:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: Vitty ที่ 03 กันยายน 2009, 21:35:54



หัวข้อ: แบต ตาโต ปกติ 45amp สามารถใส่ได้มากกว่าเดิมเท่าไรหรอครับ / ใครเคยจัมป์ตูดได บ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Vitty ที่ 03 กันยายน 2009, 21:35:54
เดาว่า แบต ตาโต ถ้าขยับจาก 45amp เป็นสัก 60amp น่าจะได้ มั้ง แต่ไม่รู้ได จะไปไหมครับ
แล้ว ถาดรองต้องเปลี่ยนใหม่ใช่ไหมครับ จะหาจากไหนนี่


แล้วใครเคยจัมป์ตูดไดบ้างครับ ต่อสาย + ตรงมาแบต เพิ่มอีกเส้น ดีไหมครับ


หัวข้อ: Re: แบต ตาโต ปกติ 45amp สามารถใส่ได้มากกว่าเดิมเท่าไรหรอครับ / ใครเคยจัมป์ตูดได บ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: BlaZter ที่ 03 กันยายน 2009, 22:15:58

 ถาดรองแบตฯผมเบิกจากศูนย์เลยอ่าครับส่วนจาก 45 แอมป์ มันก็มีแต่ 60 แอมป์ น่ะครับ..

 ว่าแต่จะเปลี่ยนเป็นแบบแห้งหรือน้ำอ่าครับรบกวนแจ้งให้ทราบด้วยครับว่าจะเปลี่ยนแบตฯเร็วนี้เหมือนกัน..   :-[ :-*


หัวข้อ: Re: แบต ตาโต ปกติ 45amp สามารถใส่ได้มากกว่าเดิมเท่าไรหรอครับ / ใครเคยจัมป์ตูดได บ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: Roddy ที่ 04 กันยายน 2009, 15:46:15
ตอนบ้าเครื่องเสียง ผมเคยเบิ้ลสายเบอร์ 4 GAUGE

ตอนจิ้มเข้าขั้วแบต วัดโวลท์ที่แบตมันแทบไม่เปลี่ยนเลยนะ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำแล้วก็ติดไว้งั้นแหละ

พอวางเครื่องใหม่ช่างเค้าไม่ได้ใส่ให้


..........ความเห็นผมนะ ถ้าไม่ได้โมไดโต หรือใส่ไดแต่งพวก stinger อะไรเทือกๆนี้ ผมว่าสายเดิมน่าจะเหลือๆ

แต่ถ้าต้องการช่วยเรื่องเครื่องเสียง......เดินสายกราวด์ตรงไปเข้าแอมป์ อันนี้เห็นผล ;D ;D


หัวข้อ: Re: แบต ตาโต ปกติ 45amp สามารถใส่ได้มากกว่าเดิมเท่าไรหรอครับ / ใครเคยจัมป์ตูดได บ้าง
เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 04 กันยายน 2009, 23:06:04
ขออนุญาตให้ข้อคิดดังนี้ครับ  (เสียเวลาอ่านหน่อยน่ะครับ)

