกัน ให้มีการแก้ไขปัญหากันโดยสันติวิธี รอมชอมกัน ยอมรับในคำวินิจฉัยของศาล ซึ่งก็เป็นหลักอย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ถ้าเราไม่ยอมในสิ่งเหล่านี้ เราเอาแต่ใจตัวเอง เอาแต่ความคิดของตัวเราเองเป็นหลัก ก็ไม่มีทางที่จะออมชอมกันได้ แม้แต่ในบ้านเอง สามีภรรยาถ้าต่างคนต่างเอาแต่ใจของตัวเอง ก็คือหย่าร้าง ไม่มีทางที่จะไปอยู่ด้วยกันได้เลย ถ้าไม่ยอมกัน


พิธีกร เพราะฉะนั้นจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไปขนาดไหน ตอนนี้ได้มีการคุยอะไรกับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยบ้างหรือไม่ ว่าให้สงบ อยู่ในที่ตั้ง หรือได้ประสานความเข้าใจอะไรกันบ้าง เพราะว่าเมื่อคืนหลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว เราก็เห็นท่าทีบางอย่างในลักษณะที่อาจจะไม่ยอมรับต่อคำวินิจฉัยเหล่านี้ และอาจนำไปสู่กระบวนการที่ทำให้เกิดการปลุกระดมอะไรทำนองนั้น หรืออาจจะไม่เกิดก็ได้ ซึ่งตรงนี้ต้องเร่งทำความเข้าใจก่อนไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ได้ทำความเข้าใจไปแล้ว อย่างที่ได้กล่าว ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ในส่วนของกรรมการพรรคหรือผู้บริหารพรรคนั้น คงต้องให้เวลาท่านระยะหนึ่งที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพของความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถที่จะคิดได้ล่วงหน้าว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นจะมากจะน้อยขนาดไหน แต่ที่จะรู้แน่ ๆ คือต้องมีความเปลี่ยนแปลง


เตรียมพิจารณายกเลิกประกาศ คปค. ใน 1-2 สัปดาห์


พิธีกร เพราะฉะนั้นต้องให้เวลาตรงนี้ คำว่าให้เวลาตรงนี้ หลายท่านเสนอเป็นข้อเสนออยู่เหมือนกันว่า มันเหมือนน้ำที่อยู่ในกา และเดือดจัด ๆ แต่ไม่มีรูระบายออก ก็อาจไปสู่จุดระเบิด เขาบอกเจาะรูให้ออกหน่อยได้ไหม อย่างเช่นเรื่องประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมืองทั้งหลาย จะยกเลิกได้ไหม ให้รวดเร็ว ซึ่งท่านประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) บอกว่าภายใน 2 สัปดาห์จะเร่งทำ ได้มีการหารือกับท่านหรือยัง
นายกรัฐมนตรี ได้หารือกันแล้ว ตรงนี้คิดว่าในเรื่องทางการเมืองไม่ได้เหมือนกาน้ำเดือดอะไร ก็เป็นเรื่องของขั้นตอน เมื่อมีความชัดเจนว่าพรรคการเมืองที่จะยังสามารถทำงานทางการเมืองได้ต่อไปจะมีพรรคอะไรบ้าง นั่นจะเป็นช่องทางที่จะให้พรรคการเมืองได้มีโอกาสที่จะทำงานทางการเมืองก่อนที่จะมีการประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญออกมาในร่างที่ 2 นั่นเป็นส่วนที่ได้มีการหารือกัน และเป็นอย่างที่ประธาน คมช. ได้ให้ความสัมภาษณ์ไปแล้วคือภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์คงจะได้ข้อยุติ เป็นส่วนหนึ่งของมติ ครม. ออกมาว่า เราจะดำเนินการในรายละเอียดในเรื่องของประกาศ คมช. ทั้งสองฉบับนั้นอย่างไร


พิธีกร หมายความว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์จะยกเลิก
นายกรัฐมนตรี ไม่เกิน


พิธีกร จะยกเลิกแล้วให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้
นายกรัฐมนตรี ในส่วนนี้ประธาน คมช. พูดว่าขอหารือในแง่กฎหมายก่อนว่า จะมีอะไรที่จะผ่อนคลาย จะทำให้การทำงานทางการเมืองนั้นเป็นไปได้สะดวกขึ้น ก็มีหลายส่วนที่สามารถจะทำได้ คงไม่ได้ในลักษณะที่จะบอกว่า Yes or No หรือ ได้ทั้งหมดหรือไม่ทำอะไรเลย คงมีอะไรซึ่งจะพูดได้ว่า อยู่ตรงช่วงไหนอย่างไร ไม่ได้บอกว่าให้หรือไม่ให้ จะต้องมีตรงกลางซึ่งเป็นทางออก ถ้าจะพูดกันในส่วนนี้คงหมายถึงว่าความเหมาะสม ความสมดุล ความพอดี


พิธีกร ประกาศ คปค. มีอยู่ 2 ฉบับ ถ้าจะยกเลิกก็ต้องยกเลิก
นายกรัฐมนตรี ก็มีส่วนที่จะบอกได้ว่าจะทำงานการเมืองในระดับไหนอย่างไรได้บ้าง


