หัวข้อ: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ccone ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 14:48:57 แนะนำวิธีการเลือก ES ด้วยครับ ว่าต้องดูจุดไหน ระวังจุดไหนเป็นพิเศษครับ
กลัวซื้อมาแล้วเจอปัญหาจุกจิกครับ ขอบคุณมากครับ :) หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: cyu ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 15:32:05 แนะนำวิธีการเลือก ES ด้วยครับ ว่าต้องดูจุดไหน ระวังจุดไหนเป็นพิเศษครับ กลัวซื้อมาแล้วเจอปัญหาจุกจิกครับ ขอบคุณมากครับ :) บอกยากนะคับ การดูรถเนี่ย มันต้องคนละเอียด มีประสบการ ฟังเสียงเครื่องรุ้ เรื่องแบบนี้ ต้องหาคนไปด้วย ชัวสุดคับ ถามนิดนึงคับ เปนคนขับรถอย่างเดียวหรือป่าว พอมีความรุ้เรื่องรถบ้างไหม เวลาขับรถดูแลหรือป่าว ถ้าไมไปเล่นโตโยดีกว่าคับ ฮอนด้า จะต้องเอาใจใส่คับ ถึงจะดี หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 15:37:31 แนะนำวิธีการเลือก ES ด้วยครับ ว่าต้องดูจุดไหน ระวังจุดไหนเป็นพิเศษครับ เน้นดูเครื่องกับตัวถัง ส่วนช่วงล่างซ่อมไม่ยาก :D :Dกลัวซื้อมาแล้วเจอปัญหาจุกจิกครับ ขอบคุณมากครับ :) หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: Notesamit ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 15:45:45 ลองขับเลยครับ :-*
หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ccone ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 17:39:01 ขอบคุณมาก ๆ ครับ
แต่มีจุดไหนที่ต้องดูเป็นพิเศษไหม เช่น เกียร์ แอร์ ช่วงล่าง ว่าถ้ามีอาการแบบนี้ เสียงแบบนี้ ให้ผ่าน อะไรประมาณนี้ครับ หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 17 พฤษภาคม 2012, 20:24:46 ขอบคุณมาก ๆ ครับ เข้าเกียร์แล้วปล่อยเบรคไม่ต้องเหยียบคันเร่ง รถจะค่อยๆไหล แปลว่าเกียร์ยังดีอยู่แต่มีจุดไหนที่ต้องดูเป็นพิเศษไหม เช่น เกียร์ แอร์ ช่วงล่าง ว่าถ้ามีอาการแบบนี้ เสียงแบบนี้ ให้ผ่าน อะไรประมาณนี้ครับ เวลาวิ่งเกียร์เปลี่ยนแบบไม่กระตุกมาก ค่าเกียร์ ES ฮอลล์กันที่ สองหมื่นบวกลบ ส่วนพวกตัวถังดูสีเดิม ตะเข็บเดิม ไม่ชนหนักก็พอ เครื่องแน่น แค่นี้ก็ผ่านแล้ว ส่วนเสียงช่วงล่างทั้งหลาย ถ้ามีก็แค่จิ๊บๆ เอาข้างบนให้ดี ข้างล่างซ่อมได้ :D :D หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: joepao ที่ 18 พฤษภาคม 2012, 14:22:59 ถ้าจะให้ดีหาผู้รู้ไปด้วยเลยครับ..... :D :D :D :D :D
หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: Toajeed ที่ 18 พฤษภาคม 2012, 23:34:36 ที่ทุกท่านกล่าวมาตามนั้นครับ ผมขอเสริมอีกนิดหนึ่ง ให้เช็ครุ่นราคาให้ดีครับ ว่ารถออกปีนั้น ราคาเท่าไร มีอะไรบ้าง ที่มากับรถ ที่เป็นมาตรฐานประจำรุ่น จะได้ไม่ผิดรุ่นผิดราคา ยกตัวอย่าง เจ้าของเก่าซื้อรุ่นถูกแล้วมา อัพเกรดให้เป็นรุ่นสูง แล้วขายในราคารู่นสูง รายละเอียด ระหว่างรุ่น แตกต่าง ในรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากๆ ให้ระวังตรงนี้ด้วย
