ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
20 กรกฎาคม 2025, 17:51:06
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: เมื่อรถคุณติดก๊าซแอลพีจี 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อรถคุณติดก๊าซแอลพีจี  (อ่าน 2083 ครั้ง)
m@houb
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,473


« เมื่อ: 09 กันยายน 2006, 15:02:19 »





6 กันยายน 2549 10:56 น.
หากเกิดอาการแบ็คไฟร์ดัง ?ปัง? ออกมานั้น ก็เป็นอันว่าให้เตรียมตรวจเช็คการแตกหักเสียหายของหม้อกรองอากาศ , แผ่นกรองอากาศ , ชิ้นส่วนท่อลมต่างๆ จนถึงอุปกรณ์ประเภท air flow หากเป็นอย่างหลังนี้หลายเงินหน่อย
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :  หากไม่พูดถึงเรื่องนี้ดูเหมือนจะเชยไปหน่อย และคงไม่ช้าเกินไปหากจะพูดถึงการดูแลรักษา, การใช้งาน และเรื่องควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้ ก๊าซแอลพีจี ที่แม้ราคาน้ำมันในช่วงนี้จะปรับราคาลงแล้วก็ตาม แต่อู่ที่รับติดตั้งระบบก๊าซแอลพีจีทั้งหลายเท่าที่เห็นก็ยังมีลูกค้าจอดรอกันมากมาย รวมถึงสถานการณ์ในธุรกิจนี้ที่อุปกรณ์หลักๆ ล้วนต้องนำเข้าจากต่างประเทศก็เริ่มขาดตลาด อันเนื่องจากทั่วโลกต่างก็ประสบวิกฤตการณ์ราคาน้ำมันเช่นกัน ทำให้ผู้ผลิตในต่างประเทศจึงไม่สามารถซัพพลายได้ทัน
 ผมเชื่อว่าหลายท่านได้ตัดสินใจหรือนำรถไปติดตั้งระบบก๊าซแอลพีจีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามีทั้งใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา และมีปัญหาจนอยากถอดออกแล้วเขวี้ยงใส่เจ้าของอู่ (เรื่องเอ็นจีวี เท่าที่ดูยังไม่ค่อยเห็นมีปัญหาอะไรมากนัก ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะรถที่ใช้ยังมีจำนวนน้อย และอู่ติดตั้งต้องได้รับการควบคุมมาตรฐานอย่างเคร่งครัดจาก ปตท. )
  แต่ว่าตอนนี้เรามาสรุปปัญหาที่ท่านอาจสงสัยคาใจอยู่ และเรื่องที่ควรรู้กันเลยดีกว่าครับ
  - เมื่อติดตั้งก๊าซแอลพีจีแล้ว จำเป็นต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงเป็นรถใช้ก๊าซหรือไม่ ?
  จำเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะมีกฎหมายกำหนด พร้อมบทลงโทษปรับสูงสุดถึง 2 หมื่นบาท สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบก๊าซแอลพีจีแล้วไม่ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงสภาพเป็นรถยนต์ใช้ก๊าซ โดยแจ้งให้อู่ที่ติดตั้งทราบว่าท่านต้องการเอกสารการตรวจสภาพการติดตั้งระบบก๊าซ ซึ่งต้องมีวิศวกรเครื่องกลที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้ตรวจสอบพร้อมเอกสารยืนยัน จากนั้นจึงนำเอกสารดังกล่าวพร้อมสมุดคู่มือ (เล่มทะเบียนรถ) ไปแจ้งยังสำนักขนส่งฯ
  - ก๊าซจะวิ่งได้ดีเท่าน้ำมันหรือไม่ ประหยัดกว่าแค่ไหน ?
  ต้องยกเอาสุภาษิตที่ว่าของถูกและดีอาจจะมีบ้าง แต่ของดีมักจะแพง เช่นเดียวกันครับ ก๊าซ กิโลกรัมละ 9 บาทกว่าๆ จะให้วิ่งได้สมรรถนะสูงสุดทั้งอัตราเร่งและความเร็วปลายเหมือนน้ำมันลิตรละ 30 บาท คงเป็นไปไม่ได้ (เพราะในชีวิตจริงของคุณบนท้องถนนคงไม่มีใครรีดสมรรถนะสูงสุดของรถออกมาใช้ตลอดเวลา) เพราะค่าพลังของก๊าซแอลพีจีก็น้อยกว่าน้ำมันอยู่ราว 20% อยู่แล้ว ครั้นจะเพิ่มปริมาณของก๊าซที่เข้าสู่ห้องเผาไหม้เพื่อให้รถวิ่งได้ดีขึ้นก็จะกลายเป็นว่าส่วนผสมหนาเกินไปวิ่งไม่ออกอีกต่างหาก เพราะปริมาณอากาศก็ยังจำกัดอยู่เท่าเดิม งานนี้ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นการติดตั้งระบบก๊าซในระบบหัวฉีด หรือระบบมิกเซอร์ครับ เพียงแต่เทียบกันแล้วในรถคันเดียวกันนั้น ระบบหัวฉีดจะมีอัตราความสิ้นเปลืองและการตอบสนองของเครื่องยนต์ดีกว่าแบบมิกเซอร์อย่างเห็นได้ชัด
