หัวข้อ: ขับรถลุยน้ำ ในหน้าฝน ให้ปลอดภัย? เริ่มหัวข้อโดย: OFFSIDE ที่ 14 พฤษภาคม 2009, 08:55:36 เห็นว่าประโยชน์เลยหยิบมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ครับ ช่วงนี้ฝนตกบ่อยรักษาสุขภาพนะครับ
เมืองไทยกับฝนตกนั้นเป็นของคู่กัน สภาพถนนและทัศนวิสัยของการขับรถท่ามกลางสายฝน จะแตกต่างจากการขับปกติทั่วไป สิ่งที่ทุกท่านต้องคำนึงถึงนั่นก็คือต้องเพิ่มความระวังในการขับรถมากเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน วิธีการขับรถอย่างปลอดภัยในหน้าฝนนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับทุกคน ซึ่งมีวิธีในการขับรถดังนี้ ไม่ขับชิดคันหน้าเกินไป จากทัศนวิสัยที่ไม่แจ่มชัดในขณะฝนตก บวกกับสภาพถนนที่เปียกลื่น การขับจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ไม่ควรขับชิดคันหน้าจนเกินไป ควรทิ้งระยะห่างจากการขับในสภาพปกติ อีก 10-15 เมตร เพื่อความปลอดภัย หากขับชิดเกินไปและมีการเบรกกระทันหัน ผู้ขับรถยนต์ที่ตามหลัง จะไม่สามารถใช้เบรกไดทันท่วงทีไม่เหมือนกับการขับขี่ในสภาพปกติ อีกทั้งละอองน้ำที่ดีดจากรถยนต์คันหน้ายังทำให้ทัศนวิสัยของผู้ขับรถตามมาด้านหลังไม่ชัดเจนซึ่งจะก่อให้เกิดอบัติเหตุได้ง่าย ชะลอความเร็วเพื่อความปลอดภัย ในกรณีที่ฝนตกหนัก การใช้ความเร็วสูงในการขับคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และในกรณีที่ฝนตกปรอยๆ หรือหลังฝนหยุดตกใหม่ๆนั้น ควรขับด้วยความระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเร็วสูงด้วยเช่นกัน การขับด้วยความเร็วสูงขณะฝนตก อาจทำให้เกิดอาการ HYDRO PLANING (การเหินน้ำหรือลักษณะที่ยางลอยตัวขึ้นจากพื้น) เกิดขึ้นได้จากหลาย ๆ สาเหตุประกอบกันปัจจัยที่สำคัญได้แก่ ความเร็วของรถ ความดันของลมยาง ปริมาณน้ำบนถนน สภาพของผิวถนนและสภาพยาง คือถ้าใช้ความเร็วสูง ความดันยางลมอ่อน มีปริมาณน้ำบนถนนมากสภาพผิวถนนเรียบและสภาพยางค่อนข้างเก่าโอกาสที่รถจะมีอาการเหินน้ำก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อเรารู้สาเหตุแล้ว การป้องกันอาการ HYDRO PLANING (การเหินน้ำ) ของรถคู่ใจของคุณนั้นไม่ยากเลยครับ เมื่อต้องขับรถตอนฝนตก คุณไม่ควรใช้ความเร็วให้มากนัก นอกจากนี้คุณควรเอาใจใส่ยางรถยนต์ของคุณไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คลมยางและสภาพยางเป็นประจำ ทั้งนี้ควรเพิ่มลมยางให้มากกว่าปกติประมาณ 3-5 ปอนด์ เมื่อต้องขับรถช่วงหน้าฝนเพื่อให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการตัดน้ำ กรณีที่ดอกยางรถสึกหรอมาก ควรเปลี่ยนยางรถใหม่ โดยเลือกใช้ยางที่มีดอกยางละเอียดและมีร่องยางที่สามารถรีดน้ำได้ดีมากเพื่อประสิทธิภาพในการเกาะถนนและหยุดรถได้ดีกว่า หลีกเลี่ยงการเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อฝนตกหนัก บ่อยครั้งที่ฝนตกหนักจนทัศนวิสัยข้างหน้าไม่ชัดเจน ผู้ขับมักนิยมเปิดไฟฉุกเฉินด้วยความหวังดี เพราะต้องการให้รถยนต์ที่ตามมาข้างหลังเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเรื่องไม่จำเป็นและเป็นการรบกวนสายตา ยิ่งไปกว่านั้น หากผู้ขับรถยนต์คันหน้าต้องการเปลี่ยนช่องทาง จะทำให้ผู้ขับรถยนต์ ที่ตามมาข้างหลังไม่ทราบเพราะมีไฟกะพริบทั้ง 4 มุม แค่เปิดไฟต่ำหรือตัดหมอกก็เพียงพอแล้ว การขับรถยนต์ลุยน้ำท่วม ขณะที่ฝนตกหรือหลังฝนหยุด บางจุดของผิวถนนมีน้ำท่วมขัง การขับต้องใช้ความระมัดระวังเพิ่มขึ้น วิธีง่ายๆในการขับรถลุยน้ำมีดังนี้ -ขับผ่านน้ำด้วยความรวดเร็ว เพราะกันชนหน้ากับล้อรถจะช่วยแหวกน้ำไม่ให้เข้าถึงประตู -อย่าจอดรถแช่น้ำไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะจะทำให้น้ำค่อยๆ ซึมเข้ามาในรถในช่วงที่เราจอด -ห้ามดับเครื่องในขณะจอดแช่น้ำ เพราะเมื่อเราดับเครื่อง ลูกสูบบางลูกอยู่ในจังหวะคลายเมื่อดับเครื่องจะทำให้ลูกสูบวิ่งสวนทางประมาณครึ่งรอบทำให้สูบจะดูดน้ำกลับเข้ามาทางท่อไอเสีย -อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศในขณะที่รถอยู่ในน้ำ เพราะจะทำให้พัดลมไฟฟ้าหน้าเครื่องทำงาน ซึ่งพัดลมนี้จะดูดเศษวัสดุเข้ามาทางหน้ารถแล้วอาจจะทำให้เศษวัสดุนั้นไปขัดกับใบพัดลมก่อให้เกิดความเสียหายได้ ในกรณีคอมเพรสเซอร์แอร์ก็เช่นกันน้ำอาจจะเข้าไปในระบบสนามแม่เหล็ก(ครัชแอร์) ทำให้เกิดการช็อตเสียหายได้ -ปิดอุปกรณไฟฟ้าทุกชนิดที่มีอยู่ในรถเปิด ไว้แต่ไฟหน้ารถเพียงอย่างเดียว ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามในการลุยน้ำต้องเปิดไฟหน้าเพราะจะช่วยให้เราเห็นสภาพใต้น้ำได้ -เมื่อขับรถพ้นน้ำมาแล้วให้แตะเบรคเบาๆ แช่ไว้ประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อเป็นการรีดน้ำออกจากจานเบรค -เมื่อขับรถผ่านน้ำมาเรียบร้อยแล้ว ให้ออกมาตรวจดูรถโดยรอบว่ามีเศษวัสดุอะไรติดมากับรถของท่านหรือปล่าวโดยเฉพาะบริเวณกระจังหน้าและห้องเครื่องเพราะพัดลมเครื่องจะดูดเศษวัสดุเข้ามา -หลังการลุยน้ำแล้วกลับมาถึงบ้าน ถ้าไม่รีบร้อนจนเกินไปนักล่ะก็ ยังพอจะมีงานให้ทำอีกสักเล็กน้อย เพื่อเป็นการกำจัดน้ำที่ติดอยู่ตามชิ้นส่วนของรถบางจุด เช่น เบรก หรือไดสตาร์ท ที่อยู่ต่ำทำให้น้ำแทรกซึมเข้าไปได้ ควรเดินหน้าถอยหลังแล้วเบรกแรงๆ หลายๆ รอบ เป็นการรีดน้ำออกจากผ้าเบรก และหลังจากดับเครื่องให้สตาร์ทเครื่องใหม่และดับเครื่องซัก 2-3 ครั้งเพื่อรีดน้ำที่อาจค้างอยู่ในไดสตาร์ท การจอดรถไม่ควรเข้าเกียร์ค้างไว้ หรือใส่เบรกมือเหมือนยามปกติเพราะอาจทำให้ ?เกียร์ค้าง? หรือ ?เบรกติด? ได้ในกรณีที่จอดรถค้างคืนแล้วตอนเช้าพบว่าเวลาออกรถแล้วมีเสียง ครืดคราดจากเบรก ไม่ต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากเบรกติดเท่านั้นเอง ซึ่งจะมีเสียงเฉพาะตอนขับรถครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ยกเว้นถ้ามันดังทุกครั้งที่เหยียบเบรก แบบนี้ต้องถึงมือช่างหน่อยแล้ว และก่อนออกเดินทางควรทดลองเบรกดูก่อนว่า มีอะไรผิดปกติหรือไม่ สำหรับรถบางคันหลังจากลุยน้ำมาจะพบกับอาการเกียร์เข้าไม่ได้ อันนี้ก็อย่าเพิ่งตกใจอะไร แสดงว่ามีน้ำเล็ดลอดเข้าไปในชุดคลัทช์จากการลุยน้ำทำให้เกิดสนิมขึ้นมา วิธีแก้ไข ก็ให้หาทางโล่งๆ หน่อย ต่อจากนั้นให้เข้าเกียร์เอาไว้ที่เกียร์ 1 แล้วสตาร์ทรถติดเครื่อง วิ่งออกไปเลย มันจะเกิดแรงกระชากให้หลุดออกมาเองแหละ ถ้าไม่มีที่ทางสะดวกพอ ก็ต้องอาศัยแรงคนเข้าช่วยแทนโดยการเข้าเกียร์ 1 ไว้ แล้วเกณฑ์พรรคพวกมาช่วยกันเข็นรถให้เดินหน้าอาจใช้แรงมากหน่อยแต่ก็ได้ผลเหมือนกัน ฝากถึงผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน ควรระลึกว่ากำลังรับผิดชอบชีวิตทุกคนที่ใช้ถนนร่วมกัน หมั่นตรวจเช็คความพร้อมของเครื่องยนต์ ระบบการทำงานต่างๆว่าทำงานได้ดีหรือไม่และที่สำคัญอยากให้ใจเย็นกันสักนิด ขับขี่อย่างปลอดภัยร่วมกันสร้างจิตสำนึกที่ดีช่วยกันลดอุบัติเหตุนะครับ..III ขอบคุณข้อมูลจาก www.Unlimit-travel.com :) :) หัวข้อ: Re: ขับรถลุยน้ำ ในหน้าฝน ให้ปลอดภัย? เริ่มหัวข้อโดย: taxman : ปทุมธานี ที่ 14 พฤษภาคม 2009, 09:02:50 เยี่ยม!!! ให้เลย +1
หัวข้อ: Re: ขับรถลุยน้ำ ในหน้าฝน ให้ปลอดภัย? เริ่มหัวข้อโดย: Ton_Dezember ที่ 14 พฤษภาคม 2009, 09:10:35 ดีครับ ขอคุณสำหรับสิ่งดีๆครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถลุยน้ำ ในหน้าฝน ให้ปลอดภัย? เริ่มหัวข้อโดย: pop96 ที่ 14 พฤษภาคม 2009, 09:12:08 ขอบคุณครับ สาระเข้าบรรยากาศเลยครับ :)
หัวข้อ: Re: ขับรถลุยน้ำ ในหน้าฝน ให้ปลอดภัย? เริ่มหัวข้อโดย: daido_s ที่ 14 พฤษภาคม 2009, 09:13:03 :) :) เยี่ยมเลยครับ
หัวข้อ: Re: ขับรถลุยน้ำ ในหน้าฝน ให้ปลอดภัย? เริ่มหัวข้อโดย: ChettoX ที่ 14 พฤษภาคม 2009, 12:38:17 :-* ดีมากเลยครับ
|