ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
21 กรกฎาคม 2025, 05:41:33
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: ขอสอบถามเรื่องการไล่เช็ค ของอาการเครื่องร้อนแล้วสตาร์ทยากหน่อยครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอสอบถามเรื่องการไล่เช็ค ของอาการเครื่องร้อนแล้วสตาร์ทยากหน่อยครับ  (อ่าน 11502 ครั้ง)
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 02:03:05 »



คือผมกะว่าส่วนไหนที่เช็คด้วยตัวเองได้ก็จะลองทำดูก่อนครับเพื่อลดค่าใช้จ่าย ไม่ทราบว่าเริ่มเช็คจากตรงไหนดีครับ อาการที่ผมเป็นคือเครื่องร้อนแล้วสตาร์ทยากเหมือนอาการแบตจะหมด ต้องทำการเหยียบคันเร่งช่วยตอนสตาร์ท พอสตาร์ทติดเครื่องจะสั่นๆซักแปป1 แล้วกลีบมาปกติ จากอาการข้างต้นเริ่มเช็คด้วยตัวเองได้จากส่วนไหนก่อนครับ ถ้าไม่หายจะได้นำเข้าอู่ครับ ขอบคุณครับ เศร้า
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #1 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 10:38:51 »

ระยะห่างวาว์ลไม่ก็มอเตอร์สตาท ลองๆหากระทู้ดูครับ ด้วยคำว่าร้อนสาตทยาก  จำได้ช่วงก่อนมีถามกันเยอะตอบกันเยอะ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #2 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 10:57:54 »

ระยะห่างวาว์ลไม่ก็มอเตอร์สตาท ลองๆหากระทู้ดูครับ ด้วยคำว่าร้อนสาตทยาก  จำได้ช่วงก่อนมีถามกันเยอะตอบกันเยอะ
วาวล์เพิ่งจะตั้งไปเองครับจากที่เคยถามไปเมื่อ2-3เดือนก่อน ผมลองสตาร์ทดูตอนเครื่องเย็นง่ายมาก คราวนี้ผมจะลองเช็คตรงคอยล์ว่าเสื่อมรึเปล่าโดยวิ่งเล่นๆประมาณ8โล แล้วกลับมาลองดับแล้วสตาร์ทดูปรากฏว่าไม่ติด ผมเลยเอาผ้าชุบน้ำโปะๆไว้ให้มันเย็น คราวนี้ทิ้งไว้สักพักก็สตาร์ทติด แต่พอดับแล้วบิดอีกทีไม่ติดละ ผมเลยจัดอีกครั้งไม่รอให้เย็นละ บิดกุญแจสตาร์ทเลยไปๆมาๆเฉลี่ยต้องบิด3ครั้งถึงจะติด ครั้งที่1 และ 2 ต้องบิดจนกว่าเครื่องจะหยุดลาก(คล้ายอาการแบตหมด)พอครั้ง3ละทีเดียวชึ่งเลย ผมลองอยู่ประมาณ5-6ครั้งแบบนี้ตลอด จากที่เล่ามาพอจะไล่อาการได้ไหมครับ ปล.ปั้มติ้ก+กรองยังใช้ได้ครับผมลองซัดรอบแล้ว4พันรอบก็ไม่มีปัญหาเร่งได้ดีปกติครับ ที่เหลือที่ผมไม่อยากให้เป็นคือ หัวฉีดน้ำมันรั่วครับ  เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #3 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 11:18:17 »

ถ้าเป็นมอเตอร์สตาท จะอาการคล้ายๆ แบตหมดอ่ะ มันไม่ค่อยจะยอมหมุน   ส่วนถ้าเป็นที่ คอล์ย มันจะไม่ค่อยมีลมออกมาที่ท่อไอเสียเหมือนปกติตอนสตาทได้ง่ายๆอ่ะ ลังเล ลังเล
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #4 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 12:32:55 »

