:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: khangnoy13 ที่ 12 กรกฎาคม 2007, 19:05:01



หัวข้อ: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: khangnoy13 ที่ 12 กรกฎาคม 2007, 19:05:01
 ::) ::) ::)*****เพิ่งรู้ว่ามันทำได้หลายอย่าง**** ::) ::) ::)
1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก
ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้ กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติแม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้..ลองดูสิครับ

2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ...สำหรับรถที่ใช้ Remote Key
ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขา ให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรองในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กดต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองเลยแหละระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม

3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด * 3370# สำหรับมือถือ Nokia
ถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด * 3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่า เพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป

4. ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป
ในกรณีนี้เราต้องใช้ หมายเลข serial number ประจำเครื่อง ซึ่งมี 15- 17 หน่วย การที่จะทราบหมายเลขนี้ก็ไม่ยากครับ กด * #06# แล้วหมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไว้ครับแล้วเก็บไว้ให้ดี....

ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่นให้โทรไปที่ศูนย์แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไปเขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีกเลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยัง ใช้ไม่ได้อยู่ดีได้อย่างเดียวคือไว้เขวี้ยงหัวหมาหรือหลังคาคนอื่น (อาจจะหลอกไปขายต่อได้..ถ้าคนซื้อต่อเขาไม่รู้....)


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: fomote ที่ 12 กรกฎาคม 2007, 19:24:03
 :P จริงด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: My_Mint ที่ 12 กรกฎาคม 2007, 20:54:40
ขอบคุณมาก มาก ใช้ได้จริง  :D


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: daido_s ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 10:11:48
 :) :) :) :) ความรู้ใหม่


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: TooN2929 ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 10:24:50
 :) :) :) ข้อ 2 เรื่องจริง เคยลองแล้ว....มันดีครับ...  :) :)


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: kangwan ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 10:31:08
กรณีข้อ3 ถ้าเราทำบ่อย ๆ แล้วจาทำให้อายุการใช้งานของแบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นไหมคับ


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: khangnoy13 ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 14:39:04
กรณีข้อ3 ถ้าเราทำบ่อย ๆ แล้วจาทำให้อายุการใช้งานของแบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นไหมคับ

 ::) ไม่แน่ใจนครับแต่คิดว่าไม่น่ามีปัหานะเพราะเวลาชาตแบทมันจะชาตเพื่มขึ้นจากเดิม ใครเนกูรู เรื่องนี้ช่วยบอกด้วยคร๊าบบบ :) :) :) :) :) :)


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: ZODA ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 15:53:14
ได้ประโยชน์     ถ้ายี่ห้ออื่นมันจะมีระบบสำรองพลังงานยังงี้มั้ยน้า    :) :)


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: alfaone_t ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 16:03:28
 :Dประโยชน์ข้อ2 เดียวนู๋จะลองทำดุ ???


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: jojo-civic 96 ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 21:34:56
 เพิ่มเติม ข้อ 2. ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เคยได้ยินมาว่าถ้าลืมกุญแจไว้แต่ระยะมันไกลเกิน
 ให้โทรไปหาคนที่บ้าน แล้วให้คนที่บ้านกดสัญญาณกันขโมย เราเอาโทรศัพท์จ่อไว้ทีตัวรถหรือ
 เปิดลำโพงโทรศัพท์ ในระยะใกล้ตัวรถ สัญญาณกันขโมยจะปลดล็อกเอง
 เคยได้ยินมานานแล้วไม่รู้จริงหรือไม่

