:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: aone111 ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 08:59:51



หัวข้อ: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: aone111 ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 08:59:51
ต้องปรับเกียร์มาที่ ตำแหน่งไหนครับ  ::)ไอ้ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ยังพอปรับลองดูได้ แต่ตอนลงเคยปรับมาที่ D2 แล้วก้อยังรู้สึกว่ารถไหล ลงมาเร็วอยู่ เลยอยากถามผู้มีประสบการณ์ ครับ :-*


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: GOLFGOLF ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 09:29:34
ต้องปรับเกียร์มาที่ ตำแหน่งไหนครับ  ::)ไอ้ตอนขึ้นไม่เท่าไหร่ยังพอปรับลองดูได้ แต่ตอนลงเคยปรับมาที่ D2 แล้วก้อยังรู้สึกว่ารถไหล ลงมาเร็วอยู่ เลยอยากถามผู้มีประสบการณ์ ครับ :-*


รอฟังอยู่ครับ ผู้รู้ แนะนำหน่อย


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Chonec ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 09:52:21
รอฟังเหมือนกันครับใส่ D2 ลงเขา เหมือนไม่มีแรงฉุดเลย  :-[


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: NEO ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 12:46:10
ใส่ D2 ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วครับ   เพียงแต่เราอย่า ชะล่าใจมากไป คืออยากปล่อยให้ไหลยาวเกินไป เดี๋ยวเจอโค้งหักศอกต้องเบรคแรงๆ อีก                   

วิธีที่ผมใช้คือ เหยียบ เบรค ไว้บ้างนิดๆ แต่อย่า นานและหนักเกินไป เด๊ยวจะเหม็นไหม้ เพื่อไม่ให้รถมันไหลเร็วมากจน Control ไม่ได้   