อาการที่เครื่องยนต์คุณกำลังมีปัญหาขณะนี้  น่าจะมาจากระบบหัวฉีดน้ำมันรถคุณอาจจะรั่ว  หรือในกรณีที่รถใช้ระบบแก็สแบบดูด จะมีการปรับจูนแก็สหนาในอัตราส่วนผสม
ขอตอบในกรณีที่ระบบหัวฉีดรั่วก่อน  คุณสังเกตว่าในตอนเช้าสตาร์ทเครื่องยนต์ติดง่าย  ต่อพอขับรถใช้งาน  คุณบอกว่าร้อนแล้วสตาร์ทยาก  ความจริงไม่น่าจะเกี่ยวกับความร้อน  น่าจะมาจากการรั่วของหัวฉีดน้ำมัน  ในขณะที่คุณใช้รถแล้วหยุดดับเครื่อง  และกลับมาสตาร์ทใหม่  จะสตาร์ทติดยาก  เพราะว่าหัวฉีดน้ำมันมันรั่วในระหว่างที่คุณดับเครื่อง   ทำให้น้ำมันที่รั่วจากหัวฉีดตกค้างในท่อไอดี  ในเวลาต่อมาคุณทิ้งเวลาให้ผ่านไปสักครู่แล้วกลับมาสตาร์ท จะสตาร์ทยาก  เพราะว่าในท่อไอดีมีน้ำมันตกค้างจากการั่วของหัวฉีด และได้รับน้ำมันเพิ่มในจังหวะสตาร์ท  ทำให้อัตราส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมัน  มีน้ำมาก  หรือมีน้ำมันในส่วนผสมมากในอัตราส่วน ระหว่างอากาศกับน้ำมัน  การจุดระเบิดเกิดขึ้นยาก 
วิธีนี้พิสูจน์ได้หากว่าหัวฉีดรั่ว   กล่าวคือในขณะที่คุณขับรถแล้วหยุดดับเครื่อง  ให้ทำการสตาร์ทเครื่องทันที่
หากว่าสตาร์ทติดง่าย  แสดงว่าหัวฉีดยังรั่วไม่มาก   หากดับเครื่องแล้วรอสักสองสามนาทีกลับมาสตาร์ทใหม่  หากติดยาก แสดงว่าหัวฉีดรั่ว   การที่ดับเครื่องและจอดรถทิ้งไว้นานชั่วโมงขึ้นไป แล้วกลับมาสตาร์ทเครื่องจะสตาร์ทติดง่าย   เพราะน้ำมันที่ตกค้างในท่อไอดีระเหยไปหมดแล้ว
นี้เป็นการทดสอบเยื้องต้น   สำหรับรถที่ใช้ระบบแก็ส  หากเป็นระบบดูด จะพบว่ามีการปรับจูนแก็สไว้หนา เมื่อเวลาดับเครื่องยนต์ จะมีแก็สตกค้างในท่อไอดีเช่นเดียวกับระบบหัวฉีดน้ำมัน  ก็จะสตาร์ทยากเช่นกัน  ต้องปรับจูรแก็สให้มีความพอดีไม่หนาไม่บางไปในอัตราส่วนผสม
ในการตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ในกรณีนี้
ในกรณีที่สงสัยเรื่องไฟสูงที่จ่ายให้กับหัวเทียน  ว่ามีไฟสูงที่หัวเทียนหรือเปล่า  ก็ให้ถอดสายปล๊กหัวเทียนออกมา วางไว้ใกล้ๆกับตัวถังรถ(กราวด์)  หาเส้นลวดหรือไขควงเสียบเข้าไปในแค็บที่สวมหัวเทียนมาวางใกล้ตัวถัง แล้วสตาร์ทเครื่องว่ามีไฟสูงวิ่งลงกราวด์หรือไม่   หากมีให้ตัดประเด็นเรื่องระบบไฟไป   หากพบว่าไม่มีไฟออกที่ปลายสายหัวเทียน   ให้คิดไว้ก่อนว่าที่ตัว Ignition coil อาจจะช๊อร์ทเทินระหว่างขดลวดที่พันบนแกนคอร์ในตัว Ignition coil  เมื่อมีความร้อน  ทำให้ไม่สามารถผลิตไฟสูงออกมาได้ต้องรอให้ตัวมันเย็นลงก่อน
ในนกรณีอย่างนี้อย่าเพิ่งแน่ใจว่าตัว Ignition coil เสีย  ต้องจรวจสอบสัญญาณการจุดระเบิด IGT ที่มาจากกล่อง ECU มาที่ตัวช่วยจุดระเบิด ว่ามีมาหรือไม่  หากมี  ค่อยแยกประเด็นออกไปอีกสองจุด  คือวงจรช่วยจุดระเบิดไม่ทำงาน ตัว Ignition coil ก็ไม่เสีย  แล้วจะตรวจอย่างไรว่า  วงจรช่วยจุดระเบิดเสีย
ข้นตอนนี้อาจจะมีปัญหากับท่านเจ้าของรถ  ต้องมีเครื่องมือตรวจวัดสัญญาณที่ได้จาก switching power transistor ที่ทำหน้าที่ตัดต่อขดลวดไพรมารี่ของตัว Ignitrion coil ให้ลงกราวด์  คล้ายหน้าทองขาวในระบบคาร์บิว  หากวัดจับสัญญาณได้ว่ามีมาปกติ  ค่อยแน่ใจว่า ตัว Ignition coil เสียเกิดการช๊อร์ทเทินของขดลวดเมื่อร้อนจากการใช้งาน
แต่ขั้นตอนนี้  ไม่ค่อยพบว่าจะมีปัญหา  แต่ให้รู้ว่าลำดับการตรวจสอบทำอย่างไร ในระบบการสร้างไฟสูงให้กับหัวเทียน  ยังมีวิธีการตรวจสอบแบบไม่ใช้เครื่องมือก็ใช้ได้  ขอผ่านไปก่อน
เอาเป็นว่ากรณีของรถคุณ ทำตมที่ผมแนะนำช่วงแรกนี้ก่อน  ก่อนที่จะเจาะลึกลงไปยังระบบส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง  ได้ผลประการมาบอกกันบ้าง หากพบว่าเป็นที่หัวฉีดรั่ว ก็ไม่ได้หมายความว่ารั่วทุกหัวฉีด  ต้องให้ช่างเขาถอดออกมาตรวจช็ครั่วทีละหัว  แล้วเปลี่ยนเฉพาะที่รั่วก็ได้  แต่อยากแนะนำว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ก็เปลี่ยนทั้งหมดได้ก็จะดี  เดี่ยวพอเปลี่ยนหัวที่เสียไป หัวอื่นจะตามมาอีก เพราะการใช้งานมาเท่ากัน……srithannon
บันทึกการเข้า
jkung_27
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,751


« ตอบ #5 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 12:59:28 »

ลองบิดกุนแจ on ไม่ต้อสตาท แล้วเดินไปบีบสายน้ำมันขาออกจากกลองน้ำมันดู ถ้าแข็ง ปั้มติ๊กยังใช้ใด้อยู่ 
ลองหาแบต ดีๆมาลองดูครับ เผื่อแบตมันไม่ค่อยดี ( มีไฟ 12v แต่ไม่มีพั้น)
บันทึกการเข้า

มีปัญหา ติดต่อใด้โดยตรง
https://www.facebook.com/profile.php?id=100013364359216&ref=bookmarks
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #6 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 16:18:53 »

ตอนนี้ผมเล็งไปที่หัวฉีดรั่วแล้วครับ เพราะอาการมันเป็นเหมือนหัวฉีดรั่วเลยครับ ขับไปจอดดับเครื่องแปป1 ซัก3นาที มาสตาร์ทใหม่ไม่ติดซะงั้น ลองชาร์ตแบตใหม่แล้วก็เหมือนเดิม เลยคิดว่าน่าจะเหลืออาการเดียว ไม่ทราบว่าหัวฉีดรั่วนี่เปลี่ยน4หัวค่าเสียหายเท่าไหร่ครับเฉพาะค่าอะไหล่นะครับ จะได้เก็บตังถูกครับ  ลังเล
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #7 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 16:28:05 »

ตอนนี้ผมเล็งไปที่หัวฉีดรั่วแล้วครับ เพราะอาการมันเป็นเหมือนหัวฉีดรั่วเลยครับ ขับไปจอดดับเครื่องแปป1 ซัก3นาที มาสตาร์ทใหม่ไม่ติดซะงั้น ลองชาร์ตแบตใหม่แล้วก็เหมือนเดิม เลยคิดว่าน่าจะเหลืออาการเดียว ไม่ทราบว่าหัวฉีดรั่วนี่เปลี่ยน4หัวค่าเสียหายเท่าไหร่ครับเฉพาะค่าอะไหล่นะครับ จะได้เก็บตังถูกครับ  ลังเล
จำได้ว่าหัวล่ะ เกือบพัน ป่าวหว่า ลังเล ลังเล
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #8 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 22:12:28 »

