เรื่องนี้ได้รับจากคนในธนาคารกสิกรไทยสำนักงานใหญ่ ก็เลยอยากแชร์ให้คนที่ยังมีลูกเล็กๆให้ระวังไว้ 
จะเล่าอาการของลูกผมให้พี่ๆเพื่อนๆฟัง ว่ามีโรคที่เกิดใหม่ๆตลอดที่เรายังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคชนิดนี้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทราบสาเหตุของโรคนี้ 
และอันตรายพอสมควรถึงชีวิตได้ ถ้ารักษาอาการโรคไม่ทันหรือวินิจฉัยโรคผิด 
เรื่องก็มีอยู่ว่า 
วันแรกที่เริ่มมีอาการของโรคนี้ คือลูกผม (อายุ 3 ขวบ) บ่นว่า เจ็บคอ ซึ่งผมก็พาไปหาหมอ หมอก็ตรวจดูและให้ยาแก้อักเสบมาทานที่บ้าน (ผมคิดว่าแค่เป็นโรคหวัดธรรมดาทั่ว ไป) 
พอวันที่สาม ลูกบอกพ่อว่าเจ็บคออีกแต่ชี้ให้ดูที่คอด้านนอกว่าเจ็บตรงนี้ 
ผมเอามือจับดูรู้สึกว่าคอลูกผมมีอาการโตผิดปกติ และเริ่มเป็นไข้ ตัวร้อน 
ก็กลับไปหาหมออีกครั้ง หมอเปลี่ยนยาใหม่ และบอกผมว่าต่อมน้ำเหลืองโตให้ทานยาแก้อักเสบตัวใหม่ พร้อมยาแก้ตัวร้อน 
วันที่ห้า ลูกเริ่มมีอาการลิ้นเป็นตุ่มแดงคล้ายผลสตรอเบอรี่ ตาก็เริ่มแดง 
กินอะไรไม่ได้ เพราะเจ็บลิ้น, เจ็บคอ ผมพาไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้หมอบอกต้องนอนโรงพยาบาล เพราะหมอสง สัยโรคบางอย่าง แต่ยังไม่บอกว่าเป็นโรคอะไร ต้องเจาะเลือดไปตรวจก่อน 
วันแรกที่นอนโรงพยาบาลเริ่มให้น้ำเกลือ สลับกับกินยาลดไข้ เช็ดตัวตลอด 
(เป็นการนอนเพื่อรอดูอาการและรอผลการเจาะเลือด) 
วันที่สอง, วันที่สาม อาการยังทรงตลอด ไข้ก็ยังไม่ลด 38-39 ตลอด 
ผลการเจาะเลือดออกมา ไม่ใช่ไข้เลือดออก ลูกผมเป็นโรคอะไรกันแน่ 
วันที่สาม ลูกเริ่มมีอาการผื่นแดงๆตามลำตัว รอบๆสะดือแดง ผมเดินไปถามพยาบาลว่าเป็นโรคอะไรกัน หมอเริ่มรู้แล้วว่าลูกผมเป็นโรคอะไรจากการดูอาการ แต่ยังไม่บอกผม 
ผมเลยแอบถามพยาบาลว่าเป็นโรคอะไร พยาบาลตอบว่าน่าจะป็นโรค "คาวาซากิ" 
ผมงงเลย โรคอะไรหว่า ไม่เคยได้ยิน รุนแรงไหม อันตรายไหม ตั้งคำถามให้กับตัวเอง และเริ่มหาข้อมูล ซึ่งพอหาข้อมูล ได้เริ่มรู้อาการของโรค และที่น่าตกใจกว่านั้น ค่ายาที่รักษานั้นแพงมาก เป็นวัคซีนที่สกัดจากเลือด ราคาเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว รพ.ศิริราชประมาณ 30,000.- กว่าๆต่อหลอด และตอน นี้จะราคาเท่าไรกัน 
ซึ่งผมก็เพึ่งทราบว่าทำไมหมอถึงยังไม่บอกผม เหตุผลก็เพื่อที่จะวินิจฉัยโรคให้แน่นอน 100% เพราะค่ายามันแพง 
วันที่สี่ หมอได้เชิญหมอโรคหัวใจมาร่วมตรวจด้วย และทำการตรวจคลื่นหัวใจ 
ผลออกมาเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจเริ่มมีอาการโป่งพอง (อันตรายมันตรงนี้ คือถ้าเปรียบเทียบกับผู้ใหญ่ก็โรคหัวใจวาย เส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจตาย ตีบหรือโป่งพอง ประมาณนี้) คราวนี้ หมอบอกกับผมเลยว่าเป็นโรค "คาวาซากิ" แน่นอน และคุณหมอเริ่มสั่งยาหลอดแรก โดยผสมในน้ำ เกลือได้อีก 4 ขวดเล็กๆ 
(ขนาดแก้วกาแฟใบโตๆได้) โดยการให้ยานั้นต้องใช้เครื่องควบคุมการให้เข้าเส้นเลือด อัตราหยดต่อนาทีต้องแน่นอน เครื่องจะจับตลอดจะมีเสียงเตือนตลอด 
และต้องตรวจความดันลูกผมทุกๆ 15 นาที ว่ามีอาการแพ้ยาที่ให้ไปหรือไม่ 
วันที่ห้า หลังจากให้ยาไปได้ 2 ขวด ลูกผมเริ่มมีอาการดีขึ้นไข้เริ่มลดลง 
ตา ลิ้น ลำตัว จากที่เป็นสีแดง เริ่มจางหายไป 
ตอนเย็นไข้ไม่มีแล้วหลังจากขวดที่ 4 หมด หมอบอกว่าถ้าไข้ไม่มีภายใน 24 ชม. ก็กลับบ้านได้ หายแล้ว แต่ต้องกินยาแอสไพรินละลายลิ่มเลือดอีก 2 เดือน (ห้ามหกล้มหรือถูกของมีคมบาด เพราะเลือดจะไหลไม่หยุด) แลัวนัดมาดูอาการเส้นเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจใหม่อีกครั้ง 
วันที่หก ออกจากโรงพยาบาล กลับบ้านหายแล้ว ไปจ่ายค่ารักษา ประมาณ 
86,000.- บาท เฉพาะค่ายาที่รักษาโรคนี้หลอดละ 52,000.-บาท แพงไหมครับ 
แต่ลูกผมก็หายจากการให้ยานี้ในเวลารวดเร็ว 
จึงอยากเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆฟัง โรคคาวาซากิ เป็นอย่างไง เล่าให้ใครฟังมีแต่คนหัวเราะเพราะไม่เคยได้ยิน 
ยังมีอีก 1 ข้อของอาการนี้คือฝ่ามือ ฝ่าเท้าจะลอกเป็นแผ่นๆซึ่งลูกผมมีอาการนี้ภายหลังอีกสัปดาห์ต่อมา หมอบอกว่าไม่ต้องกังวล หายแน่ๆแล้ว จึงอยากเล่าเรื่องนี้ให้ฟังโรคนี้ที่พบ เป็นเฉพาะเด็กอายุไม่เกิน 5 ขวบและโอกาสเป็นโรคนี้ 5 % 
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~ 
โรคคาวาซากิ (Kawasaki disease) 
โรคคาวาซากิคืออะไร? 
เป็นโรคที่เป็นผลมาจากการอักเสบของเส้นเลือดขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วร่างกาย สาเหตุที่แท้จริงของโรคยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อบางชนิดทั้งแบคทีเรียและไวรัส, การใช้แชมพูซักพรม, การอยู่ใกล้แหล่งน้ำ 
โรคนี้ตั้งชื่อตามนายแพทย์คาวาซากิ ซึ่งเป็นแพทย์ชาวญี่ปุ่น ที่ได้รวบรวมรายงานผู้ป่วยเป็นคนแรกของโลก 
อาการของโรคคาวาซากิ 
จะเริ่มด้วยอาการไข้สูงลอยทั้งวัน ไม่ค่อยตอบสนองต่อยาลดไข้ ไข้จะเป็นอยู่นานหลายวันหากไม่รักษา มักไม่มีอาการทางหวัดเช่น อาการไอ หรีอน้ำมูกไหล ไม่มีผลการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฎิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งวินิฉฉัยโรคนี้ได้อย่างเด็ดขาด แพทย์จะให้การวินิจฉัยได้จากเกณฑ์วินิจฉัยจาก 4 ใน 5 ข้อ ร่วมกับอาการไข้สูงหลายวัน 
เกณฑ์การวินิจฉัย 
ตาแดงทั้งสองข้าง ไม่มีขี้ตา ลิ้นแดง (เป็นคล้ายสตอร์เบอรื่) , ปากแดง บางครั้งถึงกับแตก เจ็บมาก มือเท้าบวมในช่วงแรก มักไม่ยอมใช้มือเท้าเดินหรีอเล่น เนื่องมาจากเจ็บระบม มีผิวหนังลอกเริ่มที่บริเวณขอบเล็บ และ อาจพบที่รอบก้นและขาหนีบ มีผื่นขึ้นตามตัว เป็นได้ทุกรูปแบบ ยกเว้นตุ่มน้ำหรือตุ่มหนอง ต่อมน้ำเหลืองโต มักเป็นที่บริเวณคอ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า 1.5 เซนติเมตร 
ประมาณ 80 % ของผู้ป่วยเป็นเด็ก อายุน้อยกว่า 5 ปี 
โดยส่วนใหญ่จะมีอายุน้อยกว่า 2 ปี 
โรคนี้ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาจะเป็นอย่างไร 
อาการดังกล่าวมาข้างต้น 5 ข้อ 
ไม่มีข้อใดจะมีการทำลายอย่างถาวรต่ออวัยวะนั้น ที่สำคัญทึ่สุดคือการอักเสบของเส้นเลือดโคโรนารี่ซึ่งเป็นเส้นเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเมื่อมีการอักเสบมากจะเกิดการโป่งพองของเส้นเลือดนี้ และมีการอุดตันของเส้นเลือด 
ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง หัวใจวายหรือทำงานล้มเหลวเสียชีวิตได้เส้นเลือดทั่วร่างกายอาจมีการอักเสบได้เช่นกัน เกล็ดเลือดที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงท้ายของการดำเนินโรค จะทำให้มีการเสี่ยงต่อการอุดตันของเส้นเลือดเพิ่มขึ้น