:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Discuss => ห้องคนขับ => ข้อความที่เริ่มโดย: Fizz ที่ 12 เมษายน 2012, 22:55:36



หัวข้อ: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 12 เมษายน 2012, 22:55:36
อารการเป็นดังนี้ครับ ถ้าเปิดสวิทช์ค้างใว้แล้วไม่สตาร์ตสักพักมันก็จะโชว์ ถ้าชิงสตาร์ตให้เร็วมันก็จะไม่โชว์ แต่พอขับลากรอบขึ้น 4 พันรอบกว่าๆ มันก็จะโชว์อีก(ถ้าขับไม่ลากรอบมันก็ไม่โชว์ให้เห็น ขับไกลแค่ไหนก็ไม่โชว์) เคยไปให้ศูนย์เช็ค ช่างบอกว่าอ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์ตัวด้านล่าง(ผมก็ไม่ทราบว่าตัวไหน)มันเสีย  ราคาเบิกศูนย์ประมาณ 7 พันอ่ะครับ ผมเลยยังไม่เปลี่ยนก่อน    ที่เป็นแบบนี้เพราะมันเสียหรือว่ามันแค่ไม่แน่นอ่ะครับ แล้วจะเช็คเองได้อย่างไรบ้างครับ แต่ละตัวมันจะอยู่ส่วนไหนของเครื่องยนต์บ้างครับ แล้วอะหลั่ยนอกศูนย์ราคาประมาณเท่าไหร่บ้างครับ


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: hs2cbp ที่ 12 เมษายน 2012, 23:02:31
รถอะไรครับ รุ่นไหน ปีไหน  Check Code ดูครับ ว่าใช่ O2 Sensor หรือปล่าว ส่วนวิธีการ Check Code พี่ๆหลายท่านแนะนำไว้แล้ว ลองหาอ่านดูครับ
ถ้าcheck แล้วว่าใช่ ก็ไปห้องซื้อชายเลยครับ ที่กระทู้ปักหมุด เขามีขายอยู่ ราคาไม่แรง


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 12 เมษายน 2012, 23:06:46
รถอะไรครับ รุ่นไหน ปีไหน  Check Code ดูครับ ว่าใช่ O2 Sensor หรือปล่าว ส่วนวิธีการ Check Code พี่ๆหลายท่านแนะนำไว้แล้ว ลองหาอ่านดูครับ
ถ้าcheck แล้วว่าใช่ ก็ไปห้องซื้อชายเลยครับ ที่กระทู้ปักหมุด เขามีขายอยู่ ราคาไม่แรง
civic 99 LEV ครับ เช็ค code ไม่เป็นครับ แต่ช่างที่ศูนย์บอกมาว่าเป็น O2 sensor ตัวด้านล่างครับ(ผมเองก็ไม่รู้ว่าด้านล่างที่ว่ามันคือตรงไหน) ผมเคยอ่านเจอวิธีเช็คครับ พอจะเข้าใจวิธี แต่ปัญหาตอนนี้คือ ผมหามันไม่เจอ ไม่รู้อยู่ตรงไหน อยากจะขันออกมาเช็คครับ  :o
พี่คาวบอยสุดหล่อ พอจะมีรูปที่แสดงตำแหน่งของเจ้า O2 แต่ละตัวไหมครับ  :-*


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 12 เมษายน 2012, 23:13:10
civic 99 LEV ครับ เช็ค code ไม่เป็นครับ แต่ช่างที่ศูนย์บอกมาว่าเป็น O2 sensor ตัวด้านล่างครับ(ผมเองก็ไม่รู้ว่าด้านล่างที่ว่ามันคือตรงไหน) ผมเคยอ่านเจอวิธีเช็คครับ พอจะเข้าใจวิธี แต่ปัญหาตอนนี้คือ ผมหามันไม่เจอ ไม่รู้อยู่ตรงไหน อยากจะขันออกมาเช็คครับ  :o
พี่คาวบอยสุดหล่อ พอจะมีรูปที่แสดงตำแหน่งของเจ้า O2 แต่ละตัวไหมครับ  :-*
    ตัวล่าง ก็มุดลงไปตรงแคต รู้จักแคตใต้ท้องรถไหม มันเสียบอยู่ตรงนั้นแหละ
ลองเช็คดู อาจจะแค่หลวมหรือสายไฟขาด เคยมีเหมือนกัน เพราะมันอยู่ใต้ท้อง เราอาจจะไปเกี่ยวกับ
    สิ่งที่มองไม่เห็นเลยทำให้มันหลวม หรือสายไฟขาดได้ ลองขยับๆ ดูก่อน  :D :D