  กรณีนี้บางท่านอาจแย้งว่าเคยพบว่ารถบางคันติดก๊าซแล้ววิ่งดีกว่าน้ำมันนั้น เป็นไปได้ครับ แต่เป็นกรณีไม่ปกติ เช่นรถคันนั้นผ่านการใช้งานมานาน จนอุปกรณ์บางตัวที่ควบคุมระบบต่างๆ เสื่อมสภาพไปบ้างแล้ว ทำให้สมรรถนะเมื่อใช้น้ำมันจึงตกลงไปกว่าปกติ บางครั้งการจ่ายเชื้อเพลิงด้วยวิธีพื้นๆ โบราณๆ อย่างที่เรียกกันว่าแบบมิกเซอร์ คือปล่อยให้ท่อร่วมไอดีดูดเชื้อเพลิงเข้าไปตรงๆ จึงอาจทำให้รู้สึกว่ารถยนต์วิ่งได้ดีขึ้นก็เป็นไปได้ (แต่ค่อนข้างน้อยครับ) หรือบางครั้งในทางกลับกันอาจแย่จนเครื่องยนต์ไม่สามารถเดินเบาหรือวิ่งได้เลยก็เป็นได้ครับ
  ในเรื่องของความประหยัดนั้น หากเทียบกันแบบ กิโลเมตร/ลิตร แล้ว ต้องยอมรับว่าก๊าซแอลพีจีจะให้ระยะทางได้น้อยกว่าน้ำมันเบนซินอยู่ราว 20% ตามอัตราส่วนของค่าพลังงานที่น้อยกว่า เช่นน้ำมันวิ่งได้ 10 กม./ลิตร แต่ก๊าซแอลพีจีจะอยู่ที่ 8 กม./ลิตร แต่เมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายต่อหน่วยพลังงานของน้ำมันเบนซินที่ลิตร 30 บาท แต่ก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 9.50 บาทแล้ว งานนี้คนละเรื่องครับ
  - หากต้องการให้ประหยัดมากกว่านี้ เพราะมีบางอู่บอกว่าสามารถจูนให้ประหยัดมากขึ้นได้ จริงหรือไม่ มีผลเสียอะไรหรือเปล่า ?
  ถ้าเป็นในทางธรรมะก็คงเหมือนที่พระท่านบอกว่าให้เลือกเดินทางสายกลางนั่นหละครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าหากอยากจะให้วิ่งขึ้น ก็ยังมีข้อจำกัด และเมื่อยากให้ประหยัดมากขึ้นไปอีกด้วยการปรับให้จ่ายก๊าซให้น้อยลง ผลก็คือส่วนผสมบาง ทำให้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้สูงเกินปกติ หรือเกิดการชิงจุดระเบิด ตามที่ช่างชอบเรียกกันว่า ? เครื่องจาม ?  หรือ back fire ผลเสียก็คือเมื่ออุณหภูมิสูงเกินไปย่อมทำให้การสึกหรอของเครื่องยนต์เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ และหากเกิดอาการแบ็คไฟร์ดัง ?ปัง? ออกมานั้น ก็เป็นอันว่าให้เตรียมตรวจเช็คการแตกหักเสียหายของหม้อกรองอากาศ , แผ่นกรองอากาศ , ชิ้นส่วนท่อลมต่างๆ จนถึงอุปกรณ์ประเภท air flow หากเป็นอย่างหลังนี้หลายเงินหน่อย
  ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่ารู้ครับ อาทิ น้ำมันออโต้ลู้บเลี้ยงวาล์วจำเป็นหรือไม่ , จะตรวจเช็คการรั่วของก๊าซด้วยตัวเองได้อย่างไร , อุปกรณ์พวกนี้มีอายุใช้งานนานแค่ไหน ... พบกันตอนหน้าครับ


ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
บันทึกการเข้า



vsmobile
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 10 กันยายน 2006, 18:14:42 »

ขอบคุณคับสำหรับข้อมูล เพราะอนาคตรถแทบทุกคันก็จะต้องหันไปใช้แก๊ซกัน เพราะน้ำมันจะหมดโลกแล้วคับท่าน :'( :'(
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: เมื่อรถคุณติดก๊าซแอลพีจี
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |