:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: jojo-civic 96 ที่ 12 พฤศจิกายน 2007, 02:29:54



หัวข้อ: นศ.โวย เวิร์คพอยท์หน้าด้าน ! เบี้ยวเงินรางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: jojo-civic 96 ที่ 12 พฤศจิกายน 2007, 02:29:54
(http://pics.manager.co.th/Images/550000014819901.JPEG)


ฉาวอีก! "เวิร์คพอยท์" เบี้ยวเงินรางวัลนักศึกษามหาวิทยาลัยดังย่านอโศก หลอกให้มาแข่งเต้นในรายการ "สงครามเท้าไฟ" บอกจะให้ 1 ล้าน แต่จ่ายจริงแค่แสนเดียว อ้างสปอนเซอร์ไม่เข้า ทีมงานแฉเองแชมป์ "ชิงช้าสวรรค์" ก็วืดเงินล้านเหมือนกัน
       
       เคยตกเป็นข่าวเรื่องเบี้ยวเงินรางวัลมาหลายครั้ง สำหรับรายการภายใต้การผลิตของบริษัท "เวิร์คพอยท์" ครั้งแรกก็เบี้ยวตั๋วบอลของ "นันทขว้าง สิรสุนทร" สุดยอดแฟนพันธ์แท้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนเจ้าตัวแค้นฝังหุ่นประกาศขอคืนตำแหน่ง แถมยังออกพ็อคเก็ตบุ๊คชื่อ ''แฟนพันธุ์แท้ทัวร์นรกแตก'' ออกมาจวกจังๆ ทำเอาช่วงนั้นเวิร์คพอยท์สะเทือนทั้งบริษัท
       
       ครั้งที่สองก็ถูกแฉว่าจ่ายของรางวัลให้ "แห้ว บิ๊กบราเธอร์2" หรือ "โสภณ ศรีสกุล" แฟนพันธุ์แท้นางงามไม่ครบ ครั้งสุดท้ายก็ถึงกับต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเมื่อบริษัทออแกไนซ์แห่งหนึ่งฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากเวิร์คพอยท์ไม่จ่ายค่าจ้างในการจัดงาน "มหกรรมแก้จน" เป็นเงินเกือบ 10 ล้าน เล่นเอากระฉ่อนทั่วเมือง
       
       มาครั้งล่าสุดก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกในรายการ "สงครามเท้าไฟ" ของเวิร์คพอยท์ หลังมีตัวแทนนักศึกษามหาลัยดังแห่งหนึ่ง ย่านอโศก เจ้าของรางวัลบิ๊กแชมป์ ออกมาโวยแหลกว่าถูก "เวิร์คพอยท์" เอาเปรียบ เบี้ยวเงินรางวัลไปหน้าตาเฉยร่วม 9 แสนบาท โดยอ้างเหตุผลแบบปัดความรับผิดชอบว่า รายการไม่มีสปอนเซอร์ สร้างความไม่พอใจให้กับทีมผู้เข้าประกวด ถึงขั้นประกาศจะไม่ดูรายการของเวิร์คพอยท์อีกเลยตลอดชีวิต แต่ที่ไม่เอาเรื่องก็เพราะเห็นแก่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
       
       อย่างไรก็ตามตัวแทนนักศึกษาผู้เสียหาย ได้ยอมเปิดเผยรายละเอียดของเรื่องราวกับทาง "ผู้จัดการออนไลน์" อย่างหมดเปลือกเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ต่อไป เพียงแต่ไม่ขอเปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด...
       
       "โครงการนี้ชื่อโครงการสงครามเท้าไฟของเวิร์คพอยท์ เป็นการจัดประกวดเต้นของระดับอุดมศึกษา เราได้ยินประกาศตามโทรทัศน์ว่ามีการประกวดเต้น แล้วเรามีความสามารถทางด้านการเต้นอยู่แล้ว เราก็อยากเข้าไปเต้น แล้วด้วยเงินรางวัลที่เขาโปรโมทมันก็สูงถึง 1 ล้านบาท อีกอย่างหนึ่งคืออยากทำชื่อเสียงให้มหา?ลัยด้วย แล้วระหว่างแข่งขันเราเข้าใจมาตลอดว่ารางวัลคือ 1 ล้านบาทเหมือนเดิม พอเริ่มกำหนดวันชิงแชมป์เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนทางทีมงานโทรมาก่อนจะถึงวันแข่งแค่อาทิตย์เดียว บอกว่าเรื่องเงินรางวัลถ้าได้บิ๊กแชมป์จะได้หนึ่งแสนบาทนะ เราก็งง"
       
       "ตอนแรกมีการเจรจาต่อรองกันนิดหน่อยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ เขาก็บอกว่าเนื่องจากรายการไม่มีสปอนเซอร์ เหมือนกับว่าเรตติ้งไม่ดีจะยุบรายการแล้ว เราก็ถามว่าไหนตอนแรกออกข่าวว่าล้านนึง ทำไมมันเหลือแสนเดียว เขาก็บอกว่าทางเราไม่เคยบอกว่าได้ล้านนึง เราก็อ้าว...แล้วที่โฆษณาไปล่ะ เขาก็บอกไม่มีในสัญญาความรู้สึกตอนนั้นเหมือนถูกหลอกมาก เหมือนเดินมาตบหน้าเลย"
       
       "ตอนนั้นโทรปรึกษาผู้ใหญ่และทางอาจารย์ ทุกคนก็บอกว่ายอมไม่ได้นะ มันสิบเท่าเลยนะ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนั้นระยะเวลาเพียง 1 อาทิตย์ เราต้องซ้อมแล้วเราก็ต้องไปแข่ง เพราะถ้าเกิดเราไม่ไปแข่งต่อ ในสัญญามันระบุว่าเราต้องโดนปรับ 1 แสน แต่ทางเราก็มีการคุยกับทนายบ้างนิดหน่อย เขาก็บอกว่าถ้าจะฟ้องร้องก็ฟ้องได้ แต่ด้วยตอนนั้นเรายังไม่รู้ว่าจะได้แชมป์รึเปล่า ก็เลยทำอะไรไม่ได้มาก"
       

(http://pics.manager.co.th/Images/550000014819902.JPEG)
ภาพบางส่วนของบรรยากาศการอัดรายการสงครามเท้าไฟ

      ทั้งทีมถึงกับหมดกำลังใจ แต่ด้วยความที่กลัวโดนปรับจึงจำใจทำตามกฎกติกา แม้จะรู้สึกแย่กับการทำงานของทีมงานเวิร์คพอยท์แค่ไหนก็ตามที บอกเป็นองค์กรใหญ่ซะเปล่าแต่กลับเอาเปรียบเด็กได้อย่างหน้าด้านๆ
       
       "แต่ความรู้สึกหลังจากนั้น มันไม่อยากไปแข่งเลย ทีมเรามี 10 คน คุยกับน้องๆ เขาก็รู้สึกไม่ดีเหมือนถูกหลอก บางคนรู้สึกแย่เขาเสียกำลังใจไปพักหนึ่ง คือถ้าพูดตรงๆ เราไม่ใช่นักศึกษาที่แบบโง่ ที่ไม่มีการศึกษาเราก็ระดับอุดมศึกษา คือไม่ใช่ว่าเราไม่รู้ว่าถูกหลอก เพราะก็มีการคุยกับพี่ๆ ที่เคยทำงานเกี่ยวกับรายการประเภทโชว์ว่าเขาก็คงเตรียมการมาไว้แล้วตั้งแต่แรกว่าคงจะไม่ได้ให้ 1 ล้าน"
       
       "เหมือนกับว่าเขาเอาแต่ได้ เอาแต่คนที่มาถ่ายรายการเขา เขาไม่ได้สนใจว่านักศึกษาที่ลงทุนหรือว่าเราตั้งใจทำอะไรกันมาแค่ไหน คิดดูว่าเขาขอให้พวกเราเข้าไปสร้างบรรยากาศในรายการเอง ไปเองกลับกันเอง ด้วยความที่เราเป็นนักศึกษาเราก็ยินดีช่วย เพราะเราถือว่าเขาเป็นองค์กรและเราก็ถือว่าเราไปสร้างชื่อเสียง เราได้ออกสื่อ โอเคยินดีช่วย แต่ตอนสัปดาห์สุดท้ายเราไม่คิดว่าจะกล้าทำขนาดนี้มันปุ๊บปั๊บมาก จนเรางง"


"ยอมรับว่าตอนแรกเราคาดหวังกับมันมาก ด้วยความที่ว่าเป็นบริษัทใหญ่และด้วยความที่เป็นเวิร์คพอยท์และเขาก็ทำรายการมาเยอะไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ อยู่ดีๆ มาบอกไม่มีสปอนเซอร์ อ้าว...แล้วยังไง นี่รายการก็เพิ่งปิดไปเมื่อเดือนที่แล้วนะ เราไม่ได้เข็ดกับการประกวด แต่เราแค่หมดศรัทธากับองค์กรของเขากับบริษัทนี้มากกว่า เราไม่ได้หมดศรัทธากับเรื่องงาน เราถือว่าทำงานเต็มที่แล้วก็จริงใจกับงานที่ทำ แต่เราเจอกับสังคมที่เอาเปรียบ คิดว่าเราเป็นนักศึกษาเป็นแค่นักเรียนธรรมดา แล้วไม่ให้เกียรติกัน"


(http://pics.manager.co.th/Images/550000014819904.JPEG)

       
       "ช่วงแรกๆ ที่เขาประกาศออกมาว่าได้ 1 ล้าน พอ 2 วีคสุดท้ายที่จะเข้ารอบชิงแชมป์ เขาก็เปลี่ยนเลย ให้พิธีกร(โหน่ง ชะชะช่า และ นุ้ย สุจิรา) พูดว่าเป็น 1 แสนเลย หน้าด้านๆ ด้วยความที่เขาเป็นสื่อ เขาสามารถตัดต่อหรืออะไรก็ได้ พอเราเริ่มรู้ว่าเราได้ล้านนึง เราก็คิดๆ กันอยู่ว่าเราจะทำอะไรยังไง ในที่สุดสรุปแล้วก็คือเราก็ต้องทำตามความจริงใจของเรา ก็คือไปแข่งให้ครบถ้วนแค่นั้นเอง"
       
       "เชื่อมั้ยพี่ทุกคนฝันไว้เลยว่าถ้าได้จะให้แม่ จะเอาเงินนี้ไปปลูกบ้าน เราก็คุยๆ กันในทีมแบ่งกันแล้วมันตกคนละ 8 หมื่น 9 หมื่น ส่วนใหญ่จะให้ครอบครัว แล้วจะมีบางคนที่จะเอาไปเรียนเต้นเพิ่มเติม แล้วเราอยากเอาเงินไปซื้อของให้ภาคฯด้วย อย่างเครื่องเสียงที่พวกเราใช้เรียนกัน แล้วก็เลี้ยงขอบคุณน้องๆ ที่ไปเชียร์ ดึกดื่นเที่ยงคืนยังนั่งเชียร์แล้วก็กลับกันเอง แต่สุดท้ายมันก็อกหักหมดเลย มันแค้นนะ ตอนนี้แล้ว ถ้าเปิดทีวีมาเจอบริษัทนี้ก็ไม่ดูแล้ว แม้แต่รายการเดียวจริงๆ"
       
       ทีมงานแฉเองว่ารายการ "ชิงช้าสวรรค์" ที่ออกอากาศทางช่อง 9 ก็เบี้ยวเงินเด็กเหมือนกัน พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าการเปลี่ยนแปลงเงินรางวัลอาจจะมีการเตรียมการมาตั้งแต่ต้น ก่อนจะเหน็บเวิร์คพอยท์ว่าควรจริงใจกับประชาชนด้วย ไม่ใช่หากินกับเด็กแบบนี้
       

(http://pics.manager.co.th/Images/550000014819905.JPEG)


       "แล้วทีมงานที่โทรมายังมาบอกเราอีกว่า รายการชิงช้าสวรรค์ อันนั้นเป็นเด็กมัธยมคือเล็กกว่านี้อีก แชมป์จะได้ล้านนึง แต่พอถึงเวลาก็ให้แค่แสนเดียวเหมือนกัน แต่พาไปเที่ยวแทน แล้วเขายังพูดว่าเนี่ย...ชิงช้าสวรรค์ก็ได้แสนเดียวนะน้อง ลองคิดดูว่าขนาดชิงช้าสวรรค์ทีมงาน 20 กว่าคน เขายังได้แค่แสนเดียวเอง แล้วเราแค่ 10 คนเอง ทำไมรับไม่ได้"
       
       "อยากบอกตรงๆ ว่าจริงๆ บริษัทมันคงมีการวางแผน หรือการคิดแผนการตลาดของเขาที่เราไม่รู้ แต่บางทีไม่อยากให้บริษัทใหญ่ๆ คิดว่าเราเป็นแค่นักศึกษาตัวเล็กๆ หรือว่าแค่ประชาชนธรรมดาที่เข้าไปในรายการเขา แล้วเขาจะทำอะไรก็ได้ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง รู้สึกว่าเป็นการวางแผน มันลงล็อคไปหมดทุกอย่าง โป๊ะๆๆ หรือถ้าเรียกง่ายๆ คือเตี๊ยมไว้หมดไง เหมือนคิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นระยะเวลาเท่านี้ที่อยู่ในกรอบเขานะ ซึ่งเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้วไง"
       
      "ก็อยากจะฝากไปถึงบริษัทนี้ว่า อย่าหากินกับนักศึกษาหรือว่านักเรียนที่เขาตั้งใจทำงาน หรือตั้งใจทำผลงานดีๆ ออกมาเลย ยังไงเขาก็เป็นอนาคตของชาติ ถ้าเกิดคุณต้องการสนับสนุนอนาคตของชาติก็น่าจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ไม่ใช่หน้าอีกอย่างหลังอีก หรือใช้เขาเป็นแค่เครื่องมือในการทำมาหากินของคุณแค่นั้นเอง"
       
       
       การแข่งขันในครั้งนี้ได้ทำการบันทึกเทปไปเมื่อวันที่ 22 ก.ย.และออกอากาศวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ทางช่อง 5 ส่วนเงินรางวัล 1 แสนบาท ทางเวิร์คพอยท์กำหนดให้ทางทีมชนะเลิศเข้าไปรับ 7 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ ในส่วนของความคืบหน้าทาง ?ผู้จัดการออนไลน์? จะติดตามมานำเสนอต่อไป?




ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์


หัวข้อ: Re: นศ.โวย เวิร์คพอยท์หน้าด้าน ! เบี้ยวเงินรางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: neat_boy? ที่ 12 พฤศจิกายน 2007, 11:57:30
แย่มั่กๆ ...




หัวข้อ: Re: นศ.โวย เวิร์คพอยท์หน้าด้าน ! เบี้ยวเงินรางวัล
เริ่มหัวข้อโดย: daido_s ที่ 12 พฤศจิกายน 2007, 12:06:32
 :'( :'( :'( แย่จริงๆ