:::CIVIC CLUB THAILAND:::

วันนี้ผมถูกจับที่แยกบนถนนที่จะเข้ารามอินทรา สน.มักกะสัน ข้อหาเข้าผิดเลน ผมผิดจริงครับ แต่คำพูดพี่แก ยังกะผมไปขอเค้ากิน
1เค้าเรียกใบขับขี่ผมดู ผมก็ให้ดูด้วยตาแต่ไม่ยื่นให้ เจอข้อหาไม่แสดงบัตร ผมไม่รุ้ว่าขอบเขตการแสดงบัตรมันแค่ไหน สุดท้ายถูกยึด
2เจอถ่ายคลิป ไม่รุ้จะถ่ายไปให้ปะป๋าดูหรือไง ใครรุ้บอกให้ผมฉลาดหน่อยครับ
3ผมบอกผมไม่มีเงินสองร้อย โชวให้เค้าดูมี60บาท ดันโดนยัดอีกกระทงติดสินบนด้วยเงิน60บาท
4ไปถึงสน.บอกขอลดราคาหน่อยไม่ค่อยมีเงิน พี่แกบอกนี่คือปัญหาของคุณ
แค่ระบายนะครับ อย่าคิดมาก ถ้าคำพุดดีกว่านี้จะไม่อะไรเลย
สรุปโดน400 สบายตัว

โชคดีที่ไม่โดนข้อหาหมั่นไส้อีกกระทง..........................
ทำไงได้เมืองไทยก็อย่างเนี๊ย..................

พูดดีกับพี่แกสักนิดอาจจะไม่โดนก็ได้คับ
เจอแบบนี้ผมเลี่ยงที่จะปะทะมากกว่าคับ มีแต่เสียกับเสีย

เมืองนอกหนักกว่านี้ก็มีครับ

ผมก็เคยเจอ..คุยกันดีๆ เจ้าพนักงานบางคนก็ไม่งี่เหง้า   แต่บางคนคุยดีแล้วก็ไม่ว่าดีก็งี่เหง้า ก็ไม่ต้องคุยดี กับมันหรอก ขอแค่เรามีครบ เอกสารครบ
วันก่อนบอกฝากระโปรงดำ ขอดุใบสีรถ บอกขี่มาทั่ว กทม แล้ว (แค่ติดสติ๊กเกอร์ แคบล่า)ไม่เห็นเป็นไร  ต.ร.อ .ตรวจไม่ผ่าน เขา ไม่ให้ต่อทะเบียนหรอก เพราะในใบตรวจ สภาพเขาจะมีให้เจ้าหน้าที่ติกว่า รถเรา ได้ทำการดัดแปลง เปลียนสีมามั้ย หน้าเอ๋อ ...หาเดินวนรอบรถ สุดท้าย เดินมาตะโกนบอก(กลัวเสียหน้า)  ไปแก้ไขด้วยนะ (ในใจนึก) แก้ไร? .รถก็ไม่ได้เป็นไร.....(นี่หรอ ตำรวจจราจรไทย

 เตรียมปืนไว้ เน็บข้างแผงประตู ตำรวจเรียก แล้ว ไม่ต้องเปิดกระจก  ยิงทะลุกระจก เข้ากลางแสกหน้า ตำรวจ จบ ไม่ จบ ไม่รู้ ... ล้อเล่นครับ
ตำรวจก็คน เรา ก็ คน ต่างคน เป็น คนไม่ เหมือนกัน ไม่เหมือนกันที่ อาชีพ ของแต่ละคน ถ้า คน เรา รู้ว่า ตน ทำ หน้าที่ อะไร ปฎิบัติ
ตามกรอบ ของหน้าที่ ไม่ใช่ ตามใจตัวเอง ปัญหาก็ จะไม่เกิด  :)

ถ้าถ่ายคลิปก็ดีครับ ถามหา ตร สัญญาบัตรเลยครับ ถ้ามันเป็นด่านเถื่อนมันจะใล่เราไปเลย   :-[ :-[ :-[