พิธีกร อาจจะมีข้อแม้ การจะจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองทำได้ไหมหลังจากนั้น
นายกรัฐมนตรี ขณะนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ถ้าเราประกาศไปว่าจะดำเนินการอะไรต่อไปในระยะเวลาสั้น ๆ จะทำได้ เพราะกิจกรรมอย่างที่ว่าคงจะต้องพูดกันกับทางด้านนักกฎหมายว่า อะไรที่สามารถจะดำเนินการได้ทันที อะไรซึ่งอาจจะดูว่าระยะเวลาที่มีอยู่นั้นจะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหนอย่างไร

บันทึกการเข้า



 รูปตา neat_boy แบบตัวจริงชัดเจนต้องรูปนี้นะ เด็กๆ
KING 99
We Will Returns
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,076



« ตอบ #3 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2007, 10:29:59 »

ประชาชนต้องร่วมมือกันเพื่อให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า


พิธีกร คิดว่าหลังจากนั้นและมีการให้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองได้ ถ้าหากเกิดการรวมกลุ่มของกลุ่มเก่า ๆ ที่วันนี้ต้องยุติบทบาททางการเมือง แต่อาจจะไม่ออกหน้าเอง จะนอมินีในการตั้งพรรค หรือกรรมการบริหารที่ไม่ได้เป็นกรรมการพรรคไทยรักไทยก็ไปตั้งพรรค ถือเป็นข้อจำกัดของเขาไหม
นายกรัฐมนตรี คงไม่น่าจะเป็นข้อจำกัด คงจะไปบอกว่าใครจะเป็นนอมินีของใคร ผมคิดว่าคงไม่ได้เป็นปัญหาทางการเมือง ไม่ได้มีข้อจำกัดทางกฎหมายว่าห้ามนอมินีทางการเมือง คงไม่ได้เป็นอย่างนั้น แม้กระทั่งนอมินีทางเศรษฐกิจ กฎหมายก็ยังไม่สามารถจะออกมาได้ในขณะนี้ ฉะนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่จะไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะอย่างที่พูดกันว่า ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เป็นเรื่องที่ยาก


พิธีกร มาถึงตรงนี้แล้ว จริง ๆ ท่านอยากจะพูดอะไรกับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ให้เข้าใจอะไรมากไปกว่าที่บอกว่าให้รออ่านคำวินิจฉัยอย่างละเอียดก่อนแล้วจะเข้าใจอะไรมากขึ้น นอกเหนือจากตรงนี้แล้วท่านอยากจะพูดอะไรอีกไหมครับว่า ประเทศเราต้องการความสมานฉันท์อย่างที่ รัฐบาลตั้งเป็นธงเอาไว้ แต่ว่าวันนี้ยังจะต้องมาย้ำกันอีกไหมอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ผมคิดว่าถ้าเรามองถึงเรื่องประโยชน์ของส่วนรวม ประโยชน์ของชาติบ้านเมืองว่าเราจะไปทางไหนกัน ก็ต้องถามกันก่อนว่าเราจะไปทางไหนกันสำหรับบ้านเมืองของเรา เราอยากที่จะเห็นบ้านเมืองเราอยู่อย่างนี้ไหม หรืออยากจะเห็นสิ่งที่ดีกว่านี้ ถ้าเราอยากจะเห็นสิ่งที่ดีกว่านี้ ก็ต้องช่วยกัน ช่วยกันผลักดัน ช่วยกันแก้ไข จะบอกว่ารัฐบาลเป็นผู้ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว ผมคิดว่านั่นคงไม่ได้เป็นภาระที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ทั้งหมด คำว่า รับผิดชอบในด้านการบริหาร เป็นเรื่องของกลไกในส่วนราชการ กลไกที่จะต้องประคับประคองสังคมของเรา ชาติบ้านเมืองของเรา ให้มีความก้าวหน้าไป ถ้าหากว่าพี่น้องประชาชนไม่ได้ให้ความร่วมมือก็เป็นเรื่องที่ลำบาก


พิธีกร หัวใจอยู่ที่ประชาชน
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ


ทิศทางการเมืองไทยน่าจะดีขึ้น


พิธีกร ท่านคิดว่าการเมืองไทยหลังจากที่ยุบพรรคแล้ว มีการจัดโครงสร้างองค์กรทางการเมืองอะไรกันใหม่หลาย ๆ ส่วนเท่าที่เราเห็น จะมีรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งคงจะเป็นช่วงปลายปี การเมืองไทยจะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน ในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ท่านเห็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ผมหวังว่าน่าจะดีขึ้น เป็นความหวัง เพราะผมคงไม่สามารถจะไปบอก หรือไปมองภาพเหมือนอย่างนักพยากรณ์ทั้งหลายได้ คงมีความหวังเช่นเดียวกับคนทั่วไป หวังอยากจะเห็นชาติบ้านเมืองมีความก้าวหน้า หวังอยากจะเห็นการเมืองมีการพัฒนา แต่คงไม่สามารถที่จะไปดำเนินการบริหารจัดการให้มีการดำเนินการทางการเมืองไปในทิศทางนั้นได้ ถ้าหากว่าพวกเราไม่ได้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง คือนักการเมืองเอง ผู้ที่ดำเนินการทางการเมืองเอง ส่วนหนึ่งท่านต้องเป็นบุคคลที่จะต้องรับภาระเป็นส่วนใหญ่ รัฐบาลในฐานะที่เข้ามารับหน้าที่ในช่วงเวลาวิกฤตเพียงช่วงเวลาสั้นๆ อยากที่จะดำเนินการเพื่อให้ท่านที่มีหน้าที่ที่จะดำเนินการทางการเมืองเหล่านี้ในอนาคตข้างหน้าได้เข้ามาสานต่อและรับไป เราพยายามที่จะพูดง่าย ๆ ว่าจะส่งมอบงานในช่วงซึ่งต้องการที่จะทำให้เกิดความสมดุล ให้เกิดความพอดีในช่วงนี้ ไปสู่ผู้ดำเนินการทางการเมือง นักการเมืองในช่วงหน้าต่อไป คงไม่สามารถจะทำอะไรให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้เรียกว่าผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว จะดีเลิศไม่มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่ก็หวังว่าจะดีขึ้นกว่าที่เราได้เป็นอยู่ในอดีตที่ผ่านมา กว่าในปัจจุบัน เพื่อไปสู่อนาคตที่ดีกว่า


การเคารพกฎ กติกา จะทำให้งานการเมืองเดินไปด้วยดี


พิธีกร หลายคนบอกว่าจากปัญหาบ้านเมืองที่ผ่านมาในระยะเวลาปีเศษสองปี และนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง การปฏิวัติ นำมาสู่การจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาดูแลความเรียบร้อย และมาร่างรัฐธรรมนูญ มาจัดการเลือกตั้ง แต่เขาบอกว่าเรื่องการปฏิรูปการเมืองยังไม่ได้คุยกันเลย ไป ๆ มา ๆ จะปฏิวัติฟรี เราก็ทำอะไรฟรี ๆ เพราะว่าทุกอย่างจะกลับไป วงจรอุบาทว์เหมือนเดิม มีกลุ่มนักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามาบริหารบ้านเมืองเหมือนเดิม ท่านห่วงไหมครับเรื่องนี้
นายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องที่ทุกคนได้พยายามหาทางแก้ไขกันอยู่ ส่วนหนึ่งจากรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ว่าจะมีการกำหนดกฎ กติกา อย่างไร ตรงนี้ก็เป็นส่วนสำคัญ


พิธีกร ท่านเชื่อว่ารัฐธรรมนูญคือยาหม้อใหญ่ที่จะแก้ปัญหาพวกนี้ได้
นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นยาหม้อใหญ่ แต่จะเป็นกฎ กติกา เหมือนกับคุณอดิศักดิ์ ถ้าจะถามว่าจะเล่นฟุตบอล ก็ต้องมีอย่างน้อย ๆ ก็ห้ามใช้มือ ต้องมีกติกา ถ้าเราไม่มีกติกาที่เป็นที่ยอมรับได้ ทุกคนบอกว่าลงไปเล่นฟุตบอล แต่ว่าเดี๋ยวก็มีหัตถ์พระเจ้า ลูกเข้าประตูไปแล้ว แต่ออกมาดูทีหลังกลายเป็นว่าใช้มือ มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็น


พิธีกร รัฐธรรมนูญเป็นแค่กติกา แต่การปฏิรูปการเมือง การเมืองที่จะดีได้จริง ๆ หัวใจอยู่ตรงไหน
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นส่วนที่ประกอบกันทุก ๆ ส่วน อย่างที่พูดแล้ว ผู้เล่นก็ต้องเป็นส่วนประกอบอันหนึ่ง กฎ กติกา ก็ต้องเป็นส่วนประกอบอีกอันหนึ่ง สนามกีฬาก็เป็นส่วนประกอบอีกอันหนึ่ง อย่างที่เขาพูดกันว่ามันราบเรียบสม่ำเสมอ ไม่ใช่ขรุขระ หน้าประตูอีกด้านหนึ่งเรียบ หน้าประตูอีกด้านหนึ่งขรุขระ ผลก็ไม่เท่ากัน ฉะนั้นทุกอย่างเป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะต้องครบองค์ทั้งกฎ กติกา มารยาทของคนเล่น ทั้งสภาพสนาม ถ้าหากว่าเป็นส่วนประกอบที่สมบูรณ์แล้ว ถือได้ว่าเป็นส่วนที่จะทำให้งานการเมืองเป็นไปได้อย่างดี


พิธีกร คนดูเป็นหัวใจสำคัญไหมครับ
นายกรัฐมนตรี คนดูเป็นส่วนหนึ่ง ว่า ไม่ตีกัน ไม่ขว้างสิ่งที่เป็นอันตรายต่อนักกีฬาลงไปข้างล่าง ถ้าเราอยู่ข้างของผู้ที่เราไม่ได้เชียร์ ก็มีอย่างที่เห็นในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลก็มีให้ปรากฏอยู่แล้ว ถ้าผู้ชมดูด้วยความเป็นผู้ชมที่ดี ไม่ได้แสดงสิ่งที่ถือว่าเป็นอารมณ์ออกมามากเกินไป ดูด้วยการยอมรับว่าเมื่อเกมของไม่ดี เกมของเราพลาด เราถูกเขายิงประตู เราก็ต้องยอมรับและต้องหาทางปรับปรุง และไปเล่นในการแข่งขันครั้งหน้า ถ้าผู้เล่นของเราไม่ดี ตรงไหนที่ไม่ดี


พิธีกร แต่ทีมยังทีมเดิม ๆ อยู่เลย
นายกรัฐมนตรี ต้องดูว่าผู้เล่นของเราคนไหนที่ไม่ดี ก็ต้องเปลี่ยน อย่างของอังกฤษอย่างน้อยเขาเรียก "เบ็คแฮม" กลับมา เพราะว่าเป็นอะไร ก็เป็นส่วนหนึ่ง