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: hs2cbp ที่ 12 เมษายน 2012, 23:28:16
เมื่อวานก็พาไปเปิดกระโปรงมาแหละ ;D
วันนี้จะพาไปมุดใต้รถอีก  :oอยู่ตรงที่วงแดงๆครับ O2 Sensor


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 13 เมษายน 2012, 00:48:32
เมื่อวานก็พาไปเปิดกระโปรงมาแหละ ;D
วันนี้จะพาไปมุดใต้รถอีก  :oอยู่ตรงที่วงแดงๆครับ O2 Sensor
อ่านแล้วรู้สึกแปลกนะครับ พาไปเปิดกระโปรง  ;)
ดูจากรูปแล้ว แสดงว่ามันอยู่ส่วนด้านบนของ catalytic (ต้องล้วงมือเข้าไปด้านบน cat) ใช่หรือเปล่าครับ พี่คาวบอยสุดหล่อ  :-*


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: hs2cbp ที่ 13 เมษายน 2012, 01:09:21
ต้องยกรถขึ้นถึงจะมองเห็น  ล้วงไม่ได้ มันลึก หรือจะเอาแม่แรงยกแล้วนอนหงายท้อง กระดึบๆ เข้าไปครับ ( เมื่อก่อนมุดได้ เดี๋ยวนี้ติดพุง เข้าไม่รอดแหร่ว ต้องขึ้น Hoist   :( )


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: itcentre ที่ 13 เมษายน 2012, 09:49:38
อาการดังกล่าว มาจาก O2 Sensor  จริงครับ
รายละเอียดด้านล่างเลยครับ

อะไรคือ O2 Sensor หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Lambda Sensor

O2 หรือ Oxygen (ออกซิเจน) เป็นธาตุเคมีในตารางธาตุที่มีสัญลักษณ์ O2 และมักเรียกว่า free oxygen
O2 Sensor คือตัววัดค่าของออกซิเจนในไอเสียที่ท่อไอเสีย เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าการเผาไหม้นั้นสมบูรณ์หรือไม่
และจะทำการ feed back ค่ากลับไปยัง ECU เพื่อเพิ่ม-ลงการจ่ายน้ำมัน

มาดูคำที่จะมาเกี่ยวข้องก่อนนะครับ จะได้เข้าใจความหมายแต่ละคำกันก่อน
- A/F หรือ AFR ก็มาจากคำว่า Air Fuel Ratio คืออัตราส่วนผสมระหว่างอากาศและเชื้อเพลิง
ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้การสันดาปหรือการระเบิดในกระบอกนั้น สมบูรณ์ที่สุดคือ
คือ 14.7: 1 นั่นคือมวลอากาศ 14.7 กรัม ต่อมวลน้ำมัน 1 กรัม
- Stoich คือคำที่ใช้เรียกค่า A/F ที่เท่ากับ 14.7 ซึ่งเป็นสันส่วนที่พอเหมาะ
- Lean ถ้าค่า A/F มากกว่า 14.7 มาก จะเรียกว่า Lean หรือน้ำมันน้อย(บาง)ไป
- Rich ถ้าค่า A/F น้อยกว่า 14.7 มาก จะเรียกว่า Rich หรือน้ำมันมาก(หนา)ไป
- Lambda ก็เป็นการแสดงค่า Air Fuel Ratio อีกรูปแบบหนึ่งครับ โดยค่า Lambda
จะหาได้จากสูตร Lambda = AFR / Stoich(14.7) ซึ่งถ้า ค่า AFR = 14.7 ก็จะได้ค่า Lambda =1
โดยที่ค่า Lambda นี้หมายถึงการสันดาปสมบูรณ์ที่สุด

