ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
20 กรกฎาคม 2025, 22:39:04
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: รบกวนถามค๊าบ...ek96ย้ายแบตไว้หลัง มีผลกับการสตารท์ติดยากไหมค๊าบบบ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนถามค๊าบ...ek96ย้ายแบตไว้หลัง มีผลกับการสตารท์ติดยากไหมค๊าบบบ  (อ่าน 5929 ครั้ง)
yoshi2626
Gold Member
ศิษย์น้อง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 120


โย ชลบุรี : ชักช้า...กว่าจะมาเพื่อนเมาหมดแล้ว


« เมื่อ: 26 ตุลาคม 2012, 19:08:08 »



รบกวนถามค๊าบ...ek96ย้ายแบตไว้หลัง มีผลกับการสตารท์ติดยากไหมค๊าบบบ
เพราะเช็คจากเกจวัดvoltแล้วไฟเหลือประมาณ11.5ค๊าบบ
 ร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #1 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2012, 21:42:09 »

การนำแบ็ตเตอรี่ไปติดตั้งไว้ที่ท้ายรถ  ถามว่ามีผลกับการสตาร์ทติดยากหรือไม่   อยากจะตอบแบบนี้นะครับ    แบ็ตเตอรี่เป็นไฟกระแสตรงที่มีแรงดันของกระแสไฟจำนวนมาก ตั้งแต่ 45-75 Amp ในรถเก๋งทั่วๆไป   กระแสไฟที่ไหลผ่านตัวนำเส้นลวดทองแดง  ที่ใช้เป็นสายเคเบิลต่อไปที่มอเตอร์สตาร์ท  โดยมากทางผู้ผลิตจะออกแบบมาให้ใช้สายไฟที่ไม่ยาวเกินไป  และติดตั้งตัวแบ็ตให้ใกล้กับตำแหน่งมอเตอร์สตาร์ท
เท่าที่จะทำได้   เพื่อไม่ต้องการให้เกิดโวลเต็จดร๊อปไปกับค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นในสายตัวนำ  ที่กระแสไฟไหลผ่าน  มีผลโดยตรงกับระยะทางความยาวของตัวนำ

กระแสไฟไม่ได้ไหลผ่านภายในเส้นลวดตัวนำตามที่บางท่านเข้าใจ   แต่มันจะไหลไปตามผิวของเส้นลวดตัวนำ   ดังนั้นหากตัวนำที่เป็นเส้นลวดมีขนาดพื้นที่หน้าตัดใหญ่  ก็จะทำให้กระแสไฟไหลผ่านได้สะดวก   หากมีพื้นที่หน้าตัดเล็ก  ทำให้ผิวของเส้นลวดมีปริมาณน้อย   ทำให้กระแสไฟไหลผ่านได้น้อย  เพราะมีผิวของเส้นลวดให้กระแสผ่านได้น้อย   ทำให้กระแสไฟจำนวนมาก เหมือนถูกจำกัดทางเดินของกระแส  ก็คือเสมือนค่าความต้านของกระแสที่เกิดขึ้นในเส้นลวดตัวนำเส้นเล็กๆ   ค่าการต้านทานของกระแสนี้  จะเกิดความร้อนขึ้นในสายไฟและเกิดไฟลุกไหม้กับเส้นลวดตัวนำนั้นได้  หากใช้สายไฟที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับกระแสที่ไหลผ่าน

ดังนั้นการที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกว่านำแบ็ตไปไว้ข้างหลังหรือท้ายรถ   จะต้องคำนึงถึงเส้นลวดตัวนำสายไฟที่นำมาใช้ด้วย    และผมก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่กล่าวมา  เพราะนอกจากจะเกิดอุบัติเหตุจากการลัดวงจรของสายเคเบิลหรือสายไฟที่ต่อจากแบ็ตไปยังกล่องบล๊อคฟิวส์ที่หน้ารถ  ที่อาจจะเสียดสีกับอดี้รถหรือเกิดมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ฉนวนของสายไฟฉีกขาด แล้วเส้นลวดทองแดงแตะกับกราวด์ตัวถังรถ  จะทำให้กระแสไฟจำนวนมากอาร์คอย่างรุนแรงเกิดไฟติดขึ้นมาได้   หากการวายสายไม่ดี ไม่มีท่อที่เป็นฉนวนป้องกันสายไฟอีกชั้น
และผลของการใช้สายไฟจากแบ็ตต่อไปที่หน้ารถ   ย่อมทำให้เกิดโวลเต็จดร๊อปหรือลดลง  ตามที่ท่านเจ้าของกระทูบอกว่า วัดไฟที่ปลายสายได้แค่ 11.5 volt  มันก็แสดงให้เห็นว่าโวลเต็จจากแบ็ตลดลง
เพราะเกิดค่าความต้านทานขึ้นในสายไฟที่มีความยาวเพิ่มขึ้น  จากการคำนวณที่แบ็ตมีความจุ 45 Amp  ได้ค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นในสายไฟ เท่ากับ 0.022 Ohm  และมีโวลเต็จดร็อปในสายไฟ เท่ากับ 1 volt   ปกติแบ็ตเตอรี่จะมีไฟในสภาวะปกติประมาณ 12.5 volt  เท่ากับว่าหายไป 1 volt
ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้วัดได้