พิธีกร แสดงว่าท่านก็หวังว่าอยากจะให้คนใหม่ ๆ เข้ามาสู่การเมือง
นายกรัฐมนตรี แน่นอนครับ ผมคิดว่าเป็นวิวัฒนาการ และต้องมีคลื่นลูกใหม่เข้ามาแน่ ๆ อย่างในส่วนที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าคลื่นลูกใหม่ ๆ ผมคิดว่าในระดับอายุ 40 ต้น ๆ ก็เป็นคลื่นลูกใหม่แล้ว


พิธีกร คงต้องพักสักครู่หนึ่ง กลับมาคงคุยกันต่อ และในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ท่านเดินทางไปต่างประเทศ สิ่งที่ต่างประเทศมองเข้ามาในประเทศไทย เรื่องของการเมืองไทย เรื่องของสิ่งที่ท่านได้อธิบายให้เขาได้มีความเข้าใจ รวมถึงเรื่องที่ท่านไปติดต่อเรื่องกิจการบ้านเมืองทั้งหลาย มีอะไรที่มาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง

บันทึกการเข้า



 รูปตา neat_boy แบบตัวจริงชัดเจนต้องรูปนี้นะ เด็กๆ
KING 99
We Will Returns
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,076



« ตอบ #4 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2007, 10:31:03 »

ญี่ปุ่น-จีนเข้าใจสถานการณ์การเมืองของไทย


พิธีกร กลับเข้าสู่ช่วงที่ 2 ท่านนายกรัฐมนตรีครับ บ้านพิษณุโลกเป็นบ้านประจำตำแหน่งใช่ไหมครับ
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ


พิธีกร แต่ไม่มีนายกรัฐมนตรีท่านใดมาพักเลย
นายกรัฐมนตรี แล้วแต่ละท่านจะมีข้อคิดเห็นอย่างไร ในส่วนของผมคงตอบได้ว่า เวลาที่ผมมาอยู่ค่อนข้างสั้น ก็คุยกับภรรยา เขาบอกว่าขี้เกียจขนย้ายข้าวของ และการที่จะไม่ได้ใช้บ้านใดบ้านหนึ่ง จะทำให้บ้านนั้นทรุดโทรม และบ้านผมที่อยู่นี่ก็ค่อนข้างที่จะไกล ไม่อยากทิ้งไว้ เลยไม่มาอยู่ที่นี่


พิธีกร บ้านพิษณุโลกเลยเป็นบ้านประจำตำแหน่งเท่านั้นเอง และถูกใช้สำหรับการรับรองแขกบ้ายแขกเมืองในโอกาสสำคัญ ๆ
นายกรัฐมนตรี ไม่ถึงกับแขกบ้านแขกเมือง แขกที่ถือว่าไม่ได้เป็นทางการ ก็มีทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติบ้าง มาคุยกัน


พิธีกร เอาเป็นว่าจะเปิดบ้านพิษณุโลกอย่างนี้ทุกเสาร์ให้เราได้มีโอกาสมาพูดคุยกัน กลับมาคุยในประเด็นเรื่องการงานบ้าง ท่านไปต่างประเทศในช่วงนี้ ท่านไปญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ จีนเพิ่งกลับมา เขาห่วงอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยบ้างไหม เพราะทั้งคู่คือยักษ์ใหญ่ในเอเชียแล้วจะมีผลต่อเราพอสมควร ในเรื่องของการเมือง เขาสนใจอะไร และเราได้อธิบายอะไรให้เขาเข้าใจบ้าง
นายกรัฐมนตรี ในส่วนของญี่ปุ่นได้ไปเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญที่ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญระหว่างความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น คือความต่อเนื่องของการดำเนินการระหว่างประเทศ เราได้มีการเจรจาในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่นมานานพอสมควร แล้วในปีนี้เป็นปีที่ถือว่าเป็นปีที่ 120 ปีของความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เป็นห้วงเวลาซึ่งน่าที่เราจะได้กระชับความร่วมมือระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น ความร่วมมือที่ว่านี้หมายถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จำเป็นจะต้องดำเนินการต่อไปในอนาคต ในห้วงระยะเวลาข้างหน้า สิ่งที่เราได้ดำเนินการหมายถึงว่า เราได้สานต่อเรื่องของการประสานงานระหว่างประเทศ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ผมได้ไปชี้แจงให้ทราบว่าในด้านนโยบายต่างประเทศของไทยนั้น เราไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลย เราดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ต่างชาติเกิดความมั่นใจในเรื่องของความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ความร่วมมือทางด้านวิชาการ ความร่วมมือในด้านการลงทุนต่าง ๆ เพื่อให้เขาเกิดความมั่นใจ