แต่ถ้า Lambda น้อยกว่า 1 ก็จะเป็น Rich และถ้า Lambda มากกว่า 1 ก็จะเป็น Lean

โครงสร้างและการทำงาน ของ O2 Sensor
ส่วนโครงสร้างก็ดูตามรูปแล้วกันครับ เพราะเราคงไม่ต้องผลิตมาใช้เอง แค่รู้ไว้ก็คงพอ 555


ชนิด O2 Sensor
O2 sensor แบ่งเป็น 2 ชนิดครับ คือ
1. Narrow band O2 sensor
- เป็น O2 sensor ที่ราคาไม่แพง
- โดยส่วนใหญ่จะให้ Output 0-1 โวลล์ แต่ในช่วง A/F ที่น้อยกว่า14 และมากกว่า 15 มันแทบจะใช้งานไม่ได้เลย
- มีอายุการใช้งานนาน


2. Wide band O2 sensor
- ราคาแพงกว่าแบบแรก
- โดยส่วนใหญ่จะให้ Output 0-5 โวลล์
- มีความถูกต้องและละเอียดสูง
- อายุการใช้งานสั้นกว่า narrow band


ทั้ง narrow band และ wide band ก็ทำหน้าที่เหมือนกัน คือวัดปริมาณออกซิเจนที่เหลือจากการเผาไหม้ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เรื่องของความละเอียดในการวัด
ซึ่งแบบ narrow band จะเป็นแบบที่ติดมากันรถ จะให้ค่าของกราฟที่ไม่ละเอียดพอและไม่เป็นเชิงเส้น(linear) อาจจะวัดค่า A/F ได้แค่ช่วง 14.7 +- 1.5 เท่านั้น
ส่วนแบบ wide band จะให้กราฟออกมาเป็นเชิงเส้น สามารถที่จะคาดเดาค่าล่วงหน้าได้ในการเปลี่ยนแปลง A/F ทำให้นิยมใช้ O2 sensor ชนิดนี้เพื่อการ Tune รถได้ละเอียดขึ้นครับ

O2 Sensor มีทั้งแบบ 1, 2, 3, 4 และ 5 สาย(สายไฟ-สายปลั๊ก)ครับ โดยที่ขึ้นอยู่กับการออกแบบครับ อธิบายเอาง่ายๆ ตามนี้แล้วกันครับ ตามๆที่ผมค้นเจอนะถูกผิดก็ขออภัยด้วย
1-2 สาย ส่วนใหญ่จะเป็น O2 sensor แบบ narrow band ที่ไม่มี heater ในตัว จะอาศัยความร้อนภายในท่อไอเสียครับ ส่วนใหญ่จะติดตั้งอยู่บริเวณ header ครับ
3-4 สาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็น O2 sensor แบบ narrow band เช่นกัน แต่มี heater ในตัว ติดตั้งก็บริเวณแคตฯครับ
5 สาย ตัวนี้จะเป็น wide band แบบมี heater ในตัว

ปล.ในส่วนของ wide band มันก็ไม่ใช่ 5 เส้นเสมอไปนะครับ 4 เส้นบางคนว่ามี 6 เส้นบางคนบอกเคยเห็น ก็ไม่ต้องยึดจำตรงส่วนนี้ครับ


กระบวนการแห่ง..... (อะไรไม่รู้เรียกไม่ถูก )
O2 sensor จะเป็นตัวอุปกรณ์วัดตัวแรกเลยที่กล่อง ECU จะใช้ในการควบคุมการจ่ายน้ำมัน เพื่อไม่ให้น้ำมันหนาหรือบางเกินไป ตัวออกซิเจนเซนเซอร์นี้มันจะทำงานอยู่ตลอดเวลาในลักษณะ Closed loop โดยการประมวลผลที่ได้จะเป็นการเพิ่มหรือลด

ระยะเวลาการฉีดจ่ายน้ำมันในห้องเผาไหม้ (การควบคุมปริมาณน้ำมันจะเป็นการเพิ่มหรือลดระยะเวลาการฉีด เพราะค่าอัตราการไหลของน้ำมันมันจะคงที่มาจากปั๊มติ๊กและ regulator แล้ว) โดย ECU จะยึดหลักการคือให้ประหยัดและให้กำลังสูงสุด


ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานนั้น ตัวกล่อง ECU จะมีการรับสัญญาณมาจาก O2 sensor ด้วยว่าค่าของออกซิเจนที่เหลือจากการเผาไหม้ มีค่ามากหรือว่าน้อยเกินไปหรือไม่ คือ
- ออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้มากไป จะแสดงว่ามีการจ่ายน้ำมันที่น้อยไป (บาง) หรือ A/F มากกว่า 14.7
- ออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้น้อยไป จะแสดงว่ามีการจ่ายน้ำมันที่มากไป (หนา) หรือ A/F น้อยกว่า 14.7


การบำรุงรักษา O2 Sensor
ข้อมูลในส่วนตรงนี้มันค่อนข้างจะไม่แน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ, รุ่นของ sensor และตามการใช้งานครับ ผมขออ้างอิงตามของ Bosch แล้วกันครับ (ไม่รู้ว่าของ EK ใช้ของ Bosch มั้ยนะ) โดย O2 sensor ควรตรวจสอบทุกๆ 30,000 กม. และควร

เปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด
ระยะการใช้งานตามประเภทเซ็นเซอร์
- Unheated: ทุกๆ 50,000 กม. / ทุกๆ 80,000 กม.
- Heated 1st generation: ทุกๆ 100,000 กม.
- Heated 2nd generation: ทุกๆ 160,000 กม
- Planar sensors: ทุกๆ 160,000 กม.



การตรวจเช็ค ดี-เสีย ของ O2 Sensor
บางคน(รวมถึงผมด้วย) อาจจะสงสัยว่า O2 sensor ที่ใช้อยู่ตอนนี้ดีหรือเพี้ยนหรือว่าเสียไปเลย

O2 sensor ตัวนี้ที่หลายๆคน(ผมด้วยอีกแล้ว )มองข้างมันไปมันมีผลต่อเครื่องยนต์มากต่อการจ่ายน้ำมัน ถ้าเกิดว่าตัวนี้เกิดอาการเพี้ยนหรือเสียแล้วก็จะไม่สามารถเช็คได้ว่า A/F เหมาะสมหรือไม่
การเกิดการเสียหรือเพี้ยน อาการที่พบส่วนใหญ่ก็คือ"รถกินน้ำมันมากขึ้นและกำลังเครื่องตก" เนื่องจากสัญญาณที่ได้จาก O2 sensor จะบอกว่ามีออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้มาก ทำให้กล่องมีการสั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้นและมันจะค่อยๆมากขึ้น

เรื่อยๆ ก็จะทำให้การเผาไหม้น้ำมันไม่หมดออกที่ทางท่อไอเสีย ก็จะทำให้เราได้กลิ่นน้ำมันครับ (ตรงนี้ล่ะครับที่เป็นสิ่งที่บอกเราได้บ้างว่าการเผาไหม้ไม่หมดจด เนื่องจากน้ำมันหนามาก) อื้ม !! และทำให้แคตฯ อายุสั้นด้วยครับ

กลับเข้าเรื่องอีกทีครับ มาดูกันเลยกับ 3 อาการ
- ดี อันนี้ก็ไม่ต้องพูดมากครับ ถ้าเบิกมาใหม่ๆ ใส่แล้วไฟ engine ไม่โชว์, ไม่มีกลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย, เครื่องทำงานปกติ เป็นแบบนี้ก็ถือว่าดีไว้ก่อน
- เสีย อันนี้ก็แน่นอนครับ เพราะส่วนใหญ่ไฟ engine จะโชว์ โดยการตรวจสอบของกล่อง ECU จะมีการตรวจสอบแบบง่ายๆ คือ ขาด - ช็อต - หลุด range
หมายเหตุ : "หลุด range" เนื่องจาก O2 sensor ที่ใช้เป็นแบบ narrow band จะให้เส้นกราฟที่ชันในช่วง Stoich (A/F=14.7) หากวัด A/F ได้น้อยกว่า 14 มากๆ ก็จะถือว่าช็อต แต่ถ้าวัด A/F ได้มากกว่า 15 มากๆ ก็จะถือว่าขาดครับ (งงกันมั้ย)
- เพี้ยน นี่ล่ะครับตัวปัญหาเลย ถ้าไฟ engine ขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างก็แสดงว่ามันเริ่มจะหลุด range แล้ว สาเหตุก็อาจจะมาจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ที่หัว O2 sensor หรือ O2 sensor จะสิ้นอายุขัยแล้วครับ (ได้เวลาเสียเงินอีกแล้ว)

ที่นี้มาเริ่มการตรวจเช็คกันเลยครับ
มาดู Schematic (วงจรเสมือน) ของ O2 Sensor กันก่อนครับ ภายในจะมีฮีทเตอร์อยู่ด้วยโดย O2 Sensor จะทำงานอยู่ในช่วงอุณหภูมิ ประมาณ 230-320 องศาเซลเซียส และจะให้แรงดันออกมาทางขา sensor ซึ่งแรงดันที่ออกมาจะอยู่ในช่วง 0-1

โวลล์ แปรผันตามปริมาณออกซิเจน


จากนั้นก็ O2 sensor ในรถเรากันว่า


วัดกันจริงๆ แล้วล่ะ เอาแบบง่ายๆ บ้านๆ แล้วกันครับ
เครื่องมือและอุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ก็มี มัลติมิเตอร์ (วัดโอห์ม+วัดโวลล์), แหล่งจ่ายไฟ 12 โวลล์ (แบตฯก็ได้), ไฟแช็ค และก็ HO2 sensor ที่ต้องการวัด
1. วัด Heater ก่อนครับว่าขาดหรือไม่ โดยค่าความต้านทานจะอยู่ประมาณ 2-5 โอห์มครับ หากวัดแล้วค่าเป็น infinity หรือสูงมากๆ ก็แสดงว่า heater ขาดครับ แต่ถ้าน้อยเป็น 0 โอห์มก็ช๊อตล่ะครับ

2. วัดค่า output ของ sensor ครับ โดยการจ่ายไฟ 12 โวลล์เข้าขั้ว heater เพื่อให้ O2 sensor ทำงาน จากนั้นก็วัดแรงดันที่ออกมาจากขั้วเซนเซอร์ (+,-) แรงดันที่ออกมาจะอยูในช่วงประมาณ 0.2-0.8 โวลล์ ขึ้นอยู่กับปริมาณของออกซิเจนโดยรอบหัว

เซนเซอร์ครับ โดยถ้าหากออกซิเจนน้อยแรงดันที่ออกมาจะมาก แต่ถ้าหากออกซิเจนมากแรงดันที่ออกมาจะน้อยครับ (แปรผกผันกันครับ)

3. เผามันเลย !!+ ครับ เอาแบบนี้เลย ทำต่อจากข้อ 2. ครับ โดยจุดไฟแช็คให้เปลวไฟอยู่ที่หัวเซนเซอร์ แล้วลองเอาเข้า-ออก ค่าแรงดันก็จะสวิงตามครับ เมื่อเปลวไฟอยู่ที่หัวเซนเซอร์ค่าแรงดันที่ออกมาจะสูงกว่าเนื่องจากภายใน เปลวไฟจะไม่มีออกซิเจนอยู่ครับ

ข้อมูลจาก RacingWeb
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: itcentre ที่ 13 เมษายน 2012, 09:57:07
เพิ่มเติมครับ
  ไอ้เจ้า o2 เนี่ยะจะมีสองตัวนะครับ ตัวหนึ่งอยู่หน้าห้องเครื่องยนต์ อีกตัว อยู่ใต้ท้องรถ ถ้าเปลี่ยน ราคาประมาณนั้นเลยครับ 7พันกว่าบาท ถึง 8000 บาท
อาการดับๆ ติดๆ คือ เริ่มหลุด Range หรือเริ่มเสื่อมแล้วครับ หมดอายุการใช้งาน
  ถ้าเข้าศูนย์ ทางศูนย์จะใช้คอมพ์จับ code error จะรู้เลยครับ ว่ามาจากตัวไหน..เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนเถอะครับ ระวังมันจะกระทบไปถึง dtc งานเข้าเลยครับ ทีนี้..
  เอาใจช่วยครับ..


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 13 เมษายน 2012, 10:03:18
เช็คสายดูก่อน ตามข้างบนบอกแล้วถ้าสายมันปกติก็ ลองถอดออกมาดูแล้วเอาแปรงลวดปัดเบาๆ ลองเอาใส่ดูใหม่ว่าหายไม๊ ถ้าไม่หาย ซื้อของเทียบ ราคา สองถึงสามพัน ก็มีครับ ใช้ได้เหมือนกัน หรือไม่ก็ของเชียงกงก็ถูกมาหน่อย  :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 13 เมษายน 2012, 19:30:19
ขอบคุณมากครับ  :-*
ตอนนี้กำลังหาวิธียกรถให้สูงๆอยู่ครับ จะได้มุดเข้าไปดู
แต่สงสัย ต้องพึ่งอู่  :'(


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: lucifer_ek97 ที่ 13 เมษายน 2012, 19:40:23
เพิ่มเติมครับ
  ไอ้เจ้า o2 เนี่ยะจะมีสองตัวนะครับ ตัวหนึ่งอยู่หน้าห้องเครื่องยนต์ อีกตัว อยู่ใต้ท้องรถ ถ้าเปลี่ยน ราคาประมาณนั้นเลยครับ 7พันกว่าบาท ถึง 8000 บาท
อาการดับๆ ติดๆ คือ เริ่มหลุด Range หรือเริ่มเสื่อมแล้วครับ หมดอายุการใช้งาน
  ถ้าเข้าศูนย์ ทางศูนย์จะใช้คอมพ์จับ code error จะรู้เลยครับ ว่ามาจากตัวไหน..เปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนเถอะครับ ระวังมันจะกระทบไปถึง dtc งานเข้าเลยครับ ทีนี้..
  เอาใจช่วยครับ..

อ้าว....กำ  ทำไมรถผมมีตัวเดียวหว่า ตรงเฮดเดอร์  และที่สำคัญตอนที่ O2  เสีย ( สายไฟขาด )  ไฟเอนจิ้นไม่เห็นโชว์อ่ะ  แต่ผิดสังเกตุที่มันกินแก็สมาก จอดไฟแดงเหม็นออกท่อ  ก็เลยลองถอดดูเจอสายไฟขาดตรงรอยต่อ   ::) ::) ::)


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 13 เมษายน 2012, 19:44:07
อ้าว....กำ  ทำไมรถผมมีตัวเดียวหว่า ตรงเฮดเดอร์  และที่สำคัญตอนที่ O2  เสีย ( สายไฟขาด )  ไฟเอนจิ้นไม่เห็นโชว์อ่ะ  แต่ผิดสังเกตุที่มันกินแก็สมาก จอดไฟแดงเหม็นออกท่อ  ก็เลยลองถอดดูเจอสายไฟขาดตรงรอยต่อ   ::) ::) ::)
ปี 96-98 มีตัวเดียว   99-00มีสองตัวครับ  :-\ :-\ :-\


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 13 เมษายน 2012, 21:07:37
แสดงว่ารถผม(99-00)  มี O2 sensor สองตัว ก็คือวัดไอเสียก่อนเข้า catalytic (อยู่ตรง header )  และอีกตัววัดไอเสียหลังออกจาก catalytic (อยู่ตรงปลาย catalytic )   ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ผมจะได้เช็คทั้งสองตัว


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 13 เมษายน 2012, 21:31:08
แสดงว่ารถผม(99-00)  มี O2 sensor สองตัว ก็คือวัดไอเสียก่อนเข้า catalytic (อยู่ตรง header )  และอีกตัววัดไอเสียหลังออกจาก catalytic (อยู่ตรงปลาย catalytic )   ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ ผมจะได้เช็คทั้งสองตัว
ใช่ครับ ;) ;)


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 13 เมษายน 2012, 22:23:40
ขอถามนอกเรื่องนิดนึงนะครับ  แผงประตู(99-00) เบิกศูนย์ กับ มือสอง ราคาต่างกันเยอะไหมครับ


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: ham_ter ที่ 13 เมษายน 2012, 22:55:27
ขอถามนอกเรื่องนิดนึงนะครับ  แผงประตู(99-00) เบิกศูนย์ กับ มือสอง ราคาต่างกันเยอะไหมครับ
    แผงประตู เคยถามศูนย์มา แผงละ 8000 บาท
ของมือสองถ้าจำไม่ผิด อันละไม่เกิน พัน  :-[ :-[


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 14 เมษายน 2012, 00:30:37
แผงประตูของผมมันแตกไปแล้ว 2 บาน  :(
แล้วอีกสองบานมันก็คงกรอบหมดแล้ว อีกไม่นานก็คงแตกตาม :'(
ของมือสองสภาพมันยังดีหรือเปล่าครับ หรือว่ากรอบๆเหมือนกัน :o


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: BeeR_ZeeD_ZaaD ที่ 15 เมษายน 2012, 23:10:17
มือสองก้แล้วแต่พ่อค้าครับ
สองพัน-สี่พัน
แล้วแต่ด้วยว่าจะเอาตัวบ้านเราหรือตัวนอกญี่ปุ่น
ถ้าของญี่ปุ่นจะมาหลายลายหลายแบบคับ
ของผมก็ผ้าหลุดแระทั้งสี่บาน
แต่ไม่ซีเรียตคับ

 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 00:58:41
ผ้าหลุดก็โป๊สิครับ  :)

ของผมก็ผ้าหลุดครับแต่แปะกาวได้ ก็เนียนเหมือนเดิม
แต่ไฟเบอร์มันแตกแล้วนี่สิครับ เครียด  :(


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 00:59:31
ตัวบ้านเรา กับตัวนอกญี่ปุ่น อันไหนดีกว่าครับ


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: hs2cbp ที่ 16 เมษายน 2012, 08:47:02
ตัวบ้านเรา กับตัวนอกญี่ปุ่น อันไหนดีกว่าครับ

ตัวนอกดีกว่าครับ อายุใช้งานน้อยกว่า แต่ ต้องนอกจริงๆนะ ไม่ใช่ นอกแล้วมาอยู่กับที่ไทยซะหลายปี  ;Dอายุก็เยอะเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 18:03:48
น่าจะมีคนทำของก๊อปบ้างเนอะ ขนาดราคามือสองยังแพงใช่เล่นนะครับเนี่ย อิอิ  ???


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 16 เมษายน 2012, 20:19:30
น่าจะมีคนทำของก๊อปบ้างเนอะ ขนาดราคามือสองยังแพงใช่เล่นนะครับเนี่ย อิอิ  ???
หมายถึงแผงประตูหรอครับ  ถ้าใช่ มันไม่คุ้มทำ โมล (แม่พิมพ์)หรอกครับ  รุ่นมันเก่าแล้ว   โมล ถ้าทำ ก็น่าจะมี สิบล้าน  :-[ :-[   วัสดุ+ค่าฉีด ทำขายแพงล่ะ 2-3ร้อย  กว่าจะคืนทุน :o :o :o
ขายแพงก็ขายไม่ได้ ;) ;)


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 21:06:13
2-3 ร้อยมันก็โหดปายยย   ;D
สัก 2-3 พัน ถ้ามันใหม่ๆ ผมว่ามีคนซื้อนะ อิอิ  :D
แล้วมือสองไทย กับมือสองยุ่น ราคาต่างกันเยอะไหมครับ


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: p jung ที่ 16 เมษายน 2012, 21:08:56
2-3 ร้อยมันก็โหดปายยย   ;D
สัก 2-3 พัน ถ้ามันใหม่ๆ ผมว่ามีคนซื้อนะ อิอิ  :D
แล้วมือสองไทย กับมือสองยุ่น ราคาต่างกันเยอะไหมครับ
เข้าไปดูห้องซื้อขายเลยครับ แผงประตู มือสองยุ่น มีสปอนต์เซอร์หลายท่านขายอยู่

ของมือสองยุ่นดีกว่าครับ อายุพอกัน แต่การใช้งานเขาน้อยกว่า อากาศก็ไม่ร้อนเหมือนเมืองไทย

พลาสติกไม่แตกแน่นอน ราคาก็อยู่ที่ 2-3พันบาท แล้วแต่สภาพครับ


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 21:15:24
ขอบคุณครับพี่สุดหล่อ  :)


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Regis100 ที่ 16 เมษายน 2012, 21:21:29
ตามพีจังเลยครับ   :) :) ไปเลือกดูสภาพได้ยิ่งดี

คนซื้อนะมีครับ จะมันจะมากน้อยเท่านั้นเอง
ยกตัวอย่างให้ดูนะครับ   พลาสติกข้างเบาะ ตรงที่ติดกับมือปรับเอนเบาะ  รถวีโก้ ราคาหน้าโรงงาน ชิ้นล่ะ 60  (สั่งผลิตหลายๆหมื่นชิ้น)  โมลราคา สิบกว่าล้าน แล้วขายที่ร้านอะไหล่ไม่รู้ราคาเท่าไหร่ :o :o :o



หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 21:36:12
โอเคคร๊าบ พี่สุดหล่อ  :)
ได้เวลาช็อปปิ้งอีกแล้ว หลายรายการเลยนะเนี่ย แผงประตู o2sensor พวงมาลัย โอยย จะเป็นลม  :(
ขอถามอีกนิดนะครับ พวงมาลัยเดิม ไม่มี airbag ประมาณเท่าไหร่อ่ะครับ ไม่เคยเห็นมีขายในห้องขายของเลย มีแต่พวกพวงมาลัย type R
พวงมาลัยผมเนื้อพลาสติกกับแกนเหล็กมันไม่ติดกันแล้วอ่ะครับ มันบิดไปมาได้แล้ว ถ้าหุ้มหนังใหม่ เค้าแค่หุ้มทับไปเลย หรือว่าลอกเนื้อพลาสติกออกก่อนแล้วค่อยหุ้มอ่ะครับ สงสัยๆๆๆ  :o


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: p jung ที่ 16 เมษายน 2012, 21:37:40
โอเคคร๊าบ พี่สุดหล่อ  :)
ได้เวลาช็อปปิ้งอีกแล้ว หลายรายการเลยนะเนี่ย แผงประตู o2sensor พวงมาลัย โอยย จะเป็นลม  :(
ขอถามอีกนิดนะครับ พวงมาลัยเดิม ไม่มี airbag ประมาณเท่าไหร่อ่ะครับ ไม่เคยเห็นมีขายในห้องขายของเลย มีแต่พวกพวงมาลัย type R
พวงมาลัยผมเนื้อพลาสติกกับแกนเหล็กมันไม่ติดกันแล้วอ่ะครับ มันบิดไปมาได้แล้ว ถ้าหุ้มหนังใหม่ เค้าแค่หุ้มทับไปเลย หรือว่าลอกเนื้อพลาสติกออกก่อนแล้วค่อยหุ้มอ่ะครับ สงสัยๆๆๆ  :o
http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,123300.0.html

ตามลิ๊งค์เลยจ้า พวงมาลัยเดิม มีคนขายอยู่


หัวข้อ: Re: ไฟ Engine โชว์
เริ่มหัวข้อโดย: Fizz ที่ 16 เมษายน 2012, 22:00:47
ขอบคุณคร๊าบพี่สุดหล่อ  :)  (ทำไมผมหาไม่เจอหว่า  ;D )