หัวข้อ: ek เริ่มเกเรแล้ว เริ่มหัวข้อโดย: 6878 ที่ 23 พฤศจิกายน 2009, 20:32:12 เรื่องมีอยู่ว่าขับรถจากที่ทำงานกลับบ้านเย็นวันเสาร์จากบางปะกงกลับลำลูกกาใช้เส้นมอเตอร์เวย์แวะซื้อของนิดหน่อยที่ห้างระหว่างทางก็ปกติดีแต่พอตอนออกจากห้าง สตาร์ท3 -4ครั้งถึงจะติด(ช่วงที่ผ่านมาเริ่มจะเป็นบ่อยขึ้นแต่ไม่ถึงขนาดนี้)ขับไปได้ 10กว่าโลช่วงก่อนลงลำลูกการู้สึกถึงความผิดปกติ ไฟเกจวัดที่อยู่หน้าคอนโซลทั้งหมดเริ่มหรี่ลงเรื่อยๆเอาแล้วสงสัยงานจะเข้าแน่ พักเดียวแหละครับไฟหน้าดับความเร็วลดลง เร่งไม่ค่อยขึ้นแล้ว ปิดแอร์ก่อนดีกว่า ตั้งสติเอาไงดีวะเลี้ยวซ้ายไปอู่แถวคลอง3(3ทุ่มอู่น่าจะปิดแล้ว)หรือจะเลี้ยวขวาเข้าบ้านแถวคลอง6ใกล้กว่าน่าจะถึงก่อนมันดับ เอาไงดี เอาไงดี ตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปอู่เลยดีกว่าเป็นไงเป็นกันยังไงซะถ้าอู่ปิดก็จอดทิ้งไว้หน้าอู่นั่นแหละ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนขับรถโดยใช้พลังงานถ่านไฟฉายที่ใกล้จะหมดเริ่มริบหรี่ ขับมาได้ซักกิโลเจอแยกสัญญานไฟมันเขียวอยู่จะพ้นรึเปล่าฟะ เวรกรรมมีจริงปกติเห็นไฟเหลืองระยะเท่านี้กดพรวดเดียวก็พ้นแต่ ณตอนนี้ยังไงก็ไม่พ้นครับคิดในใจเครื่องมันจะดับเพราะติดไฟแดงนี่แหละ 20วินาทีทำไมมันรู้สึกน๊านนนน นาน พอไฟเขียวปั๊บคลายความกังวลไปได้หน่อยขับไปเรื่อยๆใกล้จะถึงอู่แล้วประมาณ 300เมตรโอ้พระเจ้าจอชมันยอดมากเลยความเร็วลดลงอีกครับแถมพวงมาลัยพาวเวอร์ไม่ทำงาน เอาไงดี เอาไงดี ชิดซ้ายก่อนดีกว่าเพื่อความปลอดภัยเพราะแถวนั้นรถบรรทุกเยอะแถมมันยังขับอย่างกับรถ f1 ถึงตอนนี้ต้องใช้คำว่ารถมันไหลไปเรื่อยๆ(เดินน่าจะเร็วกว่า)เห็นอู่สวรรค์รำไรและสุดท้ายมันก็ดับก่อนถึงอู่ซัก 60เมตรเลยตัดสินใจลงจากรถเดินไปที่อู่ อู่ปิดแล้วโชคดีมีช่างอยู่เล่าอาการให้ช่างฟัง แล้วตามมาดูอาการพร้อมกับแบตหนึ่งลูกจากการวินิจฉัยของช่างว่าน่าจะเป็นไดชาจเสียไม่ชาจไฟเข้าแบตเปลี่ยนแบตของอู่ใส่เข้าไปสตาร์ทเป็นปกติ ขับเข้าอู่บอกช่วยเช็คทุกอย่างให้ด้วยแล้วพรุ่งนี้เจอกันสรุปเปลี่ยนไดชาจไป 2000 ล่าสุดเมื่อเช้าขับบนมอเตอร์เวย์ความเร็วประมาณ100 ได้กลิ่นโชยเหม็นไหม้จากห้องเครื่องสักพักรอบสวิงเร่งไม่ขึ้นงานเข้าอีกแล้ว ความร้อนก็ปกติเห็นท่าไม่ดีเลยจอดข้างทาง เปิดฝากระโปรงดูมีควันฉุยๆนิดๆอยู่ใต้เครื่องมีกลิ่นไหม้เลยดับเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 