พิธีกร ต่างประเทศเวลาเขาจะมั่นใจ เขาจะมั่นใจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เขาถามไหมครับประเด็นนี้ ว่าประเทศคุณเมื่อไรจะเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญจะเสร็จเมื่อไร อะไรอย่างไร ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ประเทศทางตะวันตกหรือประเทศพัฒนาแล้วสนใจมาก
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าประเทศทางเอเชียมองในเรื่องนี้ด้วยความที่เข้าใจมากกว่า เขามองว่าที่มาของรัฐบาลนี้มาอย่างไร เขาไม่ได้มองจากการรัฐประหาร เขามองไปก่อนหน้านั้นว่าเหตุที่ทำให้เกิดการเข้ามายึดอำนาจ เกิดมาจากอะไร นั่นเป็นส่วนที่สำคัญ เขาเข้าใจอย่างชัดเจน เพราะว่ามีคนญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 50,000 คน เพราะฉะนั้นทุกคนก็รู้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยเป็นอย่างไร รัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งถือว่าเป็นรัฐบาลซึ่งมีการลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด ก็มีความห่วงใยในเรื่องเหล่านี้ และติดตามอย่างใกล้ชิด ฉะนั้นเขาทราบดีว่าเหตุที่มาของการรัฐประหารคืออะไร รัฐบาลนี้มาเพื่อที่จะทำหน้าที่อะไร เราไม่ต้องอธิบายมาก เพียงแต่บอกว่า ขั้นตอนที่ได้มีการพูดกันไว้ รัฐบาลจะรักษาตารางเวลาของการทำงานให้เป็นไปตามนั้น เราจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งได้มีการประกาศไปแล้ว ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ติดตามอย่าง ใกล้ชิด และคิดว่าสิ่งที่เราได้ดำเนินการไปนั้น เป็นไปตามแนวทางอย่างแท้จริง ความเชื่อมั่นอยู่ที่ตรงนั้น ว่าเราจะทำอย่างที่เราพูดไปแล้ว

พิธีกร จีนถามไหมเรื่องแบบนี้
นายกรัฐมนตรี จีนไม่ถามเหมือนกัน เพราะจีนก็เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นชาติที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเราเป็นอย่างมาก จะพูดได้ว่า จีนกับไทยไม่ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน คงเป็นจริง เพราะว่าคนไทยที่มีเชื้อสายจีนมีมาก คงไม่ใช่ระหว่างคุณอดิศักดิ์กับผมเท่านั้น คงมีอีกมาก ที่สืบสาวกันไปแล้ว จะบอกว่าเป็นรุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 รุ่นที่ 4 ที่มีเชื้อสาย สืบสายทางด้านคุณพ่อ คุณแม่ ก็ได้ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ในส่วนของคนจีนผมคิดว่าได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และมีความ เข้าใจ นโยบายของรัฐบาลจีนก็ไม่ได้เน้นในเรื่องของที่จะเข้าไปแทรกแซงทางการเมืองในประเทศอื่น ก็เน้นแนวทางที่จะอยู่ร่วมกันในลักษณะที่เป็นแนวทางสมานฉันท์ เป็นแนวทางที่จะอยู่ร่วมกันโดยสันติ


พิธีกร แม้จะไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเขาก็ไม่ได้ติดใจเรื่องนี้ เพราะเขาเข้าใจเหตุและผลว่าทำไมรัฐบาลนี้ถึงต้องเข้ามาในช่วงนี้ เข้ามาเพื่อวัตถุประสงค์ในการที่จะประคองอะไรไปให้ตลอดรอดฝั่ง อย่างนั้น
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ


ไทย-ญี่ปุ่นตั้งคณะทำงานร่วมกันดูแล JTEPA


พิธีกร แล้วเรื่องงานที่ไปทั้งญี่ปุ่นและจีน เอาเฉพาะสาระสำคัญ ถือว่ารัฐบาลที่มาชั่วคราวอย่างนี้ได้ทำอะไรเป็นผลบ้าง
นายกรัฐมนตรี ในส่วนของญี่ปุ่นได้มีการลงนามความตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น(JTEPA) ซึ่งจะมีผลต่อสินค้าทางด้านการเกษตรของเราที่จะส่งไปขายญี่ปุ่น ข้อตกลงนี้ต้องรอทางฝ่ายญี่ปุ่นซึ่งจะต้องเข้าสภาในเดือนมิถุนายนนี้ นั่นเป็นข่าวที่ได้รับ เมื่อทางฝ่ายญี่ปุ่นได้นำเข้าสภาแล้ว เราจะมาดูในรายละเอียดของการทำงานร่วมกันระหว่างสองประเทศ อย่างที่พูดคือในเรื่องของสินค้าเกษตร อัญมณี การลงทุน ซึ่งเป็นทั้งสองด้าน สินค้าเกษตรกับอัญมณี เป็นสินค้าที่จะเข้าไปสู่ญี่ปุ่น ในเรื่องของการลงทุนจะมีการลงทุน เท่าที่ผมได้รับทราบจะมีการลงทุนหลัก ๆ 2 ด้าน ด้านหนึ่งในเรื่องของอุตสาหกรรมหนักเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็ก จะเป็นเหล็กที่จะมาประกอบรถยนต์ ซึ่งจะสอดคล้องกับอุตสาหกรรมการประกอบรถยนต์ภายในประเทศของเรา อีกส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของการที่จะเข้ามาทำแท่นขุดเจาะน้ำมันในประเทศไทย แล้วเป็นอุตสาหกรรมทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ ที่เขาจะผลิต Hard Disk สำหรับคอมพิวเตอร์ที่จะไปขายทางอินเดีย เอเชียตะวันตก ญี่ปุ่นได้วางแนวทางไว้แล้วว่า นี่ก็เป็นจุดที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาลงทุน


พิธีกร พอมองเห็นประโยชน์ร่วมกันอยู่ แต่ข้อห่วงใยก่อนที่ท่านจะไปเซ็น เรื่องขยะพิษ เรื่องสิทธิบัตรจุลชีพ สรุปแล้วเป็นอย่างไร
นายกรัฐมนตรี ก็มีการตกลง เป็นข้อตกลงแยกของส่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของทั้งสองประเทศได้ลงนามร่วมกัน แต่ในหลักการจริง ๆ แล้ว ขอบอกได้ว่า ในสิ่งเหล่านี้มีข้อตกลงของการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งได้มีการทำความตกลงกันไว้ที่เมือง Basle อยู่ชายแดนของสวิสเซอร์แลนด์กับเยอรมนี มีการตกลงกันที่นั่นแล้ว ทางญี่ปุ่นเขาก็บอกว่า สิ่งที่ได้ลงนามกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศ คือ สิ่งที่ได้ทำความตกลงไว้ในด้านขององค์การการค้าโลก ที่เมือง Basle นั่นเอง ไม่ได้มีอะไรที่เป็นพิเศษ เพียงแต่ว่าเน้นให้ผู้ที่มีความกังวล ผู้ที่มีความวิตกได้เข้าใจว่าการแก้ไขปัญหานี้จะเป็นไปตามกรอบความ ตกลงต่าง ๆ ไม่มีการละเมิด


พิธีกร คือแยกออกมาจากตัวสัญญาใหญ่เป็นพิเศษ แล้วเน้นถ้อยความที่ว่าจะปฏิบัติตามกรอบสนธิสัญญา Basle หรือองค์การการค้าโลก ที่มีกรอบอยู่แล้วทั้งหมด
นายกรัฐมนตรี ใช่ครับ และจะมีคณะทำงานร่วมกันระหว่างสองประเทศที่จะดูแล คล้าย ๆ กับเป็นกรรมการร่วมที่ทำงานร่วมกันของทั้งสองประเทศ ที่จะดูแลในเรื่องนี้โดยเฉพาะ

บันทึกการเข้า



 รูปตา neat_boy แบบตัวจริงชัดเจนต้องรูปนี้นะ เด็กๆ
KING 99
We Will Returns
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,076



« ตอบ #5 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2007, 10:31:49 »

ไทย-จีนขยายความร่วมมือครอบคลุม 15 สาขา


พิธีกร ท่านไปจีนกลับมา ช่วงไปเห็นว่าเตรียมจะบินกลับเหมือนกันถ้าเกิดมีอะไรเกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรี ในส่วนนี้คงเป็นเรื่องที่อยากจะเรียนมา เมื่อได้มีกระแสพระราชดำรัสมาแล้ว ทำให้ผมในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารก็เกิดความกังวลว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นแล้ว ผมไม่ได้อยู่ในประเทศ ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดี จึงปรับลดเวลาให้สั้นลง ไปเพียง 2 วันกับ 1 คืน ซึ่งได้ครอบคลุมสาระที่สำคัญ ๆ ทั้งหมดไว้ในช่วงระยะเวลานั้น ที่สำคัญคือทางฝ่ายจีนได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติว่า เป็นความสัมพันธ์ที่มีความลึกซึ้ง ไม่ใช่เพียงแค่ 30 กว่าปีที่ผ่านมานี้เท่านั้น อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า ฝ่ายจีนได้ย้ำถึงคำที่ว่า จีนกับไทยไม่ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน ทั้งประธานาธิบดีจีน นายกรัฐมนตรีจีน ก็ใช้ประโยคเดียวกัน ในส่วนนี้แสดงถึงว่าความลึกซึ้งในด้านความสัมพันธ์จีน-ไทยนั้น คงไม่ได้เฉพาะในเรื่องของทางการทูตเท่านั้น แต่เป็นความสัมพันธ์ทางเชื้อสาย ทางสายเลือดที่มีความเชื่อมโยงกันมาโดยตลอด


พิธีกร ในมิติที่เป็นประโยชน์ร่วมกันมีอะไรบ้าง
นายกรัฐมนตรี มิติที่เป็นประโยชน์ร่วมกันก็เป็นการตกลงความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ซึ่งครอบคลุมใน 15 เรื่องที่สำคัญ ที่อยากจะยกขึ้นมาคือ ในเรื่องของทางการศึกษา จะมีในด้านของการรับรองปริญญาบัตรซึ่งกันและกันระหว่างไทยกับจีน ซึ่งมีรายละเอียดที่จะทำ ในเรื่อง อื่น ๆ ที่จะดำเนินการร่วมกันจะเป็นในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม เทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองส่วน ในเรื่องการศึกษาของเยาวชนที่จะต้องมีการไปมาหาสู่ ในเรื่องของการลงทุน ซึ่งเราได้ตั้งเป้าไว้ในการลงนามความสัมพันธ์ไว้ว่า ในด้านเศรษฐกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะขยายการค้า ซึ่งปัจจุบันประมาณ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะขยายเป็น 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใน 3 ปีข้างหน้า หมายถึงว่ารวมการค้าทั้งสองชาติ เราส่งไปขายเขา เขาส่งมาขายเรา รวมกันแล้วเป็นเท่าไร


พิธีกร แต่ใครจะได้มากกว่ากันอีกเรื่องหนึ่งใช่ไหม
นายกรัฐมนตรี ขณะนี้เราขาดดุลกับจีนอยู่นิดหน่อย ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


พิธีกร ตั้งแต่ FTA หรือเปล่า
นายกรัฐมนตรี เรายังไม่ได้ลงนามในเรื่องของความร่วมมืออะไรต่าง ๆ มากมาย ไปกว่าที่ได้ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน นั้น เป็นสิ่งที่มีความต่อเนื่องและครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่สานต่อ ที่เราจะทำร่วมกัน


พิธีกร เห็นบอกว่าจะขยายเรื่องโลจิสติกส์ คือการขนส่งอะไรต่อกันระหว่างไทยกับจีน
นายกรัฐมนตรี นั่นเป็นส่วนประกอบอันหนึ่ง ผมอยากจะพูดตรงนี้ลงไปนิดหนึ่งว่า ในเรื่องของการลงทุนเองจะขยายตัวจากประมาณ 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเป็น 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นเรื่องของการลงทุน ส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องของจีนที่จะมาลงทุน เราไปลงทุนบ้างไม่มากนัก เราไปลงทุนทางยูนนานบ้าง ไปลงทุนในมณฑลต่าง ๆ ของจีนบ้าง ก็มีบริษัทใหญ่ ๆ ที่ได้ไปลงทุน นั่นเป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นส่วนย่อย ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วจีนจะมาลงทุน ก็พูดกันถึงว่าการที่จะไปถึงเป้าหมายอันนี้จะต้องมีอะไรที่มารองรับ ก็เป็นเรื่องของความร่วมมือที่จะขยายการคมนาคมทางอากาศ ทางเรือ ทางพื้นดิน จะต้องครบ อะไรที่จำเป็นจะต้องไปทางอากาศก็ไปทางอากาศ อะไรที่สามารถจะขนส่งทางพื้นดินได้ ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์ ซึ่งต่อไปคงจะเป็นทางรถไฟ ก็เป็นเรื่องที่ได้มีการพูดคุยเจรจากัน ในเรื่องของการลงทุน ซึ่งจีนมีความต้องการที่จะมาลงทุนในประเทศไทยค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของโครงข่ายระบบการจัดการสินค้าและบริการ ที่คุณอดิศักดิ์ใช้คำว่า โลจิสติกส์ เราใช้ภาษาไทยว่า ระบบการจัดการสินค้าและบริการ


พิธีกร คำว่า โลจิสติกส์ ยังไม่มีในพจนานุกรม
นายกรัฐมนตรี อันนี้เป็นสิ่งที่เราพยายามที่จะนำเสนอ เพราะไม่อย่างนั้นเราคงจะต้องใช้ภาษาอังกฤษกันมากขึ้น ในทางทหาร เรามีคำนี้นานแล้ว เราแปลมานานแล้ว เป็นเรื่องของระบบการส่งกำลังบำรุง ในแง่ของทางพลเรือน เรามามองว่า ระบบการจัดการสินค้าและบริการ เพราะส่วนใหญ่เกี่ยวกับสินค้าและบริการ บริการที่ว่านี้คือ ทั้งคนและของ การบริการที่จะอำนวยความสะดวกในเรื่องของคนและของ


รัฐบาลประกาศวาระแห่งชาติเรื่อง "น้ำ"


พิธีกร ท่านมีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกประชาชนไหมว่ารัฐบาลกำลังทำอยู่ คือผมเห็นใจท่าน ท่านจะถูกต่อว่า ทำอะไรอยู่บ้าง ไม่เห็นบอกเลย และทำช้า ซึ่งผมก็เห็นว่าก็ทำ เพราะเราติดต่อข้อมูลข่าวสารเราเห็นอยู่ ในฐานะที่ผมเป็นสื่อมวลชน มีอะไรอยากจะบอกไหมครับกับประชาชน มีโครงการอะไรใหญ่ ๆ บ้าง
นายกรัฐมนตรี ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้ประกาศไปแล้วในเรื่องของวาระแห่งชาติว่า "น้ำ" เป็นวาระแห่งชาติ และเป็นปีที่เป็นมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยในเรื่องน้ำ เราได้ประกาศวาระน้ำแห่งชาติ หมายถึงว่ามีการวางแผนงานในเรื่องของน้ำ ซึ่งประกอบด้วยแผนงานใหญ่ ๆ 3 ส่วน คือ น้ำกินน้ำใช้ น้ำที่เกินไปคืออุทกภัย และในเรื่องของการบริหารจัดการ เราจะทำภายในระยะเวลาปีหน้าคือปี 2551-2554 นั่นเป็นแผนในระยะประมาณ 5 ปี ถือได้ว่าในระยะปานกลางที่เราจะต้องทำอะไรกัน เรื่องทั้งหมดนี้มีหลายหน่วยงานที่จะต้องเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย จะต้องเข้ามาดูแล เพราะเป็นเรื่องของน้ำกิน ประปาหมู่บ้านยังไม่เรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องจัดงบประมาณลงไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการ เราจะพยายามแก้ไขปัญหาสิ่งเหล่านี้ให้ลุล่วงไป บางส่วนเรามีอยู่แล้ว แต่ชำรุด ก็จะทำให้ดีขึ้น อันนี้เป็นเรื่องของน้ำกินน้ำใช้


ในเรื่องของอุทกภัย จะต้องวางระบบการแจ้งเตือน การที่จะหาทางแก้ไขปัญหาอุทกภัย ซี่งในปัจจุบันเราเห็นว่าความเปลี่ยนแปลงของฝนฟ้าสภาพอากาศเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาซึ่งเราไม่คิดว่าฝนจะตกมาก เราต้องเผชิญกับปัญหานั้น กรุงเทพมหานครก็ไม่นึกว่าฝนจะลงมากในช่วงนี้ ก็ลง นั่นเป็นเรื่องที่เราจะต้องหาทางแก้กัน เพราะธรรมชาติเปลี่ยนแปลง เราจำเป็นจะต้องหาทางแก้ไขในสิ่งเหล่านั้น


ในเรื่องของการบริหารจัดการ ต้องมองทั้งระบบ หมายถึงว่าเป็นลุ่มน้ำ ต้องมองตั้งแต้ต้นน้ำซึ่งคงเกี่ยวเนื่องกับการดูแลพื้นป่า ที่จะให้ซึมซับน้ำอยู่ในช่วงบนอย่างไร ส่วนไหนซึ่งเราจะสามารถจะเก็บกักได้ ลุ่มน้ำไหนซึ่งยังไม่ได้มีการบริหารจัดการที่ดีพอ เราคงจะต้องมาดูในสิ่งเหล่านี้ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ 5 ปี คงมีงานที่จะต้องทำร่วมกันหลาย ๆ กระทรวง เราก็ทำเพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับคนส่วนใหญ่มากกว่าที่จะมองในด้านหนึ่งด้านใด เพราะว่าเมื่อนำทุกอย่างมาดู มาพิจารณาแล้ว อย่างที่ได้กล่าวว่าต้องมองเป็นลุ่มน้ำ เราก็จำเป็นจะต้องตัดสินใจ เราคงไม่สามารถที่จะทำอะไรโดยที่ไม่ได้ดูให้รอบคอบในทุก ๆ ด้าน และนำมาบอกว่าผมจะทำตรงนี้ คงไม่ใช่


พิธีกร นั่นจะทำ 5 ปี แต่ท่านจะอยู่อีก 8 เดือน แล้วใครจะทำต่อ
นายกรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่เป็นความต่อเนื่อง ผมคิดว่าเมื่อรัฐบาลที่มารับงานช่วงต่อไป จะต้องมาดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์ อะไรเป็นสิ่งที่ดีงาม ก็สานต่อ เหมือนอย่างที่ผมได้ทำต่อมาจาก รัฐบาลที่แล้ว อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีงาม ผมสานต่อในเรื่องของความต่อเนื่องของนโยบายต่างประเทศ นโยบายที่รัฐบาลที่แล้วทำแล้วได้ผล ผมก็รับมาทำต่อ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะฝากไว้ว่า เมื่อเรารับสิ่งใดมา เราต้องมาพิจารณาว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ก็ควรจะทำต่อ


พุทธศาสนิกชนต้องรู้วิธีบริหารจัดการกับความทุกข์


พิธีกร วันนี้เวลาของเปิดบ้านพิษณุโลกหมดลงตรงนี้ เรื่องกระแสการเมือง เรื่องอะไรต้องคุยกัน
นายกรัฐมนตรี ขอแถมนิดหนึ่งครับ สัปดาห์นี้ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่มีความสำคัญเป็นวันวิสาขบูชา ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธมากที่สุด อยากจะเรียนฝากไว้ว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ถือว่าเป็นหลักสำคัญคือ คำสอนที่ให้เรารู้จักทุกข์ ให้รู้ว่าเหตุที่มาของทุกข์เป็นอะไร สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์เป็นอะไร ทางที่จะไปสู่ความดับทุกข์จะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ผมคิดว่าในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน น่าจะได้ศึกษา เพราะแน่นอนว่าเราใช้คำว่า "บริหารจัดการ" บริหารจัดการกับความทุกข์ มีวิธีบริหารจัดการ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ แต่ทำไม่ได้เหมือนกันทุกคน เพราะท่านบอกว่าคนเราเกิดมาเหมือนกับใบไม้ในป่า ซึ่งมีไม่รู้กี่ล้านใบ แต่ว่าทุกใบไม่ได้เหมือนกันเลย นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเรียนว่า เมื่อท่านเป็นพุทธศาสนิกชน ท่านต้องรู้วิธีบริหารจัดการกับความทุกข์ เรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วก็ปฏิบัติ


พิธีกร หลังจากที่ท่านพ้นตำแหน่งไปแล้ว จะวางแผนชีวิต จะบวชอีกรอบไหมครับ
นายกรัฐมนตรี คงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ผมอยากจะใช้ชีวิตแบบธรรมดา ๆ มากกว่า อายุมากแล้ว ผมได้อ่านในพระไตรปิฏก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ท่านไม่อยากให้คนแก่ไปบวช เพราะว่าไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก คือ สังขารร่างกายไม่อำนวย ท่านอยากให้คนที่มีอายุน้อย ๆ ได้บวชได้ศึกษา และปฏิบัติ แล้วจะได้นำไปสั่งสอนคนอื่น


พิธีกร ท่านคิดว่าท่านแก่แล้วนะครับ
นายกรัฐมนตรี ก็พอสมควรแล้วครับ


พิธีกร แต่เขาก็เอาคนแก่มาเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน
นายกรัฐมนตรี ก็เป็นเรื่องที่อาจจะมองว่า ผมมีความเหมาะสม มีความพอดี ในขณะนี้


พิธีกร ผมก็ยังไม่เชื่อหรอกครับ คนแก่ยังมีประโยชน์อีกเยอะ และท่านก็ไม่ได้แก่ด้วย วันนี้ขอบพระคุณครับสำหรับเปิดบ้านพิษณุโลก ขอบพระคุณเจ้าของบ้านครับ สวัสดีครับ
นายกรัฐมนตรี สวัสดีครับ

บันทึกการเข้า



 รูปตา neat_boy แบบตัวจริงชัดเจนต้องรูปนี้นะ เด็กๆ
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น  |  หัวข้อ: เปิดบ้านพิษณุโลกครั้งที่ 4
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |