:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: heaedd ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 11:14:50



หัวข้อ: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: heaedd ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 11:14:50
1 เพิ่งวางเครื่อง B20B มา ขึ้นดอยไหวมั๊ย
2 ต้องเช็คอะไรบ้าง ข้อละเอียดหน่อยนะครับ
3 หม้อน้ำเปลี่ยนมาใหม่ ขึ้นดอยกลัวเรื่องความร้อนอะ
4 ใช้เกียร์อะไรขึ้นและลงครับ ไม่เคยมีประสพการการขึ้นดอยเลย
สุดท้ายข้อให้ผู้ตอบทุกคนมี่ความสุขและความเจริญในปีใหม่นี้นะครับ 8) 8)


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lighteningz ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 11:42:25
1 เพิ่งวางเครื่อง B20B มา ขึ้นดอยไหวมั๊ย
2 ต้องเช็คอะไรบ้าง ข้อละเอียดหน่อยนะครับ
3 หม้อน้ำเปลี่ยนมาใหม่ ขึ้นดอยกลัวเรื่องความร้อนอะ
4 ใช้เกียร์อะไรขึ้นและลงครับ ไม่เคยมีประสพการการขึ้นดอยเลย
สุดท้ายข้อให้ผู้ตอบทุกคนมี่ความสุขและความเจริญในปีใหม่นี้นะครับ 8) 8)

เอาเท่าที่รู้และพอตอบได้นะคับ

ขึ้นไหวแน่ ๆ เช็คอะไรมั้ยหรอ ผมเช็คแค่ลมยาง น้ำในหม้อน้ำ แล้วก็เงินในกระเป๋า

ส่วนเกียร์ใช้เกียร์ต่ำทั้งขาขึ้นและลง ( แล้วแต่ประสบกานในการขับด้วยคับ ) แต่แนะนำว่า ไม่ควรแช่เกิน 3000 rpm ไว้นาน ๆ

รอท่านอื่นนะคับ

 :-[



หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junkhung ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 11:51:17
   เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนเรียน ปวช เคยขับมอเตอร์ไซค์ ขึ้นดอยอินทนนท์ แถววนั้นเขาก็ขับขึ้นกันปรกติครับ  ;D ;D ;D แต่ที่เห็นแน่ๆเลย คือมีคนเอาไดฮัทสุ มิร่า
ขึ้นดอยฯมาแล้ว เห็นกับตาครับ ตอนแรกก็ไม่เชื่อว่ามันจะขึ้นไปได้ แต่เป็นไปแล้ว
    สำหรับ B20 หากวางสมบูรณ์ ระบบความร้อนตรวจเช็คอยู่ตลอด ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ ขึ้นได้สบายเลย CR V ตัวเก่า(เครื่องเดียวกัน) ก็วิ่งกันให้เห็นเยอะไปครับ
     วีออสเพื่อนขับขึ้นไปนั่งสามคน และอุปกรณ์เต๊นท์ เสื้อผ้าต่างๆ ด้วยก็ขึ้นได้ไม่มีปัญหา
    B20B แรงบิดดี CC เยอะ ถ้าวางมาจบๆใช้แล้วไม่มีปัญหาใดๆ ขึ้นวันละสองสามเที่ยวก็ได้ครับ  ;D ;D ;D ปกติถ้าเป็น at มันก็ทดเกียร์ให้อยู่แล้ว หรือไม่ไว้ใจก็เกียร์ต่ำไงครับ ทั้งขึ้น-ลง
   ของผม B18 C ปลายปีนี้มีแปลนว่าจะไปเขาค้ออยู่ครับ  :-* :-*


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 05 พฤศจิกายน 2012, 16:44:49
เรื่องรถที่จะขับขึ้นดอยขึ้นเขา  ขับขึ้นได้ทุกขนาดของรถ   เพียงแต่ต้องรู้ถึงกำลังของรถ  ความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์   แต่หลักๆที่ควรจะเตรียมพร้อมไว้รับสถานการณ์  ในการขับรถขึ้นเขา
เรื่องแรกก็ควรตรวจสอบเรื่องระบบเบรค  ผ้าเบรค  ควรนำไปให้ช่างตรวจสอบ ทั้งระบบ ว่ามีน้ำมันเบรครั่วซึม ที่กระบอกสูบปั้มน้ำมันเบรคของ ดิสเบรคและดรั้มเบรคหรือไม่  ตรวจสอบให้เรียบร้อย   เพราะในการขับรถขึ้นเบาลงเขาต้องใช้ระบบเบรคมากเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะขาลง  จะต้อใช้ควบคู่กับตำแหน่งของเกียร์รถ  ที่ใช้เกียร์ช่วยในการเบรคหรือ เอ้นจิ้นเบรคด้วย  เพื่อลดการใช้เบรคจากดรั้มและดิสเบรค ในบางจังหวะของความเร็วในทางลงที่ลาดชัน  แม้แต่ทางขึ้นเรื่องเบรคก็สำคัญ  อย่ามองข้าม  หากระบบเบรคที่มีปั้มกระบอกสูบของระบบเบรคเกิดรั่ว  หากในจังหวะที่รถไต่ระดับไม่ไหว  เพราะการใช้เกียร์ไม่ถูกกับการใช้แรงบิดของรอบเครื่องยนต์กับการทดเกียร์   ทำให้รถขึ้นไม่ไหว  ต้องเหยียบเบรคไม่ให้รถไหลลง  หากเบรคที่รั่วซึมของยางโอริงของกระบอกสูบเบรครั่ว   มันก็จะเอาไม่อยู่  รถจะไหลลงอันตรายมาก

ประการที่สอง   เรื่องระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์    จะต้องตรวจสอบว่าระบบระบายความร้อน  หม้อน้ำยังใช้งานปกติหรือไม่  ไม่ตัน พัดลมหม้อน้ำ  ยังมีคตวามเร็วรอบแรงปกติดีหรือไม่   เพราะว่ารถที่ใช้ขับขึ้นเขาในทางชัน  นอกจากจะใช้เกียร์ต่ำ ที่ทำให้รอบเครื่องยนต์สูง  เพื่อเค้นแรงบิดให้กับกำลังของเครื่องยนต์ ในการไต่ระดับ   หากเส้นทางที่ไปนั้น มีระดับความชั้นมีระยะทางยาวเป็นกิโลเมตร  เครื่องยนต์หากระบบระบายความร้อนไม่ดี   ความร้อนจะสูงขึ้นมาก     จะพบว่าเมื่อใดก็แล้วแต่ที่ขับรถขขึ้นเขาที่มีความชั้นสูง   เมื่อความร้อนเครื่องยนต์ขึ้นสูงนานๆ  ผลที่ตามมาก็คือนอกจากจะทำให้ระบบเครื่องยนต์มีปัญหา  ความร้อนที่เกิดขึ้นในระบบระบายความร้อน  กิดแรงดันของไอน้ำมาก  อาจจะทำให้ท่อยางของทางเดินน้ำ และส่วนที่เป็นตาน้ำของผนังเสื้อสูบ  เกิดรั่ว  ก็งานเข้าจัดหนักแน่    หากเ้ผลอก็ฝาสูบโก่ง  มีพบให้เห็นบ่อยๆตามข้างทาง  จะมีทั้งครัชท์ไหม้  เบรคมีกลิ่นไหม้  หากเบรคมีกลิ่นไหม้ ให้พึงระวังเบรคจะเอาไม่อยู่   

ดังนั้นการขับรถขึ้นเขาไต่เขา ลงทางลาดชัน  ต้องมีทักษะในการขับ     แต่อย่าวิตกจนเกินไป  ถือว่าเป็นเรื่องปกติ   หากท่านที่ไม่เคยขับเส้นทางตามที่กล่าวจะขอแนะนำแบบเคร่าๆ  ให้พอเป็นแนวทางในการขับรถ   

เมื่อใดก็ตามที่ทราบว่าข้างหน้าเริ่มเป็นทางชัน  หรือเริ่มจากทางเนินชันขึ้นไปเรื่อยๆ  หากท่านที่ใช้เกียร์สูงในขณะนั้น  ให้ลดเกียร์ที่ใช้ในทางลาดที่ปกติลดลงมาหนึ่งเสต็ป  เช่นที่เกียร์ 4 ลงมาท่่เกียร์สาม  พร้อมกันนั้นหากทางข้างหน้าที่ขับไปนั้นเป็นเส้นทางตรงและมีโค้งบ้างเล้กน้อย   ให้พยยายามใช้ความเร็วรถที่เกียร์ 3 ให้อยู่ในระดับรอบไม่สูงนัก ประมาณ 2500-3000 รอบ  อย่าให้สูงไปกว่านี้  ดูกำลังเครื่องตกลงหรือไม่  หากปรากฏว่ารอบเครื่องยนต์ไม่ต่ำลง แสดงว่าที่เกียร์สามนั้น สามารถลดความเร็วรอบเครื่องยนต์ลงมาอีกได้   เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์มีรอบสูงเกินไป   เครื่องจะได้ไม่ร้อน    และเมื่อใดก็ตามที่อยู่ระหว่างการไต่ระดับที่เกียร์สาม  รถเริ่มมีความเร็วลดลงหรืออืด   อย่าปล่อยระยะเวลารอให้เครื่องหรือรอบเครื่องยนต์ตกลงมามาก  เพราะว่าจะทำให้เวลาการเปลี่ยนเกียร์รถ  เกิดการกระตุกอย่างแรง  เสียทั้งแรงส่งของรถที่กำลังไต่ระดับ ทำให้ใช้รอบเครื่องยนต์สูง ที่เกียร์ต่ำ หรือเกียร์หนึ่ง   ไม่ควรจะกระทำ     หากรู้ว่าเครื่องยนต์หรือความเร็วรถเริ่มลดลง  ให้ทำการเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงอีกเสต็ปทันที   จะทำให้ไม่เสียกำลังและรอบของเครื่องยนต์   

ในกรณีที่เริ่มไต่ในทางชัน และทราบว่าข้างหน้ามีโค้งหักศอกและต้องไต่ระดับขึ้นไปอีก    อย่าตกใจให้ทำใจเป็นปกติสบายๆ มองในแนวทางข้างหน้าเท่านั้น  ในช่วงนี้หากรถที่ลดระดับเกียร์มาอยู่ที่เกียร์สอง  เมื่อกำลังจะถึงโคงหักศอก  หากว่าในระหว่างนี้ความเร็วยังไม่ตก  แต่รู้ว่าข้างหน้าไม่เกินสิบห้าเมตร  ต้องเสียกำลังเครื่องยนต์แน่นอน  นอกจากเสียความเร็วในการหักศอกที่ทำให้เสียกำลังรถและต้องไต่ระดับอีก   ให้ทำดังนี้ใให้ผ่อนคันเร่งเล็กน้อยพร้อมกับเข้าเกียร์หนึ่งอย่างลวดเร็ว  อย่าให้ความเร็วรถชะงักเพราะจะขาดแรงส่ง  ถึงแม้ว่าเกียร์หนึ่งจะมีรอบสูงขึ้นมาเป็นสองพันถึงสองพันห้าร้อยรอบ  และไม่น่าจะเกินสามพันรอบ  ในกรณีที่ทางชันมาก   เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งเกียร์หนึ่ง หากทราบว่าที่ความเร็วรอบขณะนั้น  สามารถที่จะส่งหรือรถมีกำลังในการไต่ระดับ และความเร็วรถไม่ตกหรืออืด  ให้ผ่อนคันเร่งลงมานิดหน่อย กะว่าความเร็วระดับนั้นรถมีกำลังพอที่จะไต่ระดับ  ก็ให้เร่งไว้ที่เท่านั้นต่อไป  จนกว่าจะถึงระดับทางปกติแล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นไำปตามลำดับ

มีสิ่งที่ควรจะจดจำไว้เสมอว่า  เมื่อใดที่รถสามารถทำความเร็วในแนวราบได้  แล้วรู้ว่าทางข้างหน้าเริ่มขึ้นเนิน   หากความเร็วในขณะนั้นไม่เร็วเกินไป เช่นที่ประมาณ เจ็ดแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง   ก็ให้เพิ่มความเร็วรถขึ้นไปอีก  เพื่อชดเชยความเร็วและเอาแรงเฉื่อยของรถช่วย  และเมื่อถึงเนินรถก็จะไม่เสียกำลังมาก   นอกจากจะทำให้ระบบระบายความร้อนได้รับลมที่สวนมาที่หน้ากระจังรถ  ทำให้ความร้อนเครื่องยนต์ไม่สูง 

ในทางกลับกัน  เมื่อรถเริ่มลงในทางลาดต่ำมาก   และเป็นทางยาวเป็นกิโลเมตร บางท้องที่อาจสี่ห้ากิโลเมตร    ดังนั้นรถที่เคลื่อนที่ใช้ความเร็วจะเสี่ยงอันตรายมาก  เพราะน้ำหนักรถจะเป็นแรงบวกความเร็วในการเคลื่อนที่ เครื่องยนต์แทบจะไม่มีโหลด  อย่าเข้าเกียร์ว่างปล่อยให้รถไหลลงเป็นอันขาด อันตรายมาก แม้จะเบรคก็เบรคแทบไม่อยู่ หรือเบรคไหม้    สิ่งที่ควรปฏิบัติก็คือให้ใช้เกียร์ต่ำ เช่นจากสี่เป็นสาม หรือบางที่ ให้คำแนนะนำว่า  ขึ้นเขาใช้เกียร์ไหน  ลงเขาก็ให้ใช้เกียร์นั้น  ก็พอยึดถือได้  ดูความเหมาะสมเป็นหลัก   อย่าให้ความเร็วรถมากไป ดูระดับความลาดชันของถนนเป็นหลัก     รักษาระดับความเร็วที่อยู่ในช่วงไม่เร็วนัก  ห้าสิบหกสิบ    และที่ประการสำคัญมากๆก็คือ  ให้พยายามใช้เบรคย้ำเป็นจังหวะ  อย่าเบรคแช่ เดี๋ยวผ้าเบรคจะไหม้ หากว่ารถเริ่มมีความเร็วเพิ่มขึ้น  เพื่อชลอความเร็วรถให้มีความเร็วพอจะเบรคให้อยู่ได้โดยไม่เสียหลัก   ก็ประมาณสี่สิบถึงห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง   ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพท้องที่ถนนในขณะนั้น  หากว่าสามารถใช้ความเร็วมากกว่านั้นก็สามารถเพิ่มได้   

สำหรับรถที่ใช้เกียร์ออโต้ ขาลงควรเข้าเกียร์ในจังหวะ L2  หรือแล้วแต่สภาพเส้นทางนั้น   หากเห็นว่าลาดชันมาก ก็เข้า L2  หากธรรมดาก็ใช้ตามปกติที่ตัว D   แต่แนะนำว่าการเดินทางท่องเที่ยวอย่าใช้ความเร็วกับสถาพถนนที่เป็นทั้งทางลาดชัน ทั้งขึ้นและลง  ขอให้นึกเสมอว่าเรามาเที่ยวหาความสุข ทั้งเราและเพื่อนร่วมเ้ดินทาง   อย่าคะนอง ว่ารถแรง ต้องซิ่ง  จุดจบก็คือไปเที่ยวในเมืองที่ไม่สามารถกลัีบมาได้

สำหรับท่านที่ไม่เคยขับในการขึ้นเขา   ในช่วงแรกๆค่อยๆขับหาประสบการณ์ไปทีละน้อยๆ  จะพบว่าหากผ่านไปสักระยะหนึ่งท่านก็จะพอใช้ทักษะและเรียนรู้กำลังรถที่ท่านใช้ได้ว่า  ควรจะทำอย่างไรในการขับรถขึ้นเขาลงเขา    ก็เคร่าๆเท่านี้ก่อน   ก็ขอให้ทุกท่านที่ใช้รถในการท่องเที่ยวปลอดภัยทุกท่านนะครับ  ....srithanon


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: DUSITTO ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 11:07:09
แนะนำได้ดีมากๆเลยครับ


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: heaedd ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 11:09:37
ขอบพระคุณในข้อมูลทั้งหมดเลยนะครับ ช่วยได้มากเลย


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 12:02:06
ขอเพิ่มเติมให้อีกสักนิด    ในกรณีที่ขับรถขนไหล่เขาที่มีทางคดเคี้ยว ทั้งหักศอกและโค้งที่มีไหล่ทางของถนนทางด้านซ้ายของรถ  เป็นหุบเหว  เมื่อถึงโค้งหักศอก  ที่ไม่สามรถมองเห็นรถที่สวนมา  ควรใช้สัญยาณแตรกดให้สัญญาณกับรถที่สวนมา   ให้ทราบว่ามีรถวิ่งสวนทางมา  จะได้ระมัดระวัง  ทั้งรถของเราและคันที่ขับสวนทางมา   เพราะบ่อยครั้งโนโค้งหักศอกที่รถกำลังสวนเรามา  เป็นทางที่ชัน  รถที่สวนมาจะพยายามเร่งเครื่องยนต์ไต่ระดับและเข้าโค้งหักศอก    เขาจะพยายามขับคร่อมเส้นแบ่งทางกินมาทางที่รถเรากำลังสวนกัน  หากไม่ให้เสียงสัญญาณ   อาจจะเกิดการปะทะหรือเฉี่ยวชน  ทำให้รถเสียหลักพุ่งลงเหวข้างทาง     ก็มีให้เห็นบ่อยๆ     

ดังนั้นในเส้นทางที่เราขับรถในมุมโค้งทางเรียบบนไหล่เขา   หากไม่สามรถมองรถที่สวนมาได้   ควรให้สัญญาณเสียงจากการบีบแตรรถด้วย    หากเป็นกลางคืน  บางครั้งไม่เห็นแสงไฟจากหน้ารถที่สวนมา  เพราะมุมเขาบัง   ดังนั้นเมื่อขับรถบนเขาในยามค่ำคืน   ให้พยายมใช้ไฟสูงหน้ารถเป็นระยะ   ให้รถที่กำลังขับสวนเรามาเห็นได้แต่ไกล    ทำให้คนขับที่กำลังขับรถสวนเรามาได้ทราบว่ากำลังมีรถแล่นสวนเขาเช่นเดียวกัน   จะได้ปลอดถภัยทั้งสองฝ่าย

และในกรณีที่รถมีปัญหา   เกิดเสียระหว่างทาง  ทั้งขึ้นเขาและลงเขา   พยามหาทางนำรถเข้าแนบไหล่ทางให้มาก  และหากิ่งไม้มากองให้ห่างจากรถสัก สามสิบเมตร  เพื่อให้รถที่ใช้เส้นทางนั้นมองเห็นสิ่งกีดขวาง  ให้ทราบว่ามีรถเสียในเส้นทางนั้น   จะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้
และแถมท้ายอีกสักนิด   ไฟฉาย    น้ำใส่ถัง  และน้ำดื่ม   รวมทั้งขอนไม้ สำหรับหนุนล้อรถ   จับโยนใส่ท้ายรถบ้างก็ไม่น่าจะเสียความรู้สึกตรงไหน  เพราะหลายครั้ง เมื่อขับรถในเวลากลาวคืน   หากมีอะไร   สื่งที่กล่าวมาช่วยได้อย่างไม่ผิดหวัง    อย่าถือว่าระดับมืออย่างข้าแล้ว   ไม่สน    หากคิดดังนี้แล้วจะรู้สึก   เมื่อมีเหตุการที่มีความจำเป็นต้องใช้   เรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องใหญ่    เรื่องใหญ่ๆที่เตรียมไว้เมื่อมีเหตุการกลับกลายเป็นเรื่องเล็กๆให้ขำๆ
ก็แล้วความถนัดของแต่ละท่านก็แล้วกัน   ก็มาบอกแนะนำกันไว้แบบรู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม......srithanon


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 15:17:34
D16Y8 ก็ขับขึ้นภูทับเบิกมาแล้ว  B20 นี่กำลังเหลือๆเลยครับ

แต่ขาลงนี่คิดถึงเกียร์ 1 มากเลย มันมีต่ำสุดแค่ 2 เกียร์ออโต้คับ

(http://1.bp.blogspot.com/-xV-hMHowjmk/T1MKJD5t2SI/AAAAAAAAAoQ/-8HLtw9ct-4/s1600/phu+tub+berg+1.jpg)

(http://img1.uploadhouse.com/fileuploads/13430/13430651caa3235d4998f7d65aaf2b20cd41bce0.jpg)


หัวข้อ: Re: จะปีใหม่แล้ว อยากขึ้นดอย เลยมีเรื่องอยากถามผู้รู้หลายข้อเลยช่วยหน่อยนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: commentdear ที่ 06 พฤศจิกายน 2012, 23:49:27
D16y8 ขึ้นเขาค้อ ยังสบายเลยครับ ห่วงแค่เรื่องเบรคเท่านั้นละครับ อย่าย้ำมันจนไหม้ละกัน