:o :o :o หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 07:19:53 ที่ทุกท่านกล่าวมาตามนั้นครับ ผมขอเสริมอีกนิดหนึ่ง ให้เช็ครุ่นราคาให้ดีครับ ว่ารถออกปีนั้น ราคาเท่าไร มีอะไรบ้าง ที่มากับรถ ที่เป็นมาตรฐานประจำรุ่น จะได้ไม่ผิดรุ่นผิดราคา ยกตัวอย่าง เจ้าของเก่าซื้อรุ่นถูกแล้วมา อัพเกรดให้เป็นรุ่นสูง แล้วขายในราคารู่นสูง รายละเอียด ระหว่างรุ่น แตกต่าง ในรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมากๆ ให้ระวังตรงนี้ด้วย แบบเนี้ยเหรอ เครดิตคุณพี่ ES21_fatboy:o :o :o เวบไซต์ที่เทียบกันแบบละเอียดๆ ระหว่าง 1.7 vti กับ 2.0 i-vtec ยังไม่เคยเห็นนะครับ แต่ถ้าคร่าวก็ประมาณนี้นะครับ ลองดูไปพลางๆแก้ขัดไปก่อนละกันนะครับ เริ่มจากเรื่องหลักคือเรื่องของเครื่องยนต์ก่อนละกันนะครับ เครื่องยนต์ ของ 2.0 = K20A3 ของ 1.7 = D17A2 ระบบวาล์ว ของ 2.0 = DOHC 16v ของ 1.7 = SOHC 16v ความจุ ของ 2.0 = 1,998 cc ของ 1.7 = 1,668 cc ขนาดกระบอกสูบXช่วงชัก ของ 2.0 = 86 x 86 มม. ของ 1.7 = 75 x 94.4 มม. อัตราส่วนกำลังอัด : 1 ของ 2.0 = 9.8 ของ 1.7 = 9.9 แรงม้า(PS) ของ 2.0 = 155@6,500 รตน. ของ 1.7 = 130 ps@6,300 รตน. แรงบิด(กก.-ม.) ของ 2.0 = 19.5@4,000 รตน. ของ 1.7 = 15.8@4,800 รตน. Vtec ทำงานที่รอบเครื่องฯ ของ 2.0 = #1@2,500,#2@5,500 ของ 1.7 = 2,800 รอบเครื่องยนต์สูงสุด(ตัดการทำงาน) ของ 2.0 = 6,900 รตน. ของ 1.7 = 6,900 รตน. ต่อมาเป็นเรื่องฟิลลิ่งเวลาสัมผัสถนน เวลาขับจะมีความรู้สึกแตกต่างกันเล็กน้อย ระหว่าง 1.7 และ 2.0เนื่องจาก มีความต่างบางประการ เช่น พวงมาลัยพาวเวอร์ ถ้าของ 1.7 เป็นเพาเวอร์ไฮดรอลิก แต่ของ 2.0 นั้น จะเป็นเพาเวอร์ไฟฟ้า ส่วนค่า K สปริง ของ 2.0 จะแข็งกว่า 1.7 เนื่องจากน้ำหนักตัวมากกว่าเล็กน้อย แต่ว่าโช้คอัพเป็นตัวเดียวกัน สำหรับยางจะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย ตัว 1.7 VTI ใช้ยาง 185/65-15 แต่ 2.0 จะใช้ยาง 195/60-15 ล้อ Mag จะเป็นคนละลายกัน โดยตัว 1.7 จะเป็นลายห้ากานแบนๆคล้ายปลาดาว ส่วน 2.0 เป็น 5 ก้านคู่ สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาที่ตัว 2.0 มี แต่ตัว 1.7 ไม่มี คือ เหล็กค้ำตัวถังในห้องเครื่อง แต่ไม่ใช่ ค้ำโช้คนะครับ จะค้ำอยู่ระหว่างตัวถังซ้ายขวา แถวๆช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์กับ ผนังห้องโดยสาร ซึ่งตัว 1.7 แม้จะไม่มีติดมาให้ ก็สามารถเบิก part ของ 2.0 ไปใส่ได้ ครับ จากที่ว่ามาทั้งหมด เวลาขับเทียบกัน แบบรถเดิมๆทั้งคู่ จะทำให้รู้สึกว่า 2.0 มั่นคงกว่า ตัว 1.7 อยู่เล็กน้อย สิ่งที่ต่างกันอื่นๆที่เห็นได้ชัดก็จะมีเรื่อง แผงหน้าปัทม์ คอนโซลกลาง และคิ้วประตูด้านใน ตัว 2.0 เป็น ลายเคฟลาร์ ต่างจากตัว 1.7 นอกจากนี้ภายในเป็นสีดำ เบาะหนังรู เป็น หนังแท้ ผสมหนังเทียม มีประดับโครเมี่ยมตามแผงเกียร์คันเกียร์ ฯลฯ นอกจากนี้สีตัวถังของ 2.0 2004 จะมี 5 สี คือ น้ำเงิน วิวิดบลู, แดง มิลาโน, ดำ ไนท์ฮอว์ค,เทาอะไรสักอย่างเนี่ยแหละเรียกมะถูก และทอง เหมือนแอคคอร์ดซึ่งต่างจากสีทองของ 1.7 ส่วนสีของ 1.7 จะให้เลือกอีก 5 สี คือ สีขาว ทาฟเฟตต้า, สีเงิน ซิลเวอร์ , สีเทา ควันบุหรี่ , สีดำ ไนท์ฮอว์ค , และ สีทอง ครับ ส่วนระบบแอร์ทั้ง 1.7 Vti และ 2.0 ต่างก็มีแอร์อัตโนมัติมาให้ทั้งคู่ กระจกมองข้างต่างก็ปรับและ พับด้วยไฟฟ้าได้ด้วยกันทั้งคู่ มีกระจกไฟฟ้ามาให้ครบทั้ง 4 บานทั้ง 2 รุ่น และเป็น Auto เฉพาะ บานคนขับเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดีตัวกระจกมองข้างนั้นของ 2.0 เดิมๆจากโรงงาน จะพิเศษกว่า ตรงที่เป็นกระจกแบบที่ลดการหยดตัวของหยดน้ำ นอกจากนี้โคมไฟ้าหน้าของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่า ตรงที่เป็น Smoke chrome เพิ่มความดุดันมาจากโรงงาน และไฟท้ายของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่าตรงที่ เป็นสีแดงเข้ม นอกจากนี้หน้าปัทม์เป็นแบบเรืองแสงทั้งคู่ และของวงของ 2.0 จะเป็นสีแดง แต่ว่า ของ1.7 จะเป็นสีฟ้า และก็เรื่องวัสดุซับเสียงส่วนตัวผมว่าของ 2.0 มันเยอะกว่าของ 1.7 อยู่นิดนึงนะ เกียร์ AT ของ 2.0 มี 5 จังหวะเดินหน้า แต่ของ 1.7 เป็น 4 จังหวะเดินหน้า แต่อย่างไรก็ดี ใช้ตัว 2.0 แล้วก็จะหงุดหงิดเล็กน้อยถ้าชอบเปลี่ยนเกียร์เอง เพราะไม่สามารถ Lock เกียร์ ไว้ที่เกียร์ 4 ได้ เนื่องจากพอเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ไว้ที่ D ก็จะเป็น ออโต้ 5 จังหวะตามปกติ แต่พอดึงลงมา 1 จังหวะ กลับกลายเป็น D3 ซะงั้น แต่อย่างไรก็ดี ใช้แค่เกียร์ D แล้ว สั่งงาน ด้วยคันเร่งเอา ก็ตอบสนองความต้องการเร่งได้ดีครับ การเปลี่ยนเกียร์ลงมาทำได้เหมาะสม ฉับไว ตรงความต้องการ นอกจากนี้ เกียร์ 5 ทดไว้ต่ำมาก จนทำให้ความเร็วสูงสุดจะทำได้ ในเกียร์ 4 เท่านั้น โดยให้กดคันเร่งจมพื้นไว้ตลอด เพื่อไม่ให้เกียร์เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 5 จะ ได้ความเร็วสูงสุด ที่ 212 กม./ชม. ที่ 6,100 รอบต่อนาที แต่พอผ่อนคันเร่งลงมา เกียร์จะ เปลี่ยนเป็นเกียร์ 5 ให้ แล้วความเร็วจะตกลง ตีนปลายในเกียร์ 5 ทำได้แค่ 200 กม./ชม. (เฉพาะใส่ยางเดิมๆ) อัตราทดเกียร์ เทียบกัน เกียร์ 1 ของ 2.0 = 2.684 ของ 1.7 = 2.722 เีกียร์ 2 ของ 2.0 = 1.500 ของ 1.7 = 1.468 เีกียร์ 3 ของ 2.0 = 1.030 ของ 1.7 = 0.975 เีกียร์ 4 ของ 2.0 = 0.772 ของ 1.7 = 0.673 เีกียร์ 5 ของ 2.0 = 0.571 ของ 1.7 ไม่มี เกียร์ถอยหลัง ของ 2.0 = 2.000 ของ 1.7 = 1.954 เฟืองท้าย ของ 2.0 = 4.562 ของ 1.7 = 4.066 อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากการทดสอบ ตัว 2.0 A/T ทำได้ 10.6 วินาที ตัว 1.7 A/T ทำได้ 11.8 วินาที สำหรับเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันโดยประมาณ เป็นอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย-ใน กทม. ตัว 2.0 A/T ทำได้ 8-9 กม./ลิตร ตัว 1.7 A/T ทำได้ 10-11 กม./ลิตร เรื่องการบำรุงรักษา ก็ตัว 2.0 จะไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ เพราะเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า เมื่อครบแสนโล ก็ไม่ต้องเปลี่ยนสายพานราวลิ้น หรือ สายพานไทมมิ่งเพราะใช้ โซ่ เป็นตัวขับแทน อะไหล่ อื่นๆ ก็ใช้ร่วมกับ 1.7 ได้ เกียร์ก็ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 และ ไม่เปลี่ยนจังหวะเกียร์เอง ก็ใช้งานกันได้นานจนลืมเลยครับ ตรงนี้ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า ตัว 1.7 บ้างเหมือนกัน ส่วนที่ยังเหมือน 1.7 คือ เรื่องแอร์ ครับ ก็คล้ายๆกับ 1.7 ต้องใส่ใจ ดูแลรักษาหาร้านดีๆทำก็จะลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ พวกคลัทช์ คอมฯแอร์ เสื่อม สาย Hi Pressure ที่อยู่ด้านหลังหม้อน้ำมักจะรั่ว เพราะรับลมร้อนจากหม้อน้ำตลอด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 07:38:11 แนะนำวิธีการเลือก ES ด้วยครับ ว่าต้องดูจุดไหน ระวังจุดไหนเป็นพิเศษครับ เครดิตคุณพี่ ~ สเตฟาน ~ แห่ง ESGROUP กลัวซื้อมาแล้วเจอปัญหาจุกจิกครับ ขอบคุณมากครับ :) รถES มีแยกรหัสเครื่องออกเป็นคร่าวๆดังนี้ 1.D17a ตัวนี้มี VTEC ปี01-05 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี01-02 จะอยู่ราวๆ 380,000-420,000 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี03 จะอยู่ราวๆ 390,000-460,000 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี04-05 (ตาเหยี่ยว) จะอยู่ราวๆ 450,000 up 2.D17Z ตัวนี้ไม่มีVTEC หรือ เรียก EXI ครับ ปี01-05 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี01-02 จะอยู่ราวๆ 350,000-390,000 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี03 จะอยู่ราวๆ 360,000-420,000 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี04-05 (ตาเหยี่ยว) จะอยู่ราวๆ 420,000 up 3.K20A(ฝาดำ) มีในโฉม ปี03-05 - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี03 จะอยู่ราวๆ 420,000 up - ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี04-05 (ตาเหยี่ยว) จะอยู่ราวๆ 480,000 up up ป.ล. สำหรับตัว RX ตามสเปคโรงงานมีแต่เครื่อง1.7นะครับไม่มีเครื่อง2.0 , ตัว2.0 ก็คือตัว2.0หรือเรียกตามรหัสก็ ET ดูสภาพสีในที่มีแสงแดด เพื่อจะได้เห็นสภาพสีทั้งคัน คานหน้า ทุกคัน ควรจะมีสติ๊กเกอร์ต่างๆครบตามรูป (ในกรอบสี่เหลี่ยมสี่แดง) ตัวอย่างตามที่แนะนำมานั้น อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นใจในระดับนึงว่า ยังไม่ได้ทำสีมา หรือถ้าทำสีมาก็ยังทำให้ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามสเปคโรงงาน ควรเปิดฝากระโปรงหน้า เพื่อดูสีตามคานหน้า แก้มข้าง รอยสีต่างๆ จุดอาร์คต่างๆ หัวน๊อตต่างๆ จะพอทำให้รู้บ้างว่า มีการทำสีตรงส่วนไหนมาบ้างแล้ว ฝากระโปรงหลังก็เช่นกัน เปิดออกดู แล้วรื้อแผ่นรองด้านในออก เพื่อดูสีท้ายรถในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ ตรงจุดนี้จะสังเกตุได้ง่ายถ้ามีการชนหนักมา รอยสีที่ทำใหม่ ถ้าไม่เนียนจริงๆ สีจะย่นๆ ไม่เรียบเนียน ดูหนา ไม่บางๆเหมือนออกจากโรงงาน การดูรอยชนต่างๆ ดูให้รอบเลยครับ ทั้งภายในและภายนอก อย่าไปอายหรือเกรงใจเจ้าของรถหรือเต๊นท์รถ ฝากระโปรงหน้าปิดสนิทเท่ากันมั๊ย , ไฟหน้ากับกันชนหน้ากับฝากระโปรงหน้า แนบสนิทกันดีมั๊ย ไม่ห่างเกินไป ไม่เกยกันเกินไป , ประตูทั้ง4บาน ปิดได้ปกติไม่ฝืดหรือรู้สึกเหมือนเกยกับตัวถัง และประตูจะต้องไม่ตก , ด้านท้าย ไฟท้ายอยู่ในตำแหน่งพอดีมั๊ย ไม่เอียง ไม่เกย , ฝากระโปรงท้ายปิดได้ง่าย แนวขนานกับกันชนหลังไม่ห่างเกินไป ไม่ชิดเกินไป การดูภายใน คงดูไม่ยากสักเท่าไหร่ แต่ก็คงไม่ง่ายมากนัก เลือกดูตามชอบว่า สภาพคันที่คุณสนใจอยู่ ภายในยังสดอยู่หรือเปล่า แผงคอนโซลต่างๆยังอยู่ในสภาพดี ไม่กรอบ ไม่แตก ไม่หัก สกปรกนิดหน่อย..พอทำความสะอาดได้ไม่ยาก ภายในของ ES จะมีสีดำ คือรุ่น RS(ปี01-02)ตัวนอก , RX(ปี04-05)เป็นผ้า , 2.0 (ปี03 ปี04-05)เป็นหนัง และมีเทา-ดำ ในปี01-02(อันนี้ไม่แน่ใจว่ารุ่นไหน) ส่วนรุ่นอื่นๆจะเป็นสีเบท(ครีม-น้ำตาล) เพิ่มเติมสำหรับตัว2.0 ไฟหน้ากับไฟท้าย สีโคมจะไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ โคมไฟหน้าจะเป็นสีSmoke ไฟท้ายภายในโคมจะออกดำๆ ตามรูปตัวอย่าง การทดลองขับ อันนี้ก็สำคัญ ขาดไม่ได้ เราจะรู้ว่าเครื่องยนต์ ตัวถังรถ ช่วงล่าง ระบบไฟ ระบบทำความเย็น ของรถคันนี้เป็นอย่างไร พาคนที่มีประสบการณ์ในรถรุ่นนี้ไปด้วยจะยิ่งดี เพราะอย่างน้อย คนคนนั้นจะรู้ว่านิสัยของรถรุ่นนี้ว่าเป็นเช่นไร ถ้าจะให้ดี ควรมีอีกคันขับตามดู เพราะถ้ารถชนหนักๆมา ทรงรถจะเอียง เหมือนพวกรถเมล์รถบรรทุก คือจะประมาณว่า วิ่งตรงจริง แต่ทรงรถเอียงอยู่ตลอดเวลา คนขับตามจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาซื้อรถ ควรจะใจเย็นๆ ค่อยๆเลือกรถ จ้างช่างดูรถมือสองไปดูรถที่เราสนใจ แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ หรือจะชักชวนหรือเชิญชวนเพื่อนสมาชิกในคลับเราให้ไปช่วยดู ผมว่าน่าจะมีคนให้ความช่วยเหลืออยู่มากเชียว เพราะเพื่อนสมาชิกในคลับเราทุกคนใจดีมีน้ำใจกันทั้งนั้นครับ หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ทอม_อีเค ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 08:21:27 เจ้าของกระทู้เค้าหมายถึงวิธีการเลือกซื้อรถมือิ2 รึป่าว เค้าไม่ได้อยากรู้ว่ามีกี่รุ่น ::)
10 วิธีง่ายๆ ดูรถมือสองก่อนจะซื้อ 1. ส่วนภายในด้านหน้าและระบบไฟฟ้า เมื่อเราได้ลองนั่งที่นั่งคนขับ ทุกส่วนที่อยู่ในแผง Console เราต้องตรวจสอบว่าทุกอย่างสามารถทำงานได้ดีหรือไม่ 2. ส่วนภายในด้านหลังและระบบการทำงาน ส่วนใหญ่บริเวณนี้ก็คงต้องตรวจสอบสภาพเบาะภายใน อุปกรณ์ที่มีอยู่ด้านหลัง 3. ตรวจสอบตัวถังรถ สำหรับบางท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะยากสักหน่อย แต่เคล็ดลับง่าย ๆ หาเพื่อนที่ใช้รถ รุ่นที่เราหมายตาไว้ ให้ช่วยดูให้ ด้วยความคุ้นเคยเพื่อนจะสามารถบอกเราได้ถึงร่องรอยที่ผิดปกติ แต่ถ้าหาคนรู้จักไม่ได้ ก็คงต้องอาศัยผู้ขายที่มีมาตรฐานไว้ใจได้เท่านั้น 4. เปิดฝากระโปรงหน้า คราวนี้ดูจะยากขึ้นไปอีกขั้น แต่เบื้องต้นดูง่าย ๆ ว่ามีคราบน้ำมันรั่วซึมอยู่หรือไม่ ที่ชี้ให้คุณรู้ว่าคุณกำลังซื้อรถมาขับ หรือซื้อมาซ่อม ถ้าจะให้ดีหาคนที่มีความรู้ไปช่วยจะดีกว่ามาก 5. ยกรถขึ้น ขั้นตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือเข้าช่วย แต่ถึงอย่างไรก็สำคัญมากที่สุด ต้องตรวจดูทุกจุดที่อยู่ใต้ท้อง เพราะนั่นหมายถึงชีวิตและทรัพย์สินของคุณทีเดียว 6. เดินเครื่องยนต์ สำรวจฟังเสียงรบกวน ลองหมุนพวงมาลัยดูราบลื่นดีหรือไม่ ฟังเสียงที่เกิดขึ้น ช่วงนี้ตรวจสอบระบบเกียร์ดูว่าผิดปกติหรือไม่ เพราะเป็นระบบที่เสียค่าใช้จ่ายสูงมากหากเกิดเสียขึ้นมา 7. ประตูหลัง ท้ายรถ ตรวจการทำงาน ดูอุปกรณ์ประจำรถ จุดนี้สามารถดูได้ว่ารถเคยถูกชนหลังหรือไม่ และอุปกรณ์ทำงานได้อย่างดีหรือเปล่า 8. ขับทดสอบ คงเป็นไปได้ยากถ้าคุณจะต้องตัดสินใจซื้อรถโดยไม่ทำการทดสอบเสียก่อน การขับทดสอบก็เพื่อดูระบบเกียร์ ระดับเสียงรบกวน ระบบเบรก ล้อและช่วงล่าง รวมทั้งการทำงานของหน้าปัดบอกความเร็วและระยะทาง 9. หลังลองขับ แล้วกลับมาดูใต้ท้องใหม่อีกครั้ง ว่ามีรอยรั่วซึม หรือชำรุดที่ใต้ท้องหรือไม่ 10.ขาดไม่ได้เลย คือเอกสาร คู่มือผู้ใช้ สมุดทะเบียน การตรวจสอบประวัติบริการ กุญแจ รีโมท 10 วิธีที่ผมบอกไปนี้เป็นเพียงการตรวจเช็คง่ายและคร่าวๆ ในการตรวจสอบเท่านั้น แต่ถ้าผู้อ่านต้องการจะซื้อจริงๆ ผมแนะนำให้หาช่างใกล้ๆ บ้านไปด้วยแล้ว เอา 10 ขั้นตอนนี้ไปทำเป็น Checklist เพื่อกันลืมนะครับ เว็บเราเคยมีลงไว้แต่หายไปไหนแล้วไม่รู้เสียดาย หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 09:08:58 เจ้าของกระทู้เค้าหมายถึงวิธีการเลือกซื้อรถมือิ2 รึป่าว เค้าไม่ได้อยากรู้ว่ามีกี่รุ่น ::) ก็รู้แล้วจ้า แต่ข้างบนเค้าขอสังเกตุว่า ES น่ะ มันมีเยอะที่ย้อมมา เอาตัวธรรมดามาทำเป็น VTECเอาตัว 01-03 มาแปลง 04-05 แบบเนี้ย เยอะมาก เลยแยกแต่ละรุ่นให้ดู ;D ;D หัวข้อ: Re: แนะนำวิธีดูรถ Civic ES มือสองด้วยครับ เริ่มหัวข้อโดย: ccone ที่ 19 พฤษภาคม 2012, 11:12:20 ได้ความรุ้มาเยอะสำหรับทุก ๆ คำตอบ ขอบคุณมากครับ
|