วิธีการดูแลระบบแอร์รถยนต์ให้เย็นฉ่ำอยู่ตลอดหน้าฝนและหน้าหนาวบางคนอาจยังไม่รู้ว่าแอร์แอร์ของเราไม่เย็น พอเข้าหน้าร้อนถึงจะรู้ว่าแอร์รถเราแท้ที่จริงเป็นแค่พัดลมธรรมดาดี ๆ นี่เอง ยิ่งโลกก็ร้อนขึ้นทุกวัน ยิ่งขับรถตอนเที่ยงแล้วบางคนอยากเปิดกระจกเลยทีเดียว
เมื่อพูดถึงฤดูร้อนนั้น เราหลายคนคงนึกถึงระบบปรับอากาศรถยนต์ ที่จะเป็นสิ่งเดียวช่วยคุณคลายร้อน เว้น แต่คุณอยากลดความอ้วน อันนี้ก็ขับรถชิวๆเปิดกระจกกินลม แต่ก็คงไม่ไหว หากต้องผจญกับควันพิษในเมืองกัน
ระบบแอร์แม้จะไม่ใช่ระบบที่เป็นตัวบทสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนรถยนต์หนึ่ง คัน แต่มันก็สำคัญกับคนขับมากๆ โดยเฉพาะเมื่อร้อนนี้คุณอาจต้องแวะรับสาวๆ การทำให้รถของคุณมีระบบปรับอากาศที่ดีและพร้อมที่จะคลายร้อนทุกที่ทุกเวลา คงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างยิ่ง
แล้วเราต้องดูแลอะไรบ้างหลายคนคงนึกอยากย้อนถาม แน่นอนเรื่องนี้อาจจะฟังดูยาก แต่ด้วยความที่ระบบแอร์รถยนต์นั้นเป็นระบบปิด (หมุนเวียนภายในเท่านั้น) ถ้ารถคุณไม่ได้มีปัญหาจริง แค่ดูแลรักษาก็คงเพียงพอ
1.เช็คน้ำยาแอร์ ในหน้าหนาวเราอาจจะไม่เคยรู้สึกร้อนอะไรมากมายนัก เพราะอากาศภายนอก ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานแอร์ไปส่วนหนึ่ง แต่เมื่อหน้าร้อนคุณจะรู้ได้ทันทีว่าระบบแอร์คุณมีปัญหาหรือไม่ โดยเฉพาะ ถ้าช่วงที่กำลังเปลี่ยนฤดูนี้ รถใครเย็นแบบชืดๆ ไม่ฉ่ำ ก็ได้เวลาเปิดฝากระโปรง ตรวจสอบระดับน้ำยาแอร์แล้ว
การดูระดับน้ำยาแอร์นั้น คุณสามารถดูได้ที่กรองแอร์ ซึ่งอยู่ในบริเวณแผงระบายความร้อนทางด้านหน้ารถ โดยกรองแอร์หรือที่บางคนเรียกว่า Dryer นี้จะมีช่องตรวจสอบน้ำยา โดยสังเกตผ่านตาแมวที่เป็นกระจกใส่ ว่า ถ้าเราเริ่มเห็นฟองอากาศ แสดงว่าน้ำยาแอร์เริ่มน้อย กลับกันถ้าน้ำยายังมากกระจกจะค่อนข้างใส ซึ่งโดยปกติแล้วเราต้องเติมน้ำยาแอร์เป็นประจำทุกๆ 2 ปี
2.ตรวจเช็ครอยรั่วของระบบ บางครั้งสาเหตุที่แอร์รถเราไม่เย็นนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากระบบเกิดรอบรั่ว ซึ่งโดยทั่วไประบบแอร์จะไม่สามารถรั่วเองได้ เว้น แต่จะมีการสึกหรอของอุปกรณ์ ไม่ว่าจะแผงระบายอากาศไปจนถึงโอริงตัวเล็กที่ประกบอยู่ระหว่างชุดท่อแอร์ ข้างใน
การสังเกตว่าแอร์รถของท่านรั่วหรือไม่นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ โดยดูจากรอยรั่วที่น้ำยากระทำต่อนวมแอร์ หรือมีคราบสกปรกในบริเวณต่างๆที่ใกล้กับท่อแอร์ ซึ่งคราบเหล่านี้เกิดจากน้ำยาแอร์ แต่กรณีที่รถของท่านเกิดไม่มีรอยน้ำยาเหล่านี้แต่น้ำยาแอร์พร่อง หาย อาจเป็นไปได้ 2 กรณี คือ 1 น้ำยาแอร์ต่ำ และ 2 อุปกรณ์ในระบบที่ไม่ใช่ชุดท่อแอร์รั่ว ซึ่งเราจำเป็นต้องติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
3.ล้างแอร์ ถ้าคุณคิดว่ารถคุณปกติ ก็ได้เวลาไปล้างแอร์กัน ปัจจุบัน การล้างแอร์นั้น สามารถทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องถอดตู้แอร์ออกมาให้ยุ่งยากวุ่นวาย ซึ่งหากคุณมีโอกาส ค่าใช้จ่ายครั้งละ 1,500 บาท ต่อครั้ง อาจจะทำครั้งละ 1 ปี ถือว่าไม่ใช่เงินที่เยอะเลย และนอกจากลมแอร์จะดีขึ้นแล้ว ยังช่วยรักษาสุขภาพของคุณและผู้โดยสารด้วย
4.ไปล้างรถ หลายคนอาจจะงง มันไปเกี่ยวอะไรกับการล้างรถ แต่นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราแนะนำให้คุณไปร้าน ล้าง อัดฉีด ที่มีเครื่องน้ำพ่นแรงๆ แล้วบอกเน้นย้ำเขาให้จัดการกับแผงระบายความร้อนด้านหน้ารถคุณ ซึ่งทุกวันที่คุณขับ นอกจากเศษฝุ่นแล้วคราบใบไม้ บางทีอาจจะแถวสัตว์ประหลาดมาด้วยนั้น จะถูกหมักความสกปรกไว้ตรงนี้ทั้งหมด ซึ่งการล้างอัดฉีดเป็นวิธีเดียวที่ช่วยได้ และถึงมันไม่เกี่ยวกับระบบปรับอากาศรถยนต์โดยตรง แต่การที่เราขจัดคราบฝุ่น-เศษขยะไปได้ก็ช่วยการระบายความร้อนของน้ำยาดีขึ้น และแน่นอน แอร์เย็นเร็วขึ้นด้วย
5.ไปเยี่ยมร้านแอร์ หลังจากที่เราเสร็จการเช็คด้วยตัวเราเองแล้ว ก็ได้เวลาไปแวะเยี่ยมช่างผู้ชำนาญการ เพื่อให้เขาตรวจสอบอีกครั้งเป็นการเช็คซ้ำ เพราะการที่เราเช็คด้วยตัวเองบางครั้งไม่ใช่ว่าจะรู้ไปเสียทั้งหมด การที่เราเช็คมาก่อนหน้านี้นั้น ช่วยให้เรารู้ถึงปัญหาก่อนที่จะเข้าร้าน และแน่นอนหลอกใครก็หลอกได้ แต่หลอกคุณน่ะไม่ได้หรอก
ทั้งหมด 5 ข้อนี้ก็เป็นทริคที่คุณควรรีบๆไปทำเสีย ก่อนที่ตุ๊กตาหน้ารถจะหงุดหงิดเอาได้ถ้าเธอเจออากาศร้อนอบอ้าวเอา ยังไงจำไว้ว่าทุกปัญหามีสัญญาณและทางแก้ไข อยู่ที่คุณจะทำอย่างไร และดำเนินการได้เร็วหรือไม่ เท่านั้นเอง
สาเหตุและวิธีแก้ปัญหา "น้ำแข็งเกาะตู้แอร์"คงมีผู้ใช้รถยนต์หลาย ๆ ท่านเคยประสบกับปัญหา "น้ำแข็งเกาะตู้แอร์" ซึ่งอาการดังกล่าวทำให้แอร์ที่ส่งออมาจากตู้แอร์ตันจนทำให้แรงลมที่ออกจากช่องแอร์มามีน้อยลงเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยเย็น ถ้าเพิ่มความเย็นขึ้นอีก ก็จะยิ่งทำให้มีน้ำแข็งก่อนตัวกันมากขึ้นครับ ปัญหาดังกล่าวมีวิธีแก้ไข ดังที่จะได้กล่าวต่อไปครับ
น้ำแข็งเกาะตู้แอร์
ปัญหาแอร์รถยนต์ “น้ำแข็ง”
Q : ตอนนี้ใช้ฮอนด้า ซีอาร์วี ปี2003 มีปัญหาคือ ถ้าใช้งานปกติจะขับในเมืองเป็นส่วนมาก ช่วงเช้าขับออกจากบ้านไปที่ทำงาน ตอนเย็นขับกลับ ไปกลับวันหนึ่งประมาณ 50 กิโลเมตร แอร์จะเย็นดีเหมือนปกติ แต่ถ้าวันไหนต้องขับรถทางไกลออกต่างจังหวัด ขับนานเกินชั่วโมงขึ้นไป แอร์จะเริ่มไม่เย็น และไม่เย็นอีกเลย เคยถามเพื่อนที่ใช้รุ่นนี้ด้วยกันบอกว่าอาการนี้คือ ตู้ตัน ให้เอาไปล้างตู้แอร์ดูน่าจะหาย มันเป็นแบบนั้นจริงหรือเปล่าครับ และทำไม บางทีตอนเช้ามีควันพุ่งออกมาด้วย?
A : สวัสดีครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ในแต่ละวันสภาพอากาศต่างกันสุดขั้ว ตอนเช้าถึงเที่ยง แดดแรงอากาศร้อนจัด ตอนดึกๆ อากาศเย็น อย่าว่าแต่รถยนต์เลยที่อาจเกิดปัญหาได้ ร่างกายของเราก็สำคัญที่จะละเลยไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด
จากสภาพที่ เปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบกับระบบต่างๆ ในรถยนต์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะถ้าระบบใดระบบหนึ่งเริ่มทำงานบกพร่อง ไม่เต็มร้อย มักแสดงอาการออกมาในช่วงนี้กันอย่างชัดเจน อย่างกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่คาดว่าน้าจะเกิดจากปัญหามีน้ำแข็งเกาะภายในตู้ แอร์จึงทำให้เกิดอาการดังกล่าว แต่น้ำแข็งเกาะตู้มันคือ ปัญหา แต่สาเหตุจริงๆ อะไรที่เป็นต้นตอของการทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น จะต้องมาไล่กันอย่างละเอียดอีกครั้ง บางทีรถบางรุ่นที่เคยมีระบบฮีตเตอร์แล้วตัดออกอาจเกิดปัญหาแบบนี้ได้ด้วย เช่นกัน
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ อยากบอกสั้นๆ ว่าทั้งหมดของปัญหานี้ไม่มีอะไรที่น่าหนักใจอย่างที่หลายคนอาจกังวล หากอาการทั้งหมดเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ตู้แอร์เกิดการอุดตัน แต่บางทีก็อาจมาจากเทอร์โมสตรัทเสื่อม การควบคุมการทำงานผิดปกติ ซึ่งเราจะสังเกตได้จากการที่คอมเพลสเซอร์แอร์ไม่ตัดการทำงาน
ปัญหา ที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับอาการยอดฮิตแบบนี้ โดยมากอาการที่พบจะมาจากตู้แอร์ตันผู้ใช้จะรู้สึกได้ อย่างแรกเป็นอาการเริ่มต้น ความแรงของลมที่ผ่านออกมาทางช่องแอร์จะลดลง จนถึงขั้นต้องเปิดสปีดไปที่แรงสุด และจะมีเสียงดังของลมที่อู้อยู่ภายในตู้แอร์มากกว่าปกติ ต่อมาอาจแอร์ไม่เย็น แต่มีน้ำแข็งเกาะตู้แอร์ นั่นคือ คอยล์เย็นที่อยู่ในตู้แอร์มีน้ำแข็งเกาะ ทำให้เกิดอาการแอร์ไม่เย็น
หาก ขับรถทางไกล คือจะมีอาการไอขาวๆ เหมือนน้ำแข็งแห้งพ่นออกมาจากช่องลมเย็นของแอร์ มันคือไอที่เกิดจากน้ำแข็งที่ถูกพัดออกมาด้วยแรงของพัดลมแอร์ หากเกิดจากปัญหาตู้แอร์สกปรก ทำให้ตัน ทางแก้ไขคือ นำไปล้างตู้ ปัญหานี้ไม่ใช่ว่าการทำความเย็นของระบบปรับอากาศผิดปกติ