ถ้าเราผิดจริงก็ยอมๆไปเถอะครับ
ผมเคยโดนตรงด่านพระราม9ข้อหาดัดแปลงป้ายทะเบียน
เราก็ผิดจริงๆ ยกมือไหว้ขอเขาดีๆ
เขาก็ให้ครับ ตำรวจไทยใจดี

ก็ว่างั้นครับ ผิดคือผิด แต่คำพูดก็อีกประเด็น ผมไม่ได้ไปขอข้าวเค้าซักหน่อย ทำไมต้องตะคอก เรื่องของเรื่องคือผมไม่ชินทาง น้ำมันก็จะหมด เข้าเลนส์เลี้ยวขวาแต่ผมวิ่งตรงก็เลยโดน ช่างมัน ทีใครทีมัน

 :'(  ถ้าไม่มีใครให้โทรหาล่ะ....... ::)

ผิดจริงก็ต้องยอม วิธีไหนก็ได้... ถ้าไม่ผิดทุบก็จะต่อยให้ด้วย... ขึ้นอยู่กับวันนั้นจะมองว่าเป็นคนหรือหม..

ลืมไป มันมีช๊อตที่พี่แกจะมาบิดกุญแจรถผมด้วย จะขอยึดรถ555ขำหวะ พี่แก รตอ ถามนามสกุลพี่เค้าดันไม่บอก(ก้รุ้อยุ่แล้ว) คุยกันขำๆ อย่าซีเรียสนะคร้าบบบบบ ถ้าพุดกันดีก้คงไม่มีปรเด็นนี้หรอกครับ คุณตำรวจ

ผมว่าเป็นทุกคนคับ เข้ามาก็โหดใส่เลย ถ้าเรายอมเขาดีๆก็ดีคับ  ตร. มีหหลายคนที่มีเหตุผล และหลายคนที่เบ่งอย่างเดียว ลืมหน้าที่ว่าต้อง พิทักษืสันติราษฎ์
น่าจะเป็นที่การอบรมกันมามากกว่านะ เขาให้ดูโหดไว้ก่อน  ผู้ร้ายจะได้กลัว และยอมจำนนท์หน่ะคับ

ถ้ามาแบบ ใจดีๆ แล้วผู้ร้ายจะกลัวเหรอ   :o :o :o

 8) 8) 8) 8) 8)

นังดีนะคับพี่ที่ขับรถยนต์ลดการโดนใบสั่งไปเยอะแล้ว ถ้าขับมอเตอร์ไซค์โดนกระจายผมแซงรถเมล์ที่จอดป้ายแม่งหาว่าวิ่งเลนขาว สัด
แต่ตำรวจบางคนก็ดีผมก็เคยเข้าผิดเลนเหมือนกันแถวราชเทวีก็บอกพี่เค้าดีๆว่าไม่ชินทางแล้วก็มาเอาของให้มหาลัยก็เลยรอดไป ตอนแรกพี่แกจะเอา100แต่ตอนนั้นผมเปิดกระเป๋าให้ดูมี20พี่แกก็ทำหน้าเซงๆแล้วปล่อยไป
อย่างนี้แหละครับสังคมไทยมีดีมีเลวปะปนกันไป  ขนาดตำรวจจับยาบ้ายังขายเองเลย ;D ;D ;D ;D

ในแง่ของตำรวจ การทำงานบนถนนไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากทำ ร้อนก็ร้อน เสี่ยงก็เสี่ยง ยังต้องรับคำสั่งคนที่นั่งสบายๆ อีก บางทีเจอรถกวนโอ๊ยมากมาย

อารมณ์มันพร้อมจะเสียทุกเวลา

ผมไม่ค่อยชอบตำรวจเพราะบางคนเข้ามายึดอาชีพนี้เพราะเงิน มันก็เลยมีภาพเสียๆ เกิดขึ้นบ่อย

แต่สิ่งที่ผมทำคือ เป็นคนขับรถที่ดี ปฏิบัติตามกฎเช่นเดียวกับขณะสอบใบขับขี่ อันไหนที่พลาดก็ว่ากันไป

ที่สำคัญเวลาผมทำผิด เขียนใบสั่งมา เอาข้อหาที่คุณบอกด้วยนะ


80% ไม่กล้าเขียนข้อหาที่บอกเราตอนแรก

ผิดก้ว่ากันไป คุยกับเค้าดีๆเสียมากเปนเสียน้อย  คุยดีๆอาจไม่เสีย

ผมโดนขอใบขับขี่ไปคุยดีๆเดี๋ยวก้ได้คืน.  ตอนหนุ่มๆห้าวใส่สรุปสุดท้ายจบที่ไปรับที่สน.