 ส่วนข้อ 4 ทำไม่ได้จริงครับ การล็อกอี่มี่จะทำได้กับเครื่องสมัยก่อน ก่อนมีการเปิดเสรีการใช้งาน
 โทรศัพท์เคลื่อนที่ ปัจจุบันทำการล็อกอี่มี่ไม่ได้แล้วครับ
 วิธีที่ถูกต้องในขั้นตอนกรณีโทรศัพท์เคลื่อนที่หายคือ
 1. จดจำเลขอีมี่ 14-15 หลักหรือเก็บกล่องของโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้นไว้ยิ่งดีครับ
 2. ทุกครั้งที่ซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ใหม่หรือเครื่องมือ 1 ให้กรอกรายละเอียดในใบรับประกันให้ครบถ้วน
     แล้วส่งกลับมาที่บริษัทหรือตัวแทนจำหน่ายนั้นๆ
 3. ถ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่สูญหายหรือถูกขโมย ให้นำเลขอีมี่หรือกล่องของโทรศัพท์เคลื่อนที่มาแจ้งความไว้
     ที่สถานีตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐาน
 4. ในกรณีโทรศัพท์มือถือหายตำรวจมักจะไม่ค่อยอยากติดตามอยู่แล้วถือเป็นเรื่องเล็กน้อยยกเว้นในแบบที่ติดตามได้ง่าย
     เช่น PCT หรือโทรศัพท์ที่สูญหายมีซิมการ์ดหรือหมาเลขเดิมที่เจ้าของแจ้งหายไว้ แต่คนที่เก็บได้หรือเหล่ามิจฉาชีพ
     ยังไม่ได้ถอดออกไปอย่างเบอร์รายเดือนเปอร์เซ็นต์จับกุมมาได้จะสูงกว่าเพราเจ้าของไม่ได้ระงับหมายเลข
     คนที่เก็บได้หรือมิจฉาชีพยังหลงระเริงโทรจนเพลิน จนตำรวจสามารถจับกุมได้ส่วนวิธีจับกุมเป็นความลับครับ
 5. หลังจากแจ้งความให้นำใบแจ้งความมามอบให้ศูนย์บริการหรือตัวแทนจำหน่ายยี่ห้อนั้นๆที่สูญหายหรือส่งแฟกซ์มาที่ศูนย์ได้
    เช่นกันครับ เพื่อที่จะช่วยในกรณีที่มีผู้นำเครื่องหมายเลขประจำเครื่องดังกล่าวมาขอรับการซ่อมหรือใช้บริการที่ศูนย์บริการ
    หรือตัวแทนจำหน่าย เพื่อที่ทางศูนย์บริการหรือตัวแทนจำหน่าย แจ้งให้คุณทราบว่าขณะนี้มีผู้นำเครื่องมาขอรับบริการจากทาง
    ศูนย์ เพื่อที่ทางศูนย์จะได้ทำการอายัดเครื่องไว้ในขั้นตอนต่อไป

     ตามที่บอกข้างบนไม่สามารถช่วยให้ได้เครื่องคืน ร้อยเปอร์เซนต์ แต่ช่วยลดความเสี่ยงลงได้หรืออาจได้เครื่องคืนสูงถึง
     60 เปอร์เซ็นต์ครับ จากที่ได้มีการทำมาหลายปีมานี้


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: jojo-civic 96 ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 22:17:03
กรณีข้อ3 ถ้าเราทำบ่อย ๆ แล้วจาทำให้อายุการใช้งานของแบตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นไหมคับ
มีผลต่อการใช้งานแบตเตอร์รี่ครับ อายุการใช้งานจะสั้นลงครับ


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: OATFD ที่ 13 กรกฎาคม 2007, 23:36:13
ข้อ 2 กะ ข้อ 3 ลอง แย้วอ่าไม่ติด  :'(


หัวข้อ: Re: ประโยชน์ของโทรศัพท์มือถือที่คุณอาจไม่ทราบ
เริ่มหัวข้อโดย: MIM_ING+1 ที่ 14 กรกฎาคม 2007, 11:35:27
เพิ่มเติมนะครับ
ข้อควรรู้ เกี่ยวกับแบตเตอรี่
--------------------------------------------------------------------------------
แบตเตอรี่

โทรศัพท์มือถือที่เพื่อนๆใช้กันอยู่นั้น จำเป็นต้องมีแหล่งจ่ายพลังงานเพื่อให้โทรศัพท์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งยิ่งโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆด้วยแล้ว ฟังก์ชั่นมากๆ จำเป็นที่จะต้องใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุสูง สามารถใช้งานได้นานๆ น้ำหนักเบา เวลาการชาร์ทสั้นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน

ช่วงที่ผ่านมา โทรศัพท์มือถือจะใช้แบตอยู่ 2 ประเภทคือ
1. Ni-CD นิกเกิล แคดเมี่ยม ซึ่งจะมีข้อด้อยคือ มีผลเรื่องของเมมโมรี่ เอ็ฟเฟ็คสูงมาก ทำให้อายุการใช้งานค่อนข้างสั้น เมื่อผู้ใช้ชาร์ทไม่ถูกต้อง
2. Ni-MH นิกเกิล เมทัลไฮไดร ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบของ เมมโมรี่เอ็ฟเฟ็ค แต่ข้อด้อยคือน้ำหนักที่ค่อนข้างมากไปหน่อย ซึ่งต่อมาก็ไม่ค่อยได้รับความนิยมใช้ในมือถือรุ่นใหม่ๆ

สำหรับประเภทโทรศัพท์มือถือที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็น Li-on (ลิเทียม ไอออน) และ Li-Polymer หรือ Li-on Polymer (ลิเทียมโพลิเมอร์)

ข้อดีของแบตประเภทลิเทียมคือ
1. น้ำหนักเบา
2. ความจุสูง
3. ใช้เวลาในการชาร์ทสั้น
4. ผลกระทบจาก Memory Effect น้อยมาก แทบจะไม่มีเลย

ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการใช้งานกับมือถือรุ่นใหม่ๆเป็นอย่างมาก แต่ในประเภทของ Li-on ก็ยังมีผลเรื่องของการใช้งานอย่างหนึ่งคือ หากมีการดิสชาร์ท (การคายประจุแบตเตอรี่) หรือใช้แล้วปล่อยให้ไฟหมดจากตัวเซลของแบตเตอรี่แบบเกลี้ยงเลย อาจเสื่อมประสิทธิภาพได้ หรืออาจจำเป็นต้องกระตุ้นการชาร์ท ระยะหนึ่งก่อนที่จะกลับมาใช้งานปกติ เช่น เมื่อเราทิ้งเครื่องพร้อมแบตเตอรี่จนไฟหมด และไม่ได้ชาร์ท จนกระทั่งไฟหมดจากแบตเตอรี่ เมื่อเสียบสายชาร์ท ไฟอาจไม่สามารถชาร์ทได้ในทันที อาจต้องรอ 30-60 นาที เพื่อกระตุ้นเซลแบต ให้กลับคืนสภาพ ก่อนการชาร์ทได้อีกครั้ง

แต่ในแบตแบบ Li-Polymer ได้รับการพัฒนาจาก Li-on อีกระดับคือ นอกจากจะเบา แล้ว ยังสามารถที่จะปล่อยให้ไฟหมด โดยไม่มีผลเรื่องความเสื่อมประสิทธิภาพของเซล รวมทั้งยังสามารถออกแบบรูปร่างให้เหมาะสมกับมือถือในแต่ละรุ่นได้อย่างง่ายดาย และสามารถออกแบบได้บางเป็นพิเศษ อย่างเช่นแบตของ อีริคสัน T39 เป็นต้น

การชาร์ทไฟในแต่ละแบบ

-สำหรับแบตแบบ Ni-CD และ Ni-MH ใน 3-5 ครั้งแรก ควรชาร์ทไฟทิ้งไว้ประมาณ 12-16 ชม. ก่อนการใช้งาน และในแต่ละครั้งที่ใช้งานควรที่จะใช้จนกระทั่งแบตหมด หรือเหลือน้อยที่สุด -แบตเตอรี่แบบ Li-on การชาร์ทครั้งแรกๆ ไม่จำเป็นต้องชาร์ท 12-16 ชม.อีกต่อไป ชาร์ทเพียงแค่เต็ม แล้วทิ้งไว้อีกซัก1-2 ชม.ก็เพียงพอ แต่แบตอาจจะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพหลังจากการชาร์ทผ่านไปแล้ว 3-5 ครั้ง โดยในการชาร์ทแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องรอให้แบตหมด หรือแบตอ่อน สามารถชาร์ทได้บ่อยเท่าที่ต้องการครับ เพียงแต่แบตแบบนี้ไม่ควรปล่อยให้ไฟหมดเกลี้ยง และห้าม ดิสชาร์ทครับ
-แบตเตอรี่แบบ Li-Polymer การชาร์ทเหมือนแบบ Li-on คือชาร์ท3 ครั้งแรกแค่เต็ม และสามารถปล่อยให้แบตหมดได้โดยไม่มีผลต่อประสิทธิภาพในการใช้งาน

แท่นชาร์ท

ควรใช้แท่นชาร์ทที่เหมาะสมกับแบตแต่ละประเภท โดยปกติแล้ว แท่นชาร์ทแบบ ชาร์ท Ni-MH จะไม่เหมาะสำหรับการชาร์ทแบบ Li-On หรือ Li-Polymer ดังนั้น ควรศึกษาว่าแท่นแบบใดเหมาะสมกับแบตรุ่นที่ใช้ ก่อนการซื้อมาใช้งานครับ

สายชาร์ทในรถ

ในแบตประเภท ลิเทียมทั้ง 2 แบบสามารถใช้ที่ชาร์ทในรถได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่หากเป็นแบตแบบ เมทัลไฮไดร แนะนำให้ใช้ที่ชาร์ทในรถเท่าที่จำเป็นเท่านั้นครับ

ที่ชาร์ทแบบหยอดเหรียญตามห้าง

หากไม่จำเป็นจริงๆ ผมขอให้เลี่ยงการชาร์ทแบบหยอดเหรียญตามที่ให้บริการในห้างครับ เพราะเป็นการเร่งกระแสไฟชาร์ทมากกว่าการชาร์ทตามปกติ ทำให้ไฟเต็มเร็ว อาจส่งผลเสียต่อเมนบอร์ด และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาวได้ครับ

ใช้อย่างไรให้แบตทน

-อย่าทิ้งแบตไว้ในที่อุณหภูมิสูง
-ระวังอย่าให้วัสดุเช่นเศษเหรียญ หรือโลหะไปโดนขั้วหน้าคอนแท็ค ในขณะใส่กระเป๋า เพราะอาจลัดวงจร
-อย่าปล่อยทิ้งแบตไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน
-ใช้แท่นชาร์ท หรือสายชาร์ทที่เหมาะสมกับรุ่นเท่านั้น

เมื่อไรจึงจะต้องเปลี่ยนแบต หรือซื้อก้อนใหม่

เมื่อเวลาผ่านไป 1-2ปี ขึ้นไป แบตจะค่อยๆมีระยะเวลาเปิดรอรับสายลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งแทบเรียกได้ว่า ชาร์ทเต็ม ครึ่งวันหมด อย่างนี้ก็ให้หาแบตก้อนใหม่ได้แล้วครับ

การทิ้งแบตเตอรี่

ไม่ควรเปิด หรือแงะแบตเล่น เพราะวัสดุที่ใช้ทำแบต มีอันตรายต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม ควรทิ้งในที่ที่จัดไว้ ในขณะนี้ ทาง ดีแทค และ เอไอเอส ได้มีโครงการตั้งกล่องรับแบตเสื่อมสภาพ ไม่ได้ใช้งาน ดังนั้นหากเพื่อนๆจะทิ้งให้นำไปใส่ไว้ที่กล่องดังกล่าว เพื่อลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมครับ