:::CIVIC CLUB THAILAND:::

รถผม civic ตาโต ปี 97

เรื่องเกิดจากวันศุกร์เย็น ไฟ แบท โชว์ ก็ขับรถกลับบ้าน แบบปิดแอร์ ปิดทุกอย่าง
วันเสาร์เช้า เอาไปร้านแบท บอกว่าไดชาร์ตเสีย ก็ซ่อมไป วันเสาร์ก็ใช้รถได้ปกติทั้งวัน แต่ใช้ไม่เยอะนะ

วันอาทิตย์ (วันนี้) start ไม่ติด
ช่างเอาแบท มาต่อให้ แล้วขับไปร้านแบท -> ช่วงขับรถไปร้าน นาฬิกากับวิทยุไม่ show (คิดว่าฟิวขาด)

พอถึงร้าน ช่างก็เช็คนู๊เช็คนี่ เรื่องฟิว ทั้งหมด (บอกว่าไม่ขาด) มีขาดที่น่ารถตัวนึง Radio + อะไรซักอย่าง (แต่ clock + radio ในรถไม่ขาด)
ช่างก็ดูนู๊นดูนี่อีกรอบ -> ช่างบอกให้ไปเช็คร้านวิทยุดู เพราะฟิว ไม่ขาด

พอขัถออกจากร้าน ไฟ abs ติดๆ ดับๆ (ติดตอนเร่งเครื่อง ดับตอนเครื่องเบา)

ก็เลยขับกับไปหาช่างอีกรอบ บอกให้นั่งรถไปกับผม ดูไฟล์วัน show
จากนั้นก็มาเช็คอีกรอบ ปรากฎว่า ฟิวที่เปลี่ยนไป ขาดละ (หน้ารถ Radio + อะไรซักอย่าง)

ช่างบอกให้เอาไปลองขับดูก่อน

แบบนี้ผมควรจะทำยังไงต่อดีครับ รบกวน เพื่อนๆ สมาชิกหน่อยครับ ขอบคุณมากครับ

มีข้อมูลเพิ่มเติมนิดนึงครับ

จังหวะไฟ abs ติด ตอนเวลาเร่งเครื่อง พอเร่งแอร์ เพื่อให้ใช้พลังงานเยอะ ไฟก็ดับครับ
แต่พอปิดแอร์ ไฟก็ติดใหม่ครับ

หรือปกติก่อนจะมีการนำไฟไปใช้ในรถ จะมีวงจรอะไรซักอย่างทำให้ไฟนิ่งก่อนรึเปล่าครับ
ถ้ามี ผมเดาว่า ตัวนั้นของผมอาจจะเสีย ไม่แน่ใจว่าถูกรึเปล่าครับ
คุยกับร้านแบทก็ไม่รู้เรื่อง

ปัญหามันอยู่ที่ว่าครั้งแรกเกิดมีรูปไฟแบ็ตติดโชว์แสดงสถานะว่ามีปัญหา  ก้คงเป็นระบบไดน์ชารร์จไม่ทำงาน  ไม่มีไฟออกไปจ่ายให้กับแบ็ตเตอรี่  ช่างร้านไดน์ตรวจสอบบอกว่าไดน์ชร์จเสีย  และไดทำการซ่อมและใช้ได้ปกติ  แต่พอจอดรถข้าคืน รุ่งเช้าสตาร์ทรถไม่ได้ต้องใช้แบ็ตภายนอกมาพ่วงึงสตาร์ทติด   เมื่อติดแล้วช่างให้ขับรถไปที่ร้าน  ระหว่างที่ขับรถไปที่ร้านไฟนาฬิกากับวิทยุไม่โชว์   แต่พบฟิวส์ขาดที่หน้ารถตัวหนึ่ง

อยากจะบอกให้เป็นแนวทางแก้ไข    อาการที่กล่าวมาข้างบนนี้  แสดงว่าระบบไฟชาร์ทยังมีปัญยหาในประเด็นแรก  ประเด็นที่สองสงสัยว่าจะมีการชอร์ทลงกราด์ของอุปกรณ์ไฟฟ้าในวงจรที่ใช้ไฟ ดังที่บอกว่าฟิวส์ที่หน้ารถขาดที่เป็นวงจร ไฟของวิทยุกับ....ไม่ได้บอกมา  

เนื่องจากช่างได้ซ่อมไดน์ชาร์จแลัวนำมาใส่กลับที่เดิม พร้อมการชาร์จแบ็ตจากเครื่องชาร์จให้ไฟเต็ม  การสตาร์ทรถในครั้งแรกจึงไม่มีปัญหา และระบบไฟปกติ  ต่อมาเมื่อจอดรถค้างคืน เช้าสตาร์ทรถไม่ติด   แสดงว่ามีการชอร์เซอร์กิทของวงจรไฟที่ใช้ในรถ วงจรใดวงจรหนึ่ง   ที่ทำให้ไฟในหม้อแบ็ตเตอรี่ไหลลงกราวด์ ทำให้ไฟในหม้อแบ็ตเตอรี่หมด  มากกว่าจะเป็นที่ตัวไดน์ชาร์จ  เพราะถ้าหากไดน์ชาร์จเสียไฟแสดงรูปแบ็ตจะต้องติดในตอนที่ซ่อมมาครั้งแรก  จึงน่าตัดประเด็นนี้ออกไป   แต่ก็อย่เพิ่งไว้ใจต้องตรวจสอบการทำงานของมันก่อนว่า ตัวไดน์ชาร์จ  สามารถจ่ายกระแสไฟและแรงเคลื่อนโวลเต็จ  ออกมาถูกต้องหรือไม่   บางครั้งวงจรที่ทำหน้าที่ รัษาระดับโวลเต็จหรือ วงจร Regulator เสีย  ไม่สามารถควบคุมโวลเต็จที่จ่ายออกมาชาร์จให้กับแบ็ตเตอรี่ ได้  ทำให้เกิด Over voltage  คือไฟสูงกว่า 16V  ทำให้ฟิวส์ของวงจรไฟบางวงจรขาด   นี้เป็นกรณีหนึ่ง

วิธีตรวจสอบแบบง่ายๆให้เอามิเตอร์วัดไฟ ดีซี วัดโวลเต็จที่ขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่  ในสภาวะไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ ว่าได้กี่โวลท์ ควจจะได้ไม่ต่ำกว่า 12.5-13 V  แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ เร่งรอบเครื่องยนต์ที่สองพันห้าร้อยรอบ  แล้วดูที่มิเตอร์ว่ามีโวลท์อ่านได้เท่าใด   ไม่ควรจะเกิน 14.5-14.7 V  ในขณะที่เครื่องยนต์อยู่ที่ 2500รอบ ให้เราเปิดไฟสูงหน้าร เปิดแอร์  ดูวิว่ามีโวลเต็จตกลงหรือไม่  หากลดลงก็ไม่ควรจะต่ำกว่า 13.5-14 V   หากวัดกระแสไฟที่จ่ายให่กับแบ็ตเตอรี่ในช่วงนี้ ควรจะวัดได้ 25-30 Amp หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับขนาดของตัวไดน์ชาร์จ

ในกรณ๊ที่วัดไฟโวลเต็จได้สูงหว้า 16 V นั้นหมายความว่า  เกิด Over voltage  จะมีผลในการใช้ไฟของอุปกรณ์ในรถ  ทำให้ฟิวส์ขาด หลอดไฟขาด หรือในเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆไม่มีวงจร Regulator   ลองทดสอยดู   ปกติที่ร้านไดน์ชาร์จที่ชำนาญเขาจะตรวจสอบให้อยู่แล้ว  เพราะเป็นสิ่งที่จัต้องตรวจสอบการทำงานของไดน์ชาร์จก่อนนำไปใช้งาน

สำหรับในกรณีที่ สงสัยว่ามีการชอร์ทของกระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ลงกราวด์   ก็ให้หาแอมป์มิเตอร์  ( DC มิเตอรฺ์)  มาต่ออันดับหรือเซียรี่ กับขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่  หรือเพื่อความสดวกก็ใช้ DC clip amp meter มาคล้องสายไฟที่ขั่วบวกของแบ็ต   โดยไม่ต้องติดเครื่องยนต์   หากมีกระแสไฟรั่ว  จะอ่านค่าของกระแสไฟได้ประมาณ 2-3 Ampขึ้นไป   ปกติวัดแล้วจะขึ้นประมาณสองสามร้อยมิลลิแอมป์  เพราะใช้กระแสไฟไปกับเครื่องป้องกันขโมยกับวงจรแบ็คเมมโมรี่อัฟของเครื่องเสียง นาฬิกา

เมื่อตรวจวัดได้มากตามที่บอก เพื่อจะหาว่ามันชอร์ทที่ส่วนใด  ก็ให้เปิดกล่องฟิวส์ใต้แผงหน้าปัทม์รถตรงหั่วเข่าด้านขวาที่นั่งคนขับ  ให้ถอดฟิวว์ออกทีละตัว ดูว่าเมื่อดึงออกแล้วทำให้กระแสไฟที่วัดได้มากในตอนแรกลดลงหรือไม่  สมมุติว่าลดลง  ก็ให้ดูที่ฝาครอบฟิวส์ว่าตำแหน่งฟิวส์ที่ดึงออก มันบอกว่าไปใช้ที่ส่วนไหน  แล้วค่อยไปตรวจสายไฟที่ไปจ่ายให้กับอุปกรณ์นั้นๆ  ก็จะแก้ปัญหาที่เกิดไฟรั่วลงกราวด์ได้

อยากให้ไปตรวจสอบตามที่กล่าวมาก่อน  และเมื่อมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว  ให้ทำการรีเซ็ทกล่อง ECU ใหม่อีกครั้ง  ถอดขั่วบวกของแบ็ตออก สักหนึ่งนาทีแล้วใส่กลับเข้าที่เดิม  และลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู   อาการที่เกิดขึ้นควรจะเป็นปกติ  ก็ลองไปทำดูเองก็ได้.......srithanon

ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปให้ช่างลองช่วยเช็คดูครับ

เท่าที่อ่านดูหลักๆ เช็คที่ โวลก่อนนะครับ กับเรื่องไฟรั่ว

ช่างโทรมาบอกละเป็นที่คัทเอ๊าท์ไดชาร์ต

หวังว่าจะจบละนะครับ

ซีวิคตาโตไม่มีคัทเอ้าท์นะครับ   เป็น บอร์ด IC Regulator ในตัวไดน์ชาร์จเสีย  หากมีคัทเอ้าท์ แสดงว่าแปลงระบบเก่าๆมาใช้  .....srithanon

ช่างไม่ได้บอกครับ แย่ละ
แต่แบบนี้ก็ใช้ได้ใช่ไม๊ครับ

หลังจากซ่อมไดชาร์ต ตอนนี้ปกติแล้วครับ แต่ใช้แบตสำรองของร้านอยู่

เดี๋ยวจะเอาแบตไปเปลี่ยนครับ (ไม่แน่ใจว่าแบตเดิมเสียด้วยรึเปล่า รอลุ้น)

ขอบคุณคุณ srithanon สำหรับความช่วยเหลือครับ