จำได้ว่าหัวล่ะ เกือบพัน ป่าวหว่า ลังเล ลังเล
เหมือนมีลางได้กินมาม่า  ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
ham_ter
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 9,223



« ตอบ #9 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2011, 22:16:19 »

ตอนนี้ผมเล็งไปที่หัวฉีดรั่วแล้วครับ เพราะอาการมันเป็นเหมือนหัวฉีดรั่วเลยครับ ขับไปจอดดับเครื่องแปป1 ซัก3นาที มาสตาร์ทใหม่ไม่ติดซะงั้น ลองชาร์ตแบตใหม่แล้วก็เหมือนเดิม เลยคิดว่าน่าจะเหลืออาการเดียว ไม่ทราบว่าหัวฉีดรั่วนี่เปลี่ยน4หัวค่าเสียหายเท่าไหร่ครับเฉพาะค่าอะไหล่นะครับ จะได้เก็บตังถูกครับ  ลังเล
   เคยซื้อแต่ของ อีซูซุ คอมมอนเรล หัวฉีดทะลุ ของ DENSO หัวละ 15000 สี่หัว 60000 พอดี ไม่ต้องทอน อายจัง อายจัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2011, 22:38:14 โดย ham_ter » บันทึกการเข้า

Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #10 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2011, 09:37:17 »

   เคยซื้อแต่ของ อีซูซุ คอมมอนเรล หัวฉีดทะลุ ของ DENSO หัวละ 15000 สี่หัว 60000 พอดี ไม่ต้องทอน อายจัง อายจัง
มันคนล่ะแบบกันอ่ะนะ แหมแหม แลบลิ้น แลบลิ้น แลบลิ้น
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
jkung_27
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,751


« ตอบ #11 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2011, 19:45:35 »

ตอนนี้ผมเล็งไปที่หัวฉีดรั่วแล้วครับ เพราะอาการมันเป็นเหมือนหัวฉีดรั่วเลยครับ ขับไปจอดดับเครื่องแปป1 ซัก3นาที มาสตาร์ทใหม่ไม่ติดซะงั้น ลองชาร์ตแบตใหม่แล้วก็เหมือนเดิม เลยคิดว่าน่าจะเหลืออาการเดียว ไม่ทราบว่าหัวฉีดรั่วนี่เปลี่ยน4หัวค่าเสียหายเท่าไหร่ครับเฉพาะค่าอะไหล่นะครับ จะได้เก็บตังถูกครับ  ลังเล
กะมาบอกว่ารองเช็คหัวฉีดอยูพอดี ถ้าเช็คแบตแล้วปกติ  จัดไป 4 หัว ประมาณ 1600+ -   1่jvvti 250 cc  ผมเองก็เป็นครับ ว่าจะจัดอยู่เหมือนกัน อายจัง
บันทึกการเข้า

มีปัญหา ติดต่อใด้โดยตรง
https://www.facebook.com/profile.php?id=100013364359216&ref=bookmarks
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #12 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2011, 20:32:25 »

กะมาบอกว่ารองเช็คหัวฉีดอยูพอดี ถ้าเช็คแบตแล้วปกติ  จัดไป 4 หัว ประมาณ 1600+ -   1่jvvti 250 cc  ผมเองก็เป็นครับ ว่าจะจัดอยู่เหมือนกัน อายจัง
เครื่องผม D16Y8 ไม่ทราบว่าหัวฉีดตรงรุ่นเลยรึเปล่าครับ หรือ หาของอะไรก็ใส่ได้ครับ ปล.ผมไม่เคยดูส่วนหัวฉีดเลยถามไว้ครับ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
jkung_27
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,751


« ตอบ #13 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 16:00:49 »

เครื่องผม D16Y8 ไม่ทราบว่าหัวฉีดตรงรุ่นเลยรึเปล่าครับ หรือ หาของอะไรก็ใส่ได้ครับ ปล.ผมไม่เคยดูส่วนหัวฉีดเลยถามไว้ครับ  เจ๋ง
หัวฉีดเดิมมัน 240 cc  มือสองมีขายอยู่ประมาณไม่เกิน 1600 บาทครับ  แต่ถ้าจะเปลี่ยในราคา1600 รองดูของ 1 j vvti ไม่โบดูครับ 250 cc 4รู ฉีดน้ำมันเป็นฝอย ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

มีปัญหา ติดต่อใด้โดยตรง
https://www.facebook.com/profile.php?id=100013364359216&ref=bookmarks
se278
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266