ถามว่า  จะมีผลอะไรกับการสตาร์ทเครื่องยนต์    ปกติทั่วไปในจังหวะการสตาร์ทเครื่องยนต์ กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่จะถูกดึงออกไปใช้ ประมาณ 25-30 Amp และโวลเต็จในขณะใช้กระแสของมอเตอร์สตาร์ท
ไม่ควรจะลดลงต่ำกว่า 9 volt  ซึ่งช่วงนี้ มอเตอร์สตาร์ทยังคงทำงานได้   แต่เมื่อเกิดโวลเต็จที่ถูกดร็อปไปในสายไฟที่ยาวจากหลังรถมาที่หน้ารถ หายไปอีก 1 volt  ก็จะมีผลบ้างกับการสร้างสนามแม่เหล็กของฟีลล์คอยในมอเตอร์สตาร์ท  ถึงแม้จะไม่เห็นผลชัดเจนกับแบ็ตลูกใหม่ๆ   แต่ถ้าหากแบ็ตที่ใช้งานมานาน ย่อมมีผลมากกว่า  อาจจะสตาร์ทรถเหมือนมอเตอร์สตาร์ทไม่มีกำลัง  ติดยากขึ้นหน่อย  เพราะแบ็ตเก่าๆย่อมเก็บพลังงานไฟฟ้าในรูปของกระแสได้ต่ำลง 

ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง  และขออภัยที่ร่ายยาวไปหน่อย  เพราะต้องการให้ทราบในเนื้อหาของเรื่อง…..srithanon

 
บันทึกการเข้า
commentdear
เจ้าสำนัก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 515


●Benz Metal●


« ตอบ #2 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2012, 22:00:21 »

การนำแบ็ตเตอรี่ไปติดตั้งไว้ที่ท้ายรถ  ถามว่ามีผลกับการสตาร์ทติดยากหรือไม่   อยากจะตอบแบบนี้นะครับ    แบ็ตเตอรี่เป็นไฟกระแสตรงที่มีแรงดันของกระแสไฟจำนวนมาก ตั้งแต่ 45-75 Amp ในรถเก๋งทั่วๆไป   กระแสไฟที่ไหลผ่านตัวนำเส้นลวดทองแดง  ที่ใช้เป็นสายเคเบิลต่อไปที่มอเตอร์สตาร์ท  โดยมากทางผู้ผลิตจะออกแบบมาให้ใช้สายไฟที่ไม่ยาวเกินไป  และติดตั้งตัวแบ็ตให้ใกล้กับตำแหน่งมอเตอร์สตาร์ท
เท่าที่จะทำได้   เพื่อไม่ต้องการให้เกิดโวลเต็จดร๊อปไปกับค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นในสายตัวนำ  ที่กระแสไฟไหลผ่าน  มีผลโดยตรงกับระยะทางความยาวของตัวนำ

กระแสไฟไม่ได้ไหลผ่านภายในเส้นลวดตัวนำตามที่บางท่านเข้าใจ   แต่มันจะไหลไปตามผิวของเส้นลวดตัวนำ   ดังนั้นหากตัวนำที่เป็นเส้นลวดมีขนาดพื้นที่หน้าตัดใหญ่  ก็จะทำให้กระแสไฟไหลผ่านได้สะดวก   หากมีพื้นที่หน้าตัดเล็ก  ทำให้ผิวของเส้นลวดมีปริมาณน้อย   ทำให้กระแสไฟไหลผ่านได้น้อย  เพราะมีผิวของเส้นลวดให้กระแสผ่านได้น้อย   ทำให้กระแสไฟจำนวนมาก เหมือนถูกจำกัดทางเดินของกระแส  ก็คือเสมือนค่าความต้านของกระแสที่เกิดขึ้นในเส้นลวดตัวนำเส้นเล็กๆ   ค่าการต้านทานของกระแสนี้  จะเกิดความร้อนขึ้นในสายไฟและเกิดไฟลุกไหม้กับเส้นลวดตัวนำนั้นได้  หากใช้สายไฟที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับกระแสที่ไหลผ่าน