เพียงแต่ว่า ลมเย็นไม่สามารถพัดออกมาได้ หรือไม่ก็การควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศมันไม่ดีต่างหาก การปรับอากาศกับการทำความเย็นมีความคล้ายกัน แต่ความแตกต่างกันบางประการ ตรงที่ระบบปรับอากาศจะถูกควบคุมคุณภาพอากาศในแง่ความสะอาด และกลิ่น มีการไหลเวียน และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับความสบายของมนุษย์ การปรับอากาศจึงไม่ใช่การทำให้เย็นเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าเป็นประเทศแถบยุโรปในฤดูหนาว ความสบายของมนุษย์กลับไม่ใช่ความเย็น แต่เป็นความอบอุ่นมากกว่า
การปรับอากาศในรถยนต์อาศัยการนำความร้อน ออกไปจากห้องโดยสาร คือ สารทำความเย็น หรือน้ำยาแอร์จะนำความร้อนภายในห้องโดยสารออกไปถ่ายเทข้างนอก พอความร้อนมันออกไปเรื่อยๆ ขณะที่ภาระความร้อนจากผู้โดยสาร จากภายนอก ถูกทิ้งออกไป อุณหภูมิภายในห้องโดยสารมันก็จะลดต่ำลงจนถึงอุณหภูมิที่ปรับตั้งเอาไว้ การทำงานขนเอาความร้อนออกก็จะหยุดลง แต่การไหลเวียนของการปรับอากาศจะยังคงทำงานเช่นเดิม จนกระทั่งภาระความร้อนจากภายใน และภายนอกเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ตั้งเอาไว้ การปรับอากาศก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
หากตู้ไม่ตัน แต่อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิเพื่อตัด และต่อการทำงานของคอมเพลสเซอร์ คือ เทอร์โมสตรัท มีปัญหาตรงที่มันเกิดขี้เกียจทำงาน เป็นการต่อโดยไม่ตัดการทำงาน ทำให้ความร้อนถูกนำออกไป อุณหภูมิบริเวณคอยล์เย็นที่แลกเปลี่ยนความร้อนก็ต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็ง (0 องศาเซียลเซียส) ความชื้นในรถกับอากาศที่ไหลเวียนซึ่งมีความชื้นปนอยู่ด้วยจึงรวมตัวกันกลาย เป็นน้ำแข็งเกาะอยู่ตามครีบของอีแวปพอเรเตอร์ ในการทำงานโดยปกติของระบบแอร์ อาจมีน้ำแข็งลักษณะเกล็ดหิมะเกิดขึ้นได้เล็กน้อย แต่ถ้ามีมากเมื่อพัดลมหมุนเวียนอากาศออกเพื่อส่งลมเย็นออกมาจะมีอุณหภูมิที่ ต่ำลงมากๆ เมื่อกระทบกับความร้อนในห้องโดยสารความชื้นจึงกลั่นตัวกลายเป็นไอพ่นออกมา
หาก อุณหภูมิจะต่ำลงน้ำแข็งก็จะเกาะครีบจนปิดช่องทางอากาศไม่สามารถไหลเวียนได้ ทีนี้ลมเย็นก็ไม่ออกมาข้างนอก จึงรู้สึกว่า แอร์ไม่เย็น ทั้งๆ ที่จริง มันเย็นจนเป็นน้ำแข็ง แต่ลมไม่ออกต่างหาก บางทีเทอร์โมสตรัทมันเสื่อมทำงานไม่แน่นอน วิธีแก้ไขคือการตรวจเช็คหรือเปลี่ยนใหม่
ต้องรู้ก่อนว่ามันเป็นแบบ ไหน แอร์ของฮอนด้า มักพบกับตำแหน่งการติดตั้งเทอร์โมสตรัทที่ไม่ถูกต้อง แต่จะเกิดขึ้นหลังการซ่อมแซมแอร์ อย่างไรก็ตามหากเกิดการเสื่อมของอุปกรณ์ ต้องเปลี่ยนใหม่เท่านั้น อาการนี้มองภาพง่ายๆ ก็คล้ายกับตู้เย็นที่มีน้ำแข็งเกาะ ทำให้มันไม่มีความเย็น จะต้องกดปุ่มละลายน้ำแข็งนั่นเอง แล้วค่อยไปแก้ไข