การทำงานของตัวไดน์ชาร์ท ที่ทำการชาร์ทกระแสไฟให้แบ็ตเตอรี่ ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อแบ็ตเตอรี่ถูกชาร์ทเต็มแล้ว วงจรที่ทำหน้าที่คอนโทรลการจ่ายกระแสที่วงจร Regulator ของไดน์ชาร์ท จะสั่งให้หยุดการจ่ายกระแสไปชาร์ทแบ็ต  หากไม่มีวงจรนี้ จะทำให้การชาร์ทของตัวไดน์ชาร์ททำงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่กระแสไฟที่แบ็ตเต็มแล้ว  ทำให้เกิดการโอเวอร์ชาร์ท เป็นผลให้แบ็ตเตอรี่เสียหาย ดังนั้นหากเราต้องการเพิ่มกระแสของแบ็ตให้มากกว่าเดิม ย่อมทำได้  คิดง่ายๆดังนี้ สมมุตว่ารถคันนั้นใช้กระแสไฟเต็มที่ เช่นเปิดหน้ารถ เปิดแอร์ เล่นเครื่องเสียง(เดิมๆที่ติดรถมา) ใช้กระแสไฟต่อเนื่องเท่ากับ 25 Amp  แบ็ตที่ติดรถมา 45 Amp/Hr  หากเราเปลี่ยนแบ็ตเตอรี่เป็น 60 Amp แบ็ตที่ 60 Amp
ก็ยังถูกใช้ไปเท่ากับ 25Amp เช่นเดิม  ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ไม่เปลี่ยนแปลง  การทำงานของตัวไดน์ชาร์ท ก็ยังใช้เวลาในการชาร์ทกระแสให้แบ็ตเท่ากับ แบ็ตเดิม 45 Amp   ผลต่างตรงนี่ไม่เปลี่ยนอะไร 
แล้วถามว่าหากใช้แบ็ตเตอรี่ขนาด 60 Amp/Hr มีผลดีผลเสียอย่างไร  ผลเสียก็คงจะมีแค่พื้นที่วางแบ็ตของเดิม ต้องหาทางแก้ไข ให้สามารถวางแบ็ตที่ลูกใหญ่กว่าวางลงไปแทนที่เดิมได้ และเปลี่ยนขั่วที่สวมขั่วแบ็ตให้ใหม่เท่านั่นเอง
สำหรับผลดี มีผลดีมากกว่า
ปกติแล้วการใช้กระแสของแบ็ตเตอรี่ ที่มีการใช้ต่อเนื่อง เขาจะใช้ไม่เกิน สองในสามของกระแสไฟทั้งหมดของแบ็ตลูกนั้น ถามว่าหากใช้มากกว่านั้นได้หรือไม่  ใช้ได้  แต่จะเป็นผลเสียกับอุปกรณ์บางอย่าง ที่ใช้กระแสไฟจำนวนมากๆ เช่นตัวมอเตอร์สตาร์ท ในขณะที่เราบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง กระแสไฟที่ถูกมอเตอร์สตาร์ทใช้ ในการสร้าง สนามแม่เหล็ก ที่ฟีล คอย ของตัวมอเตอร์สตาร์ท ถูกใช้กระแสไม่น้อยกว่า 30 Amp  หากเรานำโวลมิเตอร์ไปวัดไฟที่ขั่วแบ็ต จะเห็นว่าโวลเต็จตกลงมามาก   แต่ถ้าหากแบ็ตลูกนั้น มีกระแสไฟที่ถูกเก็บไว้ที่ตัวแบ็ตมาก ก็จะทำให้โวลเต็จไม่ตก ทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ กระทำได้ง่าย เพราะกระแสไฟสามารถจ่ายให้กับฟีลคอย มีกระแสสูงสุด ที่มันต้องการ จึงได้แรงบิดกระทำต่อเฟืองขับฟลายวีลของเครื่องยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ
ในทำนองเดียวกัน ในกรณีที่รถคันนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้กระแสไฟจำนวนมาก เช่นอุปกรณ์เครื่องเสียง ที่มีกำลังขยายเสียงจำนวนเป็นพันๆวัตต์  จะทำให้มีผลเสียกับช่วงการทำงานของวงจรขยายเสียง  AF Power amp  ที่ทำการขยายสัญญาณเสียงที่มีความถี่เสียงต่ำๆ เช่นเสียงเบส  ตัว Power amp ต้องใช้กระแสมากกว่าการขยายสัญญาณความถี่เสียงสูงๆ ทำให้เกิดโวลเต็จของแบ็ตลดลง จะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับกระแสของแบ็ตเตอรี่ลูกนั้นๆ  หากมีกระแสที่ถูกเก็บไว้ในตัวของมันมาก มันก็ไม่มีผล    การที่เกิดโวลเต็จลดลงอันมาจากการใช้กระแสจำนวนมากของ Power Amp ทำให้ โวลเต็จ +Vcc ที่จ่ายให้กับวงจรขยายเสียง ปกติจะถูกออกแบบมาให้การทำงานของวงจร ใช้ไฟ +Vcc ที่ 12Volt แต่เมื่อโวลเต็จลดลงเหลือไม่ถึง 6-7 Volt ทำให้อัตราการขยายของสัญญาณเสียง ถูกคลิปยอดของสัญญาณความถี่ของเสียงนั้นลง เพราะโวลเต็จที่ขาดหายไป ทำให้เกิดการ distortion ของเสียง เสียงขาดหายเป็นช่วงๆ ที่ความถี่ต่ำๆ(ในกรณีที่แบ็ตลูกนั้นมีแอมป์ต่ำๆ) ก็เป็นที่มาของเรื่องการใช้กระแสของแบ็ตเตอรี่
สำหรับตัวไดน์ชาร์ท ที่นำมาใช้กับแบ็ตเตอรี่ลูกที่มีกระแสสูงกว่าเดิม ไม่มีผลเสียอย่างได  เพียงแต่หากแบ็ตลูกนั้นใช้กระแสไปมาก  มากกว่าลูกเดิม ก็จะใช้เวลาในการชาร์ทให้กระแสเต็มได้ช้ากว่าของเดิม แต่ถ้าไม่มีการใช้กระแสเพิ่มอะ
ไร ก็ใช้เวลาที่ชาร์ทเท่าเดิม  ให้คิดไว้ว่าตัวไดน์ชาร์ท 45 Amp จะใช้เวลาในการชาร์ทแบ็ตได้ช้ากว่า ไดน์ชาร์ท 60 Amp เท่านั้น  ยกเว้นแบ็ตที่มีกระแสมากควรใช้ไดน์ชาร์ท ที่กระแสสูงตามไปด้วย ในกรณีที่มีการใช้กระแสอย่างต่อเนื่อง เช่นเปิดเครื่องเสียงที่วัตต์สูงๆ หากใช้ไดน์ที่จ่ายกระแสน้อย อาจจะชาร์ทไม่ทันกับกระแสที่จ่ายไป จำเป็นต้องใช้ให้สมดุลย์
หากใช้แบ็ตที่ 60 Amp แล้วไม่ได้ใช้เครื่องเสียงที่ว่า ใช้ไดน์ 45 Amp ก็ได้ ไม่ต้องเปลี่ยน เพราะต้องการสำรองในการใช้กระแสเท่านั้น
สำหรับความเห็นของผมเรื่องการเปลี่ยนแบ็ตเตอรี่ให้มีความจุของกระแสมากขึ้น ย่อมเป็นผลดีมากกว่าผลเสียตามที่ผมกล่าวมาครับ  แต่การใช้กระแสของแบ็ต ต้องคำนึงถึงโหลดที่ต้องใช้กระแส  ควรมีการใช้กระแสอย่าให้เกินสองในสามของกระแสที่แบ็ตลูกนั้นมี ก็จะทำให้มีอายุการใช้งานได้นานครับ??.srithanon