> 
>     สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไรไว้ในหนังสือชื่อ ' 
>     ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ' เช่น 
>     1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด 
>     น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อม ๆ กับขิง จ ะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง 
> 
>     2. แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ ให้กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว 
>     3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมัน 
>     ไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด 
> 
>     4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้ง เป็น ประจำ 
>     สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี 
> 
>     5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง 
> 
>     6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้ ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า 
>     ( ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ ( ปลากระป๋อง ) 
>     น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง 
> 
>     7. ท้องผูก ท้องอืด ให้กินกล้วย หรือ ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก 
>     และขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป 
> 
>     8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ ให้ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี ( ไม้เมืองหนาว) 
>     กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้ 
> 
>     9.. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่านโดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย 
>     ให้กินข้าวโพดช่วยบรรเทาอาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้ 
> 
>     10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย แก้ไขได้โดยให้กินสับปะรด 
>     ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้ 
> 
>     11. ความจำเสื่อม แก้ไขโดย กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่น ๆ 
>     ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี 
> 
>     12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง 
>     กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย 
> 
>     13. ไอ จาม กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง 
> 
>     14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี 
>     โดยเฉพาะรำข้าวกะหล่ำปลี 
>     ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม 
>     ข้อสำคัญอย่ากินไก่มาก เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต 
> 
>     15. มะเร็งปอด กิน ส้ม และ ผักใบเขียว มีวิตามินเอ 
>     อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน 
> 
>     16 แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี 
>     ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้ 
> 
>     17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก 
>     ช่วยให้อาการปั่นป่วน ในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง 
> 
>     18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด แก้ได้เพราะไขมันดี ' โมโรอันแซตเทอเรต ' 
>     ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้ทำลายไขมันเลว ' คลอเลสเตอรอล ' ได้ 
> 
>     19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่ายพืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี 
>     ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง 
> 
>     20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง 
>     ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้ 
> 
>     พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้นนอกจากจะอิ่มท้องแล้วยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกายช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่างๆได้ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง 
>     คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร 
>     โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลาน 
>     ไทยขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพย ากรธรรมชาติของ 
>     เราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา ค้นคว้า 
>     และคิดค้นตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้เพื่อนำมาใช้ 
>     ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป. 
> 
>     อาการของการเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย 
>     1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ 
>     ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณ อาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ 
>     หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด 
>     เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้ 
> 
>     2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ 
>     หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง 
> 
>     3. มะเร็งรังไข่ อาการ 
>     ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์ 
> & nbsp;   มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการ ปวดหลัง 
> 
>     4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย) 
>     อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว 
>     หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหารปวดตามข้อต่าง 
>     ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง 
> 
>     5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ 
>     มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ 
>     เจ็บหน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 
> 
>     6. มะเร็งตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร 
>     น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด 
> 
>     7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ 
> 
>     8. มะเร็งสมอง อา การ ปวดศีรษะนาน ๆ 
>     และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า 
>     และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ 
>     การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว 
>     ควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการเหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย 
> 
>     9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก 
>     < SPAN lang=TH>หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษาหรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน 
> 
> 
>     10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที 
>     มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบากหรือมีการขยายตัวของต่อมใน 
>     ลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้ 
> 
>     11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร 
>     อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวด เร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย 
>     รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ 
> 
>     12. มะเร็งทรวงอก 
>     อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนาขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ 
>     บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 
>     คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น 
>     เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่าซีสต์ 
>     ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่ 
> 
>     13. มะเร็งลำไส้ อาการ 
>     น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติมีเลือดออกปนมากับอุจจาระ 
>     **** ซึ่งมีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใ 
>     ช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ 
>     อาการของริดสีดวงทวาร แต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่นคือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้ 
> 
>     14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง 
>     อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ 
>     เกิดอาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย 
> 
>     15. มะเร็งผิวหนัง 
>     อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง 
>     ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา 
>     (Melanoma) คือเนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น 
>     กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ด 
>     ทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ 
>     ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล 
>     ตำรานี้ใช้แก้โรคมะเร็งผู้เป็นมะเร็งจะหายโดยไม่คาดคิด สำหรับมะเร็งจะหายภายใน       6 วัน วิธีรักษา - ไปที่ร้านย าจีน ซื้อหัวเตย 1 ตำลึง หัวขิง 1 ตำลึง ก้อนเกลือ 3 ก้อน 
>     นำมารวมกันแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 1 วัน ในน้ำ 1 ชาม จากนั้นให้ดื่มจนหมดชาม 
>     สรรพคุณในการรักษา - หลังจากดื่มยานี้แล้วควรดื่มน้ำตามมาก ๆ 
>     นำส่วนที่เหลือมารับประทาน 
>     ยานี้จะขับเอาของเสียออกทางอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ต้องตกใจ 
>     เป็นการขับของเสียออกหมดแล้วจะปกติ 
> 
>     *** ตำรานี้ห้ามซื้อขาย หรือคิดเป็น เงินค่ารักษา 
>     และขออย่าได้เก็บไว้เป็นส่วนตัวโดยเด็ดขาด 
>     หากท่านผู้อื่นรับทราบด้วยใจศรัทธาและกุศลจิตของท่าน 
>     ท่านและครอบครัวจะประสบแต่ความสุข ความสมหวังทุกประการ 
ที่มา  Forwarded Mail 
 
    
     