ถ้าเป็นเกียร์ธรรมดาน่าจะช่วยได้เยอะกว่านี้     


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 14:02:18
การใช้เกียร์ Auto ขับรถขึ้นเขาและลงเขา ท่านที่ไม่เคยขับมาก่อนย่อมจะมีความกังวลใจไม่น้อย ในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้รถ  ความจริงทางท่านเจ้าของกระทู้ถามว่าจะใช้เกียร์อย่างไรขณะขับรถลงเขา ทางลงลาดชันอย่างเดียว  ก็ขอไม่กล่าวถึงการขับรถขึ้นเขาและความพร้อมอื่นๆในส่วนของรถก็แล้วกัน
การขับรถลงเขาหรือทางลาดชัน ที่มีโค้งหักศอก อย่างต่อเนื่องกันเป็นกิโลๆ  หรือทางลงชันมากๆ  มีหลายๆท่านที่มีประสบการณ์แนะนำเอาไว้ว่า ขึ้นเกียร์ไหนก็ให้ลงเกียร์นั้น ก็พอฟังได้ครับ ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับประสบการณ์ด้วยตัวเองถึงจะรู้ถ่องแท้ ว่าจะปฏิบัติอย่างไร หากไม่เคยใช้มาก่อนก็ต้องอาศัยการแนะนำจากท่านที่มีประสบการณ์ มาทดลองใช้ 
แต่ก่อนอื่นผมอยากจะแนะนำเรื่องของระบบเบรกและยางรถยนต์ ควรจะตรวจสอบให้แน่ใจ  เพราะการใช้รถลงเขา ในความคิดผมว่ามันเสี่ยงมากว่าการขับรถขึ้นเขา เพราะการขับรถขึ้นเขาขึ้นอยู่กับการใช้เกียร์อย่างคล่องแคร่ว และการใช้กำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์  ที่เราสามารถเลือกใช้และเข้าใจในสมรรถนะของรถที่เราใช้ได้เป็นอย่างดี ในแต่ละสะเต็ปของการใช้เกียร์ ที่จะให้ไต่ระดับที่สูง ทั้งทางยาวและสูงชัน  มีการผ่อนหนักผ่อนเบาในการใช้รอบของเครื่องยนต์ที่เหมาะสม  ต่อสภาพพื้นที่เส้นทางนั้นๆ  และเพื่อไม่ให้ใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงในเกียร์ต่ำๆโดยไม่ให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป ผมขอข้ามไปก็แล้วกัน เพราะมีเทคนิคในการขับและองค์ประกอบอื่นๆเข้ามาเสริม ให้เกิดความปลอดภัย และขับรถผ่านไปด้วยดีอีกมาก
มากล่าวถึงการขับรถลงเขา ลงในทางลาดลงเขากันก่อน  ก่อนอื่นขอให้ท่านสังเกตว่ารถที่ท่านกำลังขับอยู่ มีโหลดผู้โดยสาร มากน้อยอย่างไร แบบนั่งเต็มคันหรือเฉพาะที่นั่งข้างหน้าสองคน รถเบาหรือหนัก
จะได้ให้การใช้รถมีความสุขุมและเตรียมพร้อมที่จะใช้ทักษะไหวพริบในการตัดสิน ในการใช้ระยะเบรค การใช้เบรคว่าควรจะให้แรงเบรคหนักเบาอย่างไร กับรถที่มีน้ำหนัก และไม่ค่อยมีน้ำหนัก เพราะการลงเขา รถที่มีน้ำหนัก มีแรงเฉื่อยของโมเมนตั้มบวกกับแรงส่งโดยเครื่องยนต์  ดังนั้นการที่จะใช้เบรคที่จะชะลอรถให้ช้าลง ย่อมมีผลต่อการเหยีอบเบรกอย่างมาก  ใช้แรงเหยียบมากในรถที่มีน้ำหนัก จะทำให้เบรกไหม้ได้ หากการเหยียบเบรกไม่มีจังหวะและสัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะลงเขา ช่วงอย่างนี้ต้องคำนึงถึงเรื่องการใช้ความเร็วของรถบวกกับเส้นทางที่ลงเขา ให้มีความสัมพันธกันกับตำแหน่งของเกียร์ ขอขัดจังหวะช่วงนี้นิด  ในความเป็นจริงการที่เราขับรถเราจะรู้ว่า ณ ที่ตำแหน่งของเกียร์แต่ละเกียร์ มันอยู่ในช่วงความเร็ว และรอบของเครื่องยนต์ในขณะนั้นเท่าใด เราจะเอาข้อมูลตรงนี้นำมาใช้ เกี่ยวกับการคอนโทรลใช้รอบของเครื่องยนต์  เพราะการลงเขาแทบจะพูดได้ว่า โนโหลด ตัวรถและน้ำหนักรถ จะเป็นตัวส่งรถมากกว่าการใช้กำลังของเครื่องยนต์  ดังนั้นเราจึงอาศัยรอบของเครื่องยนต์เป็นตัวช่วย หรือเป็นโหลดของแรงส่งอันเกิดจากแรงเฉื่อยของรถที่เคลื่อนที่ลงเขา แต่เราจะไม่ให้เกินพิกัดความเร็วแต่ละเกียร์ที่ใช้ขณะนั้น หากเกินอาจจะทำให้ระบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ในระบบเกียร์ Auto มีปัญหา (ยังไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ดังที่ได้รับฟังมา)
ดังนั้นเราควรใช้ความเร็วในการลงเขาให้สัมพันธ์กับการอยู่ในตำแหน่งของเกียร์  อย่าใจร้อนเหยียบคันเร่ง เร่งเครื่องยนต์ให้มีแรงบวกกับแรงเฉื่อยของรถ จะทำให้คุณใช้เบรค มากเกินความจำเป็น และเบรคไหม้ได้ บางท่านที่ไม่เคยใช้ D2 ขับลงเขา จะรู้สึกว่า รถมันยังเร็วเหมือนไม่ได้ใช้ D2 ช่วยในเรื่อง เอ็นจิ้นเบรค ก็ขอบอกว่าคุณจะต้องย้ำเบรค เพื่อให้รถชะลอในเรื่องความเร็ว ที่ความเร็วต้นๆของ
สะเต็ป D2  มันถึงจะมีความรู้สึกว่ารถมัน หนืดช้าลง และรอบเครื่องยนต์ไม่สูง  การที่มีเส้นทางโค้งหักศอกทางลงชัน อันตรายมากๆ กับความเร็วของรถ  ดังนั้นให้คำนึงไว้ว่าอย่าใช้ความเร็วรถมากกว่าตำแหน่งของเกียร์ในขณะนั้น ให้เบรกเป็นจังหวะๆ เมื่อรู้สึกว่ารถเริ่มจะเพิ่มความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อพยายามให้ความเร็วของรถอยู่ในพิกัดของเกียร์แต่ละเกียร์ อย่าเหยียบเบรคแบบแช่ชะลอ จะทำให้เบรคไหม้ได้ การเบรกเป็นจังหวะๆ ก็เพื่อลดแรงเฉื่อยที่เกิดความเร็วเพิ่มขึ้นในขณะนั้น บอกคำเดียวว่า ถ้าหากต้องการความปลอดภัย พยายามย้ำเบรคเป็นจังหวะ เพื่อชะลอความเร็วของรถ
สำหรับในเส้นทางที่เป็นโค้งหักศอก และมีภูเขาบัง หากเป็นช่วงเวลากลางวัน เราจะมองไม่เห็นรถที่สวนมา ควรกดแตรให้เสียงกับรถคันที่สวนมา หากเป็นกลางคืน เราจะสังเกตเห็นลำแสงของไฟรถได้ดี สิ่งที่จะต้องปฏิบัติก็คือ อย่าพยายามใช้ไฟสูง เพราะจะแยงตาคนที่ขับสวนมา ทำให้มองเส้นทางไม่ค่อยถูก อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้   
ในระหว่างที่เส้นทางลาดลงเขาเริ่มหมดแล้ว หรือมีการขึ้นเนินเขาขึ้นอีก ในช่วงข้างหน้า ช่วงนี้เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเกียรฺ์ จาก D2 ไป D3 or  D เร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดแรงส่งรถ ขึ้นไป ที่จุดสูงสุดของเนิน ได้พอดีกับความเร็วที่คิดว่าพอเหมาะกับกำลังรถเมื่อถึงบริเวณจุดสูงสุดของเนิน  ที่ไม่ก่อให้เกิดการเสียกำลังของรถ
การใช้เกียร์ของรถที่เป็นเกียร์ Auto ก็ต้องให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ เมื่อขับรถลงเขาที่เกียร์ Autoควรจะปรับมาอยู่ที่ D2 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ที่เกียร์นี้ตลอดนะครับ แต่เป็นการบังคับไม่ให้รถมีความเร็วเกินจากสเต็ปเกียร์ D2 ที่ตำแหน่งนี้ หากทางลงลาดชันมากๆ การใช้เบรคค่อนข้างจะทำให้รถเกือบหยุด เกียร์มันก็สลับมาที่สเต็ป เกียร์ที่หนึ่ง ในลักษณะนี้รถจะมีแรงเฉื่อยเกิดขึ้นไม่มากเท่าใด ก็คงจะใช้เบรกในการชะลอความเร็วรถ และรถมีความเร็วช้ามากๆ แต่อุปสรรค์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ จะมีผลกับระยะทางที่มีความยาวทางลาดชันเป็นกิโลๆ หากแต่จะคอยใช้เบรกเป็นส่วนใหญ่ ก็มีหวังเบรกทำงานหนัก อาจจะไหม้ได้  การตัดสินใจในช่วงนี้ ขึ้นอยู่กับว่า เส้นทางที่ต่อจากนี้ไปเป็นอย่างไร มีเนินข้างหน้าไม่เกินห้าร้อยเมตร อย่างนี้หรือไม่ หากมี เราสามารถจะเหยียบคันเร่งรถเพิ่มความเร็วได้เลย แต่อย่าเร็วมาก เพียงให้เกิดความรู้สึกว่า ความเร็วที่เราสามารถจะย้ำเบรคชลอความเร็ว
ได้ และเป็นการส่งรถขึ้นเนินที่ไม่ทำให้เกิดการสูญเสียกำลังของรถ เมื่อถึงเนินสูงนั้นๆ และสามารถเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วรถอย่างต่อเนื่องได้เลย
จากที่กล่าวมาแล้วนี้ หากท่านที่ขับรถผ่านทางลักษณะที่ว่านี้สักสองสามช่วงก็จะเกิดความชำนาญขึ้นมาในขณะนั้นเลย   ทุกอย่างมันอยู่ที่การคอนโทรลการใช้เกียร์ ให้สัมพันธ์กับความเร็วรถ เพื่อที่จะเรียกแรงบิดและกำลังของรถไปใช้งานที่พอเหมาะกับสภาวะของเส้นทางนั้นๆ   จะใดๆก็แล้วแต่การขับรถลงเขา ควรใช้ความเร็วให้เหมาะสมกับสเต็ปของเกียร์ หมายถึง เกียร์ ต่ำๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราและเครื่องยนต์ ที่ไม่ต้องทำงานหนัก     การที่จะขับรถให้เกิดความปลอดภัยส่วนหนึ่งมาจากการใช้รถ
ใช้รถอย่างไร ขอให้คิดว่ารถเป็นเสมือนแขนขาและให้ความรู้สึกได้เช่นเดียวกันกับ การที่เราคอนโทรลร่างกายของเรา เราทราบถึงคุณสมบัติของมัน มันมีความสามารถได้แค่ไหน อย่างไร มันตอบสนองความรู้สึกสัมผัส ได้ดังความคิดที่เรากำหนดหรือไม่ จุดอ่อน จุดด้อย จุดดี รวมถึงความสามารถของมัน ตอบสนองได้ดังใจเราหรือไม่  เราต้องทำความรู้จักกับมัน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเรา ความปลอดภัยในการใช้รถก็จะมีความปลอดภัยสูง แต่จะต้องไม่ประมาทนะครับ?srithanon


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: beer4353 ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 14:15:22
ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ จังหวะขึ้นเขา ก็ควรใช้วิธี ส่งขึ้นครับ โดยพยายามเร่งความเร็วเตรียมที่จะขึ้นให้มีแรงส่งชาจมาตั้งแต่เนิ่นๆ   จะได้ไม่ต้องเค้นรอบเครื่องให้ทรมานเครื่องเรามากครับ  ( ถ้าเป็นช่วงโค้งขึ้นเขาชันๆ ก็ไม่ควรเสี่ยงนะครับ แนะนำให้ใช้เกียร์ต่ำ ค่อยคลานขึ้น เหยียบสลับกับผ่อนคันเร่งบ้างเป็นจังหวะก็พอครับ ) 

ถ้าเป็นทางลงเขา แนะนำให้ใช้ D2 อย่างที่หลายๆคนแนะนำมาครับ เวลาเบรคก็ใช้วิธี กดลึกๆ ประมาณ ย้ำๆแล้วปล่อย  เป็นระยะครับ ค่อยๆกดลงน้ำหนักลงไป มิใช่กระทืบเบรคนะครับ เพื่อไม่ให้มีการเสียดสีที่รุนแรง ระหว่างผ้าเบรคและจาน ต่อเนื่องกันเกินไป วิธีนี้ช่วยป้องกัน อาการเบรคไหม้ ได้เป็นอย่างดี  ( จะให้ดีก็พยายามรักษาความเร็วขณะลงเขา ให้อยู่ประมาณ 40 - 60 กม. / ชม. ครับ ถ้าชำนาญหน่อยก็อาจจะรักษาความเร็วที่ 60 - 80+ ) 
 


 :) :-* :) :-*


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Vitty ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 14:18:29
ขึ้นอยู่กับไปเขา ชันมากน้อยแค่ไหนครับ

ขึ้นเขา ยัด D ไปก็ได้ครับ เดี๋ยวมันจัดการให้เอง ค่อยๆ ไต่ไป
อืด ตื้อ ดัง ก็ไม่ต้องตกใจครับ

ขาลง ..

ก็ จำไว้ว่า ..

อย่า เลียเบรค
อย่า จี้ตูคันหน้า เว้นให้ห่างๆ สัก 10 เมตร ได้ยิ่งดี


ตอนลงมา ก็ใช้ D ปกติก็ได้ ถ้าไม่ชันมาก
แต่ถ้ารู้สึกว่าเริ่มใช้เบรคเยอะ ก็ตบลงมา step ก็ได้

แล้วพยายามมองไปหน้าไกลๆ

กะโค้งดีๆ เบรคก่อนโค้ง ไกลๆ แล้วย่องเข้าโค้ง ดีกว่า กระทืบหน้าโค้ง
มีได้ลงเหว แน่ๆ


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: pop96 ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 14:19:20
คำแนะนำดีครับ   :)


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: aone111 ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 17:18:15
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบครับ


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: BlaZter ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 17:37:44

  จริงๆทาง Honda เกียร์ออโต้มันมีระบบ Grade Logic Control ไม่ใช่หรอครับ(ถ้าจำไม่ผิดอ่ะนะ)

 ของผมเวลาขึ้นเขาใช้ D4 อย่างเดียวนานๆทีค่อยเปลี่ยนเป็น D3 ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร ยกเว้นเวลารถติดๆบนเขาแบบช่วงเทศกาลน่ะ กดๆปล่อยๆกว่าจะถึงเครื่องเกือบฮีทน่ะครับ.

 เวลาลงก็ D3 กับ D2 สลับกันไปครับ   แต่ที่ไม่ชอบอย่างนึง คือ ผมชอบเปิดกระจกเวลาขึ้น-ลงเขาง่ะ ได้กลิ่นผ้าเบรกไหม้บ่อยๆแต่ไม่ใช่รถเรา เฮ่อ..   ดีจัง     ;D


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: puiza02 ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 18:18:48
ความรู้อีกแล้วครับ เดี๋ยวไว้ต้องไปเขาลองบ้างแล้วครับ


หัวข้อ: Re: EK97 Gear Auto จะขึ้นเขา ลงเขา
เริ่มหัวข้อโดย: Octillion ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2009, 21:59:28
ใช้ D3 กับ 2 สลับกัน เพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ รอบมันจะดึงอ่ะครับ