ดังนั้นการที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกว่านำแบ็ตไปไว้ข้างหลังหรือท้ายรถ   จะต้องคำนึงถึงเส้นลวดตัวนำสายไฟที่นำมาใช้ด้วย    และผมก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่กล่าวมา  เพราะนอกจากจะเกิดอุบัติเหตุจากการลัดวงจรของสายเคเบิลหรือสายไฟที่ต่อจากแบ็ตไปยังกล่องบล๊อคฟิวส์ที่หน้ารถ  ที่อาจจะเสียดสีกับอดี้รถหรือเกิดมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ฉนวนของสายไฟฉีกขาด แล้วเส้นลวดทองแดงแตะกับกราวด์ตัวถังรถ  จะทำให้กระแสไฟจำนวนมากอาร์คอย่างรุนแรงเกิดไฟติดขึ้นมาได้   หากการวายสายไม่ดี ไม่มีท่อที่เป็นฉนวนป้องกันสายไฟอีกชั้น
และผลของการใช้สายไฟจากแบ็ตต่อไปที่หน้ารถ   ย่อมทำให้เกิดโวลเต็จดร๊อปหรือลดลง  ตามที่ท่านเจ้าของกระทูบอกว่า วัดไฟที่ปลายสายได้แค่ 11.5 volt  มันก็แสดงให้เห็นว่าโวลเต็จจากแบ็ตลดลง
เพราะเกิดค่าความต้านทานขึ้นในสายไฟที่มีความยาวเพิ่มขึ้น  จากการคำนวณที่แบ็ตมีความจุ 45 Amp  ได้ค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นในสายไฟ เท่ากับ 0.022 Ohm  และมีโวลเต็จดร็อปในสายไฟ เท่ากับ 1 volt   ปกติแบ็ตเตอรี่จะมีไฟในสภาวะปกติประมาณ 12.5 volt  เท่ากับว่าหายไป 1 volt
ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้วัดได้

ถามว่า  จะมีผลอะไรกับการสตาร์ทเครื่องยนต์    ปกติทั่วไปในจังหวะการสตาร์ทเครื่องยนต์ กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่จะถูกดึงออกไปใช้ ประมาณ 25-30 Amp และโวลเต็จในขณะใช้กระแสของมอเตอร์สตาร์ท
ไม่ควรจะลดลงต่ำกว่า 9 volt  ซึ่งช่วงนี้ มอเตอร์สตาร์ทยังคงทำงานได้   แต่เมื่อเกิดโวลเต็จที่ถูกดร็อปไปในสายไฟที่ยาวจากหลังรถมาที่หน้ารถ หายไปอีก 1 volt  ก็จะมีผลบ้างกับการสร้างสนามแม่เหล็กของฟีลล์คอยในมอเตอร์สตาร์ท  ถึงแม้จะไม่เห็นผลชัดเจนกับแบ็ตลูกใหม่ๆ   แต่ถ้าหากแบ็ตที่ใช้งานมานาน ย่อมมีผลมากกว่า  อาจจะสตาร์ทรถเหมือนมอเตอร์สตาร์ทไม่มีกำลัง  ติดยากขึ้นหน่อย  เพราะแบ็ตเก่าๆย่อมเก็บพลังงานไฟฟ้าในรูปของกระแสได้ต่ำลง 

ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง  และขออภัยที่ร่ายยาวไปหน่อย  เพราะต้องการให้ทราบในเนื้อหาของเรื่อง…..srithanon

 



เก็บข้อมูล อิอิ
บันทึกการเข้า
kanta
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 289



« ตอบ #3 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2012, 22:15:08 »

เปลี่ยนสายให้ใหญ่ขึ้นครับ

วอลลโว่ ก็เอาแบตไว้หลัง
อากาศไม่ร้อนเท่าห้องเครื่อง อายุแบตก็ยาวกว่าเดิม
บันทึกการเข้า
Octillion
งงอ่ะดิ
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,854



« ตอบ #4 เมื่อ: 27 ตุลาคม 2012, 22:22:11 »

เช็คง่ายๆครับ

วัดแรงดันที่ขั้วแบตด้านหลัง และ ด้านหน้า ดู voltage drop

แรงดัน on charge 13.5-14.0 VDC
แรงดัน on load 11.0-12.x VDC.

ตามสเปคแบต

สายแบตขอให้เป็นสาย shield อย่างดี มี fuse กันหน้าหลังครับ





บันทึกการเข้า

หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: รบกวนถามค๊าบ...ek96ย้ายแบตไว้หลัง มีผลกับการสตารท์ติดยากไหมค๊าบบบ
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |