:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: junkhung ที่ 21 มิถุนายน 2012, 13:19:19



หัวข้อ: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junkhung ที่ 21 มิถุนายน 2012, 13:19:19
รบกวนผู้รู้ช่วยเหลือหน่อยครับ รถผมวางเครื่อง(b18c at) ใช้มาประมาณสามปีแล้วครับ (ติดแก๊สได้สองปี) คือเมื่อวานขับรถอยู่ดีๆ รอบเครื่องตกครับ แล้วคันเร่งเริ่มหนัก ไฟหน้าปัดรูปน้ำมันเครื่อง กับ แบตติดขึ้นมา แล้วดับไปเลยครับ พอเอาเข้าข้างทางได้ลองสตาร์ทใหม่ รอจนเครื่องเย็นก็ไม่ติดอีกเลยครับ ตอนนี้จอดสนิทเลยครับ แบตมีไฟปกติครับ อาการนี้ผมเคยเป็นตอนวางเครื่องมาใหม่เลยครับ ตอนนั้นเปลี่ยนคอล์ยจานจ่ายไป ก็ใช้ได้ครับ แต่ไม่รู้รอบนี้มันจะเป็นที่เดิมหรือเปล่าไม่มั่นใจเลยครับ ขับอยู่ก็ดับไปเลย ยังหลอนๆอยู่เลย :( 


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: joepao ที่ 21 มิถุนายน 2012, 14:15:20
ขอให้ซ่อมได้ไวๆนะครับ


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 21 มิถุนายน 2012, 14:55:40
รบกวนผู้รู้ช่วยเหลือหน่อยครับ รถผมวางเครื่อง(b18c at) ใช้มาประมาณสามปีแล้วครับ (ติดแก๊สได้สองปี) คือเมื่อวานขับรถอยู่ดีๆ รอบเครื่องตกครับ แล้วคันเร่งเริ่มหนัก ไฟหน้าปัดรูปน้ำมันเครื่อง กับ แบตติดขึ้นมา แล้วดับไปเลยครับ พอเอาเข้าข้างทางได้ลองสตาร์ทใหม่ รอจนเครื่องเย็นก็ไม่ติดอีกเลยครับ ตอนนี้จอดสนิทเลยครับ แบตมีไฟปกติครับ อาการนี้ผมเคยเป็นตอนวางเครื่องมาใหม่เลยครับ ตอนนั้นเปลี่ยนคอล์ยจานจ่ายไป ก็ใช้ได้ครับ แต่ไม่รู้รอบนี้มันจะเป็นที่เดิมหรือเปล่าไม่มั่นใจเลยครับ ขับอยู่ก็ดับไปเลย ยังหลอนๆอยู่เลย :( 
    ไดชาร์จป่าว ลองเปลี่ยนไดชาร์จดู  ::) ::)


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 21 มิถุนายน 2012, 15:44:11
ที่บอกว่าแบตมีไฟปกตินี่เช็คยังไงครับ วัดโวลท์ไม่ได้นะครับ
ต่อให้แบตหมดก็ยังมีโวลท์อยู่ แต่มันจ่ายกระแสไม่ได้แล้ว

เวลาบิดกุญแจสตาร์ทมันมีเสียงแก๊กๆๆไหม หรือว่าไม่มี ลองเปิดไฟหน้าดูสว่างปกติไหม
พ่วงแบตสตาร์ทติดไหม แบตอายุกี่ปีแล้ว 2-3 ปีก็ควรเปลี่ยนได้แล้ว
จากที่บอกว่าใช้มาสามปี ผมสงสัยเรื่องแบตมากกว่าครับ ถ้าเป็นอย่างอื่นน่าจะมีอาการมาก่อน ไม่ใช่ดับไปเฉยๆ


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tea_auto1981 ที่ 21 มิถุนายน 2012, 21:25:02
สงสัยแบตเหมือนกัน เพราะเคยเป็นนะ :-[


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junkhung ที่ 22 มิถุนายน 2012, 09:07:27
คือผมเปลี่ยนแบตมาเมื่อ ตุลาปีที่แล้วครับ และผมเติมน้ำกลั่นทุกเดือน (พอมันพร่องไปก็เติมครับ) ปกติ ผมใช้แบตลูกนึงได้ เกือบสองปีครับ เดี๋ยววันเสาร์จะลากไปที่อู่ดูครับ :o


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: werapongk ที่ 23 มิถุนายน 2012, 16:25:08
ที่บอกว่าแบตฯปกติ หมายถึงสตาร์ทได้แต่ไม่ติดหรือเปล่า ถ้าใช้ลองเช็คระบบไฟดูก่อน เช่นถอดหรือถ้ามีหัวเทียนสำรองรองเสียยสายวางไว้บนฝาคอบวาวล์
แล้วสตาร์ทดูว่ามีไฟออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็เป็นที่ระบบไฟ อาจเป็นคอยล์จานจ่าย
แต่ถ้ามีไฟก็ เช็คระบบน้ำมันต่อว่าปั้มติกทำงานหรือเปล่า ฯ
มันก็มีแค่สองอย่างเท่านั้นและ คือระบบไฟ กับ น้ำมันเชื้อเพิลง


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 24 มิถุนายน 2012, 07:26:21
อาการที่บอกมานั้น  น่าจะมาจาก TDC sensor หรือ crank shaft senor เสีย  สำหรับอาการที่เสียนี้ ก็คืออาการที่ท่านเจ้าของกระทู้เล่ามา    เนื่องจากว่า  ในวงจรจุดระเบิดที่สร้างแรงเคลื่อนโวลเต็จไฟสูงที่จ่ายให้กับหัวเทียน ไม่มี  เครื่องยนต์ก็ดับทันที่  ในจังหวะที่เครื่องยนต์ดับ ที่กุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ยังอยู่ในต่ำแหน่ง ON  ดังนั้นไฟรูปเครืองยนต์และไฟแสดงต่ำแหน่งไฟชาร์ท  ก็ติดที่หน้าปัดรถ ตามที่คุณเห็น    เหมือนกับจังหวะที่คุณเริ่มจะสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อบิดสวิชท์กุญแจที่ที่ตำแหน่ง ON ก่อนที่จะเลยไปต่ำแหน่งสตาร์ท หากคุณสังเกตไฟที่แสดงบนหน้าปัดก็จะเห็นไฟรูปเครื่องยนต์ และไฟแบ็ตโชว์ติด

เพราะในตำแหน่ง ON เมื่อเครื่องยนต์ยังไม่ทำงาน  จะมีไฟจ่ายให้กับวงจรที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบการทำงานของเครื่องยนต์ เช่นจ่ายไปให้ ECU และไฟที่จ่ายไปยังวงจรจุดระเบิด  ไฟที่จ่ายไปยังขดลวดโรเตอร์ในระบบการทำงานของไดน์ชาร์ท แต่เนื่องจากจากเครื่องยนต์ยังไม่มีสัญญาณการสตาร์ทเครื่อง STA ให้กับ ECU และจ่ายให้กับมอเตอร์สตาร์ท  สตาร์ทให้ ฟลายวีลล์ขับเคลื่อนเพลาข้อเหวี่ยง  ให้ลูกสูบเคลื่อนที่ และระบบ  TDC เริ่มสร้างสัญญาณพัลส์ เมื่อตำแหน่งที่ลูกสูบเคลื่อนที่ก่อนสู่จุดศูนย์ตายบน มันก็จะส่งสัญญาณพัลส์ให้ ECU  เพื่อให้ ECU generate สัญญาณจุดระเบิด IGT ส่งไปให้วงจรช่วยจุดระเบิดสร้างไฟสูงให้กับหัวเทียนจุดระเบิดทำงาน

ในจังหวะที่กุญแจสวิชท์สตาร์ทเครื่องยนต์อยู่ที่ต่ำแหน่ง ON นั้น จะมีไฟที่จ่ายไปให้ขดลวดโรเตอร์ในตัวไดน์ชาร์ทพร้อมที่จะที่จะทำงาน เมื่อแกนทุ่นโรเตอร์ถูกหมุนด้วยสายพายที่คัพปลิ้งมาจากพูลเล่ย์เพลาข้อเหวี่ยง ก็จะทำให้ขดลวดโรเตอร์ที่มีไฟจ่ายในต่ำแหน่ง ON มีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นเมื่อทุ่นโรเตอร์หมุน ก็จะมีสนามแม่เหล็กตัดกับขดลวดสเตเตอร์ ทำให้เกิดกระแสไหลในขดลวดสเตเตอร์ ผ่านเข้าวงจรไดโอดเร็คติฟลายและวงจร regulator ที่ควบคุมการจ่านกระแสไฟชาร์ทไปให้แบ็ตเตอรี่
ในต่ำแหน่ง ON เมื่อแกนทุ่นโรเตอร์ยังไม่หมุน ก็จะไม่มีไฟในขดลวดสเตเตอร์ ซึ่งวงจร Regulator ไม่ได้รับกระไฟที่ไหลในขดสเตเตอร์  ตัวที่ทำหน้าที่ควบคุมไฟชาร์ท ก็จะ Loop กระแสไฟของหลอดไฟชาร์ทลงกราด์ให้ไฟชาร์ทติด บางวงจรที่ควบคุมไฟชาร์ทอาจจะใช้รีลย์หรือ ระบบทรานซิสสเตอร์ เป็นตัวต่อกระแสไฟที่ไหลผ่านหลอดไฟชาร์ทลงกราวด์ เพื่อให้หลอดไฟติด

ต่อเมื่อเครื่องยนต์ติดเกิดการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง มีสายพายไฟหมันแกนโรเตอร์ มันก็จะมีกระแสไฟชาร์ทออกมา ทำให้วงจรไฟชาร์ทหยุดต่อกระไฟจากหลอดไฟชาร์ทลงกราวด์  ไฟแสดงต่ำแหน่งไฟชาร์ทก็ดับ แสดงว่าในระบบไฟชาร์ททำงาน
ที่กล่าวมายืดยาวก็อยากให้ทรายว่า  ไฟชาร์ทตดที่หน้าปัดในตำแหน่ง ON  ส่วนไฟรูปเครื่องยนต์  ก็สรุปแบบสั้นๆว่า เมื่อวงจรที่ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ยังไม่ทำงาน สัญญาณที่มาก sensor ก็ไม่ทำงาน  เกิดสัญญาณ Error ส่งไปให้ ECU แจ้งระบบขัดข้อง แสดงสถานะไฟรูปเครื่องยนต์ให้ติด ก็เป็นที่ไปที่มาของระบบการทำงานของสวิชท์กุญแจที่อยู่ในต่ำแหน่ง ON

สำหรับอาการที่เกิดขึ้นนี้ อยากแนะนำให้ท่านเจ้าของกระทู้ทำการตรวจสอบดังนี้
ขั้นแรกให้ตรวจไฟจุดระเบิดที่หัวเทียนมีหรือไม่   หากไม่มีให้ตรวจสอบ วัค่าความต้านทานที่ตัว TDC sensor โดยดึงปลั๊กที่มีสายไฟไปที่ตัว TDC sensor ออก  แล้วเอามิเตอร์วัดค่าความต้านทาน ที่ปลั๊กตัวที่มีสายไฟต่อไปที่ตัว TDC sensor หากไม่เสียจะวัดค่าความต้านทานได้ประมาณ 600-700 โอมห์  (แล้วแต่ละยี่ห้อรถ)   หากเสียจะวัดไม่ขึ้นครับ  ผมขอแนะนำเบื้อต้นดังนี้ก่อน เพราะปัจจับยังมีส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครับ  แต่น่าจะมาจากที่ผมแนะนำเรื่องระบบไฟจุดระเบิด……..srithanon

 


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: srithanon ที่ 24 มิถุนายน 2012, 09:24:58
เพิ่มเติมให้อีกหน่อย  หากตรวจเช็คไฟจุดระเบิดที่หัวเทียนมี   ขั้นต่อไปให้ตรวจสอบระบบน้ำมัน  ว่ามีไฟจ่ายไปให้ระบบปั้มติ๊กหรือเปล่า  หรือปั้มติ๊กทำงานปั้มฉีดน้ำมันปกติหรือไม่   หากตรวจพบว่าปั้มติ๊กไม่ทำงาน  ให้ตรวจสอบสายไฟว่าขาดตอนหรือไม่  โดยให้ตรวจที่ตัวรีเรย์เปิดวงจร  อาจเป็นไปได้ว่าที่ตัวรีเรย์เสีย  ไม่สามารถจะต่อสะพานไฟหรือหน้าคอนแท็ค เอาไฟไปจ่ายให้ปั้มติ๊ก  
 
ที่ตัวรีเรย์เปิดวงจร จะทำงานสองขั้นตอน   ขั้นตอนแรกในจังหวะที่บิดกุญแจในต่ำแหน่งสตาร์ท รีเรย์จะทำงานต่อไฟผ่านหน้าคอนแท็คไปให้ปั้มติ๊กทำงานในชั่วคาบของเวลา ที่อยู่ในจังหวะสตาร์ท  แต่หลังจากที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดแล้วตำแหน่งกุญแจกลับมาอยู่ตำหน่ง ON ช่วงนี้หากเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด รีเรย์จะไม่ทำงานดูดหน้าคอนแท็ค ไฟก็ไม่มีจ่ายให้กับปั้มติ๊ก  แต่ถ้าหากเครื่องยนต์ติด มันจะมีสัญญาณพัลส์ NE จากจานจ่าย ไปให้ Transtor ที่อยู่ในบอร์ด ECU ตัวที่ทำหน้าที่ Loop กระแสไฟจากขดลวดรีเรย์ไหลผ่านขา คอลเร็คเตอร์ ผ่านขาอีมิสเตอร์ลงกราวด์ เพื่อให้รีเรย์หลักทำงานต่อหน้าคอนแท็ค ต่อเนื่องที่เดิมมันทำงานต่อกระแสไฟลงกราวด์ให้รีเรย์ทำงานในช่วงที่กุญแจอยู่ในตำแหน่งสตาร์ท    

อาจจะเป็นไปได้ว่ามันเสียไม่ทำงาน  ลองวัดไฟที่ปั้มติ็กดู  หรือหากปั้มตี๊กทำงาน   คงเป็นไปได้ว่า อาจจะมีสายไฟที่ไปจ่ายให้กับจานจ่ายขาดหรือหลุดหลวมและขาดก็มีส่วน หรือสายไฟสัญญาณ IGT ที่มาจาก ECU ขาด ที่จุดหนึ่งจุดไดก็เป็นได้  ลองตรวจดู

ในกรณีที่ตรวจพบว่าที่ตัว TDC sensor  ปกติ  ให้ตรวจสอบวงจรช่วยจุดระเบิด ว่ามันทำงานสร้างไฟสูงออกที่หัวเทียนหรือไม่ หากไม่มี  ให้ตรวจสอยวงจรช่วยจุดระเบิด โดนการหาสายไฟสัญญาณ IGT ว่าเป็นเส้นไหน หลังจากที่หาพบ ให้หาทางดึงสายท่ี่หัวคอนเน็คเตอร์สายนั้นออก  แล้หาสายไฟยาวสักครึ่งเมตร ที่ปลายสายด้านหนึ่งเสียบแทนขาพินเสียบที่ดึงออก แล้วอีกปลายสายเอาไว้เขี่ยกับไฟบวก หรือที่ขั่วบวกแบ็ต ให้บิดสวิชท์กุญแจไว้ในตำแหน่ง ON      แล้วใช้ปลายสายไฟที่ว่านั้นขี่ยที่ขั่วบวกเป็นจังหวะ  (ลืมบอขั้นตอนอีก คือให้ถอดสายหัวเทียนตรงกลาวฝาครอบจานจ่ายออก  แล้วนำมาวางใกล้ๆกับกราด์ตัวถังรถหรือตัวเครื่องยนต์ ให้ห่างสักครึ่งเซ็นต์)  จะเห็นประกายไฟอ๊าร์คเป็นจังหวะที่เราเอาสายไฟท่บอกเขี่ยกับขั่วบวกของแบ็ต  เพื่อสร้างพัลส์เทียมให้อินพุทของวงจรช่วยจุดระเบิดทำงาน   ก็เป็นการเทสตรวจสอบวงจรช่วยจุดระเบิดสร้างไฟสูง
หากขั้นตอนที่ผมกล่าวนี้มีไฟปกติ   แสดงว่ามีปัญหากับสัญญาณ IGT ที่ ECU สร้าง  ไม่มีสัญญาณออกมา  ให้น้ำกล่อง ECU  ไปตรวจเช็ค   

ปกติแล้วเวลาผมตรวจสอบสัญญาณต่างๆ  ผมจะใช้ เครื่อง Digital storage oscilloscope ทำการตรวจเช็ค ทำให้สะดวก ว่ามีปัญหาเกิดความบกพร่องที่ส่วนไหน  มันเห็นรูปร่างของสัญญาณ ที่เกิดขึ้น หายที่ส่วนไหนก็รู้  ง่ายต่อการตรวจสอบ รวดเร็วและใช้เวลาน้อย ในการตรวจซ่อม.....srithanon


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tea_auto1981 ที่ 24 มิถุนายน 2012, 12:06:22
สุดยอดความรู้ครับ :-*


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: AB-15 ที่ 27 มิถุนายน 2012, 16:57:00
 :-*ขอแชร์ประสบการณ์ครับ ผิดถูกยังไงต้องขออภัย ผมเคยเป็นครับ ขับมาดีๆแล้วดับ สตาร์ทยังก็ไม่ติด ไฟมี น้ำมันมา แต่...ไม่ติด ไล่หาอยู่สามวัน หมดช่างไปสามอู๋
ปรากฎว่า เดือยล็อคเพลาลูกเบี้ยวหัก (อาจจะใส่ไม่สนิท) พอเครื่องยนต์หมุนมันก็ไม่ตรงจังหวะซะที เหมือนจะติดแต่ไม่ติด ลองถอดท่อกรองอากาศดูครับ แทนที่ท่อไอดีมันจะดูดเข้า มันกลับเป่าออกมาครับ อาจจะใช่หรือไม่ใช่ลองดูครับผม :)


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 28 มิถุนายน 2012, 12:07:25
เพิ่งเจอมากับตัว สดๆร้อนๆ เมื่อคืนนี้เลยครับ ตอนนี้ฝากรถไว้ที่ไปรษณีย์ห้วยขวาง
เช็คแล้วน่าจะคอยล์จุดระเบิด ดึงสายหัวเทียนออกมา เอาไขควงต่อใส้ข้างในให้ยาวออกมา
วางบนฝาครอบวาล์ว ลองสตาร์ทดู ไม่มีไฟสปาร์ค เลยสรุปว่าเป็นคอยล์ แต่เมื่อคืนหาของไม่ได้ เลยต้องฝากรถไว้

ตอนนี้ได้ของมาแล้ว เดี๋ยวบ่ายๆจะเข้าไปจัดการครับ
ลองค้นๆใน youtube ดู มีวิธีการเปลี่ยนด้วย เลยเอามาฝากกันครับ

http://www.youtube.com/watch?v=37WRlJz84iA


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 29 มิถุนายน 2012, 09:40:16
ขับรถกลับบ้านเรียบร้อยแล้วครับ เปลี่ยนคอยล์ สตาร์ทได้เลย


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junkhung ที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:12:52
ครับ ผมลองทำตามคำแนะนำของพี่ๆเพื่อนๆดูครับ มันไม่มีไฟออกมาจากคอยล์เลยครับ ตอนแรกจะลากเข้าอู่แล้วครับ แต่เมื่อวานไปแถวบางนาเลยแวบไปหิ้วจานจ่ายB20มาลูกนึง (คนขายถามสตาร์ทไม่ติดเหรอ เปลี่ยนใส้ข้างในก็ใช้ได้แล้ว) เอามาลองทำดู(เล่นไปครึ่งวัน) ถอดออกมา ของเดิมข้างในมีฝุ่นค่อนข้างเยอะเลยครับ (ลงรูปไม่ได้ขนาดไฟล์เกิน) พอเปลี่ยนคอยล์กับตัวที่มียี่ห้อNECก็ประกอบกับเข้าไป ลองสตาร์ทดู ติดครับ ดีใจมาก แต่พอลองเอาไปวิ่งดู ความรู้สึกกลับไม่เหมือนเดิมครับ รู้สึกเหยียบคันเร่งแล้วหนักๆครับ และรถอืดมากเลย  ใครเคยเจออาการต่อเนื่องแบบนี้บ้างครับ อุตส่าลงมือทำเองแล้วอยากทำให้ได้ครับ หรือต้องไปจบที่อู่เหมือนเดิม :'(


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bbth00 ที่ 30 มิถุนายน 2012, 22:27:18
ครับ ผมลองทำตามคำแนะนำของพี่ๆเพื่อนๆดูครับ มันไม่มีไฟออกมาจากคอยล์เลยครับ ตอนแรกจะลากเข้าอู่แล้วครับ แต่เมื่อวานไปแถวบางนาเลยแวบไปหิ้วจานจ่ายB20มาลูกนึง (คนขายถามสตาร์ทไม่ติดเหรอ เปลี่ยนใส้ข้างในก็ใช้ได้แล้ว) เอามาลองทำดู(เล่นไปครึ่งวัน) ถอดออกมา ของเดิมข้างในมีฝุ่นค่อนข้างเยอะเลยครับ (ลงรูปไม่ได้ขนาดไฟล์เกิน) พอเปลี่ยนคอยล์กับตัวที่มียี่ห้อNECก็ประกอบกับเข้าไป ลองสตาร์ทดู ติดครับ ดีใจมาก แต่พอลองเอาไปวิ่งดู ความรู้สึกกลับไม่เหมือนเดิมครับ รู้สึกเหยียบคันเร่งแล้วหนักๆครับ และรถอืดมากเลย  ใครเคยเจออาการต่อเนื่องแบบนี้บ้างครับ อุตส่าลงมือทำเองแล้วอยากทำให้ได้ครับ หรือต้องไปจบที่อู่เหมือนเดิม :'(
ตอนเปลี่ยนได้ดู ระยะจานจ่ายด้วยหรือเปล่าครับ ไฟแก่ไป หรือไฟอ่อนไปหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junkhung ที่ 30 มิถุนายน 2012, 23:38:40
คือผมถอดเปลี่ยนคอยล์แล้วประกอบคืนตามเดิม เรื่องตั้งไฟต้องดูและทำตรงไหนครับ ช่วยแนะนำทีครับ อยากให้วิ่งได้เป็นปกติโดยเร็วครับ :(


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: dirtyshoes ที่ 01 กรกฎาคม 2012, 22:34:55
คือผมถอดเปลี่ยนคอยล์แล้วประกอบคืนตามเดิม เรื่องตั้งไฟต้องดูและทำตรงไหนครับ ช่วยแนะนำทีครับ อยากให้วิ่งได้เป็นปกติโดยเร็วครับ :(

เข้าอู่ดีกว่าครับ ต้องใช้ timing light ทำเองไม่ได้ เครื่องมือไม่พร้อม


หัวข้อ: Re: ขับอยู่ดีๆเครื่องดับ แล้วสตาร์ทไม่ติดครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junkhung ที่ 06 กรกฎาคม 2012, 13:08:55
เรียบร้อยแล้วครับ เมื่อวานช่างซ่อมโฟล์คลิฟท์เข้าไฟทำโฟล์คลิฟท์ให้ที่โกดัง ผมเลยถามเขาว่าตั้งไฟให้ได้ไหมครับ เขาบอกได้ เลยให้ช่างลองขับดู แล้วเขาปรับตัวจานจ่ายคืนไปทางหลังเครื่องครับ ให้อยู่กลางก่อน แล้วลองวิ่งดูแล้วมาปรับใหม่อีกรอบครับ ผมลองไปขับดูรู้สึกผิดกันกับที่ผมทำเลย แต่ก็ไม่เห็นเขาใช้ตัว ทิมมิ่งไลท์มาวัดเลยครับ แต่ก็วิ่งได้ปกติแล้วครับตอนนี้ เสียค่าน้ำไปเล็กน้อยครับ ช่าง(โฟล์คลิฟท์)บอกว่า ตอนถอดเราไม่ได้มาร์คตำแหน่งไว้หรือเปล่า แค่นี้ก็ทันทีแล้วครับ เพราะผมไม่ได้มาร์คไว้จริงๆครับ เลยเสียเวลาไปนานเลย ขอบคุณทุกความเห็นครับ เป็นประโยชน์มาก และต่อไปผมจะหาคอยล์สำรองติดไว้ซักลูกนึง กันหนาวครับ :)