เห็นราคาน้ำมันพุ่งอย่างบ้าระห่ำ นอกจากช่วยกันประหยัดแล้วพวกเรามีกลเม็ดอื่นอีกไหมครับ เผื่อผู้รับผิดชอบในรัฐบาลนี้เขาคิดไม่ออก...
ข้อมูลเบื้องต้นประกอบการพิจารณาครับ
1.เราซื้อรถยนต์นั่งโดยจ่ายภาษีให้รัฐ 30 เปอร์เซ็นต์
2.ในแต่ละงวดที่เราผ่อนชำระมี VAT อยู่ 7 เปอร์เซ็น
3.เราทำใบขับขี่และต่อทะเบียนพร้อมชำระค่าธรรมเนียมที่ขนส่ง
4.น้ำมันดิบที่นำเข้ามาต้องเสียภาษีนำเข้า + เมื่อนำมากลั่นก็ต้องเพิ่มมูลค่า + ขนส่ง + โฆษณา + service หน้าลาน อันนี้ก็ผลักให้เรา
5.น้ำมันที่กลั่นแล้วและกระจายไปยังสถานี์บริการต้องเสียภาษีสรรพสามิตน้ำมัน อันนี้ก็ผลักมาให้เรา
6.ผู้ค้าน้ำมันต้องเสียภาษีหัวจ่าย ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมการใช้ถังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิง และอื่นๆ อันนี้ก็ผลักมาให้พวกเรา
7.เมื่อเราเติมน้ำมันเราต้องจ่าย VAT อีก 7 เปอร์เซ็นต์ อันนี้ก็ผลักให้เรา
8.เราต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนน้ำมันที่รัฐบาลบริหารผิดพลาดแล้วผลักภาระมาให้เรารับผิดชอบอีกลิตรละ 1 - 2 บาท
9.สิ่งที่คนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราๆ ได้รับคือข่าวร้ายซึ่งเป็นสูตรสำเร็จ คือ 1.ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก 2.ราคาหน้าโรงกลั่นในตลาดสิงโปร์ 3.ค่าการตลาดติดลบ ผู้ค้าจึงจำเป็นต้องประกาศขึ้นราคาน้ำมัน
มีคนกล่าวเอาไว้ว่า ลักษณะทางเศรษฐกิจของประเทศด้อยพัฒนามักจะพบว่ารัฐใช้อำนาจในการกำหนดนโยบายส่อไปในทางสมคบกับเอกชนเพียงไม่กี่รายเอารัด
เอาเปรียบประชาชนโดยไร้หนทางขัดขืน โดยการสร้างกติกาสนับสนุนการกำหนัดมูลค่าของสินค้าเกินกว่าความเป็นจริง
ถ้าฝันในอากาศเป็นความจริงขึ้นมาได้ ผมอยากจะขอในสิ่งต่อไปนี้
1.ขอเปลี่ยนแปลงฐานะจากลูกหนี้กองทุนน้ำมันเป็นผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ออกเสียง
2.ขอให้รัฐตั้งงบประมาณแผ่นดินไปใช้หนี้แทนกองทุนน้ำมันให้หมดในคราเดียว ไม่ใช่เก็บเล็กผสมน้อยจากพวกเราเอาไปทยอยตัดดอก
แล้วค่อยมาระดมหุ้นเพิ่มทุน
3.ขอให้นำเงินกองทุนน้ำมันไปซื้อหุ้น ปตท. เพื่อสิทธิในการบริหาร
4.ขอเหรียญเชิดชูเกียรติในฐานะเป็นผู้ทำคุณงามความดีแก่ชาติบ้านเมืองในด้านเศรษฐกิจ
5.ขอให้รัฐบาลพิจารณาแก้กฎหมายจะได้เลิกเก็บภาษีซ้ำซ้อน
6.ว่าแต่ พณฯ นายกรัฐมนตรีครับ ด้วยความเคารพ จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเรามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นดอกเตอร์ที่ว่ากันว่า
รู้เรื่องพลังงานดีที่สุดในประเทศนี้ ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับหรือยังไม่พ้นทดลองงาน