15นาทีรู้สึกเครื่้องมันเย็นลงแล้วเลยลองสตาร์ทใหม่ขับไปเรื่อยๆประมาณ 80-90เปิดกระจกปิดแอร์จนถึงที่ทำงานประมาณ 20โล ที่เขียนมาซะยืดยาวทั้งหมดก็แค่อยากถามเพื่อนๆว่าอาการอย่างนี้นี่ถือว่าเข้าขั้นโคม่ารึยังครับ รถปี97ใช้มา 5-6ปี ( :-[ :-[ตอนนี้ลังเลคิดจะเปลี่ยนรถใหม่แต่ขี้เกียจผ่อนอยู่เหมือนกัน) ขอบคุณเพื่อนๆที่อุดส่าทนอ่าน
หัวข้อ: Re: ek เริ่มเกเรแล้ว เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 23 พฤศจิกายน 2009, 21:43:39 น่าเห็นใจในความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับคุณ อย่าไปกังวลมากไปรถยนต์มันถึงเวลาที่จะต้องซ่อมและแก้ไขตามกาลเวลา แต่เท่าที่อ่านดู
ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างที่คุณอาจจะโชคไม่ดีที ที่บังเอิญอาจจะมีสายไฟบางจุดอาจจะช๊อทลงกราวด์ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟจากแบ็ตเตอรี่หมดไป และก้เป็นไปได้ตัวไดน์ชาร์ทอาจจะไม่เสียตามที่ช่างบอก เพราะช่างเอาแบ็ตไปเปลี่ยน ช่างแค่เปลี่ยนแบ็ตในช่วงแรก แต่ยังไม่เปลี่ยนไดน์ชาร์ท ให้คุณในช่วงนั้น รอจนวันรุ่งขึ้นเขาจึงเอาลูกใหม่มือสองมาเปลี่ยนให้คุณ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าลูกเก่าอาจจะไม่เสียตามที่ช่างเปลี่ยน เพราะว่าเมื่อคุณไปรับรถแล้วขับออกมาแล้วเกิดมีกลื่นไหม้บบริเวณห้องเครื่อง ดังนั้นผมคิดว่าคุณควรนำรถไปให้อู่อื่นที่ดูดีหน่อย ตรวจสอบหาจุดที่เสียและที่มีกลิ่นไหม้ให้พบเสียก่อน อาจจะเกิดกับสายไฟที่ช๊อทกับกราวด์ก็ได้ หรือนำรถไปให้ช่างแบ็ตเตอรี่วัดกระแสไฟในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ดูว่ามีการใช้กระแสไฟมากผิดปกติหรือไม่ ผมคิดว่าสายไฟที่ผ่านรีเรย์หลักในตำแหน่ง ON อาจจะช็อทกับกราวด์ ทำให้มีกระแสไฟผ่านลงกราวด์และสายไฟอาจจะไหม้ ทำให้เกิดกลิ่นไหม้ ลองนำรถไปตรวจเช็คที่ร้านแบ็ตหรือร้านซ่อมไดน์ก็ได้ บอกกับช่างว่าสงสัยมีไฟรั่วลงกราวด์ มีกลิ่นไหม้ ช่วยเช็ควัดกระแสไฟให้ดูหน่อย และคุณอาจจะโชคดีที่พบเจ้าตัวปัญหา อย่าคิดเลยไปไกลเรื่องเปลี่ยนรถใหม่ นอกจากเสียว่าอยากจะเปลี่ยนอยู่แล้ว ก็ขอให้โชคดีนะครับ...srithann หัวข้อ: Re: ek เริ่มเกเรแล้ว เริ่มหัวข้อโดย: aummuamua ที่ 25 พฤศจิกายน 2009, 15:38:00 ความรู้ๆ :-*
|