เคยเจอครั้งนึง  ด่านครวจใหญ่เลยครับ ในรถผมมีกัน 4 คน เมากันถ้วนหน้า ถ้าโดนเป่าคงไม่รอด ประโยคแรกโดนถามก่อนเลยว่าไปไหนมาครับ  เราทั้ง 4 คนตอบโดยพร้อมเพรียงกันว่า   " ลงอ่างมาครับ "แล้วแกก้อแซวว่า สบายตัวแล้วละซีจากนั้นก็ปล่อยไป เฮ้อ !!! สบายตัวไป

ถูกต้องนะครับชอบจังบทความนี้ :-*

เคยโดนเหมือนกันครับ แต่ต่างจังหวัด ถนน สาย เอเชีย ผมขับขวาสุดเข้าโค้ง พอพ้นโค้งเจอพี่แก่ยืนอยู่ โบกรถผมให้จอดเล็นซ้าย ถัดจากแก่ไปมีเพื่อนแก่ยืนรออยู่ ผมก็ตีไฟเลี้ยวซ้ายจะจอด พี่แก่กมเปิดใบสั่ง ผมขับผ่านแมร่งเลย มองกระจกหลังแมร่งยืนชี้หน้าอยู่ 55555 จอดก็เสียตังดิ ตำรวจทางหลวง ผมรู้เลยว่าจะโดนข้อหาอะไร คงโดนขับชิดขวามั้ง เพราะเคยโดนมาแล้ว ผมก็ยังงง ๆ ไม่ให้ขับชิดขวาแล้วจะทำมาสองเล็นทามไม มีคนเค้าบอกว่าเล็นขวาเอาไว้แซง แต่เล็นซ้ายสิบล้อแมร่งเยียบซะเละเลย ใครจะไปขับว่ะ เหนื่อยใจกะกฎหมายไทย เฮ้ออออ

ส่วนใหญ่นะครับ(ไม่ใช่ทุกคน) ตำรวจไทยแมร่งเก่งแต่จับใบขับขี่ บางทียกมาทั้ง สน เพื่อมาจับมอไซ แต่พอเจอโจรจริง พี่แกจะจะกล้าหรือปล่าว

8) 8) 8)

การขับรถชิดขวาไม่ผิดกฏหมายนะคับ ถ้าไม่เร็วหรือกีดขวาง แต่ต้องเป็นรถส่วนบุคคล รถรับจ้างหรือรถสาธารณะขับขวาผิดนะคับ ผมจำไม่ได้แล้วว่ามาตราไหน ผม save file ไว้ แต่จำไม่ได้แล้วว่าไว้ตรงไหน ถ้าหาเจอจะเอามาลงให้ดูนะคับ จะได้ไม่ต้องเป็นเหยื่อจราจรข้อหาขับชิดขวาอีก  :)

ผมจำได้ว่า ผิดนะ  แช่ขวาแล้ว ขับช้าอีกอ่ะ  เลนขวาคือเลนแซง แซงแล้วต้องกลับเลนซ้าย

ใช่ ๆ ผมก็ได้ยินมาแบบนี้เหมือนกันอ่ะ แล้วสรุปคือยังไงหว่า งง

ดูว่าจะเกิดคำถามและความสับสนมาช้านาน เรื่องของวิ่งขวาอย่างถูกต้องและสมควร

โดยเฉพาะการวิ่งทางไกลในต่างจังหวัด มักจะถูกเรียกกันอยู่บ่อยๆ จากเจ้าหน้าที่

ถึงการสัญจรในช่องทางขวาบนถนนอย่างไม่ถูกต้องหรือบ่อยครั้งที่เราเข้าใจว่า

เราวิ่งถูกต้องแล้ว ก็โดนเรียกเหมือนกัน ทำไมถึงถูกเรียกจับ ทั้งที่วิ่งใช้ความเร็ว

ไม่เกินตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทำให้ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงเนื่องจากความที่