« ตอบ #14 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 18:47:42 »

คือผมกะว่าส่วนไหนที่เช็คด้วยตัวเองได้ก็จะลองทำดูก่อนครับเพื่อลดค่าใช้จ่าย ไม่ทราบว่าเริ่มเช็คจากตรงไหนดีครับ อาการที่ผมเป็นคือเครื่องร้อนแล้วสตาร์ทยากเหมือนอาการแบตจะหมด ต้องทำการเหยียบคันเร่งช่วยตอนสตาร์ท พอสตาร์ทติดเครื่องจะสั่นๆซักแปป1 แล้วกลีบมาปกติ จากอาการข้างต้นเริ่มเช็คด้วยตัวเองได้จากส่วนไหนก่อนครับ ถ้าไม่หายจะได้นำเข้าอู่ครับ ขอบคุณครับ เศร้า

         อาการร้อนแล้วติดยาก ร้อนแล้วดับ ถ้าเป็นสมัยโบราณเข้าให้เดาว่าคอยล์เสื่อมมันร้อน ครับ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
desperado
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,943


ไม่มีคำอธิบายใดๆ จนกว่าจะได้ลอง


« ตอบ #15 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 19:54:55 »

ร้อนสตาร์ท ยาก ผมก็เล็งไปที่ คอล์ย จานจ่ายก่อนแน่....หัวฉีดรั่วคงยากที่จะเป็น(หัวฉีดถอดออกมาล้าง มาเช็คได้)...
บันทึกการเข้า

4D ผุๆอย่างข้าฯจะขออยู่ค้ำฟ้าให้ดู...................-><-
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #16 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 20:36:19 »

มาบอกเล่าอาการเพิ่มเติมครับ 2-3วันที่ผ่านมา เช้าสตาร์ทเริ่มยากแล้วครับ ต้องบิด2-3ทีเหยียบคันเร่ง พอติดทีควันออกตูดเลยครับ เหม็นด้วย และ ก็พอลองเหยียบคันเร่งไปที่ซัก2พันรอบโดยประมาณ มันมีเสียงจี่ๆที่ฝากะลาแต่พอรอบเกินกว่า2พันก็หายไป พอปล่อยแล้วกลับมาที2พันก็ดังแล้วหายไปอีก รู้สึกเหมือนว่าหลังน้ำลด ทรัพย์ก็จะลดตามแน่ๆครับ กะเปลี่ยนทั้งหัวฉีดและคอยล์เลย เพราะทั้ง2อย่างยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ ตอนนี้ 285500 แล้ว ก็น่าจะคุ้มอยู่ครับ  เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
desperado
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,943


ไม่มีคำอธิบายใดๆ จนกว่าจะได้ลอง


« ตอบ #17 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 20:39:07 »

มาบอกเล่าอาการเพิ่มเติมครับ 2-3วันที่ผ่านมา เช้าสตาร์ทเริ่มยากแล้วครับ ต้องบิด2-3ทีเหยียบคันเร่ง พอติดทีควันออกตูดเลยครับ เหม็นด้วย และ ก็พอลองเหยียบคันเร่งไปที่ซัก2พันรอบโดยประมาณ มันมีเสียงจี่ๆที่ฝากะลาแต่พอรอบเกินกว่า2พันก็หายไป พอปล่อยแล้วกลับมาที2พันก็ดังแล้วหายไปอีก รู้สึกเหมือนว่าหลังน้ำลด ทรัพย์ก็จะลดตามแน่ๆครับ กะเปลี่ยนทั้งหัวฉีดและคอยล์เลย เพราะทั้ง2อย่างยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ ตอนนี้ 285500 แล้ว ก็น่าจะคุ้มอยู่ครับ  เศร้า เศร้า
เปลี่ยน จานจ่ายก็น่าจะจบแล้วมั๊ง ครับ... ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

4D ผุๆอย่างข้าฯจะขออยู่ค้ำฟ้าให้ดู...................-><-
se278
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266


« ตอบ #18 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 20:43:57 »

เปลี่ยน จานจ่ายก็น่าจะจบแล้วมั๊ง ครับ... ยิ้มกว้างๆ

          ของอย่างนี้ กลางคืนอากาศชื้นหรือลุยน้ำมา ปิดไฟรถไฟบ้าน ติดเครื่องจะเห็นแสงเรื่อๆที่สายหัวเทียน  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #19 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 21:16:49 »

