เสื่อม! เว็บโฆษณายาทำแท้งโผล่โจ๋งครึ่มเว็บยาทำแท้งโผล่ โจ๋งครึ่ม หาง่ายแค่ค้นหาในเว็บ ให้คำแนะนำใช้ยากับหญิงตั้งครรภ์ 2-4 เดือน ละเอียดยิบ อย.ฟันธงทำผิดหลายกระทง ทั้งจำหน่ายยาไม่ได้รับอนุญาต และหลอกลวงขายยาอันตราย ประสานตร.-ไอซีที ปิดเว็บ ดำเนินคดี รายงานข่าวแจ้งว่า มีเว็บไซต์แห่งหนึ่งมีการโฆษณาขายยาทำแท้งโดยเฉพาะ โดยมีข้อความระบุอย่างชัดเจนว่า ต้องการช่วยเหลือคนที่ยังไม่พร้อมในการตั้งครรภ์ และมีการขายยาสามแบบ ตั้งแต่ราคา 650-5,000 บาท และมีการคำนวณระยะการตั้งครรภ์ เพื่อให้ผู้ต้องการทำแท้ง คำนวณว่าจะต้องใช้ยาจำนวนเท่าใด โดยแนะนำการใช้ยากับหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ 2-4 เดือน และระบุว่า หากอายุครรภ์มากกว่า 4 เดือน สามารถโทรศัพท์ปรึกษาได้โดยตรง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เพียงเปิดเว็บไซค์เสิรท์เอ็นจิ้น ก็สามารถพบเว็บขายยาดังกล่าวได้ทันที
นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวได้มีการตรวจสอบข้อความในเว็บไซค์ดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำผิดหลายกรณี เช่น ข้อหาจำหน่ายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งยาดังกล่าว อยู่ในประเภทยาอันตราย ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น และต้องตรวจสอบว่าเป็นยาจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการหลอกลวงขายยา หากพบว่าเป็นยาปลอม ก็จะต้องโทษข้อหา จำหน่ายยาปลอม และโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งตามพ.ร.บ.ยา พ.ศ.2535 มาตรา 12 ในกรณีที่ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หากเป็นการจำหน่ายยาปลอม มีโทษจำคุก 1 ? 20 ปี และปรับ 2,000 -10,000 บาท
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะนำตัวดำเนินคดีตามกระบวนการต่อไป โดยทั่วไป มักจะพบการจำหน่ายยาในเว็บไซด์ เป็นยาประเภทกระตุ้นทางเพศ และมีการจับกุมมาโดยตลอด ซึ่งกรณีการขายทางเว็ปไซด์ มักจะหาผู้ดำเนินมาลงโทษได้ยากเพราะเว็บไซด์สามารถเปิดได้อย่างง่ายดาย และมีการย้ายที่อยู่เว็ปไซด์ไปเรื่อยๆ ซึ่งมีการประสานกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
?ประชาชนต้องระวังในการซื้อยาทางเว็บไซค์ เพราะอาจเสี่ยงในการถูกหลอกลวง เช่น ให้โอนเงินไปโดยที่ไม่ได้รับยา หรือบางครั้งอาจได้รับยาปลอม ไม่มีคุณสมบัติในการรักษา หรืออาจได้รับอันตรายเมื่อใช้ยาดังกล่าวได้ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการโฆษณาขายยาทางเว็บไซด์ อาจจะถูกหลอกได้? นพ.ศิริวัฒน์ กล่าว
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า วันนี้(16 ก.ค.)อย.มีการหารือร่วมกับผู้แทนราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ของยาชื่อทางการค้าว่าไซโตเทค ซึ่งขึ้นทะเบียนยาเป็นยารักษาแผลในกระเพาะอาหารส่วนต้น ปัจจุบันอย.จัดให้ยาตัวนี้เป็นยาควบคุมพิเศษที่โรงพยาบาลจะต้องจัดทำรายงานการใช้รายงานมายังอย. จากเดิมที่เป็นเพียงยาอันตราย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีการนำยาตัวนี้ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และมีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ
?ยาตัวนี้เดิมใช้รักษาแผลในกระเพาะอาหารส่วนต้น แต่ทางราชวิทยาลัยฯได้ให้ข้อมูลถึงยาตัวนี้ว่ามีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่เป็นประโยชน์จริงในการช่วยหญิงตั้งครรภ์ไม่ให้ตกเลือดจนอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตจากการแท้งบุตร โดยบางประเทศที่สถานบริการทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จะใช้ยาตัวนี้ในการลดการตายของแม่จากการตกเลือด เนื่องจากยาตัวนี้มีฤทธิ์กระตุ้นให้มดลูกบีบตัวขณะที่ผู้หญิงตกเลือก ช่วยลดการเสียเลือด?นพ.ศิริวัฒน์กล่าว
นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ผลจากการประชุมครั้งนี้ อย. ราชวิทยาลัยฯ และกรมอนามัยได้จังตั้งคณะทำงานร่วมกันในการพิจารณาข้อดีข้อเสียจากการใช้ประโยชน์ทางสูตินรีแพทย์ของยาตัวนี้ ก่อนนำเสนออนุกรรมการยา และนำเข้าคณะกรรมการยาพิจารณาต่อไปว่าจะอนุญาตให้ใช้ยาตัวนี้เพื่อประโยชน์ทางสูตนรีแพทย์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม การหารือในครั้งนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงมิติทางสังคมเกี่ยวกับการทำแท้งแต่อย่างใด เนื่องจากการทำแท้งตามกฎหมายจะต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น กรณีที่ถูกข่มขืนหรือมีโรคแทรกซ้อน เช่น หัดเยอรมัน หรือเอดส์ เป็นต้นที่มา: ผู้จัดการออนไลน์
16 กรกฎาคม 2550 23:04 น.