ไม่เข้าใจของผู้ใช้รถใช้ถนนมาตลอด วันนี้เลยขออนุญาตนำข้อมูลเรื่องดังกล่าว

มาเล่าสู่กันฟัง อย่างน้อยก็เพื่อคลายความข้องใจของใครหลายๆคนได้อยู่บ้าง

ไม่มาก และก็ไม่น้อยแน่ๆ จะพูดกันเรื่องนี้ ต้องตีหน้าเศร้าเล่าความหลังกัน

สักเล็กน้อยครับ

ในอดีต พระราชบัญญัติจราจรทางบกฉบับเก่าก่อนการปรับปรุงใหม่ในฉบับปี 2522

ที่แก้ไขเพิ่มเติมใจความสำคัญในปี 2535 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109

ตอนที่ 39 หน้า 44 วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2535 และเล่มที่ 103 ตอนที่ 180

ลงวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2529

ซึ่งใจความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก ก่อนได้รับการแก้ใขได้มีข้อกำหนดว่า

"เส้นทางเดินรถใดที่มี 2 ช่องทางไปในทางเดียวกัน (ถนน 2 เลนคู่ขนาน)

ต้องเดินรถในช่องซ้ายเสมอ ถ้าพบรถที่วิ่งช้ากว่าอยู่ในช่องด้านซ้ายด้านหน้า

จึงจะสามารถเปลี่ยนเลนมาแซงในช่องทางเดินรถด้านขวา และต้องกลับไป

อยู่ในช่องทางเดิมเสมอ สำหรับรถบรรทุก และ มอเตอร์ไซค์ ไม่อนุญาตให้

แซงในเลนที่สอง"

ถ้าจะให้มองกันตามจริง กฎหมายดังกล่าวเป็นฉบับที่เก่า และได้รับการ

เปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมาในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พุทธศักราช 2522

 ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติมแต่ยังมีการเรียกจับในรูปแบบนี้อีก ที่จริงต้องยึด

กฎหมายใหม่เป็นหลัก ทั้งเจ้าหน้าที่พนักงานและผู้ใช้รถบนถ้องถนน

ซึ่งผู้ใช้รถบนท้องถนนส่วนใหญ่ยังตกเป็นเหยื่อในการเรียกจับในรูปแบบนี้

ซึ้งเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก ที่ใช้อยู่ทุกวันในมาตรา 34

และ 35 ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้ มาตรา 34 ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่ง

ช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดิน

รถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้

กับช่องเดินรถประจำทาง

เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาของทางเดินรถได้

(1) ในช่องเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร

(2) ทางเดินรถนั้น เจ้าพนักงานจราจรกำหนดเป็นทางเดินรถทางเดียว

(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้อง เมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยก

(4) เมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น

(5) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย

โดยมาตรานี้ได้มีการเพิ่มเติมเข้าไปโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมข้อความใหม่

เข้าไป โดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4 )

พ.ศ. 2535 ในมาตรา 6 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109

ตอนที่ 39 หน้า 44 วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2535

มาตรา 35 รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของ

รถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดิน

รถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้ ผู้ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร

รถจักรยานยนต์ในทางเดินรถ ซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกัน

ไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือได้จัดช่องทางเดินรถประจำทางด้านซ้าย

ไว้โดยเฉพาะ ต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับ

ช่องเดินรถประจำทางแล้วแต่กรณี ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับ

แก่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม

และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

ซึ่งมาตรานี้ ความเดิมได้ถูกยกเลิกไปครับ และได้มีการเพิ่มเติม

ข้อความใหม่เข้าไปโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. จราจรทางบก

(ฉบับที่ 3 ) พ.ศ. 2535 ในมาตรา 3 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

เล่มที่ 103 ตอนที่ 180 ลงวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2529 โดยมีเนื้อหาสาระ

ที่พอจะเข้าใจได้ว่า ถ้ามีช่องเดินรถไปในทิศทางเดียวกัน ตั้งแต่ 2 ช่อง

ขึ้นไป รถที่วิ่งขวาได้ตลอดคือ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกิน

1600 กิโลกรัม (รถปิกอัพ) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน

(รถเก๋งและรถ suv ) ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ แต่ต้องวิ่งให้เร็วกว่า

รถคันอื่นที่วิ่งอยู่ในช่องด้านซ้าย กฎหมายกำหนดความเร็วไว้ไม่เกิน

90 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง แต่อนุโลมได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ต่อชั่วโมง

ส่วนรถที่วิ่งแซงในช่องทางขวาและต้องเข้าช่องซ้ายในทันที คือ

รถบรรทุก รถบรรทุกโดยสาร รถจักรยานยนต์ หรือรถที่วิ่งช้ากว่าคันอื่น

ห้ามวิ่งขวาตลอด เพราะจะก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนนได้

ซึ่งในตามพระราชบัญญัติรถยนต์ได้กำหนดความหมายของ "รถยนต์ส่วนบุคคล" ว่า

(1) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน

(2) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคนแต่ไม่เกินสิบสองคนและ

รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม

ซึ่งมิได้ใช้ประกอบการขนส่งเพื่อสินจ้างตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก 

ฉะนั้น เท่ากับว่าเราได้มีการยกเลิกกฎหมายเดิมไปแล้ว ใช้กฎหมายใหม่

มานานแล้วครับ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด เรายังคงจดจำและยึด

กฎหมายฉบับเดิมกันมาช้านาน ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่อาจจะบังเอิญเผลอลืมใช้กฎเกณฑ์แบบเดิมๆ อยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้

เราซึ่งเป็นคนใช้รถใช้ถนน ก็ควรศึกษาเรื่องของกฎหมายจราจรไว้บ้าง

เผื่อถูกเรียกก็พอจะใช้พูดคุยกับคุณตำรวจเค้าได้บ้างว่าเราผิดหรือไม่ผิด

ยังไง  แต่ที่สำคัญจริงๆ ก็คือ เพื่อให้เราปฎิบัติตามกฎจราจรให้ถูกต้อง

และเคร่งครัดแทนที่จะขับรถเพื่อกลัวตำรวจจับ เปลี่ยนมาเป็นขับรถ

เพื่อไม่ให้จบด้วยอุบัติเหตุจะดีกว่าครับ

 ที่มา หนังสือยวดยาน

พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง และโฆษกกองบังคับการตำรวจทางหลวง ชี้แจงว่า ตามกฎหมาย รถที่แซงในช่องขวาสุดแล้วต้องกลับเข้าช่องซ้ายตลอด หากขับรถในช่องทางขวาสุดก็ต้องใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และต้องขับรถในลักษณะไม่กีดขวางหรือก่อความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้ร่วมใช้ทาง ซึ่งหากพบผู้กระทำผิดขับรถในช่องขวาสุดลักษณะกีดขวางผู้ร่วมใช้เส้นทาง ประมาณว่าถ้าคุณขับรถช้าในช่องทางขวาสุด จนเป็นเหตุให้รถที่ตามหลังมาไม่สามารถขับแซงขึ้นไปได้ ตำรวจก็อาจเรียกเพื่อว่ากล่าวตักเตือนได้

 การเรียกจับของตำรวจทางหลวง จะเน้นจับเฉพาะข้อหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น ขับรถย้อนศร ฝ่าไฟแดง ดื่มสุราขณะขับรถ แซงในทางร่วมทางแยก และทางโค้ง เมื่อมีการแจ้งข้อหา จะออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่เหมือนกับตำรวจจราจรท้องที่ โดยมีวิธีการชำระค่าปรับ 2 วิธี คือ ชำระที่สถานีบริการตำรวจทางหลวง ซึ่งจะระบุไว้ในใบสั่ง หรือชำระได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง

 กรณีที่มีการเรียกจับแล้วจ่ายค่าปรับกันข้างถนน ต้องระบุให้ชัดเจนว่าถูกเรียกที่ไหน เมื่อไหร่ รหัสรถตำรวจทางหลวงหมายเลขอะไร จะได้ทำการสอบสวนและลงโทษตำรวจที่กระทำผิดให้ถูกตัว

 โฆษกตำรวจทางหลวงบอกว่า ขณะนี้กองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้เปิดจุดบริการ REST AREA 215 แห่ง กระจายอยู่ตามสถานีบริการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ใช้ทางได้แวะพักรถขณะเดินทางระยะทางไกลๆ มีเครื่องดื่ม เต็นท์สำหรับนอนพัก และห้องน้ำบริการฟรี ซึ่งหากผู้ใช้ทางสงสัยในพฤติกรรมของตำรวจทางหลวงที่ตั้งด่านตรวจข้างถนน สามารถหยุดพักตามจุดต่างๆ เพื่อสอบถามและให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้

http://www.oknation.net/blog/loongjame/2009/09/17/entry-4

อ่างไหนอ่ะ เด็กสวยป่ะ 555

ตำรวจกลัวนักกฎหมาย กลัวทนาย ครับ เค้าไม่แม่น และรู้ว่า ทุกการกระทำ ทนายสามารถชักจูง ให้ตำรวจหลงแล้วใช้มาแก้ต่างภายหลังได้เลี่ยงได้เลี่ยงอย่าไปปะทะ

ถ้าไม่จำเป็นผมไม่เคยโทรหาผู้ใหญ่เลย บางคนโดนค่าปรับ100-200 โทรไปรบกวน ผมขำมากเรื่องแค่นี้เอง ไว้ไปเจอจั๋งๆเก็บไว้ขอความช่วยเหลือเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน

ดีกว่าครับ สมัยเด็กๆ ผมเคยสบถ คำว่า พ่อกูใหญ่ ใส่ตำรวจมาแล้ว ตอนนี้โตมา ยังนึกว่ารอดมาได้ก็ดีตายชักแล้วเนี่ย สมัยเด็กผมนี่กับตำรวจนี่จะหักกันให้ได้

เมิง กู กันลั่นถนน จะท้าตีท้าต่อยเลย เดี๋ยวมือยกขึ้นมาไหว้อย่างเดียว

ใช่แล้วครับใจเย็นๆกันดีกว่า
ผมว่าถ้าเราเปิดใจคุยกับแกดีๆ แกก็ใจดีนะครับ
อย่างผมเมื่อสัปดาห์ก่อนเจอล๊อคล้อ
พอไป สน. แกบอก 400 ยกมือไหว้ขอแก
แกบอกเดี๋ยวเปลี่ยนข้อหาให้โดนไป 200 ครับ

จริงๆถ้าเราผิดเราก็ยอมรับ พูดขอ ต.ร.ดีๆ เขาให้นะ แต่ถ้าเจอพวกงี่เง่าจะจับอย่างเดียวก็วากันไปผิดไปตามผิด แต่ส่วนมากมันจะหาข้อหาใหเราอยู่เสมอนี่แหละต้องขอกัน ยาวๆ  จนต้องควักบัตร พิเศษ :( :( :( :-[ :-[ ;)มาโชว์

ผมว่าค่อยๆคุยใจเย็น เรื่องไม่ยากหรอกครับ ผมขี่มอไซมาตั้งแต่ 15 ตอนนี้จะ 30 ละ ยังไม่เคยเจอปรับเกิน 300 เลย เวลาโดนเรียกลองคุยดีๆดูก่อนครับ ถ้าไม่ได้จริงก็ขอลดข้อหาลงครับ แต่ถ้าตัดปัญหาเลยนะ ถ้าผิดจริง เวลาโดนเรียกแบงค์ยี่สิบ 2 ใบพับใส่ใต้ใบขับขี่ให้ไปเลย ไม่ต้องคุยแกปล่อยผ่านเลยแน่นอนครับ

ตจว.ยังพอได้อยู่ครับ ในเมืองกรุงใบเขียวๆใช้ไม่ได้ผล ต้องใบสีแดงครับ
แถมเดี๋ยวนี้ตั้งด่านทำยอด แจกใบสั่งอย่างเดียว เอาคอมมิชชั่นจากค่าปรับ
เดี๋ยวนี้ตำรวจได้ค่าคอมมิชชั่นสูงด้วยนะครับ แต่จำไม่ได้ว่ากี่เปอร์เซนต์

เห็นด้วย  ท่ารู้ว่าผิดแล้วโดนแน่ๆ  พูดดีกับแกดีๆ เต็มที่ก็อร้อยเดียว !

1.โอกาสที่จะรอดจากข้อหาขับรถผิดกฏ มีอย่างเดียว ที่จะช่วยคุณรอดได้ 1. ถ้าในรถมีเด็ก น้อย ....ขอเค้าแล้วเค้าจะบ่นๆ  แล้วปล่อยไป


2.โอกาสที่จะทำให้กระเป๋า ไม่ฉีกมาก ถ้าในรถ มีแฟน สาว หรือ ญาติ พี่น้อง ที่เป็นผู้หญิง....ให้เค้า ไปต่อราคา ที่ห้องเปรียบเทียบปรับ จาก 400 อาจเหลือ แค่ 200 ครับ

3.ไม่ต้องไปขอโทษ อะไร ทั้งสิ้นครับ พูดดี ไปก็เท่านั้นครับ.......ถ้าเราผิด โอกาส หย๋วน ๆ มีไม่ถึง สิบเปอร์เซนต์ ที่จะไม่เสียตังค์ครับ

4.ต้องเห็นใจ พี่ ๆ  ตำรวจเค้าด้วยครับ.....ที่เค้ามีเวลามาใส่ใจ กฏจราจร ให้เรา ดีกว่า เสียเวลา ไปกับการ จับ เด็กแว้น แกงค์ ขโมยรถ...ตามที่เราไปแจ้งไว้ตาม สน.

  งานพวกนี้ พี่ๆ  เค้าไม่มีเวลา ตามให้หรอกครับ...

5. เงินที่คุณ เสียไป  ถือว่าคืน กำไร ให้สังคม ครับ...เพราะคุณ คือส่วนหนึ่งของสังคม  ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย  เร็ว กว่าคน อื่น หน่อยเดียว....

 :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\ :-\...........เวรย่อมระงับ ด้วย การไม่จอง เวร กับคนมีสี ครับ  อิอิ

ผมก็เคยโดนคับตรงที่กลับรถ เลียบทางด่วนรามอินทรา แค่ผมเบียดก่อนยูเทรินนิดเดียวเอง มันบอกว่าผมกีดขวางทางจราจร ทั้งที่ผมก็ไม่ได้ทำให้รถมันติด  :-[

พี่รวจครับ เปลี่ยนจากเงิน ผมขอวิดพื้นแทนได้ไหมครับ :-[

เเยกนี้มันจับทุกวันครับ  มันจะเลือกจับรถที่อยู่เลนซ์ขวาที่จะเลี้ยวขวาเข้า เลียบ ด่วน-รามอินทรา
ถ้าอยู่ขวาเเล้วขับตรงไปพระรามเก้าโดนทุกคันครับ  วันๆ จับได้เป็นร้อยคันเลยครับ ??? ??? ???

ค่าคอมได้ 40% จากค่าปรับครับแต่นานหน่อยกว่าจะได้ละแบ่งเยอะครับ ส่วนใบเขียวมอไซยังพอได้ครับแต่รถยนต์คงไม่ได้แน่ครับ ถ้าไม่ชำนาญเส้นทางขับขี่ก็ระมัดระวัง(เจ้าหน้าที่)หน่อยจะได้ไม่เสียตังฟรีครับ

 :) :) :)

โดนมาสดๆครับ วันที่ 30 ที่ผ่านมา พาปแฟนไปพบหมอเพื่อรอคลอด ที่สงขลา เจอด่านที่สมุทรสาคร นี่แหล่ะครับ เช้ามือเลย โดนข้อหาวิ่งขวา ผมบอกว่าจะให้วิ่งซ้ายแล้วลงหลุม อย่างนั้นเหรอ แล้วผมก็วิ่งอยู่ที่ 120 ตลอด    สุดท้าย จ่าย 100  บาท เพราะผมไม่มีเวลาคุย แฟนก็เริ่มปวดท้องอีก