เปลี่ยน จานจ่ายก็น่าจะจบแล้วมั๊ง ครับ... ยิ้มกว้างๆ
เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนดูก่อนครับ ว่าแต่จานจ่ายเปลี่ยนเองได้รึเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
desperado
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,943


ไม่มีคำอธิบายใดๆ จนกว่าจะได้ลอง


« ตอบ #20 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 21:35:47 »

เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนดูก่อนครับ ว่าแต่จานจ่ายเปลี่ยนเองได้รึเปล่าครับ
ได้ ครับ...แต่ระวังเรื่องสายหัวเทียนอย่า ผิดตำแหน่งแล้วกัน...การปรับตั้ง หมุนเข้าหากระจกหน้า ไฟแก่  หมุนออกจากกระจกหน้า ไฟอ่อน... ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

4D ผุๆอย่างข้าฯจะขออยู่ค้ำฟ้าให้ดู...................-><-
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #21 เมื่อ: 22 ตุลาคม 2011, 22:20:17 »

เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนดูก่อนครับ ว่าแต่จานจ่ายเปลี่ยนเองได้รึเปล่าครับ
มาร์คตำแหน่งเดิมไว้ก็ดีครับ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
se278
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 266


« ตอบ #22 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2011, 08:41:23 »

เดี๋ยวจะลองเปลี่ยนดูก่อนครับ ว่าแต่จานจ่ายเปลี่ยนเองได้รึเปล่าครับ

           ผมขออนุญาตแนะนำอย่างนี้ครับ ตอนก่อนจะถอดจานจ่าย ให้หาปากกามามร์าคตำแหน่งโรเตอร์ไว้ก่อน เอากล้องมือถือถ่ายไว้ด้วยก็ได้ถ้ากลัวใส่ไม่ถูก คือเวลาเราดึงออกมาตำแหน่งโรเตอร์มันจะเคลื่อนไป ทีนี้พอตอนที่มันหลุดออกมา ก็อย่าเพิ่งไปคะนองมือหมุนมัน เอาปากกามร์คไว้อีก หรือเอากล้องถ่ายไว้(สะดวกสบายจริงสมัยนี้) ทีนี้ตอนเอาของใหม่ใส่เข้าไปก็ตั้งตำแหน่งย้อนกลับ โดยตั้งที่ตำแหน่งที่ถอดออกมาแล้วเสียบเข้าไป ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ มันจะตรงตำแหน่งแรก และไหนๆก็ไหนๆแล้ว เปลี่ยนซีลจานจ่ายก่อนก็จะดี ราคาไม่กี่บาท ว่าแต่ทำไมไม่ยืมของพรรคพวกใส่ลองดูก่อน ครับ
          เพื่อนผมมันไฮเทค เวลามันถอดซ่อมรถ ให้เมียมันถ่าย วิดีโอ แล้วมันก็บรรยาไปด้วย มันบอกกลัวเวลาประกอบคืนไม่ถูก  ดูแล้วน่ารักดี เวลาลุงรื้อรถเมียลุงมันไม่ใกล้เลยผ่าซิ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #23 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2011, 15:54:02 »

          ผมขออนุญาตแนะนำอย่างนี้ครับ ตอนก่อนจะถอดจานจ่าย ให้หาปากกามามร์าคตำแหน่งโรเตอร์ไว้ก่อน เอากล้องมือถือถ่ายไว้ด้วยก็ได้ถ้ากลัวใส่ไม่ถูก คือเวลาเราดึงออกมาตำแหน่งโรเตอร์มันจะเคลื่อนไป ทีนี้พอตอนที่มันหลุดออกมา ก็อย่าเพิ่งไปคะนองมือหมุนมัน เอาปากกามร์คไว้อีก หรือเอากล้องถ่ายไว้(สะดวกสบายจริงสมัยนี้) ทีนี้ตอนเอาของใหม่ใส่เข้าไปก็ตั้งตำแหน่งย้อนกลับ โดยตั้งที่ตำแหน่งที่ถอดออกมาแล้วเสียบเข้าไป ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ มันจะตรงตำแหน่งแรก และไหนๆก็ไหนๆแล้ว เปลี่ยนซีลจานจ่ายก่อนก็จะดี ราคาไม่กี่บาท ว่าแต่ทำไมไม่ยืมของพรรคพวกใส่ลองดูก่อน ครับ
          เพื่อนผมมันไฮเทค เวลามันถอดซ่อมรถ ให้เมียมันถ่าย วิดีโอ แล้วมันก็บรรยาไปด้วย มันบอกกลัวเวลาประกอบคืนไม่ถูก  ดูแล้วน่ารักดี เวลาลุงรื้อรถเมียลุงมันไม่ใกล้เลยผ่าซิ  ยิ้มเท่ห์
ช่วงนี้น้ำท่วมครับ ผมเองก็เข้าเมืองไม่ได้ แต่จานจ่ายยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ ตั้งแต่0กิโล (เจ้าของบอกมา และเพิ่งจะเตือนมาเมื่อเดือนก่อนนี้เอง) ผมก็เลยเปลี่ยนก็ดี เพราะนานแล้วเหมือนกัน
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #24 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2011, 22:07:36 »

ทางหลวง340กู้แล้วผมเลยออกไปลองเปลี่ยนอะไหล่ได้ สรุปว่าแบตเสื่อมครับ หัวฉีดปกติดี  ขอบคุณทุกคนมากครับ รบกวนแย่เลย  อายจัง
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #25 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2011, 15:11:53 »

ทางหลวง340กู้แล้วผมเลยออกไปลองเปลี่ยนอะไหล่ได้ สรุปว่าแบตเสื่อมครับ หัวฉีดปกติดี  ขอบคุณทุกคนมากครับ รบกวนแย่เลย  อายจัง
อายจัง อายจัง อายจัง อายจัง เง้อ คิดกันไปไกล แต่ก็นะ แบตเนี่ย เดายาก ถ้าไม่ได้มีอะไรวัด
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #26 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2011, 19:23:13 »

อายจัง อายจัง อายจัง อายจัง เง้อ คิดกันไปไกล แต่ก็นะ แบตเนี่ย เดายาก ถ้าไม่ได้มีอะไรวัด
ผมว่ามันยากตรงที่จะให้ชัวร์ต้องหาแบตอีกลูกมาเปลี่ยนนี่แหละครับถึงจะรู้ว่าแบตเสื่อมจริงๆ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #27 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2011, 22:53:35 »

ผมว่ามันยากตรงที่จะให้ชัวร์ต้องหาแบตอีกลูกมาเปลี่ยนนี่แหละครับถึงจะรู้ว่าแบตเสื่อมจริงๆ  ยิ้มกว้างๆ
จริงๆใช้มิเตอร์วัดก็ได้แล้วครับ แต่แบตเสื่อมโดยมากมันจะมีอาการตอนจอดค้างคืน มีอาการตอนใช้ระหว่างวันไม่ค่อยเจอ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
apinont007
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 352



« ตอบ #28 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2011, 01:36:53 »

จริงๆใช้มิเตอร์วัดก็ได้แล้วครับ แต่แบตเสื่อมโดยมากมันจะมีอาการตอนจอดค้างคืน มีอาการตอนใช้ระหว่างวันไม่ค่อยเจอ ยิ้มกว้างๆ
ของผมวัดแล้วตอนดับเครื่องมันวิ่งอยู่ประมาณ11.xx นิดๆ พอสตาร์ทติด 13 กว่าๆ มันเป็นแบบนี้ทั้งกลางวัน กลางคืน นี่สิ มีโวลต์แต่กระแสไม่พอ ครับ  จุมพิต จุมพิต
บันทึกการเข้า

ไม่เน้นแรง แต่เน้นอยู่นานๆ และงามในคราวเดียวกัน
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #29 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2011, 09:50:29 »

ของผมวัดแล้วตอนดับเครื่องมันวิ่งอยู่ประมาณ11.xx นิดๆ พอสตาร์ทติด 13 กว่าๆ มันเป็นแบบนี้ทั้งกลางวัน กลางคืน นี่สิ มีโวลต์แต่กระแสไม่พอ ครับ  จุมพิต จุมพิต
ต้องใช้มิเตอร์เข็ม วัดตอนสตาทครับ ดูว่าแรงดันมันตกไปขนาดไหนตอนมอเตอร์สตามหมุน ถึงจะ พอเช็คได้ครับ  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: ขอสอบถามเรื่องการไล่เช็ค ของอาการเครื่องร้อนแล้วสตาร์ทยากหน่อยครับ
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |